วันเวลาปัจจุบัน 02 ต.ค. 2025, 17:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ค. 2016, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อริยสัจจ์ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ท่านเรียกสั้นๆ ชื่อเต็มๆ ก็

๑. ทุกขอริยสัจจ์

๒.สมุทยอริยสัจจ์

๓. ทุกขนิโรธอริยสัจจ์

๔. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจจ์

ข้อ ๑-๓ พอมองเห็นเค้า สังเกตข้อ ๔ ไม่เห็นเค้า มรรค ที่เรียกสั้นๆเลย

ศีล สมาธิ และปัญญา ก็เรียกชื่อง่ายๆสั้นๆ ชื่อเต็มๆของเค้า ก็

อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และอธิปัญญาสิกขา = ไตรสิกขา (ข้อศึกษา ๓ อย่าง)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ค. 2016, 11:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาวพุทธที่แท้ ต้องเจริญก้าวหน้าเติบโตขึ้นเรื่อยไปในวิถีการดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ถ้าแต่ก่อนเป็นอยู่ด้วยความเขลางมงายมาก เคยทำได้แค่นั่งถือเส้นแห่งความอยาก คอยคล้องรัดสิ่งต่างๆ อยู่เรื่อยๆ ต่อไปนี้จะต้องมีพลังใจเข็มแข็ง ฝึกฝนตนให้ใช้ปัญญามากขึ้น มีความรู้เท่าทันโลกและชีวิตมากขึ้น เรียนรู้วิธีคิดแบบวิเคราะห์เหตุปัจจัยด้วยความรู้ความเข้าใจให้มากขึ้น ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งผ่องใสเป็นอิสระได้บ่อยครั้งขึ้น

อย่างน้อย เมื่อปั่นเส้นเชือกรัดตัวขึ้นแล้ว ก็จักตัดเชือกนั้นในคราวที่ควรจะตัดได้บ้าง

การที่จะดำเนินชีวิตด้วยปัญญาที่รู้เท่าทัน มีจิตใจเป็นอิสระ สงบ สะอาด ใสสว่างอยู่เสมอนั้น โดยปกติมิใช่เป็นสิ่งที่ทำได้เร็วพลันทันที เพราะการดำเนินชีวิตแห่งปัญหา เป็นสิ่งที่เราสั่งสมสร้างมาด้วยอาศัยความเคยชินตลอดเวลายาวนาน การที่จะแก้ไขชำระล้างหรือเดินทางใหม่ จึงต้องอาศัยวินัย ความเข้มแข็งมั่นคง และการฝึกหัดอยู่เสมอให้เคยชินอย่างใหม่ขึ้นมาแทน

ด้วยเหตุนี้ กระบวนการฝึกอบรมในวิถีแห่งมรรค จึงประกอบด้วยหลักการที่เรียกว่า สิกขา ๓ ศีล สมาธิ และปัญญา


สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการฝึกหัดนี้ คือ ความมีสติ ผู้ฝึกตนควรพยายามสร้างสติขึ้นไว้เสมอ ๆ สติเป็นตัวยั้งจากทางผิด และชักเข้าสู่ทางถูก เมื่อสติเกิดแล้ว นั่นคือตัดเส้นเชือกที่รัดตัวเสียได้ ปัญญาจะตามมาละลายล้างทางผิด และส่องทางถูก

จากนั้น อาศัยสมาธิ คือ ความแน่วแน่มั่นคงเข้มแข็งของจิตใจ ก็จะใช้วิริยะคือความเพียร เดินรุดหน้าไปในทางถูก พ้นห่างทางผิดไกลออกไปโดยลำดับ

ที่กล่าวมานี้ คือ การทำความเข้าใจกันอย่างสังเขป เกี่ยวกับมัชฌิมาปฏิปทา และอริยสัจจ ๔ ที่เป็นใจความของปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตตสูตร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ค. 2016, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ให้ความรู้ก่อนไปทำบุญวันหยุดเหรอคะ
ข้อมูลพร้อมสรรพนะคะ อนุโมทนาค่ะ
:b8: :b27:


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ค. 2016, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศาสดาโฮฮับ จะว่าเป็นโวหาร โวบวก โวคูณ มั้ัยน้า หวั่นใจเหลือเกิน :b9: :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ค. 2016, 11:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลจากการแสดงปฐมเทศนา

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาจบแล้ว ปรากฏว่า โกณฑัญญะผู้เป็นหัวหน้าของเบญจวัคคีย์เข้าใจธรรมที่ทรงแสดงนั้น รู้แจ้งความจริง เรียกว่า เกิดดวงตาเห็นธรรม หรือได้ธรรมจักษุ คือ เข้าใจตามหลักกระบวนการแห่งเหตุปัจจัย ว่าสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหมดนั้น ย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา ถ้าจัดลำดับในขั้นของอริยบุคคล เรียกว่าเป็นโสดาบัน

พระพุทธเจ้าทรงทราบว่าโกณฑัญญะรู้แจ้งธรรมดังนั้น ก็เปล่งวาจาว่า “อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ อญฺญาสิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ” แปลว่า โกณฑัญฺญะ ได้รู้แล้วหนอๆ

คำว่า อัญญา ซึ่งแปลว่ารู้นั้น ได้ติดเป็นคำนำหน้าชื่อของท่านโกณฺฑญฺญะสืบต่อมา เรียกว่า อญฺญาโกณฑัญญะ (คัมภีร์บางฉบับเรียก อัญญาต โกณฺฑญฺญะ)

ท่านโกณฺฑญฺญะรู้แจ้งธรรมเช่นนั้นแล้ว ก็ทูลขอบรรพชา และได้บวช เป็นพระภิกษุสาวกรูปแรกในพระพุทธศาสนา

(พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เกิดครบในวันนี้)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ค. 2016, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความหมายของอาสาฬหบูชา

อาสาฬหบูชา ประกอบขึ้นจากคำ ๒ คำ คือ อาสาฬห (เดือน ๘ ทางจันทรคติ) + บูชา (การบูชา) เมื่อรวมกันเข้า จึงแปลว่า การบูชาในเดือน ๘ หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือน ๘

ถ้าจะเรียกให้เต็ม ต้องว่า อาสาฬหบูรณมีบูชา = อาสาฬห (เดือน ๘) บูรณมี (วันเพ็ญ) + บูชา ซึ่งแปลว่า การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๘ หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในวันเพ็ญเดือน ๘

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 15 ก.ค. 2016, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสำคัญของอาสาฬหบูชา

ตามเหตุการณ์และคำสอนที่ได้เล่ามาข้างต้น สรุปความสำคัญของวันอาสาฬหบูชาได้ดังนี้

๑. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ปฐมเทศนา

๒. เป็นวันที่พระพุทธเจ้า เริ่มประกาศพระศาสนา

๓. เป็นวันที่ เกิดอริยสงฆ์ คือการที่ท่านโกณฑัญญะ รู้แจ้งธรรม เป็นพระโสดาบัน จัดเป้นอริยบุคคลท่านแรกในอริยสงฆ์ ทำให้มีสังฆรัตนะขึ้นมา และจึงถือด้วยว่าเป็นวันที่พระรัตนตรัยครบบริบูรณ์

๔. เป็นวันที่เกิดพระภิกษุรูปแรก ในพระพุทธศาสนา คือ การที่ท่านโกณฑัญญะขอบรรพชา และได้บวชเป็นพระภิกษุ หลังจากฟังปฐมเทศนาและบรรลุธรรมแล้ว จึงถือด้วยว่าเป็นวันที่เริ่มตั้งภิกษุสงฆ์ หรือต้นกำเนิดสมมติสงฆ์

๕. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ ปฐมสาวก คือ การที่ท่านโกณฑัญญะนั้นได้บรรลุธรรมและบวชเป็นภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของพระพุทธเจ้า

เมื่อเทียบกับวันสำคัญอื่นในพระพุทธศาสนา บางที เรียกวันอาสาฬหบูชานี้ว่า วันพระสงฆ์ (คือวันที่เริ่มเกิดมีพระสงฆ์)

เรียกวันวิสาขบูชาว่า วันพระพุทธ (คือวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินพพานของพระพุทธเจ้า)

เรียกวันมาฆบูชาว่า วันพระธรรม (วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ประกาศประมวลหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประเพณีวันอาสาฬหบูชา

ประเพณีจัดงานวันอาสาฬหบูชา คือ มีพิธีกรรมบูชาพระรัตนตรัย ทำบุญเฉลิมฉลองวันอาสาฬหบูชานี้ มีอายุยังไม่นานพึงเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑

กล่าวคือ หลังจากงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ใน พ.ศ. ๒๕๐๐ แล้ว คณะสงฆ์ได้พิจารณาเห็นว่า การแสดงปฐมเทศนาธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนั้น เป็นเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธศาสนา ทำให้มีการเผยแผ่พระธรรม สืบอายุพระพุทธศาสนามาจนบัดนี้ ควรจัดวันแสดงปฐมเทศนานั้น เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพระพุทธศาสนาด้วย เช่นเดียวกับวันสำคัญอื่นที่มีอยู่แล้ว คือ วันวิสาขบูชา (มีมานานอย่างน้อยตั้งแต่สมัยสุโขทัย) และวันมาฆบูชา (มีขึ้นครั้งแรกในรัชกาลที่ ๔)

ดังนั้น จึงได้อกประกาศให้วัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักรจัดงานวันอาสาฬหบูชา และเชิญชวนพุทธศาสนิกชนไปร่วมประกอบพิธีบูชา

ครั้งนั้น ทางราชการก็ได้สนับสนุนมติของคณะสงฆ์ โดยประกาศให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางราชการ และเป็นวันหยุดราชการวันหนึ่งสืบมาจนบัดนี้

พิธีกรรมที่กระทำในวันอาสาฬหบูชา โดยทั่วไปก็อนุวัตรตามที่กระทำในวันบูชาอื่นๆ เช่น ทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) และสวดมนต์



เมื่อวันอาสาฬหบูชาเวียนมาถึง พุทธศาสนิกชนนอกจากทำบุญและประกอบพิธีต่างๆ ตามประเพณีแล้ว ควรได้รับประโยชน์ที่เป็นสาระสำคัญจากอาสาฬหบูชาด้วย กล่าวคือ ควรทบทวนระลึกเตือนใจสำรวจตนว่า ชีวิตของเราได้เจริญงอกงามขึ้นด้วยความเป็นอยู่อย่างผู้รู้เท่าทันโลก และชีวิตนี้บ้างแล้วเพียงใด เรายังดำเนินชีวิตอยู่อย่างลุ่มหลงมัวเมา หรือมีจิตใจอิสระปลอดโปร่งผ่องใสบ้างแล้วเพียงใด เราก้าวหน้าไปในมรรคาแห่งวิถีชีวิตของชาวพุทธอยู่ในระดับใดแห่งมัชฌิมาปฏิปทา


ถ้าสำรวจตนแล้วเห็นว่า ได้งอกงามก้าวหน้าขึ้นบ้างอย่างน้อยผิดแปลกไปจากเมื่อร่วมพิธีในปีก่อน ข้อนั้นก็จะเป็นนิมิตแห่งชีวิตที่ดีงามของตน และเป็นเครื่องประกาศว่า อาณาจักรธรรมที่พระพุทธเจ้าไทรงสถาปนาไว้ ได้แผ่ขยายออกไปสมความมุ่งหมายแห่งปฐมเทศนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 08:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประเพณี ขนบธรรมเนียม, แบบแผน, เชื้อสาย

ประพฤติ ความเป็นไปที่เกี่ยวกับการกระทำ หรือปฏิบัติตน, กระทำ, ทำตาม, ปฏิบัติ, ปฏิบัติตน, ดำเนินชีวิต

ปัญจวัคคีย์ พระพวก ๕ คือ อัญญาโกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานาม และอัสสชิ เป็นพระอรหันตสาวกรุ่นแรกของพุทธเจ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 08:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านผ่านๆตา...ไม่คิดอะไรมาก...ก็ดู Ok..

เหมาะแก่เด็กอนุบาล..เด็กประถม...นักคิดวิเคราะห์ไปวันวัน..พอได้

:b17: :b17: :b17:


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ่านผ่านๆตา...ไม่คิดอะไรมาก...ก็ดู Ok..

เหมาะแก่เด็กอนุบาล..เด็กประถม...นักคิดวิเคราะห์ไปวันวัน..พอได้




ถ้าไม่ผ่านเตรียมอนุบาล ชั้นประถมล่ะก็ อย่าเพิ่งได้โดดไปเรียนมหาลัยมหาหลอก :b32:

https://www.youtube.com/watch?v=_Q6qtILK0ho


คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กายใจ ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น คิกๆๆ ปริญญาเอก เลยก็ แม้แต่กุศล อกุศลก็ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น มันเป็นนั่น เป็นนี่ เป็นโน่น เป็นโน้น เป็นโน๊น :b12:

ตัวอย่างในนี้เต็มไปหมด :b1: แม้แต่อนุบาลยังไม่จบเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 20:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรัสรู้...ทางสายกลาง...!!!!

แห่ม... ชั่งเจื่อยแจ้ว...

ผมว่าเป็นความไม่รู้ของผู้พูด..และดูท่าจะเป็นการดูแคลนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า...อย่างยิ่ง... s002 s002

น่าจ๋งจ้าร...
คิดได้งัย..


โพสต์ เมื่อ: 16 ก.ค. 2016, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ตรัสรู้...ทางสายกลาง...!!!!

แห่ม... ชั่งเจื่อยแจ้ว...

ผมว่าเป็นความไม่รู้ของผู้พูด..และดูท่าจะเป็นการดูแคลนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า...อย่างยิ่ง... s002 s002

น่าจ๋งจ้าร...
คิดได้งัย..



แน่ะๆๆ มีเถียงๆ มันต้องมีสักสายสิน่า ถ้าไม่ใช่สายกลาง ก็สายบางนา ตราด คิกๆๆ ถ้าไม่ใช่สายนี้ ก็สายบางบัวทอง สุพรรณบุรี เอ้า :b32: แต่สายนี้กลางค่ำกลางคืนระวังแก๊งปาก้อนหินหน่อยนะกบ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ก.ค. 2016, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบในกะโหลกกะลา ตกลงเลือกสายไหน ในเมื่อไม่เอาสายกลางแล้ว :b10:

รูปภาพ

ไม่ชอบสองสายนั่น มีอีกนะ บอกจัดให้ใหม่ :b1: มันต้องมีสักสายสิน่าที่ใช่ :b13:

เตรียมอนุบาลยังไม่จบ ยังไม่อดนมเร๊ย หน๊อยจะเข้ามหาลัย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 ก.ค. 2016, 21:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กบในกะโหลกกะลา ตกลงเลือกสายไหน ในเมื่อไม่เอาสายกลางแล้ว :b10:

รูปภาพ

ไม่ชอบสองสายนั่น มีอีกนะ บอกจัดให้ใหม่ :b1: มันต้องมีสักสายสิน่าที่ใช่ :b13:

เตรียมอนุบาลยังไม่จบ ยังไม่อดนมเร๊ย หน๊อยจะเข้ามหาลัย :b1:


ผมว่าตรงไหน..ไม่เอาสายกลาง

แต่ผมว่าคนที่บอกว่า..พระพุทธองค์ตรัสรู้ทางสายกลาง..อนุบาล...ต่างหาก :b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร