หลับตาก็รู้ เพราะจิตของท่านตื่นอยู่ตลอด

การมีเมตตาและกรุณาเตือนสติเรียกคืนสัมปชัญญะผู้คน
เป็นกุศลจิต กุศลเจตนาและกุศลกรรมนะครับ น้องรสริน

การมองเจตนาดีผิดไปนั่นแหละอกุศล เศร้าหมองจิตใจทันทีนะครับ

พระอรหันต์ทำงานก่อสร้างไหม

เก่งเนอะไปรู้ว่าไหนจิตพระอรหันต์
ท่านอโศกะจิตภูมิไหนล่ะเอ้อรู้ไปหมด
พระพุทธเจ้าว่าพระโสดาท่านก็รู้ภูมิพระโสดา
พระสกิทาคามีท่านก็รู้ภูมิของพระสกิทาคามีไม่ใช่เหรอ
พระอนาคามีท่านก็รู้ภูมิของพระอนาคามีเอ่อท่านอโศกะภูมิไหนจ๊ะ
รู้หมดทุกภูมิแล้วก็เลยคำสอนไปเขียนแต่งผังเองด้วยมีแต่ไม่รู้ที่จิตตน555
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ความจริงที่จิตตนมีไม่ใช่เหรอท่านอโศกะเป็นอะไรไปแล้ว

การถึงภูมิธรรมแล้วรู้ภูมิผู้ที่เสมอกัน นั้นก็เป็นทางหนึ่งที่ใช่

แต่การได้อยู่คลุกคลีใกล้ชิดกับท่านผู้มีภูมิธรรมตั้งแต่โสดาบันถึงอรหันต์ก็อาจทำให้เรามีโอกาสได้รู้สิ่งที่ชาวบ้านชาวโลกทั้งหลายอย่างน้องรสรินนี้เป็นต้น ไม่รู้นะจ๊ะ

ได้รู้แล้วจึงอดเอามาแบ่งปันเล่าสูกันฟังไม่ได้

พระอริยเจ้าตั้งแต่สกิทาคามีขึ้นไปนี่ ท่านจะอยู่โดยไม่คิดก็ได้ ความคิดนึกจะเกิดขึ้นมาใช้เมื่อมีงานต้องใช้ หมดงานท่านก็ไปอยู่ในภาวะที่ไม่ต้องคิดนึก หรือภาวะที่

"ไม่มีอะไร" ได้ดั่งใจประสงค์ เป็นธรรมชาติและปกติธรรมดาของท่านด้วย

น้องรสรินทำได้หรือยังจ๊ะ ถ้ายัง มรรคที่คิดว่าได้ว่าถึงก็อาจจะยังไม่ใช่ไม่จริงก็ได้นะครับ

ใครกันนะที่เป็นพระอรหันต์ ซึ่งท่านอโศกเข้าไปคลุกคลีตีโมงด้วย

เก่งแต่เรื่องภายนอกเรื่องจิตตนเองไม่รู้อยากจะรู้แต่จิตคนอื่นไม่ใช่วิสัยของผู้รู้นะท่านอโศกะ
จำไม่ได้เหรอคะว่าพระพุทธเจ้าสอนว่าให้รู้ความจริงที่กายกับจิตตนการส่งออกคือสะสมกิเลสแล้ว
แล้วจะไปอยู่ใกล้ใครที่ไหนก็ตามความจริงที่มีรู้ได้ในกายใจตนส่งออกคือคิดเรื่องอื่นไม่ใช่สติเลยจร้า
พระพุทธเจ้าสอนให้มีความเห็นถูกต้องตามที่พระองค์บอกแต่ความไม่รู้ของตนที่คิดไปดูผู้อื่นจึงไม่รู้สติไง

กรัชกายอยากรู้ก็มาคลุกคลีใกล้ชิดกับอโศกะก่อนสิแล้วจะพาไป

ส่วนน้องรสรินไม่ต้องห่วงเรื่องการมองเข้าข้างใน อโศกะทำมามากพอสมควร จึงมาท่องดูยุทธจักรภายนอก ช่วยผู้คน

เพลียจิต...อโสกะ

ขอโทษนะถ้าจะพูดว่า...หากพูดอย่างนี้..ก็รู้เลยว่า..คนที่พูดให้อโสกะฟัง..อยู่ตรงไหน...

บอกยังงัยก็ไม่เก็ท...ชอบไปเก็ทกะใครก็ม่ายรู้...ชอบนัก..นอกตำรา...
แต่ก็อย่าว่าแหละ...มันเป็นเรื่องบุญทำกรรมแต่ง...

ไม่เอาหรอกกัวอ่ะ แต่จะไปใกล้ ก็เอาไม้หน้าสามฟาดท่านอโศกสักสามทีแล้วก็ลากลับ คิกๆๆ

จะช่วยคนได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่อท่านอโศกเห็นว่าคนไม่ใช่ธรรม

ศึกษาธรรมมาตั้งนานแต่กลับอยากเป็นฆาตกรฆ่าคนด้วยไม้หน้าสาม เพราะความขุ่นเคืองแค้นอย่างแสนสาหัส อย่างนี้มันจะใช้ได้เหรอ นักวิชาการธรรมะ กรัชกาย

กบก็เป็นเหมือนน้องรสรินอีกคนหนึ่งแล้ว

ไม่เจอของจริงเลยไม่ยอมเชื่อ คงต้องปล่อยให้บุญถึง บารมีพอแล้วค่อยได้พบพระอริยเจ้าจริงๆด้วยตัวเองนะครับ

พวกนักวิชาการนี่สรุปความกันเอาเอง ตามใจและตัณหา มานะของตัวเองทั้งนั้น ไม่เคยพิสูจน์ธรรมด้วยตัวเองจริงๆสักที เลยมีแต่มโน โมเม ว่าคนโน้นคนนี้ไปตามความเห็นผิด รู้ผิดของตนเอง
เศร้า สลด สังเวช จังเลย นักธรรมะ หนอนตำรา

ผมกล้าพูด...อย่างนั้น...เพราะ....จุด..จุด...

อโสกะ...กล้าพิสูจน์มั้ย?

แค่เรื่องกลั้นหายใจ..แล้วว่าพระพุทธเจ้าสลับ..ลำดับในมหาสติปัฎฐานสูตร..นี้..ผมก็รู้แล้วว่า..อยู่ตรงไหน..

มันไม่ใช่ความผิดหรอกครับ..มันเป็นธรรมดา..

ส่วนที่ว่า...สกิทาคามี...อย่างที่อโสกะว่ามา...นั้นนะ...มันเกินไป...ก็แสดงว่า..คิดเอง..จิตนาการไปเอง..

ก็แค่นั้น...

อโสกะ...ศรัทธามากไป...ทำให้เกาะคำสอนนั้น..จนเป็นอุปทานได้..เลยไม่ไปไหน...ใครพูดอะไร..ก็ฟังไม่เข้าใจ..รึไม่ฟังซะเลย..

การนิ่งเฉยๆ..ก็เช่นกัน...ถ้าอโสกะไม่เคยเข้าอรูปฌาน..อโสกะจะแยกไม่ออกเลยว่า..ระหว่างการเฉยเพราะวิธีเข้าอรูปฌาน..กับการเฉยแบบ..วิปัสสนาญาน..ต่างกันยังงัย...

ผมเคยพูดกับอโสกะเรื่องนี้..มานานแล้วนะ..จำได้มั้ย?

ถ้าอโสกะจะพิสูจน์..ว่าจริงมั้ย...ก็ต้องลองทำดู...ละคับ

กบก็คงคาดเดาเอาตามความคิดความเห็นอนุมานเอาของตนเองเช่นเดิมไม่เคยได้เจอคนจริงของจริง

ส่วนผมนี่ได้พบกับตัวบุคคลที่ชีวิตเขาเปลี่ยนไปแล้วด้วยผลแห่งธรรมเขาเล่าสภาวะและรับรองสภาวะให้ฟัง จึงกล้าประกาศบอกกล่าวแก่มิตรสหายนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายว่าของจริงมันมีจริงในยุคปัจจุบัน

ส่วนเรื่องนิ่งรู้นิ่งสังเกตนั้นมันเป็นบาทฐานของวิปัสสนาเริ่มจากขณิกะและอุปจาระสมาธิเท่านั้น มิได้จำเป็นต้องไปเข้าถึงอรูปฌาณอย่างที่กบว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปเข้ารูปฌาณ อรูปฌาณ ถ้าจะเจริญวิปัสสนาภาวนา