วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 23:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นท่านอโศกอยากมีอยากเป็นอยากได้นิพพิทาเหลือเกิน นึกสงสาร จึงนำมาให้ดูเป็นกระสายยาหน่อย (ตัดมา)

จิตจะค่อยๆพัฒนาหลังจากปฏิบัติถูกต้องแล้ว เน้นว่าต้องปฏิบัติถูกนะ พินาดู


3) ขั้นปหานปริญญา คือ รู้ถึงขั้นละความหลงผิด ถอนตัวเป็นอิสระได้

6. ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน โดยสาระแท้ๆ หมายถึงวิปัสสนาที่ถึงจุดสุดยอดด้วยอำนาจวิปัสสนาญาณ 8 กับวิปัสสนาญาณข้อที่ 9 คือ สัจจานุโลมิกญาณ แต่พูดอย่างกว้างๆ วิสุทธิข้อนี้ ได้แก่ วิปัสสนาญาณ 9 นั่นเอง คือ นับตั้งแต่ อุทยัพพยญาณ ที่พ้นจากวิปัสสนูปกิเลสแล้ว เป็นต้นไป จนสุดทางแห่งความเป็นปุถุชน หรือสุดวิปัสสนา วิปัสสนาญาณ 9 มีดังนี้

1. อุทยัพพยานุปัสสนา หรือเรียกสั้นๆว่า อุทยัพพยญาณ (4) ญาณหรือปัญญา อันตามเห็นความเกิดดับ คือ พิจารณาความเกิดขึ้นและความดับไปแห่ง เบญจขันธ์ (ขันธ์ห้า ) จนเห็นปัจจุบันธรรมที่กำลังเกิดขึ้น และดับสลายไปๆ ชัดเจน เข้าใจภาวะที่เป็นของไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ ไม่อยู่ในบังคับบัญชาตามความอยากของใคร หยั่ง ทราบว่า สิ่งทั้งหลาย เกิดขึ้น ครั้นแล้ว ก็ต้องดับไป ล้วนเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปทั้งหมด เมื่อเกิดการรับรู้ หรือเคลื่อนไหวใดๆ ในแต่ละขณะ ก็มองเห็นนามธรรม รูปธรรม และตัวรู้หรือผู้รู้ที่เกิดขึ้นแล้วทั้งรูปธรรม นามธรรม และตัวรู้นั้นก็ดับไปพร้อมกันทั้งหมด เป็นความรู้เห็นชัดแก่กล้า (พลววิปัสสนา) ทำให้ละนิจจสัญญา สุขสัญญา และอัตตสัญญาได้

2. ภังคานุปัสสนาญาณ เรียกสั้นๆ ว่า ภังคญาณ (5) ญาณอันตามเห็นความสลาย คือ เมื่อเห็นความเกิดดับเช่นนั้น ชัดเจนถี่เข้าๆ
ก็จะคำนึงเห็นเด่นชัด ในส่วนความดับที่เป็นจุดจบสิ้น มองเห็นแต่อาการที่สิ่งทั้งหลาย ดับไปๆ เห็นว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ล้วนจะต้องดับสลายไปทั้งหมด

4. อาทีนวานุปัสสนาญาณ เรียกสั้นว่า อาทีนวญาณ (7) ญาณอันคำนึงเห็นโทษ คือ เมื่อพิจารณาเห็นสังขารทั้งปวง ล้วนต้องแตกสลายไป เป็น ของน่ากลัว ไม่ปลอดภัยทั้งสิ้นแล้ว ย่อมคำนึงเห็นสังขารทั้งปวงนั้นว่าเป็นโทษ เป็นสิ่งที่มีความบกพร่อง จะต้องระคนอยู่ด้วยทุกข์

5. นิพพิทานุปัสสนาญาณ เรียกสั้นว่า นิพพิทาญาณ (8) ญาณอันคำนึงเห็นความหน่าย คือ เมื่อพิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นโทษเช่นนั้นแล้ว ย่อมเกิดความหน่าย ไม่เพลิดเพลินติดใจ

6. มุญจิตุกัมยตาญาณ (ชื่อเดียวกัน 9) ญาณหยั่งรู้ที่ทำให้ต้องการจะพ้นไปเสีย คือ เมื่อหน่ายสังขารทั้งหลายแล้ว ย่อมปรารถนาที่จะพ้นไปเสียจากสังขารเหล่านั้น

7. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ หรือ ปฏิสังขาญาณ (10) ญาณอันพิจารณาทบทวนเพื่อให้เห็นทาง คือ เมื่อต้องการจะพ้นไปเสีย จึงกลับหันไปยกเอา สังขารทั้งหลาย ขึ้นมาพิจารณากำหนดด้วยไตรลักษณ์ เพื่อมองอุบายที่จะปลดเปลื้องออกไป

8. สังขารุเปกขาญาณ (ชื่อเดียวกัน 11) ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คือ เมื่อพิจารณาสังขารทั้งหลายต่อไป ย่อมเกิดความรู้เห็นสภาวะของสังขารตามเป็นจริงว่า มันก็เป็นอยู่เป็นไปของมันอย่างนั้นเป็นธรรมดา หรือ เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง จึง วางใจเป็นกลางทำเฉยได้ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ขัดใจติดใจในสังขารทั้งหลาย แต่นั้น ก็มองเห็นนิพพานเป็นสันติบท ญาณจึงโน้มน้อมที่จะมุ่งแล่นไปยังนิพพาน เลิกละความเกี่ยวเกาะกับสังขารทั้งหลาย ญาณข้อนี้ จัดเป็นสิขาปปัตตวิปัสสนา คือ วิปัสสนาที่ถึงจุดสุดยอด และเป็นวุฏฐานคามินีวิปัสสนา คือ วิปัสสนาที่เชื่อมถึงมรรค อันเป็นที่ออกจากสิ่งที่ยึด หรือออกจากสังขาร

9. สัจจานุโลมิกญาณ หรือ อนุโลมญาณ (12) ญาณอันเป็นไปโดยอนุโลมแก่การหยั่งรู้อริยสัจ คือ เมื่อวางใจเป็นกลางต่อสังขารทั้งหลาย ไม่พะวง และญาณก็โน้มน้อมแล่นมุ่งตรงสู่นิพพานแล้ว ญาณอันคล้อยต่อการตรัสรู้อริยสัจ ย่อมเกิดขึ้นในลำดับถัดไป
เป็นขั้นสุดท้ายของวิปัสสนาญาณ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ธ.ค. 2016, 21:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




กระบวนการทำงานของมรรค 8_100.1 Kb (2).jpg
กระบวนการทำงานของมรรค 8_100.1 Kb (2).jpg [ 69.17 KiB | เปิดดู 2719 ครั้ง ]
:b12:
ญาณ 9 สั้นดี แต่ห้วนไปเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการรู้ละเอียด

แต่ญาณ 16 ละเอียดดีมากบอกสภาวะของจิตที่พัฒนาเจริญขึ้นเป็นลำดับได้โดยละเอียดถี่ถ้วนดี

ใครจะมองเห็นไหมว่ามันเกิด

อนิจจวิปัสสนาก่อนแล้ว

ทุกขวิปัสสนาจึงชัด

ลงท้ายด้วยอนัตตวิปัสสนา

กบกับกรัชกายเห็นถึงไหมเรื่องนี้ หรือเห็นเท่าทีตำราบอก
???????????

s006
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2016, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
]ญาณ 9 สั้นดี แต่ห้วนไปเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการรู้ละเอียด

แต่ญาณ 16 ละเอียดดีมากบอกสภาวะของจิตที่พัฒนาเจริญขึ้นเป็นลำดับได้โดยละเอียดถี่ถ้วนดี

ใครจะมองเห็นไหมว่ามันเกิด

อนิจจวิปัสสนาก่อนแล้ว

ทุกขวิปัสสนาจึงชัด

ลงท้ายด้วยอนัตตวิปัสสนา

กบกับกรัชกายเห็นถึงไหมเรื่องนี้ หรือเห็นเท่าทีตำราบอก





ใยแมงมุมมาอีกแระ :b1:

ถามท่านอโศกติ๊ดนึง สังขาร ได้แก่อันหยัง

ทั้งนี้ทั้งนั้น มันต้องไปทำไปปฏิบัติ ไม่ใช่อ่านแผ่นชาร์ตนั่นแล้วมโนเอาว่าเห็นแระๆ :b32:

มันต้องมองมาที่สังขาร คือ ร่างกาย กับ ความรู้สึกนึกคิดนี่

โลกภายนอกกว้างไกลใครใครรู้
โลภภายในลึกซึ้งอยู่รู้บ้างไหม
จะมองโลกภายนอกมองออกไป
จะมองโลกภายในให้มองตน.


ทำไปแล้วๆเล่าๆจิตจะพัฒนาเรื่อยๆจนถึงเกิดความรู้เข้าใจสังขารนี่

- นิพพิทานุปัสสนาญาณ เรียกสั้นว่า นิพพิทาญาณ ญาณอันคำนึงเห็นความหน่าย คือ เมื่อพิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นโทษเช่นนั้นแล้ว ย่อมเกิดความหน่าย ไม่เพลิดเพลินติดใจ

แนะๆ จะเอาญาณ 16 (โสฬสญาณ) อีก เห็นตัวเลขในวงเล็บไหม นั่นแหละบอกญาณ 16 ด้วย แต่ก็บอกแล้วว่าตัดมา วิสุทธิ 7 ก็ดี วิปัสสนาญาณ 9 ก็ดี โสฬสญาณก็ดี รวมอยู่ในนั้นหมด เออ

พูดอย่างนั้น แล้วจะจัดให้อีกนะ เอาให้ฮงเป็นไก่ตาแตกเชีย :b32:

หรือเอาลิงค์เต็มๆก่อนก็

http://group.wunjun.com/whatisnippana/t ... 5884-26721

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2016, 20:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
สังขาร = ปรุงแต่ง

มีสังขารอยู่ก็มีทุกข์

หมดสังขารก็หมดทุกข์
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ธ.ค. 2016, 22:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
สังขาร = ปรุงแต่ง

มีสังขารอยู่ก็มีทุกข์

หมดสังขารก็หมดทุกข์
onion


:b32: :b32: :b32:

เอ้า..โทษสังขารอีก..

สังขาร..เป็นสมุทัย..รึ..อโสกะ?

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2016, 07:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
สังขาร = ปรุงแต่ง

มีสังขารอยู่ก็มีทุกข์

หมดสังขารก็หมดทุกข์



สังขาร ที่เราๆนำมาพูดกันในประเทศไทยนี้ มี ๒ คือ สังขารขันธ์ (เจตสิกทั้งหมดทั้งกุศลเจตสิก อกุศลเจตสิก) หนึ่ง

สังขาร = ถูกปัจจัยปรุงแต่ง สังขารในความหมายนี้ รวมหมดทั้งกาย (รูป) ทั้งใจ (นาม) คือรวมหมดทั้งกายและจิตใจ

ถ้าดูตามที่ท่านอโศกตอบความหมายสังขาร เป็นไปไม่ได้เลย นอกจากให้ตายก่อนแล้วเท่านั้นจึงหมดทุกข์

อ้างคำพูด:
มีสังขารอยู่ก็มีทุกข์

หมดสังขารก็หมดทุกข์


ถ้าท่านอโศกอยากหมดทุกข์รอให้ตายก่อนนะขอรับ ใครเชื่อท่านอโศกก็รอให้ตายก่อนเช่นกันจึงหมดทุกข์ คิกๆๆ

นี่คือผู้ศึกษาธรรมบ้านเรา ไม่ศึกษาให้ชัด เข้าใจอะไรคลุมๆเครือๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2016, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
สังขาร = ปรุงแต่ง

มีสังขารอยู่ก็มีทุกข์

หมดสังขารก็หมดทุกข์
onion


อ้างคำพูด:
อโศกะ
ไม่คิดเสียดายเวลาของตนเองบ้างหรือกรัชกาย มัวไปห่วงคนอื่นทำไมขณะที่ตนเองยังจมอยู่ในกองตำรา หาทางออกไม่ได้ ไร้ผลปฏิบัติในคำพูดทั้งหมด มีแต่จดลอกการปฏิบัติของผู้อื่นมาถาม


ว่าไว้ทีี่
viewtopic.php?f=1&t=53441&p=402633#p402633


นั่นคือผลของการไม่ศึกษาความหมายจากตำหรับตำตา เอ้ยตำรา :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2016, 07:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


grin
กรัชกายฟุ้งซ่านมากในวิชาการจนเกินแกง

เสียรสชาดแห่งธรรมไปหมดเลย

นี่แหละคือความน่าเบื่อหน่ายของนักวิชาการผู้หลงในความรู้และตำราทั้งหลาย ซึ่งมักจะหลงทำเรื่องน้อยให้เป็นเรื่องมาก
ทำเรื่องยากให้ยากวุ่นวายสับสนมากขึ้นไปอีก

แทนที่ตะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย

น่าเบื่อหน่ายจริงพวกหนอนตำรา

:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2016, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


กรัชกายฟุ้งซ่านมากในวิชาการจนเกินแกง

เสียรสชาดแห่งธรรมไปหมดเลย

นี่แหละคือความน่าเบื่อหน่ายของนักวิชาการผู้หลงในความรู้และตำราทั้งหลาย ซึ่งมักจะหลงทำเรื่องน้อยให้เป็นเรื่องมาก
ทำเรื่องยากให้ยากวุ่นวายสับสนมากขึ้นไปอีก

แทนที่ตะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย

น่าเบื่อหน่ายจริงพวกหนอนตำรา


รูปภาพ

ถ้ายังงั้นก็เอานี่ เขาเป็นอะไร แล้วจะทำจะปฏิบัติยังไงจึงเดินต่อได้ เอ้า :b13:

คือ เวลาที่นั่งสมาธิสักพัก จิตเริ่มสงบแล้ว ก็เกิดนิมิตเห็นคนหรือวิญญาณไม่แน่ใจค่ะ นั่งก้มหน้าสงบนิ่งอยู่ข้างๆเรา เจอหลายครั้ง บางทีก็มากันหลายคน มีอยู่ครั้งหนึ่งชัดเจนมาก มาด้วยกัน 4 คนค่ะ ผู้ชาย 2 คนหญิงอุ้มลูกเล็กๆอีกหนึ่ง เกิดจากอะไรคะ และทำอย่างไรคะหากเจอแบบนี้ แค่แผ่เมตตาพอหรือเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2016, 21:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16:
เขาติดนิมิต แล้วแก้ไม่เป็น

อาจารย์ก็ไม่ฉลาดสอนเขาไม่ได้
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2016, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b16:
เขาติดนิมิต แล้วแก้ไม่เป็น

อาจารย์ก็ไม่ฉลาดสอนเขาไม่ได้
:b7:


อิอิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2016, 03:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
grin
กรัชกายฟุ้งซ่านมากในวิชาการจนเกินแกง

เสียรสชาดแห่งธรรมไปหมดเลย

นี่แหละคือความน่าเบื่อหน่ายของนักวิชาการผู้หลงในความรู้และตำราทั้งหลาย ซึ่งมักจะหลงทำเรื่องน้อยให้เป็นเรื่องมาก
ทำเรื่องยากให้ยากวุ่นวายสับสนมากขึ้นไปอีก

แทนที่ตะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย

น่าเบื่อหน่ายจริงพวกหนอนตำรา


:b7:


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
สังขาร = ปรุงแต่ง

มีสังขารอยู่ก็มีทุกข์

หมดสังขารก็หมดทุกข์
onion


:b32: :b32: :b32:

เอ้า..โทษสังขารอีก..

สังขาร..เป็นสมุทัย..รึ..อโสกะ?

:b9: :b9:
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2016, 20:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ปฏิจจสมุปบาท(1).jpg
ปฏิจจสมุปบาท(1).jpg [ 65.55 KiB | เปิดดู 2639 ครั้ง ]
onion
สังขาร เป็นปัจจัยหนึ่งของสมุทัย ไล่มาเองจนถึงตัณหานะกบ
:b11:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2016, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
สังขาร เป็นปัจจัยหนึ่งของสมุทัย ไล่มาเองจนถึงตัณหานะกบ
:b11:



ก่อนขึ้นไปบนยอดเขา ให้เผาแผ่นชาร์ตทิ้งให้หมด ไม่ต้องเอาไปด้วยนะขอรับ

ดูจากนี้พอ

โลกภายนอกกว้างไกลใครใครรู้
โลกภายในลึกซึ้งอยู่รู้บ้างไหม
จะมองโลกภายนอกมองออกไป
จะมองโลกภายในให้มองตน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2016, 21:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ภาพชาร์ทและคำอธิบายอยู่ในสัญญาผมหมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องเผาตามคำเรียกร้องของคนที่อ่านความหมายจากแผ่นชาร์ตไม่ออก

ยังมีคนที่ใช้ประโยชน์จากแผ่นภาพเป็นอยู่อีกมากมายนะกรัชกาย เขาไม่ตีบตันเหมือนกรัชกายกันหรอกนะครับ
onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร