วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 15:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
[๕] เอวมฺเม สุต ฯ เอก สมย ภควา สาวตฺถิย วิหรติ
เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม ฯ อถ โข อฺตรา เทวตา
อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺป เชตวน
โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺต
อภิวาเทตฺวา เอกมนฺต อฏฺาสิ เอกมนฺต ิตา โข สา เทวตา
ภควนฺต คาถาย อชฺฌภาสิ ฯ

[๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ครั้นปฐมยามล่วงไป
เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีงามยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
แล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า

[๖] พหู เทวา มนุสฺสา จ มงฺคลานิ อจินฺตยุ
อากงฺขมานา โสตฺถาน พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม ฯ

[๖] เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี ได้พากันคิดมงคลทั้งหลาย
ขอพระองค์จงตรัสอุดมมงคล



รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 08:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b14:
สาระสำคัญของการแสดงความคิดเห็นเพื่อให้สมช.ในลานได้ศึกษาและร่วมแสดงความคิดเห็น
จะโพสต์ขึ้นมาแล้วเหมือนเป็นใบ้ โพสต์อยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีการโต้ตอบเพื่อทำความเห็นตรงคำสอน
ไม่ใช่ตู ไม่ชอบ ตูไม่อยากให้เข้ามาเม้นต์ เรื่องของตู สูไม่เกี่ยว นี่มันน่านักนะ น่าจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ
การตั้งกระทู้ใหม่1กระทู้ก็เท่ากับเปิดห้องประชุม1ห้อง ถามสิจะนั่งประชุมแค่2คนกับDuangratใช่ไหม?
:b32: :b32:



อ้าว ไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ นี่ขนาดเราพิมพ์น้อย ถามน้อยนะ ยังพลอยเอาไปแขวะ
เราเห็นแต่คุณRosarin จู้ฮุกกรู ทุกกระทู้ที่คุณโฮตั้ง แล้วทู้ไหนเหรอ ที่ว่า นั่งประชุมแค่2คนกับDuangrat


คุณRosarinแกหึงคุณครับ เห็นผู้หญิงคนไหนคุยกับผมไม่ได้
จะต้องพาลอาละวาดเขาทุกที
:b32:

:b34:
ฝันหวานไปเถอะ นรกมีจริงไม่มีอัดมีอั้น วิจิตรไปตามสิ่งที่คิดน๊า
ยังไม่สำเหนียก ไม่เคารพคำสอนพระพุทธเจ้า ระวังเงาหัวจะไม่มี
:b34:


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
อานาปานสติสูตร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุสำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต
หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจเข้า สำเหนียกอยู่ ว่าเราจัก
ทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจออก ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจออก ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจเข้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในสมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าว
อานาปานสติแก่ภิกษุผู้เผลอสติ ไม่รู้สึกตัวอยู่ เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น
ภิกษุจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌา
และโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ฯ



นี่แหละตำราทั้งดุ้น

บอกวิธีทำสิโฮฮับ

สำเหนียก ทำยังไง

เปลื้องจิตเปลื้องยังไง

กำจัดอภิชฌากำจัดยังไง


สมองมันไม่ได้แยกแยะเลย ไม่รู้อะไรเป็นบริบท อะไรเป็นประเด็น
ไปสีซอดีกว่า :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
อานาปานสติสูตร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุสำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต
หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจเข้า สำเหนียกอยู่ ว่าเราจัก
ทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจออก ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจออก ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจเข้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในสมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าว
อานาปานสติแก่ภิกษุผู้เผลอสติ ไม่รู้สึกตัวอยู่ เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น
ภิกษุจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌา
และโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ฯ



นี่แหละตำราทั้งดุ้น

บอกวิธีทำสิโฮฮับ

สำเหนียก ทำยังไง

เปลื้องจิตเปลื้องยังไง

กำจัดอภิชฌากำจัดยังไง


สมองมันไม่ได้แยกแยะเลย ไม่รู้อะไรเป็นบริบท อะไรเป็นประเด็น
ไปสีซอดีกว่า :b32:



เอามาลงทำไม ในเมื่อตนเองก็ไม่ซึมทราบ ไม่ประสีประสา เทห์ อุเทน พรหมมินทร์ไง

ถ้างั้น ก็เอ้า โกหกหน้าตาย

https://www.youtube.com/watch?v=PO6AdCGJHaA

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 08:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โดยหลักของอาณาปานสติ โดยแท้แล้วก็คือการใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ
เพื่อเจริญสติปัฏฐาน ไม่ว่าจะเป็นกาย เวทนา จิต และธรรม

การที่พระท่านบอกว่า "จิตกำลังรู้ลมและคนนั้นมีมุมมองในการรู้ลม"
คำพูดนี้ไม่ผิดไปจากความเป็นจริง ถ้าเอามาเทียบเคียงกับอาณาปานสติสูตรสักเทา่ไร

อ้างคำพูด:
อานาปานสติสูตร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุสำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต
หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจเข้า สำเหนียกอยู่ ว่าเราจัก
ทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจออก ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจออก ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจเข้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในสมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าว
อานาปานสติแก่ภิกษุผู้เผลอสติ ไม่รู้สึกตัวอยู่ เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น
ภิกษุจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌา
และโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ฯ


ในพระสูตรกล่าวว่า "เราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจเข้า".....
กำหนดรู้จิตหายใจเข้า หายใจออก.....นี่ก็คือท่านเปรียบจิตเป็นลมหายใจเข้าออก

" สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักตั้งจิตมั่น
" จิตร่าเริง จิตตั้งมั่น เพราะลมหายใจเข้าออก ฯลฯ

โดยสรุปก็คือ จิตที่เกี่ยวกับลบมหายใจเป็น จิตตานุปัสสนาฯ

"จิตกำลังรู้ลมและคนนั้นมีมุมมองในการรู้ลม เป็นจิตตานุปัสสนาฯ"
คำพูดของพระมันก็สอดคล้องกับเนื้อหาในจิตตานุปัสสนาอยู่แล้ว
ฉะนั้นเหล่าโมฆะบุรุษจึงไม่สมควรที่จะไปมั่วกล่าวหาท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 15:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2014, 11:29
โพสต์: 64

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอไม่อ้างอิงพระนะ เพราะไม่ได้ตามไปฟัง
แต่อ่านคุณโฮแล้ว ขัดๆกะที่เข้าใจ

"โดยสรุปก็คือ จิตที่เกี่ยวกับลบมหายใจเป็น จิตตานุปัสสนา"
ที่เข้าใจคือ เมื่อรู้ลมออกเข้า เป็นการตามเห็นกายในกาย คือกายานุปัสนา

แต่ มาถึง เวทนา จิต นั้น มันเป็นการตามรู้ สภาวธรรมที่เกิดขึ้นต่อๆมา โดยมีการรู้ลม(กายาฯ)มีสติสัมปชัญญะ เป็นฐาน
ไม่คืดว่า จิตคือการที่ผู้ปฏิบัติมีมุมมองในการรู้ลม
ถ้ารู้ลมอยู่อย่างนั้น เป็น กายานุปัสนา ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Duangrat เขียน:
ขอไม่อ้างอิงพระนะ เพราะไม่ได้ตามไปฟัง
แต่อ่านคุณโฮแล้ว ขัดๆกะที่เข้าใจ

"โดยสรุปก็คือ จิตที่เกี่ยวกับลบมหายใจเป็น จิตตานุปัสสนา"
ที่เข้าใจคือ เมื่อรู้ลมออกเข้า เป็นการตามเห็นกายในกาย คือกายานุปัสนา

แต่ มาถึง เวทนา จิต นั้น มันเป็นการตามรู้ สภาวธรรมที่เกิดขึ้นต่อๆมา โดยมีการรู้ลม(กายาฯ)มีสติสัมปชัญญะ เป็นฐาน
ไม่คืดว่า จิตคือการที่ผู้ปฏิบัติมีมุมมองในการรู้ลม
ถ้ารู้ลมอยู่อย่างนั้น เป็น กายานุปัสนา ค่ะ


เราต้องแยกแยะให้ดีระหว่าง ...จิตที่ไปตามรู้ลมหายใจ กับตัวลมหายใจ

ตัวลม(ลมหายใจ)........เป็นกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับกายานุปัสสนาฯ

แต่จิต(ตัวรู้ลม) ก็คือจิต เป็นจิตตานุปัสสนา

ในอานาปานสตินั้น ในสติปัฏฐานสูตรถึงแม้จะแยกเป็น๔
แต่ในความเป็นจริงนั้น ทั้งสติปัฏฐาน๔ มันเกิดพร้อมกันและรวมอยู่ในธรรมนุปัสสนาฯ

ทั้งกายาฯและจิตตาฯ มันเป็นการปฏิบัติที่เป็นคราวเดียวกัน
ตัวรู้ลมหายใจก็คือจิต (จิตตา) ส่วนลมหายใจก็คือกายกายาฯ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2016, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b14:
สาระสำคัญของการแสดงความคิดเห็นเพื่อให้สมช.ในลานได้ศึกษาและร่วมแสดงความคิดเห็น
จะโพสต์ขึ้นมาแล้วเหมือนเป็นใบ้ โพสต์อยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีการโต้ตอบเพื่อทำความเห็นตรงคำสอน
ไม่ใช่ตู ไม่ชอบ ตูไม่อยากให้เข้ามาเม้นต์ เรื่องของตู สูไม่เกี่ยว นี่มันน่านักนะ น่าจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ
การตั้งกระทู้ใหม่1กระทู้ก็เท่ากับเปิดห้องประชุม1ห้อง ถามสิจะนั่งประชุมแค่2คนกับDuangratใช่ไหม?
:b32: :b32:



อ้าว ไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ นี่ขนาดเราพิมพ์น้อย ถามน้อยนะ ยังพลอยเอาไปแขวะ
เราเห็นแต่คุณRosarin จู้ฮุกกรู ทุกกระทู้ที่คุณโฮตั้ง แล้วทู้ไหนเหรอ ที่ว่า นั่งประชุมแค่2คนกับDuangrat


คุณRosarinแกหึงคุณครับ เห็นผู้หญิงคนไหนคุยกับผมไม่ได้
จะต้องพาลอาละวาดเขาทุกที
:b32:

:b34:
ฝันหวานไปเถอะ นรกมีจริงไม่มีอัดมีอั้น วิจิตรไปตามสิ่งที่คิดน๊า
ยังไม่สำเหนียก ไม่เคารพคำสอนพระพุทธเจ้า ระวังเงาหัวจะไม่มี
:b34:


รูปภาพ

Duangrat เขียน:
เพ้อเจ้อ เกิน ...ไม่อยากต่อกลอน เสียเวลา

:b32:
ย้ำชัดๆ การตั้งกระทู้ใหม่1กระทู้ก็เท่ากับเปิดห้องประชุม1ห้อง
โฮฮับให้ถือประโยชน์ส่วนรวมด้วย ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสนุกๆมันเป็นโทษ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2016, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
โดยหลักของอาณาปานสติ โดยแท้แล้วก็คือการใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ
เพื่อเจริญสติปัฏฐาน ไม่ว่าจะเป็นกาย เวทนา จิต และธรรม

การที่พระท่านบอกว่า "จิตกำลังรู้ลมและคนนั้นมีมุมมองในการรู้ลม"
คำพูดนี้ไม่ผิดไปจากความเป็นจริง ถ้าเอามาเทียบเคียงกับอาณาปานสติสูตรสักเทา่ไร

อ้างคำพูด:
อานาปานสติสูตร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุสำเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต
หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจเข้า สำเหนียกอยู่ ว่าเราจัก
ทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจออก ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจออก ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจเข้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ในสมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ
กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าว
อานาปานสติแก่ภิกษุผู้เผลอสติ ไม่รู้สึกตัวอยู่ เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น
ภิกษุจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู้สึกตัว มีสติ กำจัดอภิชฌา
และโทมนัสในโลกเสียได้อยู่ ฯ


ในพระสูตรกล่าวว่า "เราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู้กำหนดรู้จิต หายใจเข้า".....
กำหนดรู้จิตหายใจเข้า หายใจออก.....นี่ก็คือท่านเปรียบจิตเป็นลมหายใจเข้าออก

" สำเหนียกอยู่ ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจักทำจิตให้ร่าเริง หายใจเข้า สำเหนียกอยู่
ว่าเราจักตั้งจิตมั่น
" จิตร่าเริง จิตตั้งมั่น เพราะลมหายใจเข้าออก ฯลฯ

โดยสรุปก็คือ จิตที่เกี่ยวกับลบมหายใจเป็น จิตตานุปัสสนาฯ

"จิตกำลังรู้ลมและคนนั้นมีมุมมองในการรู้ลม เป็นจิตตานุปัสสนาฯ"
คำพูดของพระมันก็สอดคล้องกับเนื้อหาในจิตตานุปัสสนาอยู่แล้ว
ฉะนั้นเหล่าโมฆะบุรุษจึงไม่สมควรที่จะไปมั่วกล่าวหาท่าน

:b32:มั่วจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานโดยแท้ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2016, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
ขอไม่อ้างอิงพระนะ เพราะไม่ได้ตามไปฟัง
แต่อ่านคุณโฮแล้ว ขัดๆกะที่เข้าใจ

"โดยสรุปก็คือ จิตที่เกี่ยวกับลบมหายใจเป็น จิตตานุปัสสนา"
ที่เข้าใจคือ เมื่อรู้ลมออกเข้า เป็นการตามเห็นกายในกาย คือกายานุปัสนา

แต่ มาถึง เวทนา จิต นั้น มันเป็นการตามรู้ สภาวธรรมที่เกิดขึ้นต่อๆมา โดยมีการรู้ลม(กายาฯ)มีสติสัมปชัญญะ เป็นฐาน
ไม่คืดว่า จิตคือการที่ผู้ปฏิบัติมีมุมมองในการรู้ลม
ถ้ารู้ลมอยู่อย่างนั้น เป็น กายานุปัสนา ค่ะ


เราต้องแยกแยะให้ดีระหว่าง ...จิตที่ไปตามรู้ลมหายใจ กับตัวลมหายใจ

ตัวลม(ลมหายใจ)........เป็นกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับกายานุปัสสนาฯ

แต่จิต(ตัวรู้ลม) ก็คือจิต เป็นจิตตานุปัสสนา

ในอานาปานสตินั้น ในสติปัฏฐานสูตรถึงแม้จะแยกเป็น๔
แต่ในความเป็นจริงนั้น ทั้งสติปัฏฐาน๔ มันเกิดพร้อมกันและรวมอยู่ในธรรมนุปัสสนาฯ

ทั้งกายาฯและจิตตาฯ มันเป็นการปฏิบัติที่เป็นคราวเดียวกัน
ตัวรู้ลมหายใจก็คือจิต (จิตตา) ส่วนลมหายใจก็คือกายกายาฯ)

:b32: จากจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานมาถึงกายนุปัสสนาสติปัฏฐานก็วนเวียนอยู่แต่ลมหายใจอย่างเดียว :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร