วันเวลาปัจจุบัน 02 ต.ค. 2025, 19:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 77 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อที่ ๑ ฉันทะที่เป็นตัณหาฉันทะ…

ข้อที่ ๒ ฉันทะที่เป็นกัตตุกัมยตาฉันทะ...

ข้อที่ ๓ ฉันทะที่เป็นกุศลธรรมฉันทะ...


“ฉันทะ” อย่างไหนเป็นต้นตอของทุกข์ อย่างไหนคือที่ตั้งต้นของกุศลธรรม

นัยที่ ๑ ฉันทะ เป็นมูลแห่งทุกข์ และเป็นมูลของอุปาทานขันธ์ ๕

นัยที่ ๒ ฉันทะ เป็นมูลของธรรมทั้งปวง

ให้ดูตัวอย่างนัยที่ ๒

“ภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกอัญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ธรรมทั้งปวง มีอะไรเป็นที่ตั้งต้น...มีอะไรเป็นที่จบ... เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงตอบแก่อัญเดียรถีย์ปริพาชก เหล่านั้น อย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย

๑) ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นที่ตั้งต้น (ฉนฺทมูลกา...สพฺเพ ธมฺมา)

๒) ธรรมทั้งปวง มีมนสิการเป็นที่ก่อตัว (มนสิการสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา)

๓) ธรรมทั้งปวง มีผัสสะเป็นแหล่งเกิด (ผสฺสสสมุทยา สพฺเพ ธมฺมา)

๔) ธรรมทั้งปวง มีเวทนาเป็นที่ชุมนุม (เวทนาสโมสรณา สพฺเพ ธมฺมา)

๕) ธรรมทั้งปวง มีสมาธิเป็นประมุข (สมาธิปฺปมุขา สพฺเพ ธมฺมา)

๖) ธรรมทั้งปวง มีสติเป็นอธิปไตย (สตาธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา)

๗) ธรรมทั้งปวง มีปัญญาเป็นยอดยิ่ง (ปญฺญุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา)

๘) ธรรมทั้งปวง มีวิมุตติเป็นแก่น (วิมุตฺติสารา สพฺเพ ธมฺมา)

๙) ธรรมทั้งปวง มีอมตะเป็นที่หยั่งลง (อมโตคธา สพฺเพ ธมฺมา)

๑๐) ธรรมทั้งปวง มีนิพพานเป็นที่จบ (นิพฺพานปริโยสานา สพฺเพ ธมฺมา)

พุทธพจน์ว่า “ฉนฺทมูลกา ... สพฺเพ ธมฺมา” แปลว่า ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นมูล หรือแปลให้เป็นภาษาไทยมากขึ้นว่า ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นต้นกำเนิด หรือว่า มีความอยากเป็นที่ตั้งต้น

..........

ให้ดูเพื่อยืนยันว่า แค่ฉันทะตัวเดียวก็ยุ่งตายโฮ้งแล้ว นอกนี้ปล่อยไปตามยถากัมมัง คิกๆๆๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ข้อที่ ๑ ฉันทะที่เป็นตัณหาฉันทะ…

ข้อที่ ๒ ฉันทะที่เป็นกัตตุกัมยตาฉันทะ...

ข้อที่ ๓ ฉันทะที่เป็นกุศลธรรมฉันทะ...


“ฉันทะ” อย่างไหนเป็นต้นตอของทุกข์ อย่างไหนคือที่ตั้งต้นของกุศลธรรม

นัยที่ ๑ ฉันทะ เป็นมูลแห่งทุกข์ และเป็นมูลของอุปาทานขันธ์ ๕

นัยที่ ๒ ฉันทะ เป็นมูลของธรรมทั้งปวง

ให้ดูตัวอย่างนัยที่ ๒

“ภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกอัญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ธรรมทั้งปวง มีอะไรเป็นที่ตั้งต้น...มีอะไรเป็นที่จบ... เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงตอบแก่อัญเดียรถีย์ปริพาชก เหล่านั้น อย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย

๑) ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นที่ตั้งต้น (ฉนฺทมูลกา...สพฺเพ ธมฺมา)

๒) ธรรมทั้งปวง มีมนสิการเป็นที่ก่อตัว (มนสิการสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา)

๓) ธรรมทั้งปวง มีผัสสะเป็นแหล่งเกิด (ผสฺสสสมุทยา สพฺเพ ธมฺมา)

๔) ธรรมทั้งปวง มีเวทนาเป็นที่ชุมนุม (เวทนาสโมสรณา สพฺเพ ธมฺมา)

๕) ธรรมทั้งปวง มีสมาธิเป็นประมุข (สมาธิปฺปมุขา สพฺเพ ธมฺมา)

๖) ธรรมทั้งปวง มีสติเป็นอธิปไตย (สตาธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา)

๗) ธรรมทั้งปวง มีปัญญาเป็นยอดยิ่ง (ปญฺญุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา)

๘) ธรรมทั้งปวง มีวิมุตติเป็นแก่น (วิมุตฺติสารา สพฺเพ ธมฺมา)

๙) ธรรมทั้งปวง มีอมตะเป็นที่หยั่งลง (อมโตคธา สพฺเพ ธมฺมา)

๑๐) ธรรมทั้งปวง มีนิพพานเป็นที่จบ (นิพฺพานปริโยสานา สพฺเพ ธมฺมา)

พุทธพจน์ว่า “ฉนฺทมูลกา ... สพฺเพ ธมฺมา” แปลว่า ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นมูล หรือแปลให้เป็นภาษาไทยมากขึ้นว่า ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นต้นกำเนิด หรือว่า มีความอยากเป็นที่ตั้งต้น

..........

ให้ดูเพื่อยืนยันว่า แค่ฉันทะตัวเดียวก็ยุ่งตายโฮ้งแล้ว นอกนี้ปล่อยไปตามยถากัมมัง คิกๆๆๆ :b32:


ท่านให้ดูที่สมมติบัญญัติกับปรมัตถ์บัญญัติ แต่นี่ดันทลึ่งเอาโวหารมาปรุงแต่ง
มันก็เหมือนเอาด้ายไปให้ลิงถักแหนั้นแหล่ะ ไอ้จ๋อกรัชกาย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 08:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ข้อที่ ๑ ฉันทะที่เป็นตัณหาฉันทะ…

ข้อที่ ๒ ฉันทะที่เป็นกัตตุกัมยตาฉันทะ...

ข้อที่ ๓ ฉันทะที่เป็นกุศลธรรมฉันทะ...


“ฉันทะ” อย่างไหนเป็นต้นตอของทุกข์ อย่างไหนคือที่ตั้งต้นของกุศลธรรม

นัยที่ ๑ ฉันทะ เป็นมูลแห่งทุกข์ และเป็นมูลของอุปาทานขันธ์ ๕

นัยที่ ๒ ฉันทะ เป็นมูลของธรรมทั้งปวง

ให้ดูตัวอย่างนัยที่ ๒

“ภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกอัญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถามอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ธรรมทั้งปวง มีอะไรเป็นที่ตั้งต้น...มีอะไรเป็นที่จบ... เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงตอบแก่อัญเดียรถีย์ปริพาชก เหล่านั้น อย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย

๑) ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นที่ตั้งต้น (ฉนฺทมูลกา...สพฺเพ ธมฺมา)

๒) ธรรมทั้งปวง มีมนสิการเป็นที่ก่อตัว (มนสิการสมฺภวา สพฺเพ ธมฺมา)

๓) ธรรมทั้งปวง มีผัสสะเป็นแหล่งเกิด (ผสฺสสสมุทยา สพฺเพ ธมฺมา)

๔) ธรรมทั้งปวง มีเวทนาเป็นที่ชุมนุม (เวทนาสโมสรณา สพฺเพ ธมฺมา)

๕) ธรรมทั้งปวง มีสมาธิเป็นประมุข (สมาธิปฺปมุขา สพฺเพ ธมฺมา)

๖) ธรรมทั้งปวง มีสติเป็นอธิปไตย (สตาธิปเตยฺยา สพฺเพ ธมฺมา)

๗) ธรรมทั้งปวง มีปัญญาเป็นยอดยิ่ง (ปญฺญุตฺตรา สพฺเพ ธมฺมา)

๘) ธรรมทั้งปวง มีวิมุตติเป็นแก่น (วิมุตฺติสารา สพฺเพ ธมฺมา)

๙) ธรรมทั้งปวง มีอมตะเป็นที่หยั่งลง (อมโตคธา สพฺเพ ธมฺมา)

๑๐) ธรรมทั้งปวง มีนิพพานเป็นที่จบ (นิพฺพานปริโยสานา สพฺเพ ธมฺมา)

พุทธพจน์ว่า “ฉนฺทมูลกา ... สพฺเพ ธมฺมา” แปลว่า ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นมูล หรือแปลให้เป็นภาษาไทยมากขึ้นว่า ธรรมทั้งปวง มีฉันทะเป็นต้นกำเนิด หรือว่า มีความอยากเป็นที่ตั้งต้น

..........

ให้ดูเพื่อยืนยันว่า แค่ฉันทะตัวเดียวก็ยุ่งตายโฮ้งแล้ว นอกนี้ปล่อยไปตามยถากัมมัง คิกๆๆๆ :b32:


ท่านให้ดูที่สมมติบัญญัติกับปรมัตถ์บัญญัติ แต่นี่ดันทลึ่งเอาโวหารมาปรุงแต่ง
มันก็เหมือนเอาด้ายไปให้ลิงถักแหนั้นแหล่ะ ไอ้จ๋อกรัชกาย :b32:



ถามไอ้กระบือโฮฮับนะ ตอบชัดๆนะ

โวหารตามความเข้าใจของตนเองคือยังไง ตอบชัดๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:


นี่เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า การเอาพุทธพจน์ไปใช้โดยขาดความเข้าใจย่อมเกิดความสับสน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ศึกษาธรรมด้วยวิธีการแปลศัพท์จากพจนานุกรม

ผมจะอธิบายให้ฟังว่า คำที่จขกทยกมานั้นมีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร
จะได้เข้าใจให้ถูกต้อง ล้างวิจิกิจฉาและสักกายทิฐิจากความจำเดิมๆ

ที่ถามในข้อ๑. "กามฉันทะ"กับ"กามราคะ" แตกต่างกันอย่างไร

ก็ต้องตอบว่า ถ้าว่าด้วยเหตุปัจจัย ไม่ต่างกัน เพราะมันเกิดพร้อมกันนั้นเอง
กามราคะเป็น....สมมติ(บัญญัติ) กามฉันทะเป็น.....ปรมัตถ์(บัญญัติ)
กามราคะเป็นเหตุให้เกิดกามฉันทะ
กามราคะเป็นสมมติ(ธรรมชาติภายนอก) กามฉันทะเป็นปรมัตถ์(ธรรมชาติภายในกายใจ)

ส่วนข้อที่๒. ที่ถามว่า "กาม"..... "ราคะ" ...และกำหนัด แตกต่างกันอย่างไร

คำว่า"กำหนัด" เป็นโวหารบัญญติ มีไว้อธิบายลักษณะของธรรม
ความกำหนัดคือ .... ราคะ

"กาม"ในที่นี้ก็คือ ความปรารถนายินดี

เช่นนี้ "กามราคะ" จึงมีความหมายว่า .....ความปรารถนายินดี ย่อมส่งผลให้เกิดความกำหนัด
ซึ่ง"กามราคะ" เป็นสมมติ ย่อมส่งผลให้เกิด ปรมัตถ์ คือฉันทะ



มันเป็นการปรุงแต่ง เป็นคำพูดแบบฟุ้งซ่านของกระบือตาบอดโฮฮับเห็นๆ คิกๆๆ อ้าวจริงๆ

ดูนะตาบอดยังไง กามราคะ คือ "ความปรารถนายินดี" อิอิ กามราคะปรารถนายินดี

อ้างคำพูด:
กาม ในที่นี้ก็คือความปรารถนายินดี


ไอ้บ้า :b32:

แล้วยังโยงมั่วไปไหนต่อไหน นี่

อ้างคำพูด:
เช่นนี้ "กามราคะ" จึงมีความหมายว่า .....ความปรารถนายินดี ย่อมส่งผลให้เกิดความกำหนัด
ซึ่ง"กามราคะ" เป็นสมมติ ย่อมส่งผลให้เกิด ปรมัตถ์ คือฉันทะ


แล้วกลายพันธ์เป็นสมมุด มุดๆๆๆ ออกดอกออกผลเป็นปรมัด มัดๆๆ เป็นฉันทะไปเลย คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยของเข้าท้องโฮฮับอีกหน่อยนิ :b32:


“ภิกษุทั้งหลาย กามคุณมี ๕ อย่างดังนี้ คือ รูปทั้งหลายที่รู้ได้ด้วยตา...เสียงทั้งหลายที่รู้ได้ด้วยหู....กลิ่นทั้งหลายที่รู้ได้ด้วยจมูก...รสทั้งหลายที่รู้ได้ด้วยลิ้น...โผฏฐัพพะทั้งหลายที่รู้ได้ด้วยกาย ซึ่งน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้อยาก เย้ายวนชวนติดใจ เหล่านี้แล คือ กามคุณ ๕ อาศัยกามคุณ ๕ ประการเหล่านี้ มีความสุข โสมนัสใดเกิดขึ้น นี่คือส่วนดี ของกาม ทั้งหลาย” “นี่เรียกว่า กามสุข(ม.ม.13/398/371....)

“คำว่า กาม โดยหัวข้อ ได้แก่ กาม ๒ อย่าง คือ วัตถุกาม ๑ กิเลสกาม ๑

วัตถุกาม เป็นไฉน ? รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นที่ชื่นชอบใจ เครื่องลาด เครื่องห่ม ทาสี ทาส แพะ แกะ ไก่ สุกร ช้าง โค ม้า ลา นา ที่ดิน เงิน ทอง บ้าน นิคม ราชธานี รัฐ ประเทศ กองทัพ คลังหลวง วัตถุเป็นที่ตั้งแห่งความติดใคร่ อย่างหนึ่งอย่างใดก็ตาม ชื่อว่าวัตถุกาม....”

“กิเลสกาม เป็นไฉน ? ความพอใจก็เป็นกาม ราคะก็เป็นกาม ความชอบใจติดใคร่ก็เป็นกาม ความดำริก็เป็นกาม ราคะก็เป็นกาม ความครุ่นคิดติดใคร่ก็เป็นกาม กามฉันทะ กามราคะ กามนันทิ กามตัณหา กามเสน่หา ความเร่าร้อนกาม ความหลงใหลกาม ความหมกมุ่นกาม กามท่วมใจ กามผูกรัดใจ ความถือมั่นในกาม นิวรณ์คือกามฉันท์ กามในข้อความว่า นี่แน่ะกาม เราเห็นรากเหง้าของเจ้าแล้วว่า เจ้าเกิดขึ้นมาจากความดำริ เราจักไม่ดำริถึงเจ้าละ เมื่อทำอย่างนี้ เจ้าก็จักไม่มี เหล่านี้เรียกว่า กิเลสกาม(ขุ.ม. 29/2/1; 34/31)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยของต่อเนื่อง :b13:


๑. กามสุข สุขเนื่องด้วยกาม

๒. ฌานสุข สุขเนื่องด้วยฌาน

๓. นิพพานสุข สุขเนื่องด้วยนิพพาน

กล่าวโดยสัมพันธ์กับบุคคลผู้เสพเสวยความสุขเหล่านี้ จะเป็นดังนี้

๑. กามสุข ผู้เสพ ได้แก่ มนุษย์ปุถุชน และอริยบุคคลชั้นโสดาบัน และสกทาคามี

๒. ฌานสุข ผู้เข้าถึง ได้แก่ มนุษย์ปุถุชน และอริยบุคคลทุกชั้น ตั้งแต่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์ เฉพาะท่านที่เจริญฌานชั้นนั้นๆได้แล้ว

๓. นิพพานสุข ผู้เข้าถึง ได้แก่ พระอริยบุคคลทั้งหลาย ตั้งแต่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์ (แต่ต้องแยกแยะออกไปอีก ถ้าเป็นผลสมาบัติสุข ก็ได้สำหรับผู้บรรลุผลขั้นนั้นๆ ถ้าเป็นนิโรธสมาบัติสุข ก็ได้เฉพาะพระอนาคามี และพระอรหันต์ที่ได้สมาบัติ ๘ แล้ว)

ถ้าจัดโดยถือบุคคลเป็นหลัก การเสวยความสุข จะมีวิสัย ดังนี้

๑. มนุษย์ปุถุชน อาจเสพกามสุข และเสวยฌานสุข

๒. อริยบุคคล ขั้นโสดาบัน และสกทาคามี อาจเสวยกามสุข ฌานสุข และนิพพานสุขประเภทผลสมาบัติสุข

๓. อริยบุคคล ชั้นอนาคามี และพระอรหันต์ อาจเสวยฌานสุข และนิพพานสุข ทั้งประเภทผลสมาบัติสุข และนิโรธสมาบัติสุข (ถ้าได้สมาบัติ ๘ แล้ว)


ดูสิโฮฮับจะว่าเป็นโวหาร โวบวก หรือโวคูณ :b32:

แต่ต้องตอบคำถามที่ว่านะ โวหารของเอ็ง คือ เช่นไร เอาชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปล่อยของต่อเนื่อง :b13:

๑. กามสุข สุขเนื่องด้วยกาม


ของก๊อปจากเซิ้นเจิ้นทั้งนั้น ใกล้เจ๊งแล้วเลยต้องรีบปล่อยของ :b32:

กามสุขไม่มี(เอ็งมั่ว) กามไม่สามารถทำให้สุขได้ กามเป็นเหตุแห่งฉันทะ
เหตุนี้พุทธพจน์ที่ถูกต้องคือ.....กามฉันทะ

กรัชกาย เขียน:
ปล่อยของต่อเนื่อง :b13:

๒. ฌานสุข สุขเนื่องด้วยฌาน


คำว่าฌานสุข นี่ก็ไม่มีในศาสนาพุทธ
ศาสนาพุทธมีแต่ฌานที่หมายถึงสภาวะอารมณ์ในกายใจ
คำว่าสุขเป็นโวหารที่ชาวบ้านใช้กันทั่วไป แต่ถ้าเป็นพุทธพจน์ ท่านเรียกว่า อรูปราคะ
เหตุนี้ใครพูดว่า "ฌานสุข".....เอ็งมั่ว เพราะศาสนาพุทธมีแต่อรูปราคะ ไม่มีคำว่าฌานสุข

กรัชกาย เขียน:
๓. นิพพานสุข ผู้เข้าถึง ได้แก่ พระอริยบุคคลทั้งหลาย ตั้งแต่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์ (แต่ต้องแยกแยะออกไปอีก ถ้าเป็นผลสมาบัติสุข ก็ได้สำหรับผู้บรรลุผลขั้นนั้นๆ ถ้าเป็นนิโรธสมาบัติสุข ก็ได้เฉพาะพระอนาคามี และพระอรหันต์ที่ได้สมาบัติ ๘ แล้ว)



อันนี้ยิ่งเลอะหนักเลย! ความสุขเป็นสังโยชน์(กิเลส) เรียกว่าอรูปราคะ
สภาวะนิพพานละซึ่งกิเลสแล้ว แต่นายกรัชกายดันบอกว่า ..นิพพานสุข :b32:

ที่เหลือไม่ต้องอธิบายแล้ว เพราะเริ่มต้นมันมั่ว
ก็ที่ตามมามันก็มีแต่ความเละ....เสียเวลาอธิบาย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


onion onion onion
ตั้งสติก่อนสตาร์ท
ใจเย็นๆค่อยๆพูดจากัน
ไหนใครไปเอาสิบล้อมาทีสิ
จะขนกระบือไปขายน่าจะรวย
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
onion onion onion
ตั้งสติก่อนสตาร์ท
ใจเย็นๆค่อยๆพูดจากัน
ไหนใครไปเอาสิบล้อมาทีสิ
จะขนกระบือไปขายน่าจะรวย
:b32: :b32:


เขาไม่เป็นอย่างที่แม่ชีคิดหรอก ไม่โกรธก็คือไม่โกรธ ไม่ถือสาก็คือไม่ถือสา ปากกับใจตรงกัน
แต่ไอ้ประเภท ในใจเป็นเดือดเป็นแค้นแต่เสแสร้งพูดว่า "ไม่มีตัวตน" มันหน่อมแน้มน่าหัวร่อ


ดูแล้วไม่ต่างจากผู้หญิงที่หนีหนี้ มาบวชชี :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
onion onion onion
ตั้งสติก่อนสตาร์ท
ใจเย็นๆค่อยๆพูดจากัน
ไหนใครไปเอาสิบล้อมาทีสิ
จะขนกระบือไปขายน่าจะรวย
:b32: :b32:


เขาไม่เป็นอย่างที่แม่ชีคิดหรอก ไม่โกรธก็คือไม่โกรธ ไม่ถือสาก็คือไม่ถือสา ปากกับใจตรงกัน
แต่ไอ้ประเภท ในใจเป็นเดือดเป็นแค้นแต่เสแสร้งพูดว่า "ไม่มีตัวตน" มันหน่อมแน้มน่าหัวร่อ


ดูแล้วไม่ต่างจากผู้หญิงที่หนีหนี้ มาบวชชี :b32:

tongue
โตเป็นคนได้เนี่ยดีแต่ดีไม่ได้
ก็ปากไม่ดีเขาเรียกปากเสีย
เขาเขียนของเขาไม่เจาะจง
ใครจะรับว่าเป็นก็ตามใจนะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
onion onion onion
ตั้งสติก่อนสตาร์ท
ใจเย็นๆค่อยๆพูดจากัน
ไหนใครไปเอาสิบล้อมาทีสิ
จะขนกระบือไปขายน่าจะรวย
:b32: :b32:


เขาไม่เป็นอย่างที่แม่ชีคิดหรอก ไม่โกรธก็คือไม่โกรธ ไม่ถือสาก็คือไม่ถือสา ปากกับใจตรงกัน
แต่ไอ้ประเภท ในใจเป็นเดือดเป็นแค้นแต่เสแสร้งพูดว่า "ไม่มีตัวตน" มันหน่อมแน้มน่าหัวร่อ


ดูแล้วไม่ต่างจากผู้หญิงที่หนีหนี้ มาบวชชี :b32:

tongue
โตเป็นคนได้เนี่ยดีแต่ดีไม่ได้
ก็ปากไม่ดีเขาเรียกปากเสีย
เขาเขียนของเขาไม่เจาะจง
ใครจะรับว่าเป็นก็ตามใจนะ
:b32: :b32:


ไม่มีตัวตนจ้า! :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 18:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
onion onion onion
ตั้งสติก่อนสตาร์ท
ใจเย็นๆค่อยๆพูดจากัน
ไหนใครไปเอาสิบล้อมาทีสิ
จะขนกระบือไปขายน่าจะรวย
:b32: :b32:


เขาไม่เป็นอย่างที่แม่ชีคิดหรอก ไม่โกรธก็คือไม่โกรธ ไม่ถือสาก็คือไม่ถือสา ปากกับใจตรงกัน
แต่ไอ้ประเภท ในใจเป็นเดือดเป็นแค้นแต่เสแสร้งพูดว่า "ไม่มีตัวตน" มันหน่อมแน้มน่าหัวร่อ


ดูแล้วไม่ต่างจากผู้หญิงที่หนีหนี้ มาบวชชี :b32:

tongue
โตเป็นคนได้เนี่ยดีแต่ดีไม่ได้
ก็ปากไม่ดีเขาเรียกปากเสีย
เขาเขียนของเขาไม่เจาะจง
ใครจะรับว่าเป็นก็ตามใจนะ
:b32: :b32:


ไม่มีตัวตนจ้า! :b32:

wink
เขาเรียกผู้ชายประเภทตัวเป็นชาย
แต่ใจเป็นนิสัยผู้หญิงว่าเป็นกะเทย
จะวิจารณก็ตามขอบเขตศีลธรรรม
ไม่ใช่ลามปามไปเพื่อให้ตัวดูดีรู้ยัง
ขนาดเม้นท์ไปอ้อมๆยังไม่สำนึกอ่ะ
ภาษาอีสานต้องใช้คำว่า หน้ามึน
จะเป็นอีกนานไหมเถียงถูลู่ถูกังซะงั้น
:b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
onion onion onion
ตั้งสติก่อนสตาร์ท
ใจเย็นๆค่อยๆพูดจากัน
ไหนใครไปเอาสิบล้อมาทีสิ
จะขนกระบือไปขายน่าจะรวย
:b32: :b32:


เขาไม่เป็นอย่างที่แม่ชีคิดหรอก ไม่โกรธก็คือไม่โกรธ ไม่ถือสาก็คือไม่ถือสา ปากกับใจตรงกัน
แต่ไอ้ประเภท ในใจเป็นเดือดเป็นแค้นแต่เสแสร้งพูดว่า "ไม่มีตัวตน" มันหน่อมแน้มน่าหัวร่อ


ดูแล้วไม่ต่างจากผู้หญิงที่หนีหนี้ มาบวชชี :b32:

tongue
โตเป็นคนได้เนี่ยดีแต่ดีไม่ได้
ก็ปากไม่ดีเขาเรียกปากเสีย
เขาเขียนของเขาไม่เจาะจง
ใครจะรับว่าเป็นก็ตามใจนะ
:b32: :b32:


ไม่มีตัวตนจ้า! :b32:

wink
เขาเรียกผู้ชายประเภทตัวเป็นชาย
แต่ใจเป็นนิสัยผู้หญิงว่าเป็นกะเทย
จะวิจารณก็ตามขอบเขตศีลธรรรม
ไม่ใช่ลามปามไปเพื่อให้ตัวดูดีรู้ยัง
ขนาดเม้นท์ไปอ้อมๆยังไม่สำนึกอ่ะ
ภาษาอีสานต้องใช้คำว่า หน้ามึน
จะเป็นอีกนานไหมเถียงถูลู่ถูกังซะงั้น
:b55: :b55: :b55:


แล้วแม่ชี่เป็นชายหรือเป็นหญิงครับ หรือว่ากายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง
ถึงชอบที่จะสอดเรื่องชาวบ้าน เสแสร้งว่า ฉันเข้ามาห้าม ฉันเป็นคนดีเป็นผู้ไม่โกรธ
แต่ที่ไหนได้ไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ........อัตตาโผล่ซะแล้ว ไหนว่าไม่มีตัวตนไง :b32:

Rosarin เขียน:
onion onion onion
ตั้งสติก่อนสตาร์ท
ใจเย็นๆค่อยๆพูดจากัน
ไหนใครไปเอาสิบล้อมาทีสิ
จะขนกระบือไปขายน่าจะรวย
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปล่อยของต่อเนื่อง :b13:

๑. กามสุข สุขเนื่องด้วยกาม


ของก๊อปจากเซิ้นเจิ้นทั้งนั้น ใกล้เจ๊งแล้วเลยต้องรีบปล่อยของ :b32:

กามสุขไม่มี(เอ็งมั่ว) กามไม่สามารถทำให้สุขได้ กามเป็นเหตุแห่งฉันทะ
เหตุนี้พุทธพจน์ที่ถูกต้องคือ.....กามฉันทะ

กรัชกาย เขียน:
ปล่อยของต่อเนื่อง :b13:

๒. ฌานสุข สุขเนื่องด้วยฌาน


คำว่าฌานสุข นี่ก็ไม่มีในศาสนาพุทธ
ศาสนาพุทธมีแต่ฌานที่หมายถึงสภาวะอารมณ์ในกายใจ
คำว่าสุขเป็นโวหารที่ชาวบ้านใช้กันทั่วไป แต่ถ้าเป็นพุทธพจน์ ท่านเรียกว่า อรูปราคะ
เหตุนี้ใครพูดว่า "ฌานสุข".....เอ็งมั่ว เพราะศาสนาพุทธมีแต่อรูปราคะ ไม่มีคำว่าฌานสุข

กรัชกาย เขียน:
๓. นิพพานสุข ผู้เข้าถึง ได้แก่ พระอริยบุคคลทั้งหลาย ตั้งแต่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์ (แต่ต้องแยกแยะออกไปอีก ถ้าเป็นผลสมาบัติสุข ก็ได้สำหรับผู้บรรลุผลขั้นนั้นๆ ถ้าเป็นนิโรธสมาบัติสุข ก็ได้เฉพาะพระอนาคามี และพระอรหันต์ที่ได้สมาบัติ ๘ แล้ว)



อันนี้ยิ่งเลอะหนักเลย! ความสุขเป็นสังโยชน์(กิเลส) เรียกว่าอรูปราคะ
สภาวะนิพพานละซึ่งกิเลสแล้ว แต่นายกรัชกายดันบอกว่า ..นิพพานสุข :b32:

ที่เหลือไม่ต้องอธิบายแล้ว เพราะเริ่มต้นมันมั่ว
ก็ที่ตามมามันก็มีแต่ความเละ....เสียเวลาอธิบาย :b32:



คลั่งหนัก ใกล้จบแล้วครับนาย :b32:

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:


ของก๊อปจากเซิ้นเจิ้นทั้งนั้น ใกล้เจ๊งแล้วเลยต้องรีบปล่อยของ

กามสุขไม่มี (เอ็งมั่ว) กามไม่สามารถทำให้สุขได้ กามเป็นเหตุแห่งฉันทะ
เหตุนี้พุทธพจน์ที่ถูกต้องคือ....กามฉันทะ




โฮฮับว่า กามสุขไม่มี เอาง่ายๆ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส โฮฮับเคยมีความสุข จากส่ิ่งเหล่านั้นมั้ย คือ จากการดูรูป จากฟังเสียง จากดมกลิ่น จากลิ้มรส จากถูกต้องสัมผัส มั้ย ตอบตรงไปตรงมานะ เคย ไม่เคย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 77 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร