ก็คิดอยู่แล้ว..ว่าจะพูดอย่างนี้...

อโสกะ...หายไป..

แล้วจะพูดให้ใครฟัง...ละ

การค้นหาแบบโยคี ฤาษี สมัยก่อนนั้น เขาเอาสตินำหน้าแต่เพียงฝ่ายเดียว

สติ เป็นเหตุสมาธิ คือถ้าเจริญแต่สติ จะได้สมาธิและฌาณเป็นผล ทั้งรูปฌาณและ อรูปฌาณ

เจ้าชายสิทธัตถะทรงพิสูจน์ทางเดินสายสตินำหน้านี้แล้วพบว่า ไม่ใช่ทาง ไม่หมดกิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง ไม่สิ้นสุด
ความทุกข์ ความเวียนว่ายตายเกิด

เมื่อทรงเปลี่ยนวิธีการ มาเอาปัญญานำหน้า โดยมีสติ(ศีล) สมาธิเป็นกองหนุน พระองค์จึงได้ค้นพบ อริยสัจ 4 และความหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง

แล้วพระองค์จึงทรงมาสรุปผลการวิจัย ค้นคว้า ทดลองของพระองค์ในวันแสดงปฐมเทศนาว่า

ทางสุดโต่ง 2 ทางที่ไม่พึงกระทำคือ
1.อัตตกิลมถานุโยค การทรมาณตนเอง หรือการเอาสตินำหน้าเพื่อให้ได้สมาธิและฌาณสุขจนสูงสุดแบบฤาษี โยคีทั้งหลาย
2.กามสุขัลลิกานุโยค การบำรุงบำเรอตนเองด้วยกาม และแสวงหาความสุขทางกาม อันได้แก่การประกอบแต่ทานและศีลเพื่อให้ได้รับผลสุขในกามโลกทั้ง 7 ชั้น

3.พระพุทธองค์ทรงแสดงมัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลาง
คือการเอาปัญญามรรค 2 ข้อนำหน้า ตามสนับสนุนด้วยศีลมรรค 3 ข้อ สมาธิมรรค 3 ข้อ ว่านี่คือทางหรือวิธีการอันประเสริฐที่จำนำสัตว์โลกทั้งหลายให้ได้พบอริยสัจ 4 ทำลายเหตุทุกข์ได้และหลุดพ้นจนเข้าถึงนิพพานอันเป็นบรมสุข อมตะนิรันดร์กาล สิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิด

ดังนั้นพุทธบุตรทั้งหลาย จึงพึงเดินตาม ทำตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนและแนะนำไว้ดีแล้วเถิด

จาก

viewtopic.php?f=1&t=53414



ความคิดความเห็นนี้แหละ...แสดงถึง ปัญหาของอโสกะ..ที่ซ่อนในใจ

ผมถึงมาตั้งกระทู้..นี้

กบคิดว่าตรงไหนเป็นปัญหาล่ะครับ
อ่านดูดีๆอีกทีนะครับ

การที่คิดว่า..นิพพาน..ต้องหมดรู้..นี้แหละ...คับ..คือปัญหาของผู้นั้น

เลยพาล..ไปฝึก...นิ่งให้อะไรต่อมิอะไร..ดับไปเอง...เพราะจุดหมาย..ต้องหมดรู้....

นิ่ง...สังเกต..นี้..ผมไม่เถียง..นะว่าไม่ใช่การฝึก...มันก็คือการฝึกสติ..แต่ฝึกดูเห็นแล้วยังงัยต่อ..

แต่..ผล...มันจะเป็นตัวบอกว่า..ที่ฝึกมานั้นนะ...มันสัมมา..รึ..มิจฉา

ผลที่ว่า..คืออะไร?

พอ..บอกไป..กลับ..ไม่เก็ท...

ก็แสดงง่ายๆเลยว่า..ยังมีอะไรที่ไม่สมบูรณ์...จะบอกว่าฝึกผิดก็ดูจะเกินไป....

.อโศกะ..เคยว่า...ให้มันดับไปเอง..บ่อยๆ...ก็อยู่นิ่งได้นานขึ้น..สุขนานขึ้น...

ก็ยิ่งชัด...

อโสกะ..มักว่า..การคิด(โยนิโส)..เป็นสังขารเป็นการแทรกแซง..

มันก็แสดงผลให้เห็นแล้วว่า..อโสกะไม่รู้สึกถึง...ปัญญาญาน

บอกอโสกะใว้หน่อย..ว่า..การนิ่งสังเกตดู..นั้นนะ...เป็นข้อเด่นของการฝึกแนวสุขวิปัสโก..แล้วต้องตามมาด้วยโยนิโสมนสิการ...

การนิ่ง...ดู..สังเกต...ไม่เข้าไปแทรกแซง...ไม่ปรุงแต่งต่อ...ให้มันดับไปเอง...แล้วคุณอโสกะก็สงบ....

มันก็สงบนะซี..ก็ไม่ปรุงแต่งมัน..มันก็สงบ..

สงบ..แล้วงัย?..

อโสกะ..ก็ว่ามันดี..อยู่นี้งัย..

ผมถึงอยากจะพาอโสกะ..มาดูเขาทำอรูป..จริงๆ...นั้นเขาทำยังงัย?

ท่องตามตำรา..อาจจะงง..(ไม่ใช่ซิ..ต้องบอกว่า..งง..แน่ๆ)

พอเห็นแล้วอโสกะ..อาจจะว่า..เอ้..คล้ายๆตัวเองทำจัง..ก็ได้..

รูปยังไม่เคยทำน๊อยจะไปทำอรูป คิกๆๆ จะบ้าตาย

เขาทำ....

รู้ว่า...เขาทำถูก...

ไม่ได้บอกว่าผมทำ...จักหน่อย..

รู้ว่าเขาทำถูก ตนเองก็ต้องเคยทำ และทำถูกมาก่อนชิมิ ชิมิ

ทุ่มด้วยรถไฟฟรีสะดีไหมนี่

http://f.ptcdn.info/474/047/000/oh765r5 ... 1k0n-o.jpg

เอ่อ..น่า..

ไม่เข้าใจ อะไร หรือหมดตูดแล้ว

ผมบอกไปแล้ว...เขาทำถูก

แล้วเคยทำมาแบบไหนละ..กักกาย...แล้วผลเป็นงัยบ้าง...

อโสกะเขาบอกมาแล้ว...ว่า..นิ่งสังเกตจนมันดับไปเอง..

ในเมื่อรับประกันว่าเขาทำถูก ก็แสดงว่า ตนเองเคยทำมาแล้วแล้วก็ทำถูกด้วย ชิมิ แล้วทำแบบไหนวิธีใดหรอ




นั่นเป็นวาทกรรม การทำไม่ใช่คิดสร้างวาทกรรม

นี่คือการทำของผู้ทำจริงๆ







เคยบอกแล้วว่า ผัวเมียนอนเตียงเดียวกันทุกคืน ยังไม่รู้เลยว่า เขาปฏิบัติแล้วผลทางใจมันเป็นยังไง นอกจากตัวอย่างเป็นต้นนั้นที่พอเล่าสู่กันฟังได้ เพราะผลมันเป็น "ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ"

นี่ตัวอย่าง

แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย

มันน่าน้อยใจนัก!!

ดูผู้ปฏิบัติ เขาดูจากการลงมือทำ ทำแล้วเป็นยังไงเล่าให้ฟัง แล้วผู้รับฟังที่สอบอารมณ์ จะแนะนำให้



มิใช่สร้างวาทกรรมนั่นนี่อย่างท่านอโศกว่า ถ้าแบบนั้นไม่ใช่แล้ว คิกๆๆๆ มโนแล้ว