วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 00:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
wink
คิกๆเพราะไม่รู้ ใช่ไหม

ถ้ารู้ลองบอกมาสิว่ากรัชกายจะแก้อย่างไร
ผู้คนทั้งหลายจะได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของกรัชกายเสียทีว่ามีแต่ราคาคุยหรือเก่งจริงๆ แสดงออกมาหน่อยสิ




บอกจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้วไม่จำ หรือไม่เข้าใจนะ :b1:

เอานะย้ำอีกที ขณะนั้นๆเป็นยังไง รู้สึกยังไง ว่าในใจ,กำหนดจิต..ว่ายังงั้น ตามที่สภาวะมันเป็น ตามที่รู้สึก ไม่เลี่ยงหนีความจริง เช่น เห็นปุ๊บ กำหนดปั้บ "เห็นๆๆ..." ได้ยินปุ๊บ กำหนดปั้บ "ได้ยินๆๆ..." รู้สึกปวด ก็ "ปวดๆๆ...." รู้สึกเจ็บ ก็ "เจ็บๆๆ..." รู้สึกรำคาญ ก็ "รำคาญๆๆ...." รู้สึกฟุ้งซ่าน ก็ "ฟุ้งซ่านๆๆ..." รู้สึกง่วง ก็ "ง่วงๆๆๆ...." ฯลฯ

เข้าใจไหม หือ :b1:

:b12:
ก็คือ
"กำหนดถี่ๆ กำหนดให้ทันปัจจุบันอารมณ์นั่นเอง"

ทำเท่ห์!....ชิๆ.....แค่เอาหลักการที่อโศกะให้มาขยายเป็น
คำพูดเท่านั้น


คิกๆๆ คนละเรื่องเลย ดูตัวอย่าง



อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วมีภาพเจ้ากรรมนายเวรลอยมาให้เห็นครับ

เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย


ที่ว่าขณะนั้นๆรู้สึกยังไง เช่น รู้สึกขนลุกปุ๊บ "ขนลุกหนอๆๆๆ" อิอิ รู้สึกตัวเย็นปุ๊บ "ตัวเย็นหนอๆๆๆ" เป็นต้น ขณะนั้นๆ เห็นปุ๊บ "เห็นหนอๆๆๆ" ชัดไหม



กรัชกายพูดมีตัวอย่างนะ เอาอีก

อ้างคำพูด:
ไม่ได้ตั้งใจจะลบลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่จิตมันแว๊บขึ้นมา จะทำอย่างไร จะให้คำหยาบคำด่า หรืออะไรที่คิดอกุศลหายไปค่ะ

พยายามนึกคิดในสิ่งที่ดี..สวดมนต์ก็แล้วยังไม่หลุดไปรบกวน แนะนำด้วยค่ะ


ขณะนั้น คิดยังไง เป็นยังไง รู้สึกยังไง กำหนดคือว่าในใจยังงั้นทุกๆครั้ง เช่น จิตแว๊บคำด่า (อะไรแล้วแต่) ด่าหนอๆๆๆ คิดในสิ่งที่ดี คิดหนอๆๆๆ นี่ๆชัดไหม อิอิ



บอกเลยไปอีกว่า ถ้าใครก็ตาม ไม่กล้าสู้สภาวธรรมตามเป็นจริง คอยแต่จะเลี่ยงหลบความจริงในใจ บอกดังๆว่า อย่าได้ริทำกรรมฐาน,ปฏิบัติธรรม (แบบเข้มข้น) นี้เป็นอันขาด จะว่าไม่เตือน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 19:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


Onion_L
คุณกรัชกายพลาดแล้วที่จมลงในปัญหาของคนฟุ้งซ่านแล้วไปแก้ปัญหา
มันทำให้วิเคราะห์หาเหตุที่แท้จริงได้ยาก บอกแล้วว่าต้องลอยอยู่เหนือปัญหาให้ได้ก่อนแล้วดูให้ดีสังเกตให้รอบปัญหาที่ยกมาถามแทบทั้งหมดเป็นเรื่องปีตินิมิต ฟุ้งซ่านซึ่งเป็นผลเ[size=150]เหตุคือสติไม่ทันปัจจุบันสัมปชัญญะขาดต้องแก้ตรงนี้จึงจะสำเร็จ[/size][color=#FF00BF][/color]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2017, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
Onion_L
คุณกรัชกายพลาดแล้วที่จมลงในปัญหาของคนฟุ้งซ่านแล้วไปแก้ปัญหา
มันทำให้วิเคราะห์หาเหตุที่แท้จริงได้ยาก บอกแล้วว่าต้องลอยอยู่เหนือปัญหาให้ได้ก่อนแล้วดูให้ดีสังเกตให้รอบปัญหาที่ยกมาถามแทบทั้งหมดเป็นเรื่องปีตินิมิต ฟุ้งซ่านซึ่งเป็นผลเ[size=150]เหตุคือสติไม่ทันปัจจุบันสัมปชัญญะขาดต้องแก้ตรงนี้จึงจะสำเร็จ[/size][color=#FF00BF][/color]


พูดเอาแต่ดีแต่ได้ ก็ในเมื่อตกเป็นทาสของความคิดแล้วมันจะลอยอยุู่เหนือปัญหาได้ยังไง

เอ้าเนี่ย

อ้างคำพูด:
เวลาผมนั่งสมาธิ พอภาวนาไปซักพัก เริ่มตัดภาวนาไปแล้วทีนี้ก็จะเกิดอาการขนลุกเย็นทั้งตัว แล้วหลังจากนั้นก็จะมีภาพ คน สัตว์ แมลง ที่เราเคยทำร้ายเคยทำให้เค้าตาย หรือเจ็บลอยมาให้เห็น คือ แปลกใจว่า บางเรื่องเป็นเรื่องที่นานมากบางเรื่องเป็นเรื่องสมัยเด็กๆอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งบางทีนึกถึงยังนึกไม่ออกเลย เพราะนานมาก แต่พอมานั่งสมาธิ ก็ลอยมาให้เห็นเฉยเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 11:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


wink
สติสัมปชัญญะไงสมบูรณ์พร้อมเมื่อไหร่ก็หลุดและลอยอยู่เหนือปัญหาทันที
เพราะถ้าสติทันปัจจุบัน ปัญยาหรือสัมปชัญญะสมบูรณ์ ความนึกคิดความปรุงแต่ง(สังขาร)จะหยุดไปทันที เหลือแต่แรมัตถสภาวะล้วนๆไม่มีโมหะแทรก

เรียนธรรมมาตั้งนานไม่รู้บ้างหรือเรื่องนี้ กรัชกาย

cool


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2017, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

สติสัมปชัญญะไงสมบูรณ์พร้อมเมื่อไหร่ก็หลุดและลอยอยู่เหนือปัญหาทันที
เพราะถ้าสติทันปัจจุบัน ปัญยาหรือสัมปชัญญะสมบูรณ์ ความนึกคิดความปรุงแต่ง(สังขาร)จะหยุดไปทันที เหลือแต่แรมัตถสภาวะล้วนๆไม่มีโมหะแทรก

เรียนธรรมมาตั้งนานไม่รู้บ้างหรือเรื่องนี้ กรัชกาย


ปฏิบัติไปๆๆๆ แล้วง่วง สติสัมปชัญญะ (อะไร) หลุดลอยเหนือปัญหายัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องสติปัฏฐาน อีกมุมมองหนึ่ง


อ้างคำพูด:
โลกสวย

การปฎิบัติ วิปัสสนา ตามหลักพื้นฐาน ของมหาสติปัฎฐานสูตร

กายานุปัสสนา 14
เวทนานุปัสสนา 9
จิตตานุปัสสนา 16
ธัมมานุปัสสนา 5
รวมทั้งสิ้น เป็นสติปัฎฐาน 44 บรรพ

และเป็นการพิจารณาโดยปรมัตถ์ธรรม อันเป็นความจริงสูงสุด ลงในอริยสัจสี่ ลงในไตรลักษณ์

การพิจารณานั้น ใช้เวลาแค่ ชั่วขนะ แค่ลัดนิ้วมือ ก็จบ

ไม่ใช่ ไปน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรงแบบนั้น
สองวันก็แล้ว สามวันก็แล้ว วกวน วนไปวนมา หาจุดจบไม่เจอ

หลายวันมาแล้ว พุทธธรรมฉบับน้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรงนี้
ยังไม่รู้เรยว่า พิจารณายังไม่ถึงเรย

ว่าตายแล้ว ต้องไปเกิดอีกทำไม

เพราะพิจารณาไม่สุด

นี่แหละน๊า คนไม่ได้ปฎิบัติ ได้แต่ไปก๊อบเอาพระสูตรมาใช้

แบกหนังสือทั้งเล่มเกวียน แต่ไม่รู้สาระสำคัญ

ไปเรียนพื้นฐานซะนะคะ
ขอร้อง อย่าดื้อ นะคะ

ไม่งั้นเมตัดลุงออกจากกองมรดก อีกคน

viewtopic.php?f=1&t=56575

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องที่ต้องรู้จากการกระทำ ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการลงมือกระทำ การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน คือเรื่องจำต้องรู้จากการกระทำนั้นๆ


จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ (สติอยู่กับอาการที่ก้าวเดินไปๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่สนามปฏิบัตินั้น จะเดินไปไหนแล้วแต่)

รูปภาพ


ให้สังเกตขณะที่ก้าวไป จิตใจอยู่กับสิ่งนั้นได้นานเพียงใด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อานิสงส์การเดินจงกรม ๕ อย่าง คือ

๑. เป็นผู้อดทนต่อการเดินทางไกล
๒. เป็นผู้อดทนต่อการบำเพ็ญเพียร
๓. เป็นผู้มีอาพาธน้อย
๔. อาหารที่กิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้ว ย่อยง่าย
๕. สมาธิที่ได้เพราะการเดินจงกรม ตั้งอยู่ได้นาน

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
หน้าที่ ๒๖


เพื่อจำง่าย

- อาพาธน้อย
- ย่อยอาหาร
- นานในสมาธิ
- ดำริเพียร
- เซียนในการเดินทาง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกใหม่ๆ นาฬิกาจับเวลานี่จำเป็น ปิดเสียงกริ่งสะ ตั้งใจไว้เลยว่า ไม่ครบกำหนดไม่เลิก ต่อให้ตายก็ยอม :b32: สมมติว่าจะเดิน,จะนั่งกำหนดอารมณ์สัก 20 นาที ก็ต้อง 20 นาที ลดหย่อนไม่ได้

https://img.biggo.asia/s4Xxh4GcTcPSy-Pk ... og_233.jpg



รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2018, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรส และเมโลกสวย ดูอาการทั่วๆไปแล้ว ไม่มีวันและคืนที่เคยทำ คิกๆๆ อ้าวจริงๆ คุณโรสนี่คุยว่า นั่งฟังหลวงตาบัวเทศน์ได้ฌาน 3 โน่น ยังไม่ใช่ ว่านั่งแล้วตัวหายนี่ก็ไม่ใช่ สรุป ไม่เคยทำ จบข่าว :b12: :b16: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2018, 03:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณโรส และเมโลกสวย ดูอาการทั่วๆไปแล้ว ไม่มีวันและคืนที่เคยทำ คิกๆๆ อ้าวจริงๆ คุณโรสนี่คุยว่า นั่งฟังหลวงตาบัวเทศน์ได้ฌาน 3 โน่น ยังไม่ใช่ ว่านั่งแล้วตัวหายนี่ก็ไม่ใช่ สรุป ไม่เคยทำ จบข่าว :b12: :b16: :b32:

:b32:
อะไรจะปรากฏเป็นนิมิตใดๆให้ทราบว่าล้วนเป็นผลของกรรมในอดีตชาติไหนก็ไม่รู้มาให้ผลสุข-ทุกข์
แต่สัจจะตรงจริงที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงปัจจุบันขณะที่รู้ตรงแล้วทีละ1คือการละไม่รู้ได้ไงคะ
ความจริงของลักษณะสภาพธรรมไม่ได้แยกออกไปจากปกติที่มีแล้วแต่ไม่รู้ว่าเกิดดับนับไม่ถ้วน
จึงสมควรฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วตรงทางหนึ่งทางใดตอนกำลังฟังเพื่อเข้าใจ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2018, 05:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เรื่องที่ต้องรู้จากการกระทำ ก็ต้องพิสูจน์ด้วยการลงมือกระทำ การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน คือเรื่องจำต้องรู้จากการกระทำนั้นๆ


จงกรม เดินไปมาโดยมีสติกำกับ (สติอยู่กับอาการที่ก้าวเดินไปๆ ไม่ใช่เฉพาะแค่สนามปฏิบัตินั้น จะเดินไปไหนแล้วแต่)

รูปภาพ


ให้สังเกตขณะที่ก้าวไป จิตใจอยู่กับสิ่งนั้นได้นานเพียงใด



ผิดและมั่วไปอีกแล้วค่ะลุงกรัชกาย ไม่ใช่ว่าเดินอยู่ได้นานเพียงใด ไม่ใช่จิตจดจ่อได้นานเพียงใด

นั้นเป็นคนที่ไม่เข้าใจ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระสูตรเอาเสียเรย

เรยเดินจงกรมเทห์ๆ เพื่อทำสถิติ เดินทน เดินนาน จิตจ่อนาน

นั่นเป็นการปฎิบัติผิดเพี้ยน ไม่ตรงคำสอนพระพุทธองค์


สติๆๆๆๆนะคะ

ลุงกรัชกาย ตั้งใจฟังด้วยนะคะ

สติ มีทั้งมิจฉาสติ และ สัมมาสติ

บุคคลที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรม จึงปฎิบัติผิดเพี้ยนไปจากคำสอน ไปเดินทนเดินนาน

แม้นจะ เดินจงกรมอย่างเทห์ เดินเหมือนหุ่นยนต์ จิตไปจดจ่ออยู่

ก็หลงผิดได้ เพราะไม่รู้ว่า สติที่เกิดนั้น คือมิจฉาสติ แต่ไปหลงผิดคิดเอาว่า มีสติกำกับได้นาน


เพราะ

ถ้าหากไม่มีโสภณเจตสิก 18 ดวงเกิดขึ้น นั้นไม่ใช่สัมมาสติ แต่เป็นสติมิจฉาสติ ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2018, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติ ความระลึกได้, นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง, จำการที่ทำและคำที่พูดแล้วแม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒ ข้อ ๑ ในโพชฌงค์ ๗ ข้อ ๓ ในอินทรีย์ ๕ ข้อ ๓ ในพละ ๕ ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ ๙ ในนาถกรณะธรรม ๑๐)


สัมปชัญญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อม, ความรู้ตระหนัก, ความรู้ชัดเข้าใจชัด ซึ่งสิ่งที่นึกได้, มักมาคู่กับสติ (ข้อ ๒ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒)

สัมปชัญญะ ๔ ได้แก่ ๑. สาตถกสัมปชัญญะ รู้ชัดว่ามีประโยชน์ หรือตระหนักว่าตรงตามจุดหมาย ๒. สัปปายสัมปชัญญะ รู้ชัดว่าเป็นสัปปายะ หรือตระหนักว่าเกื้อกูลเหมาะกัน ๓. โคจรสัมปชัญญะ รู้ชัดว่าเป็นโคจร หรือตระหนักในแดนงานของตน ๔. อสัมโมหสัมปชัญญะ รู้ชัดว่าไม่หลง หรือตระหนักในตัวสภาวะ ไม่หลงใหล ไม่สับสนฟั่นเฟือน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2018, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โสภณเจตสิก เจตสิกฝ่ายดีงาม มี ๒๕ แบ่งเป็น

ก. โสภณสาธารณเจตสิก (เจตสิกที่เกิดทั่วไปกับจิตดีงามทุกดวง) ๑๙ คือ ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ ตัตรมัชฌัตตตา (ความเป็นกลางในอารมณ์นั้นๆ = อุเบกขา)
กายปัสสัทธิ (ความคลายสงบแห่งกองเจตสิก)
จิตตปัสสัทธิ (แห่งจิต)
กายลหุตา (ความเบาแห่งกองเจตสิก)
กายมุทุตา (ความนุ่มนวลแห่งกองเจตสิก)
จิตตมุทุตา (แห่งจิต)
กายกัมมัญญุตา (ความควรแก่งานแห่งกองเจตสิก)
จิตตกัมมัญญุตา (แห่งจิต)
กายปาคุญญตา (ความคล่องแคล่วแห่งกองเจตสิก)
จิตตปาคุญญตา (แห่งจิต)
กายุชุกตา (ความซื่อตรงแห่งกองเจตสิก)
จิตตุชุกตา (แห่งจิต)

ข. วีรตีเจตสิก (เจตสิกที่เป็นตัวงดเว้น) ๓. คือ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ

ค. อัปปมัญญาเจตสิก (เจตสิกคืออัปปมัญญา) ๒ คือ กรุณา มุทิตา (อีก ๒ ซ้ำกับ อโทสะ และตัตรมัชฌัตตตา)

ง. ปัญญินทรียเจตสิก ๑ คือ ปัญญินทรีย์ หรืออโมหะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2018, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรส และเมโลกสวย ดูอาการทั่วๆไปแล้ว ไม่มีวันและคืนที่เคยทำ คิกๆๆ อ้าวจริงๆ คุณโรสนี่คุยว่า นั่งฟังหลวงตาบัวเทศน์ได้ฌาน 3 โน่น ยังไม่ใช่ ว่านั่งแล้วตัวหายนี่ก็ไม่ใช่ สรุป ไม่เคยทำ จบข่าว :b12: :b16: :b32:

:b32:
อะไรจะปรากฏเป็นนิมิตใดๆให้ทราบว่าล้วนเป็นผลของกรรมในอดีตชาติไหนก็ไม่รู้มาให้ผลสุข-ทุกข์
แต่สัจจะตรงจริงที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงปัจจุบันขณะที่รู้ตรงแล้วทีละ1คือการละไม่รู้ได้ไงคะ
ความจริงของลักษณะสภาพธรรมไม่ได้แยกออกไปจากปกติที่มีแล้วแต่ไม่รู้ว่าเกิดดับนับไม่ถ้วน
จึงสมควรฟังพระพุทธพจน์เพื่อตามรู้สิ่งที่เกิดแล้วตรงทางหนึ่งทางใดตอนกำลังฟังเพื่อเข้าใจ


อ้างคำพูด:
อะไรจะปรากฏเป็นนิมิตใดๆให้ทราบว่าล้วนเป็นผลของกรรมในอดีตชาติไหนก็ไม่รู้มาให้ผลสุข-ทุกข์


เห็นทีไรนึกถึงนิครนถ์ทุกที ชัดจริงๆพับผ่าเถอะ คิดแบบนี้ ถ้าไปปฏิบัติกรรมฐานนะ เพี้ยนแน่นวล โน่นขอรับศรีธัญญา

เรื่องนี้ไอ้เรืองไม่พูดเฉยๆ จะมีตัวอย่างประกอบ คคห.เสมอ ดู

อ้างคำพูด:
ผมไปบวชได้แปดเดือน บวชวันแรกเกิดกำหนัดแอบสองอาทิตย์ผ่านไป เอาวินัยมาอ่าน อ่าวนี่มันผิดศีลนี่หว่าอายไม่กล้า ใครก็เดินจงกรมนั่งสมาธิ ตอนนั่งสมาธิ ก็หลับตา ไม่คิดอะไรท่องพุท-โธ ตามลมหายใจ จนเข้าเดือนที่สี่ออกพรรษาคิดว่าจะสึก แต่เห็นแสงเทียนในกระจกหน้าต่าง ก็วิ่งไปบอกเจ้าอาวาสๆก็ได้แต่ยิ้ม เข้าเดือนที่แปดนั่งสมาธิแบบเดิม ตอนนั้นเครียดเรื่องท่องหนังสือไม่ได้ ในขณะที่นั่ง มีเสียงผู้ชายมาถามว่าบรรลุรึยัง ผมเลยบอกว่ายังพูดในใจ อยู่ดีๆก็มีเสียงสวดมนต์เพราะมาก ตามด้วยบทธรรมจักร อยู่ดีๆก็มีภาพผมมีน้ำอสุจิไหลออกมา เห็นภาพที่เคยมีอะไรกับแฟน และมีเรื่องไม่ดีมากมาย ก็เลยพิจารณาการเกิดดับแก้ เรื่องหนึ่งมันก็มาอีก เรื่องหนึ่งเสียงก็ด่าว่าไอ้เลวตลอด อวัยวะเพศแข็งอยากมีเซ็กตลอดเวลา เลยตัดสินใจสึก คิดอะไรเหมือนมีคนรู้ เสียงด่าก็ด่าตลอด เลยไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าเป็นโรคจิตเภทและโรคไทรอยด์


ถ้าเป็นคุณโรสเอง ก็ว่าเป็นผลกรรมในอดีตชาติมาให้ผล จบเห่ ม้วนเสื่อได้เลย คิกๆๆ บอกจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้วไม่เชื่อ เยอะขอรับที่คิดแบบคุณโรส บ้างก็แก้เวรแก้กรรมกันไป จับพลัดจับผลูไปเจอะนักเล่นกรรมเข้า ก็แนะนำว่าต้องแก้กรรมด้วยการให้เขาซั่มสามที อิอิ พอไม่พูดแล้วเจ็บคอ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร