วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 23:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2016, 22:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
สังขาร เป็นปัจจัยหนึ่งของสมุทัย ไล่มาเองจนถึงตัณหานะกบ
:b11:


:b32: :b32: :b32:

ถ้า..อโกสะเข้าใจว่า...รายชื่อที่มีอยู่ในปฏิจจะ..แต่ละชื่อทั้งหมดเป็นสมุทัย..

งั้น....โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส...เป็นสมุทัยด้วยอะป้าว..ละ..อโสกะ?

แล้วคนที่ตรัสรู้...เป็นผู้ไกลจากกิเลสแล้ว...สมุทัยตายหมดแล้ว...ก็ไม่มีสังขารแล้ว..ใช่มะอโสกะ?
:b32:

จากคำถามนี้...ทีนี้อโสกะพอจะรู้รึยัง...ว่า..ที่อโสกะเข้าใจนั้น..ผิดตรงไหน? :b9: :b9:

หากยังไม่เข้าใจ...ใบ้ให้ก็ได้...

กระบวนการของสมุทัย..กับ...ตัวสมุทัย...แยกกันให้ออก...

ถ้ายังไม่เข้าใจอีก...ดูตัวอย่างนี้..อาจเข้าใจอะไรขึ้นบ้าง..

อ้างคำพูด:
มีผู้เรียนถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ว่า "ท่านยังมีโกรธอยู่ไหม?"
หลวงปู่ตอบสั้นๆว่า "มี แต่ไม่เอา"
(น.๔๖๑)



หากยังไม่เข้าใจอีก....ก็บอกนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 06:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ปัจจัยที่ทำให้เกิด สมุทัย
กบเข้าใจไหมคำนี้?

สังขารเป็นคำพูดรวมๆที่หมายถึงการปรุงแต่งว่าเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้

จิตสังขารนั่นเป็นปัจจัย ก่อให้เกิดทุกข์

กายสังขาร เป็นที่รับทุกข์

แยกใช้สังขารให้ถูกกับงานนะครับกบ อยาเข้าใจผิด

:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2016, 07:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
ปัจจัยที่ทำให้เกิด สมุทัย
กบเข้าใจไหมคำนี้?

สังขารเป็นคำพูดรวมๆที่หมายถึงการปรุงแต่งว่าเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้

จิตสังขารนั่นเป็นปัจจัย ก่อให้เกิดทุกข์

กายสังขาร เป็นที่รับทุกข์

แยกใช้สังขารให้ถูกกับงานนะครับกบ อยาเข้าใจผิด

:b38:

ไปโน้น.......

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2017, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

เบื่อ.........?

ความเบื่อหน่าย เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเราปล่อย วาง
สละทิ้งสิ่งที่ยึดถือไว้ ภาระที่แบกหามไว้ สลัดทิ้งสิ่งต่างๆไป
อย่างไม่เหลียวหลังกลับมาดูมาเอาอีก

ความเบื่อหน่ายเป็นธรรมชาติธรรมดาของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย จะเกิดขึ้นมาได้กับการที่ต้องทำอะไรซ้ำๆซากๆ จำเจอย่างสืบเนื่องยาวนาน หรือการที่ได้เห็นความจริงที่ไม่ดีไม่งาม ความไม่มั่นคง ไม่จีรังยั่งยืนของขันธ์ ร่างกายหรือสรรพสิ่ง

ความเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติธรรมดาของมนุษย์นั้นไม่แน่นอนไม่ถาวร จะเป็นความเบื่อๆอยากๆสลับกันไปอย่างนี้ตลอดชีวิตเพราะถูกอำนาจของความหลงความเพลิดเพลินความจำเป็นต้องยังชีพ มาปิดบัง ห่อหุ้มสิ่งที่น่าเบื่อทั้งหลาย

เมื่อไรที่มนุษย์ได้เห็นได้รู้ความจริงความไม่ดีไม่งาม ความทุกข์ทรมาณใจ ความน่าสะพึงกลัว ความไม่เที่ยง ความบังคับบัญชาไม่ได้ของสรรพสิ่งอย่างแท้จริงชัดเจนแล้วเมื่อนั้นเขาจึงจะเกิดความเบื่อหน่ายชนิดที่เรียกว่าเบื่อจนเข้ากระดูกดำ หรือนิพพิทาญาณสลัดทิ้งความเห็นผิดยึดผิดในธาตุขันธ์ กายใจ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงอย่างไม่หวนคืนมายึดถือ เสพข้องอีกต่อไป

ดังนั้นการปฏิบัติธรรมถ้ามาถูกต้องถูกทางย่อมจะต้องเกิดนิพพิทาญาณหรือความเบื่อหน่ายคลายจางในชีวิตธาตุขันธ์และกิจการงานทั้งปวง อย่างจริงจังจึงจะสลัด ละวางทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกจิตยึดถือไว้ได้ เมื่อละวางทักสิ่งทุกอย่างได้จิตใจก็เป็นอิสระลอยตัวและหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง


เบื่อแบบท่านอโศก แถวๆบ้านเรียกเบื่อๆอยากๆ เช่น เมื่อวานรู้สึกเบื่อ วันนี้รู้สึกอยาก เดี๋ยวเบื่อ เดี๋ยวอยาก :b32:

ความรู้สึกเบื่อที่ถูก ต้องเกิดจากการปฏิบัติทางจิตโดยเริ่มนับหนึ่งจากตรงนี้



นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายถูกกรีด

หนูเป็นคนหนึ่งที่นั่งสมาธิเป็นประจำ โดยอาจจะไม่ถูกวิธีเท่าไรนักเพราะหาหนังสือจากที่มีหลายท่านเขียนเอาไว้
และ
จากคำแนะนำของหลายๆท่านจากเว็ป... และก็ไม่เคยไปสถานปฏิบัติธรรมที่ไหนเลยส่วนใหญ่จะศึกษาหาข้อมูลเองเกี่ยวกับ การนั่งสมาธิ
ซึ่ง
ใช้เวลาในการนั่งสมาธิแต่ละครั้ง ก็ประมาณ ครึ่ง-หนึ่ง ชั่วโมงต่อวันค่ะ บางวันถ้าเวลามีน้อยจริงๆก็ประมาณ 15 นาทีค่ะ ตอนนั่งสมาธิก็ไม่เคยมีอาการอะไรให้เห็นค่ะ เพียงแค่จิต ใจสงบมากขึ้นเท่านั้น หลังจากออกจากสมาธิก็สวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตาทุกครั้งแล้วก็เข้านอน

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลังจากนั่งสมาธิแล้ว แล้วกำลังจะนอนพอหลับตา เพื่อจะนอนซักพัก ซึ่งจะอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นจะรู้สึกเหมือนร่าง กายถูกของมีคมกรีดทั่งร่างเลยค่ะ หลังจากนั้นจะมีอาการตัวลอยขึ้นสูงมาก เหมือนจะสูงกว่าหลังคา บ้านซะอีก ตอนนั้นรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ แต่รู้สึกตัวแบบเบลอๆ ทั้งๆที่ก็นอนหลับตาอยู่ คล้ายๆกับกำลังฝัน แต่ไม่ได้ฝันค่ะ หลังจาก นั้นตัวก็ลอยกลับลงมาที่เดิม แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในก้อน น้ำแข็งขนาดใหญ่ รู้สึกว่ามันเย็นมาก จนต้องลืมตาแล้วต้องไปหาผ้าห่มมาห่มเพิ่มหลาย ผืนเพราะหนาวมาก คิดอยู่ตลอดว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น คิดจนหลับไป

บางครั้งพอหลับตากำลังจะนอนซึ่งก็อยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นอีกนั่นแหละ ก็รู้สึกสว่างจ้าเหมือนมีคนเอาไฟสปอร์ทไลท์ดวงใหญ่ๆมาส่องที่หน้าขณะที่กำลังนอนค่ะ

พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตเบื่อหน่ายโลกเหมือนอยากตัดขาดจากโลกไปเลยค่ะ แต่ รู้สึกแบบสงบๆนะคะ.. และก็เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง อยากทราบว่าอาการที่ว่านั้นเกิดจากอะไร เกี่ยวข้องกับการนั่งสมาธิหรือเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 06:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
onion
สังขาร เป็นปัจจัยหนึ่งของสมุทัย ไล่มาเองจนถึงตัณหานะกบ
:b11:


:b32: :b32: :b32:

ถ้า..อโกสะเข้าใจว่า...รายชื่อที่มีอยู่ในปฏิจจะ..แต่ละชื่อทั้งหมดเป็นสมุทัย..

งั้น....โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส...เป็นสมุทัยด้วยอะป้าว..ละ..อโสกะ?

แล้วคนที่ตรัสรู้...เป็นผู้ไกลจากกิเลสแล้ว...สมุทัยตายหมดแล้ว...ก็ไม่มีสังขารแล้ว..ใช่มะอโสกะ?
:b32:

จากคำถามนี้...ทีนี้อโสกะพอจะรู้รึยัง...ว่า..ที่อโสกะเข้าใจนั้น..ผิดตรงไหน? :b9: :b9:

หากยังไม่เข้าใจ...ใบ้ให้ก็ได้...

กระบวนการของสมุทัย..กับ...ตัวสมุทัย...แยกกันให้ออก...

ถ้ายังไม่เข้าใจอีก...ดูตัวอย่างนี้..อาจเข้าใจอะไรขึ้นบ้าง..

อ้างคำพูด:
มีผู้เรียนถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ว่า "ท่านยังมีโกรธอยู่ไหม?"
หลวงปู่ตอบสั้นๆว่า "มี แต่ไม่เอา"
(น.๔๖๑)



หากยังไม่เข้าใจอีก....ก็บอกนะ

:b4:
โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส. เป็นผลของสมุทัยครับ

สมุทัยจริงๆคือ ตัณหา ปฏิจจสมุปบาทนอกนั้นเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา

หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องไปทำลายอวิชชาซึ่งเป็นตัวปัจจัยเริ่มต้น

แต่พระพุทธเจ้ากลับทรงสอนให้ถอนตัณหา....เพราะอวิชชาและปัจจัยการทั้งหมดจะหักสะบั้นเมื่อถอนตัณหาได้เสียแล้ว

กระบวนการถอนตัณหาคือสติปัฏฐาน 4 เพราะสติปัฏฐานทั้ง4 หมายรวมไว้ที่เดียวกันคือ เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
onion
สังขาร เป็นปัจจัยหนึ่งของสมุทัย ไล่มาเองจนถึงตัณหานะกบ
:b11:


:b32: :b32: :b32:

ถ้า..อโกสะเข้าใจว่า...รายชื่อที่มีอยู่ในปฏิจจะ..แต่ละชื่อทั้งหมดเป็นสมุทัย..

งั้น....โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส...เป็นสมุทัยด้วยอะป้าว..ละ..อโสกะ?

แล้วคนที่ตรัสรู้...เป็นผู้ไกลจากกิเลสแล้ว...สมุทัยตายหมดแล้ว...ก็ไม่มีสังขารแล้ว..ใช่มะอโสกะ?

จากคำถามนี้...ทีนี้อโสกะพอจะรู้รึยัง...ว่า..ที่อโสกะเข้าใจนั้น..ผิดตรงไหน? :b9: :b9:

หากยังไม่เข้าใจ...ใบ้ให้ก็ได้...

กระบวนการของสมุทัย..กับ...ตัวสมุทัย...แยกกันให้ออก...

ถ้ายังไม่เข้าใจอีก...ดูตัวอย่างนี้..อาจเข้าใจอะไรขึ้นบ้าง..

อ้างคำพูด:
มีผู้เรียนถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ว่า "ท่านยังมีโกรธอยู่ไหม?"
หลวงปู่ตอบสั้นๆว่า "มี แต่ไม่เอา"
(น.๔๖๑)



หากยังไม่เข้าใจอีก....ก็บอกนะ


โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส. เป็นผลของสมุทัยครับ

สมุทัยจริงๆคือ ตัณหา ปฏิจจสมุปบาทนอกนั้นเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา

หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องไปทำลายอวิชชาซึ่งเป็นตัวปัจจัยเริ่มต้น

แต่พระพุทธเจ้ากลับทรงสอนให้ถอนตัณหา....เพราะอวิชชาและปัจจัยการทั้งหมดจะหักสะบั้นเมื่อถอนตัณหาได้เสียแล้ว

กระบวนการถอนตัณหาคือสติปัฏฐาน 4 เพราะสติปัฏฐานทั้ง4 หมายรวมไว้ที่เดียวกันคือ เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก


ยกคำศัพท์มาจากหนังสือจากตำราทั้งดุ้น แล้วมามโนจับแพะชนแกะไปเรื่อย

ปฏิจจสมุปบาทนั้น สรุปสั้นๆก็ได้แก่ การเกิด-ดับของทุกข์แค่นี้เอง

แต่นี่เที่ยวไล่ศัพท์แสง โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ฟุ้งไปเรื่อย คิกๆๆ

ลองไหมล่ะ ไหนบอกความหมายคำว่า โสกะ ปริเทวะ เป็นต้นให้ฟังหน่อยสิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 19:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำสรุปปฏิจจสมุปบาท ทั้งข้างเกิดทุกข์ และทุกข์ดับ


โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ

ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ จึงมีพร้อม

เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ

ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ ย่อมมี ด้วยประการฉะนี้

................................

โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฌนฺติ

ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ย่อมดับ

เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ

ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมี ด้วยประการฉะนี้


หลักปฏิจจสมุปบาททั้งหมด มีความมุ่งหมายเพื่อแสดงความเกิด – ดับของทุกข์เท่านั้นเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
onion
สังขาร เป็นปัจจัยหนึ่งของสมุทัย ไล่มาเองจนถึงตัณหานะกบ
:b11:


:b32: :b32: :b32:

ถ้า..อโกสะเข้าใจว่า...รายชื่อที่มีอยู่ในปฏิจจะ..แต่ละชื่อทั้งหมดเป็นสมุทัย..

งั้น....โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส...เป็นสมุทัยด้วยอะป้าว..ละ..อโสกะ?

แล้วคนที่ตรัสรู้...เป็นผู้ไกลจากกิเลสแล้ว...สมุทัยตายหมดแล้ว...ก็ไม่มีสังขารแล้ว..ใช่มะอโสกะ?
:b32:

จากคำถามนี้...ทีนี้อโสกะพอจะรู้รึยัง...ว่า..ที่อโสกะเข้าใจนั้น..ผิดตรงไหน? :b9: :b9:

หากยังไม่เข้าใจ...ใบ้ให้ก็ได้...

กระบวนการของสมุทัย..กับ...ตัวสมุทัย...แยกกันให้ออก...

ถ้ายังไม่เข้าใจอีก...ดูตัวอย่างนี้..อาจเข้าใจอะไรขึ้นบ้าง..

อ้างคำพูด:
มีผู้เรียนถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ว่า "ท่านยังมีโกรธอยู่ไหม?"
หลวงปู่ตอบสั้นๆว่า "มี แต่ไม่เอา"
(น.๔๖๑)



หากยังไม่เข้าใจอีก....ก็บอกนะ


asoka เขียน:
:b4:
โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส. เป็นผลของสมุทัยครับ

สมุทัยจริงๆคือ ตัณหา ปฏิจจสมุปบาทนอกนั้นเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา

หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องไปทำลายอวิชชาซึ่งเป็นตัวปัจจัยเริ่มต้น

แต่พระพุทธเจ้ากลับทรงสอนให้ถอนตัณหา....เพราะอวิชชาและปัจจัยการทั้งหมดจะหักสะบั้นเมื่อถอนตัณหาได้เสียแล้ว

กระบวนการถอนตัณหาคือสติปัฏฐาน 4 เพราะสติปัฏฐานทั้ง4 หมายรวมไว้ที่เดียวกันคือ เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก
onion


ใครเข้าใจผิด..กัน

ก็เห็นแต่อโสกะ..นี้แหละกำลังแสดงความเข้าใจผิด..
:b9: :b9:

.อโสกะเข้าใจว่า...อวิชชา..กับ..ตัณหา.อยู่คนละที่..ละซิ..
s005 s005
นี้อโสกะกำลังท่องตำราอยู่...ชิมิ..ชิมิ..

ใครน่าชอบว่าคนอื่นว่า..เอาแต่ท่องตำรา...นะ
:b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 14:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:
เป็นจิตเจตสิกคนละดวงกัน ไม่ใช่อันเดียวกันอย่างที่กบเข้าใจผิด
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 19:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b16:
เป็นจิตเจตสิกคนละดวงกัน ไม่ใช่อันเดียวกันอย่างที่กบเข้าใจผิด
onion


:b32: :b32: หนีมาแนวเจตสิก..

เรียกว่า..ปนกันมั่ว... :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 19:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
onion
สังขาร เป็นปัจจัยหนึ่งของสมุทัย ไล่มาเองจนถึงตัณหานะกบ
:b11:


:b32: :b32: :b32:

ถ้า..อโกสะเข้าใจว่า...รายชื่อที่มีอยู่ในปฏิจจะ..แต่ละชื่อทั้งหมดเป็นสมุทัย..

งั้น....โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส...เป็นสมุทัยด้วยอะป้าว..ละ..อโสกะ?

แล้วคนที่ตรัสรู้...เป็นผู้ไกลจากกิเลสแล้ว...สมุทัยตายหมดแล้ว...ก็ไม่มีสังขารแล้ว..ใช่มะอโสกะ?
:b32:

จากคำถามนี้...ทีนี้อโสกะพอจะรู้รึยัง...ว่า..ที่อโสกะเข้าใจนั้น..ผิดตรงไหน? :b9: :b9:

หากยังไม่เข้าใจ...ใบ้ให้ก็ได้...

กระบวนการของสมุทัย..กับ...ตัวสมุทัย...แยกกันให้ออก...

ถ้ายังไม่เข้าใจอีก...ดูตัวอย่างนี้..อาจเข้าใจอะไรขึ้นบ้าง..

อ้างคำพูด:
มีผู้เรียนถามหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ว่า "ท่านยังมีโกรธอยู่ไหม?"
หลวงปู่ตอบสั้นๆว่า "มี แต่ไม่เอา"
(น.๔๖๑)



หากยังไม่เข้าใจอีก....ก็บอกนะ


asoka เขียน:

:b4:
โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส. เป็นผลของสมุทัยครับ

สมุทัยจริงๆคือ ตัณหา ปฏิจจสมุปบาทนอกนั้นเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา

หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องไปทำลายอวิชชาซึ่งเป็นตัวปัจจัยเริ่มต้น

แต่พระพุทธเจ้ากลับทรงสอนให้ถอนตัณหา....เพราะอวิชชาและปัจจัยการทั้งหมดจะหักสะบั้นเมื่อถอนตัณหาได้เสียแล้ว

กระบวนการถอนตัณหาคือสติปัฏฐาน 4 เพราะสติปัฏฐานทั้ง4 หมายรวมไว้ที่เดียวกันคือ เอาออกเสียให้ได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลก

onion


กลับมาดูที่ตัวเองเขียนสิ...อโสกะ..

หนึ่ง....อโสกะ...ว่า..เจตสิกเป็นคนละตัว..

แล้วอโสกะบอกว่า..ตัดตัณหา..อวิชชาก็ขาดสะบั้น...ใช่มั้ย?...

ไหนลองอธิบายในแนวเจตสิก..สิ

อธิบายให้ได้นะเอ้า.. :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 06:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ไปดูเรื่องปฏิจจสมุปบาทสายดับให้ดีๆ

ตัณหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ

แล้วก็วนไปดับอวิชชาเอง
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2017, 08:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไหลมาทางปฏิจจะ...อีกแระ...

นี้ก็ตามตำรา..มิใช่นิ..

ไหน...ตามแนวเจตสิก...ไม่เอาแล้วนิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2017, 22:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
ธรรมะที่แท้จริงทุกเรื่องย่อมมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างล้ำลึก ถ้าไม่มีความสุดโต่งยึดติดในความคิดความเห็น
ย่อมจะเป็นคนปกติอยู่ได้บนทางสายกลางไปนานๆ จนผ่านโลกุตระ จึงจะได้สบายไร้โศก ปราศจากธุลีและมีจิตเกษม

onion
:b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2017, 07:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พระธรรม...เป็นอันเดียว..จะว่าโยงใยอย่างที่อโสกะว่า..ก็ไม่ผิด

แต่โยงใย...ตามใจฉัน..นี้ซิมันผิด...

พระพุทธเจ้าเห็นจริง..เห็นชัด..เห็นละเอียด...ทรงแจกแจง..แยกแยะ..โยงใย...สรุปรวม...เป็นพุทธวิสัยให้เหล่าสัตว์ได้ค่อยๆ..เห็นตาม..ตามกำลัง...ตามความถนัดของตน..ของตน

ที่พูดว่า...
ปฏิจจะตัดตรงไหน..วัฎฎะสงสารก็ขาดลงตรงนั้น...เหมือนสร้อย..ตัดที่ห่วงข้อไหนสายสร้อยก็ขาดลงตรงนั้น..
ครูบาอาจารย์ที่ท่านได้..ท่านก็พูดตามกำลังที่ตนได้...ตนเห็น...

แต่ที่...อโสกะพูดว่า...

asoka เขียน:
onion
สังขาร เป็นปัจจัยหนึ่งของสมุทัย ไล่มาเองจนถึงตัณหานะกบ


asoka เขียน:

:b4:
[color=#FF0000]โสกะ..ปริเทวะ...ทุกขะ..โทมนัส..อุปายาส. เป็นผลของสมุทัยครับ

สมุทัยจริงๆคือ ตัณหา ปฏิจจสมุปบาทนอกนั้นเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา

หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องไปทำลายอวิชชาซึ่งเป็นตัวปัจจัยเริ่มต้น

แต่พระพุทธเจ้ากลับทรงสอนให้ถอนตัณหา....เพราะอวิชชาและปัจจัยการทั้งหมดจะหักสะบั้นเมื่อถอนตัณหาได้เสียแล้ว
onion


อโสกะพูดตามความคิด...

พอผมถามว่า..อโสกะเข้าใจว่า..อวิชชากับตัณหา..อยู่คนละที่หรือ?
กบนอกกะลา เขียน:
ใครเข้าใจผิด..กัน

ก็เห็นแต่อโสกะ..นี้แหละกำลังแสดงความเข้าใจผิด..
:b9: :b9:
.อโสกะเข้าใจว่า...อวิชชา..กับ..ตัณหา.อยู่คนละที่..ละซิ..
s005 s005
นี้อโสกะกำลังท่องตำราอยู่...ชิมิ..ชิมิ..
ใครน่าชอบว่าคนอื่นว่า..เอาแต่ท่องตำรา...นะ
:b34: :b34:


อโสกะ..ก็ไปแนวเจตสิก...ว่าเป็นเจตสิกคนละตัว...

พอผมถาม..ว่า..งั้นตอบตามแนวเจตสิกซิ...(ดัณหาดับแล้วอวิชาขาดยังงัย)

อโสกะก็ว่า..
asoka เขียน:
:b12:
ไปดูเรื่องปฏิจจสมุปบาทสายดับให้ดีๆ

ตัณหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ

แล้วก็วนไปดับอวิชชาเอง

onion
[/quote]

แสดงว่า..อโสกะก็ยังเข้าใจว่า..อวิชชา...แยกกันอยู่..กับตัณหา..ตามตัวหนังสือ..ดีดี..นี้เอง..

แล้วก็ชอบว่าคนอื่น..ยึดตำรา..กอดหนังสือ..ซะจริง..ว่าแต่เขา..อิเหน่าเป็นเอง.. :b34: :b34: :b34:

เลิกว่าคนอื่นได้แล้ว..ละอายแทน... :b9: :b9:

อย่าเอาธรรมคือความจริงที่ว่า..ธรรมโยงใยถึงกัน....มาอ้างเลยคับ...

ธรรม..นะจริง แต่คนอ้าง...มันไม่จริง..มันเข้าใจผิด (เข้าใจว่าอยู่คนละที่...เพราะเข้าใจว่าเป็นตัวเป็นตน...เป็นก้อนๆ...มีก่อนมีหลัง...มีที่นั้น..มีที่นี้..)

:b1: :b1: :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร