หลายๆครั้ง....ความไม่ดี..ก็ทำให้เกิดสิ่งดีดี..ได้

เกษตร์กร...คิดเป็น..เมื่อถึงเวลาต้องใช้ความคิด...

โรงสีข้าว...ขายดี

หลายๆครั้ง....ความไม่ดี..ก็ทำให้เกิดสิ่งดีดี..ได้

เกษตร์กร...คิดเป็น..เมื่อถึงเวลาต้องใช้ความคิด...

โรงสีข้าว...ขายดี

ชื่อกระทู้ "หาทางช่วยชาวนาตามประสาธรรม" ว่า

ตกลงนี่กบจะช่วยชาวนาหรือช่วยร้านค้าขายเครื่องสีข้าว หรือมีค่าคอมฯ

คนปฏิบัติธรรม...ก็คน..อยู่ในสังคมคนหนึ่ง...
ให้เข้ากับสถานะการณ์...มีอะไรแนะนำ..ข้อคิด..ที่คิดว่า...จะช่วยชาวนากันได้บ้าง.

ลองมาช่วยกันออกความเห็นดีมั้ยคับ...

กักกาย..นอกจากจะคอยเสียดสีรัฐบาลที่ตัวไม่ชอบ...พอจะมีแนวทางจะช่วยชาวนายังงัยบ้าง..คับ?

เพื่อนๆ...คิดยังงัย..ก็ลองมาสนทนาแลกเปลี่ยนกันดูนะคับ..

ช่วยเหลือกัน..ตามสติ..ตามกำลัง..ตามโอกาส..
ช่วยกันให้..เจริญขึ้น...

ถ้าเรา..คิดว่า..ตัวเราเป็นนักใฝ่ธรรมะ...เป็นคนปฏิบัติธรรม...ก็เป็นการควรที่จะนำสิ่งที่เรามี..เราเป็น..มาช่วยเหลือกัน...ช่วยตามสไตล์ของเรา..ตามโอกาส

ถ้าหากคุณบังเอิญได้พบชาวนา...ที่กำลังลำบากอยู่ในขณะนี้...คุณจะทำอย่างไร?

จะคุยอะไรกับเขา..ให้เขาเจริญขึ้น...

ช่วยเหลือกัน..ตามสติ..ตามกำลัง..ตามโอกาส..
ช่วยกันให้..เจริญขึ้น...

ถ้าเรา..คิดว่า..ตัวเราเป็นนักใฝ่ธรรมะ...เป็นคนปฏิบัติธรรม...ก็เป็นการควรที่จะนำสิ่งที่เรามี..เราเป็น..มาช่วยเหลือกัน...ช่วยตามสไตล์ของเรา..ตามโอกาส

ถ้าหากคุณบังเอิญได้พบชาวนา...ที่กำลังลำบากอยู่ในขณะนี้...คุณจะทำอย่างไร?

จะคุยอะไรกับเขา..ให้เขาเจริญขึ้น...

โดยชาวนาที่มียุ้งฉางจะได้ค่าข้าวหอมมะลิเกวียนละ 13,000 บาท แต่ถ้าไม่มีก็จะเหลือ 11,500 บาท ที่สำคัญก็คือการเติมเงินให้ชาวนาก็ทำไม่ยาก ชนิด one-2-call คาดไม่ถึง กลเม็ดเด็ดก็คือการปรับอัตรารับจำนำ จากเดิมที่ให้แค่

ในส่วนตัวผมนะ....ส่วนใหญ่..จะถามข้อมูลของเขาก่อน...ทำกี่ไร่...ว่างจากไร่นาแล้วไปทำอะไร...ค่าจ้างไถ่ไร่ละเท่าไร...ปุ๋ยราคาถุงเท่าไร..ฯ..

แล้วเราก็จะบอกข้อมูลที่เรามี..เราได้ข่าวมา...ที่เราอ่านเจอ..แล้วก็บอกแนวโน้มราคาจะดีขึ้น...เท่าเดิม..รึ..ต่ำลง...ถ้าดูแล้วไม่สดใส..ก็เตือนเขาให้ระมัดระวังการใช้จ่าย..การก่อหนี้...หาทางลดต้นทุนการทำนา..

ถ้าเขาอยากจะไปออกรถไถ่แบบผ่อนส่ง...จากข่าวสารที่เรามี...ก็บอกเขาไปว่า..ต้องทำกี่ไร่ถึงจะคุ้มกับการออกรถไถ่...ถ้าเขาบอกว่าจะใช้รถรับจ้างไถ่นาช่วยผ่อนส่งรถ...ก็จะเตือนเขาให้ระวัง..เพราะใครใครก็ออกรถมาได้เหมือนๆกัน..อาจจะไม่ได้รายได้เพิ่มอย่างที่คิดใว้...

เป็นต้น..

สำคัญเลย...อย่าทำอะไรที่เกินตัวมากไป...พอเพียงกำลังที่ทำได้...ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเช่น...บวชลูกก็ทำง่ายๆ..ข้าวหม้อแกงหม้อก็บวชได้...อย่าไปเสียตังค์ซื้อเหล้ากินเลี้ยงกันใหญ่โตเอิกเกริก...งานศพถ้างดเหล้าเบียรได้จะลดค่าใช้จ่ายได้เยอะ...บางคนถ้าจะต้องกู้เงินมีดอกเบึ้ยเพื่อการลงทุน...ก็คิดเรื่องการเงินให้รอบคอบ...ส่วนใหญ่ชาวไร่ชาวนา...จะขาดการคิดเรื่องต้นทุนกำไร...

เทคโนโลยีการทำนาในญี่ปุ่น

การจะเป็นชาวนาญี่ปุ่นได้นั้นไม่ง่ายเลย เพราะชาวนาญี่ปุ่นต้องลงทะเบียนเกษตรก่อนหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะมาตรวจสอบในพื้นที่ว่ามีแหล่งน้ำและอุปกรณ์การเกษตรพร้อมไหม มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลในเขตนั้นหรือไม่ หากทุกอย่างพร้อมชาวนาถึงจะทำนาได้ และก่อนทำนาเจ้าของนาต้องวัดพื้นที่แบ่งเป็นแปลงๆ เอาดินดีมารองพื้นคัดแยกรากไม้ เศษหินดินก้อนโตทิ้ง บดอัดดินให้แน่นและเรียบ ใส่น้ำในนาวัดระดับถ้าไม่เท่ากันก็ปรับพื้นใหม่ให้เรียบเสมอกัน เรียบร้อยทั้งหมดนี้แล้วจึงจะเริ่มทำนาปลูกข้าวได้จริงๆ

นาข้าวในประเทศญี่ปุ่นนั้นพื้นที่ไม่กว้างเหมือนอย่างนาข้าวในประเทศไทย ชาวนาญี่ปุ่นนิยมปลูกข้าวไว้พอมีกินได้ทั้งปีเหลือกินจึงขาย และทุกขั้นตอนของการทำนาในประเทศญี่ปุ่นนั้นล้วนแล้วแต่เอาเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องหมด ทำด้วยความพิถีพิถันเอาใจใส่ทุกขั้นตอน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพการทำนา แทนที่จะเรียกว่ามีอาชีพเป็นชาวนาก็ว่าได้

เครื่องมือเครื่องจักรขนาดเล็กที่นำมาใช้ในการทำนาจึงเป็นสิ่งที่ชาวนาทุกบ้านมีใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเพาะกล้า รถแทรกเตอร์ รถดำนา เครื่องพรวนหญ้า รถเกี่ยวนวดข้าว เครื่องตัดหญ้า เครื่องพ่น บางบ้านมีที่นาน้อยก็อาศัยจ้างวานเพื่อนบ้านหรือสหกรณ์แทน ดังนั้นการทำนาในประเทศญี่ปุ่นจึงไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาอะไร คนชรา ผู้หญิง หรือคนทำงานประจำราชการ พนักงานเอกชน เลิกงานมาก็สามารถขับรถไถนา ดำนาปลูกข้าวเกี่ยวข้าวได้เหมือนกัน

ชาวนาญี่ปุ่นจะทำนาปีละ 1 ครั้งเท่านั้น เพราะสภาพอากาศและพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย แต่การทำนาเพียงแค่ปีละครั้งชาวนาก็มีรายได้เพียงพอและสุขสบายกว่าพนักงานที่รับเงินเดือนประจำมาก
ฤดูกาลทำนาในญี่ปุ่นนั้นจะเริ่มเพาะกล้ากันประมาณเดือนพฤษภาคม บ้านไหนที่ไม่เพาะกล้าเองก็จะซื้อต้นกล้ามาจากสำนักงานสหกรณ์การเกษตรญี่ปุ่น( JA - Japan Agricultural) ซึ่งเป็นที่ขายและรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรทุกรูปแบบได้ การเพาะกล้าข้าวนั้นจะใช้เครื่องเพาะกล้าเพาะเมล็ดพันธุ์จำนวน 8-10 กิโลกรัมต่อไร่ อนุบาลกล้าก่อนลงเเปลง 15-25 วัน (ความสูงไม่เกิน 25 เซนติเมตร) ได้กล้าที่โตได้ที่แล้วก็จะนำมาปักดำในนาด้วยรถดำนา โดยก่อนปักดำนาจะโรยปุ๋ยหมักไถพรวนดิน และปล่อยน้ำเข้านาเพื่อให้ดินอุ้มน้ำเป็นเวลาล่วงหน้า 1 วันก่อนวันปลูกจริง

พอเข้าเดือนกรกฎาคมต้นกล้าก็จะโตเป็นต้นข้าวแล้วระหว่างนี้ต้องคอยดูแลกำจัดวัชพืชด้วยเครื่องพรวนหญ้าในร่องนาดำเพื่อลดการใช้ยากำจัดวัชพืช และดูเรื่องการปล่อยน้ำเข้าออกนาให้ได้ระดับพอดี ใช้เครื่องชักร่องน้ำระบายน้ำไม่ท่วมขังเเปลงนาช่วยลดก๊าชมีเทน และจะมีพายุใต้ฝุ่นเข้าในเดือนสิงหาคมชาวนาจะต้องระบายน้ำเข้าออกนาเพื่อป้องกันต้นข้าวล้ม

ในเดือนกันยายนข้าวจะสุกเหลืองถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวได้ ชาวนาญี่ปุ่นจะใช้รถเกี่ยวนวดข้าวขับเข้านาเก็บเกี่ยวได้มาเป็นข้าวเปลือกเลยโดยใช้รดเกี่ยวนวดข้าวเฉพาะคอรวงทำให้ความชื้นของข้าวเปลือกต่ำลดพลังงานในการอบแห้งลงมาก ฟางที่เหลือก็จะถูกเก็บเป็นมัดๆเอามาเก็บไว้ใช้ในการปลูกผักหรือทำปุ๋ยหมักสำหรับทำนาในรอบต่อไป ข้าวเปลือกที่ได้จะถูกนำไปอบแห้งที่โรงอบบรรจุลงถุงกระดาษรีไซเคิลเก็บไว้หรือเก็บไว้ในไซโลของเกษตรกรทยอยนำไปสีในโรงสีขนาดเล็กที่ซื้อไว้ใช้ในครัวเรือนขายทั้งปีทั้งข้าวกล้อง ข้าวขาว ส่วนรำและแกลบเก็บไว้ใช้ในบ้านต่อไป

สังคมเกษตรของญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นคนชราอายุ 60-70 ปี เพราะคนหนุ่มสาวจะทำงานในเมืองและกลับมาทำนาในช่วงวันหยุดเท่านั้น ดังนั้นการใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้การทำนาซึ่งเป็นงานที่หนักสามารถทำได้ง่ายขึ้นมาก

ผมมีอะไร..ก็ทำอันนั้น..รู้อะไร..ก็บอกเขาไป...เท่าที่พูดคุยได้คับ...
เท่าไร..ก็เท่านั้น..