วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 14:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2016, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กำหนดถี่ๆ ท่านอโศกพูดไว้

อ้างคำพูด:
ทางสายหนอ วิปัสสนาจารย์ท่านจะพูดย้ำอยู่คำนี้ จำไปใช้ได้เลย

"กำหนดถี่ๆ กำหนดให้ทันปัจจุบันอารมณ์"

สูตรนี้แก้ได้เบ็ดเสร็จหมดทุกอย่างเลยเชียว กรัชกาย


viewtopic.php?f=1&t=53474&start=15





อ้างคำพูด:
ข้าพเจ้าได้นั่งสมาธิแบบสมถกัมมัฏฐาน (ภาวนา พุท-โธ) ดูลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งปรากฏอาการดังต่อไปนี้

1.เมื่อคำภาวนาหายไป ลมหายใจจะละเอียดอ่อนมากเหมือนไม่ได้หายใจ ช่วงนี้จะรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวมาก ตัวเบาหวิวเหมือนปุยฝ้าย

2.ตัวข้าพเจ้าเริ่มใหญ่ขึ้นๆๆ จนรู้สึกได้ว่ามันใหญ่ๆๆๆกว่าโลกใบนี้อีก มันขยายๆๆออกเหมือนไม่สิ้นสุด

3.ตัวโยกโคลงไปมาเอง (รู้สึกได้) บังคับมันไม่ได้เป็นแบบนี้ราว 10 กว่านาที

4.จุดนี้แหละที่สำคัญมากๆ...หลังจากตัวโยกเสร็จจิตมันเริ่มดิ่งลงๆ (เหมือนเราตกเหวตกจากที่สูงมากๆ) เหงื่อออกเต็มตัวทั้งๆทีอากาศเย็น ใจเต้นแบบรุนแรงมากๆจนข้าพเจ้ากลัวแต่ก็ฝืนมันต่อ..

5.จิตมันดิ่งลงๆๆจนลึกๆๆๆมากๆๆจนลึกถึงขั้นระดับอะตอมคือเล็กมากๆ ช่วงนี้รู้เลยว่าดิ่งลงในกายของตัวเอง ไม่มีข้างล่าง ไม่มีข้างบน ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา ไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุดเหมือนเป็นอนันตกาล (เหมือนลอยเคว้งในจักรวาล) ลมหายใจเหมือนหยุดไปเลยคือเหมือนมันจะหมดสติคือวิ้ง/วูบ ไปเลย ไม่ได้ยินเสียงข้างนอก ไม่รับรู้สภาวะข้างนอกใดๆทั้งสีน ดิ่งๆลงๆๆอยู่แบบนั้นจนเล็กๆๆๆๆจนเล็กกว่าระดับอะตอม ข้างในนั้นมืดสนิท ไม่ร้อน ไม่หนาว ดิ่งอยู่แบบนั้นแต่รู้สึกปลอดภัย เป็นอยู่แบบนั้นน่าจะราวๆครึ่งชั่วโมง

6. เมื่อดิ่งลงจนไม่รู้ว่าลึกขนาดไหน..ทีนี่จิตมันถอนขึ้นมาเอง เหมือนเรากำลังจะโผล่ขึ้นจากน้ำมาหายใจยังไงยังนั้น..พอขึ้นมาถึงที่นั่งภาวนาปุ๊บมัน..อ้าาา..สบายสุดๆนี่มันสวรรค์ชัดๆความสบายผ่อนคลายแบบพระท่านว่ามันเป็นอย่างนี้นี่เอง

7.เมื่อออกจากสมาธิแล้วยิ้มทั้งวันโดยไม่มีเหตุผล ใครด่าใครว่าใครนินทาก็ไม่รู้สึกโกรธ เย็นสบายอยู่อย่างนั้นทั้งวัน รู้สึกเอิบอิ่มโดยที่ไม่ต้องทานข้าวทั้งวันเลย..สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมอีกอย่างคือ ใบหน้าผิวพรรณตอนนั้นของข้าพเจ้าขาวขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนเพื่อนๆถามว่าไปทำอะไรมาหน้าและผิวถึงขาวสว่างไสวแบบนี้...

ถามท่านผู้รู้ที่มีจิตเมตตาหน่อยครับว่าอาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร ข้าพเจ้าเป็นบ้าจากการนั่งสมาธิหรือเปล่าและข้าพเจ้าควรจะทำอย่างไรต่อไป...ขอบคุณทุกท่านที่ตอบและแนะนำล่วงหน้าครับ


ท่านอโศกบอกวิธีกำหนดถี่ๆชัดๆสิ เอาให้แบบๆว่า คนอ่านแล้วร้องอ๋อๆๆ แล้วนำไปใช้ได้เลย เอาเลยเลยครับ กำหนดถี่ๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 03 ม.ค. 2017, 05:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2016, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไปเห็นกำหนดถี่ๆที่นี่อีก แปะไว้ก่อน

http://pantip.com/topic/35952287

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2016, 13:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
การกำหนดหรือบริกรรม หนอตามทุกอารมณ์ ความรู้สึกและการเคลื่อนไหว เป็นการฝึกสติให้ทันปัจจุบันอารมณ์ เมื่อสติทันปัจจุบันอารมณ์ได้ดีแล้วคล่องแคล่วชำนาญดีแล้ว เวลาทิ้งหรือวางบริกรรมลงได้ สติจะระลึกรู้ทันปัจจุบันอารมณ์อยู่ตลอดเวลา สติรู้ทันปัจจุบันสันตติจะขาด นิวรณ์ 5 จะสงบ ปัญญาจะเห็นธรรมตามความเป็นจริง

ดังนั้นผู้ใหม่ทั้งหลายวิปัสสนาจารย์จึงให้หลักสำคัญในการภาวนาแบบหนอไว้ว่า

"กำหนดถี่ๆ กำหนดให้ทันปัจจุบันปัจจุบันอารมณ์"

ซึ่งหมายความว่าไม่ว่าจะเคลื่อนไหว คู้เหยียด มีอารมณ์และความรู้สึกเกิดขึ้นอย่างไรก็ให้มีสติรู้ท้นปัจจุบันพร้อมกับกำหนดหนอตามลงไปเช่น อยากยกหนอ ยกหนอ ย่างหนอ
คิดหนอ กลัวหนอ ขัดเคืองหนอ เจ็บหนอ ปวดหนอ เห็นหนอ
ได้ยินหนอ และ รู้หนอ สำหรับอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่รู้จัก

สังเกตให้ดีถ้าเรายังใช้คำบริกรรมหนอสติจะไม่ค่อยท้นปัจจุบันทันทีเพราะไปช้าอยู่กับคำบริกรรม แต่เมื่อวางหรือทิ้งหนอได้แล้วสติจะทันปัจจุบันได้เร็วมาก โมหะอวิชชาจะแทรกไม่ทัน จึงหยุดความฟุ้งซ่านจากการคิดนึก สังขาร ปรุงแต่งไปได้

เครื่องช่วยสังเกตว่าสติทันปัจจุบันหรือไม่ คือ ความคิดนึก
ถ้าจิตหลุดไปอนาคตจะเกิดคิด
ถ้าจิตหลงไปในอดีตจะนึก

ถ้าสติทันปัจจุบันอารมณ์ได้ดีจะไม่มีความคิดนึก

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2016, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำบริกรรม..ต้องวาง...ต้องทิ้ง...

ต้อง..ต้อง..ต้อง...

ถึงเวลา..ต้อง..ต้อง..วาง..วาง..ทิ้ง..ทิ้ง..

กอดหลักการ..กอดแผนโผย...กอดแผนผัง...

เข้าไป..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2016, 20:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ทางออกสู่นิพพาน2_resize.jpg
ทางออกสู่นิพพาน2_resize.jpg [ 41.02 KiB | เปิดดู 3750 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
คำบริกรรม..ต้องวาง...ต้องทิ้ง...

ต้อง..ต้อง..ต้อง...

ถึงเวลา..ต้อง..ต้อง..วาง..วาง..ทิ้ง..ทิ้ง..

กอดหลักการ..กอดแผนโผย...กอดแผนผัง...

เข้าไป..

:b12:
อึดอัดใจหรือครับกบ?

สำหรับผู้ใหม่และเริ่มต้นต้องยึดและอาศัยหลักการนำไปก่อน
เมื่อรู้เพียงพอและปฏิบัติจริงเป็น ชำนาญแล้วจึงค่อยทิ้งหลักการต่างๆไปเป็นลำดับๆ จน

ไม่เหลืออะไร

ธรรมดาโลกทั่วไปเขาทำกันอย่างนี้นะครับ

คนที่ไต่บันไดขึ้นที่ชันเพื่อไปสู่ชั้นที่สูงขึ้นก็ต้องอาศัยโหน จับ ยึด ราวบันไดสาวขึ้นไปก่อน พอสุดบันไดชั้นสูงสุดที่ต้องการไปก็ต้องปล่อยราวบันไดจึงจะไปในที่ต่างของชั้นสูงสุดนั้นได้

"อย่าติดยึดราวบันได"
onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2016, 20:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อึดอัดอาราย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2016, 21:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อึดอัดอาราย...

onion
ย่าง 6

ยกส้นหนอ
ยกหนอ
ย่างหนอ
ลงหนอ
ถูกหนอ
กดหนอ

:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2016, 04:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่คุยว่าเคยญาน16...แต่ไม่รู้สึกว่าใครพูดจริง..ไม่จริง..ยังงัย...หรือ..รู้แต่ผิดตลอดนี้......ผมว่ามันแปลก..นะ

รู้ตัวอะป้าว...

เรื่องง่ายๆแค่นี้..ยังผิด...แล้วเรื่องที่ว่า..เกิดอีกแค่ 7 ชาติ..นี้...มันจะแน่ตามนั้นหรือนาย...

สังวรตัวเอง..ให้มากมาก...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2016, 07:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนที่คุยว่าเคยญาน16...แต่ไม่รู้สึกว่าใครพูดจริง..ไม่จริง..ยังงัย...หรือ..รู้แต่ผิดตลอดนี้......ผมว่ามันแปลก..นะ

รู้ตัวอะป้าว...

เรื่องง่ายๆแค่นี้..ยังผิด...แล้วเรื่องที่ว่า..เกิดอีกแค่ 7 ชาติ..นี้...มันจะแน่ตามนั้นหรือนาย...

สังวรตัวเอง..ให้มากมาก...

s004
ผิดของเธอ แต่ถูกของฉัน
55555555555555555

:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2016, 04:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เทวทัต..ก็ว่าตัวเองถูก...มาแล้ว.. :b9: :b9: .

มันไม่ใช่เรื่องของฉัน..รึ..เรื่องของเธอ..

แต่ผมติง..ให้สังวรใว้...ให้นึกเอ้ะใจหน่อย...ว่าทำไมตัวเองถึงขาดเซนต์ง่ายๆไปได้...ทั้งๆที่ตัวเองว่าเคยได้ญาน 16 มาแล้ว...

รึว่า..ยังไม่เข้าใจ..ว่า..เซนต์กับญาน..มันเกี่ยวอะไรกัน...งง..ใช่มั้ยนี้?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2017, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กำหนดถี่ๆ ท่านอโศกพูดไว้

อ้างคำพูด:
ทางสายหนอ วิปัสสนาจารย์ท่านจะพูดย้ำอยู่คำนี้ จำไปใช้ได้เลย

"กำหนดถี่ๆ กำหนดให้ทันปัจจุบันอารมณ์"

สูตรนี้แก้ได้เบ็ดเสร็จหมดทุกอย่างเลยเชียว กรัชกาย



อ้างคำพูด:
ข้าพเจ้าได้นั่งสมาธิแบบสมถกัมมัฏฐาน (ภาวนา พุท-โธ) ดูลมหายใจเข้า-ออก ซึ่งปรากฏอาการดังต่อไปนี้

1.เมื่อคำภาวนาหายไป ลมหายใจจะละเอียดอ่อนมากเหมือนไม่ได้หายใจ ช่วงนี้จะรู้สึกผ่อนคลายสบายตัวมาก ตัวเบาหวิวเหมือนปุยฝ้าย

2.ตัวข้าพเจ้าเริ่มใหญ่ขึ้นๆๆ จนรู้สึกได้ว่ามันใหญ่ๆๆๆกว่าโลกใบนี้อีก มันขยายๆๆออกเหมือนไม่สิ้นสุด

3.ตัวโยกโคลงไปมาเอง (รู้สึกได้) บังคับมันไม่ได้เป็นแบบนี้ราว 10 กว่านาที

4.จุดนี้แหละที่สำคัญมากๆ...หลังจากตัวโยกเสร็จจิตมันเริ่มดิ่งลงๆ (เหมือนเราตกเหวตกจากที่สูงมากๆ) เหงื่อออกเต็มตัวทั้งๆทีอากาศเย็น ใจเต้นแบบรุนแรงมากๆจนข้าพเจ้ากลัวแต่ก็ฝืนมันต่อ..

5.จิตมันดิ่งลงๆๆจนลึกๆๆๆมากๆๆจนลึกถึงขั้นระดับอะตอมคือเล็กมากๆ ช่วงนี้รู้เลยว่าดิ่งลงในกายของตัวเอง ไม่มีข้างล่าง ไม่มีข้างบน ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา ไม่มีขอบเขตที่สิ้นสุดเหมือนเป็นอนันตกาล (เหมือนลอยเคว้งในจักรวาล) ลมหายใจเหมือนหยุดไปเลยคือเหมือนมันจะหมดสติคือวิ้ง/วูบ ไปเลย ไม่ได้ยินเสียงข้างนอก ไม่รับรู้สภาวะข้างนอกใดๆทั้งสีน ดิ่งๆลงๆๆอยู่แบบนั้นจนเล็กๆๆๆๆจนเล็กกว่าระดับอะตอม ข้างในนั้นมืดสนิท ไม่ร้อน ไม่หนาว ดิ่งอยู่แบบนั้นแต่รู้สึกปลอดภัย เป็นอยู่แบบนั้นน่าจะราวๆครึ่งชั่วโมง

6. เมื่อดิ่งลงจนไม่รู้ว่าลึกขนาดไหน..ทีนี่จิตมันถอนขึ้นมาเอง เหมือนเรากำลังจะโผล่ขึ้นจากน้ำมาหายใจยังไงยังนั้น..พอขึ้นมาถึงที่นั่งภาวนาปุ๊บมัน..อ้าาา..สบายสุดๆนี่มันสวรรค์ชัดๆความสบายผ่อนคลายแบบพระท่านว่ามันเป็นอย่างนี้นี่เอง

7.เมื่อออกจากสมาธิแล้วยิ้มทั้งวันโดยไม่มีเหตุผล ใครด่าใครว่าใครนินทาก็ไม่รู้สึกโกรธ เย็นสบายอยู่อย่างนั้นทั้งวัน รู้สึกเอิบอิ่มโดยที่ไม่ต้องทานข้าวทั้งวันเลย..สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมอีกอย่างคือ ใบหน้าผิวพรรณตอนนั้นของข้าพเจ้าขาวขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนเพื่อนๆถามว่าไปทำอะไรมาหน้าและผิวถึงขาวสว่างไสวแบบนี้...

ถามท่านผู้รู้ที่มีจิตเมตตาหน่อยครับว่าอาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร ข้าพเจ้าเป็นบ้าจากการนั่งสมาธิหรือเปล่าและข้าพเจ้าควรจะทำอย่างไรต่อไป...ขอบคุณทุกท่านที่ตอบและแนะนำล่วงหน้าครับ


ท่านอโศกบอกวิธีกำหนดถี่ๆชัดๆสิ เอาให้แบบๆว่า คนอ่านแล้วร้องอ๋อๆๆ แล้วนำไปใช้ได้เลย เอาเลยเลยครับ กำหนดถี่ๆ


กำหนดถี่ๆ เอาตัวอย่างมาให้ดูแล้วให้ท่านอโศกบอกวิธีกำหนดถี่ๆ ก็ไม่บอก เออ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2017, 17:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอโศกบอกวิธีกำหนดถี่ๆสิ คิกๆๆ


นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายถูกกรีด

หนูเป็นคนหนึ่งที่นั่งสมาธิเป็นประจำ โดยอาจจะไม่ถูกวิธีเท่าไรนักเพราะหาหนังสือจากที่มีหลายท่านเขียนเอาไว้และ
จากคำแนะนำของหลายๆท่านจากเว็ป... และก็ไม่เคยไปสถานปฏิบัติธรรมที่ไหนเลยส่วนใหญ่จะศึกษาหาข้อมูลเองเกี่ยวกับ การนั่งสมาธิ ซึ่งใช้เวลาในการนั่งสมาธิแต่ละครั้ง ก็ประมาณ ครึ่ง-หนึ่ง ชั่วโมงต่อวันค่ะ บางวันถ้าเวลามีน้อยจริงๆก็ประมาณ 15 นาทีค่ะ ตอนนั่งสมาธิก็ไม่เคยมีอาการอะไรให้เห็นค่ะ เพียงแค่จิต ใจสงบมากขึ้นเท่านั้น หลังจากออกจากสมาธิก็สวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตา ทุกครั้ง แล้วก็เข้านอน

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลังจากนั่งสมาธิแล้ว แล้วกำลังจะนอนพอหลับตา เพื่อจะนอนซักพัก ซึ่งจะอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นจะรู้สึกเหมือนร่าง กายถูกของมีคมกรีดทั่งร่างเลยค่ะ หลังจากนั้นจะมีอาการตัวลอยขึ้นสูงมาก เหมือนจะสูงกว่าหลังคา บ้านซะอีก ตอนนั้นรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ แต่รู้สึกตัวแบบเบลอๆ ทั้งๆที่ก็นอนหลับตาอยู่ คล้ายๆกับกำลังฝัน แต่ไม่ได้ฝันค่ะ หลังจาก นั้นตัวก็ลอยกลับลงมาที่เดิม แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในก้อน น้ำแข็งขนาดใหญ่ รู้สึกว่ามันเย็นมาก จนต้องลืมตาแล้วต้องไปหาผ้าห่มมาห่มเพิ่มหลาย ผืนเพราะหนาวมาก คิดอยู่ตลอดว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น คิดจนหลับไป

บางครั้งพอหลับตากำลังจะนอนซึ่งก็อยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่นอีกนั่นแหละ ก็รู้สึกสว่างจ้าเหมือนมีคนเอาไฟสปอร์ทไลท์ดวงใหญ่ๆมาส่องที่หน้า ขณะที่
กำลังนอนค่ะ

พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตเบื่อหน่ายโลกเหมือนอยากตัดขาดจากโลกไปเลยค่ะ แต่ รู้สึกแบบสงบๆนะคะ.. และก็เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง อยากทราบว่าอาการที่ว่านั้นเกิดจากอะไร เกี่ยวข้องกับการนั่งสมาธิหรือเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 08:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20:
คนนี้ก็ติดปีติ

ไปดูคำตอบโดยสมบูรณ์ที่กระทู้เรื่องของคนฟุ้งซ่านและคนติดยึดนะครับ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ม.ค. 2017, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b20:
คนนี้ก็ติดปีติ

ไปดูคำตอบโดยสมบูรณ์ที่กระทู้เรื่องของคนฟุ้งซ่านและคนติดยึดนะครับ


เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา ว่ามาตรงนี้เลย ว่าไปชัดๆ :b1: กำหนดถี่ๆจากตัวอย่างนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2017, 20:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
ก่อนจะเกิดอาการที่ว่ามาแต่ละอาการ ให้เขาสังเกตและกำหนดอารมณ์ย่อยที่เกิดก่อนและหลังอาการที่เด่นชัดเหล่านั้นให้ถี่ถ้วนละเอียดกว่านี้ จะพบเหตุที่ทำให้เขาเป็นอย่างนั้น ซ่อนอยู่ในอารมณ์ที่คิดว่าย่อยเหล่านั้น เพราะอารมณ์ใหญ่ที่เกิดเด่น
ชัดเหล่านั้นมันต้องมีเหตุมันถึงเกิด เหตุนั้นเกิดก่อนหน้าและผูกยึดเป็นอุปาทานไว้ด้วยอารมณ์ละเอียดที่ตามหลัง

สอบอารมณ์เขาดูอย่างละเอียดซิเขาเล่ามาไม่ครบหรอก!
:b13:
หมอจะรักษาคนไข้ต้องถามอาการและตรวจให้ละเอียดถี่ถ้วนจึงจะจัดยาให้ได้ตรงและถูกกับโรค
:b11:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร