วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 00:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 97 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 18:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
...รู้มากเหลือเกินจนคัดลอกธรรมออกมาแสดงได้ตั้งหลายปียังไม่ยอมหมดเลย
:b16:


ดูเหมือนท่านอโศกะก็น่าจะหายใจมากเหลือเกิน...หายใจเท่าไรก็ไม่มีท่าว่าจะหมด จะหยุดสักที

:b1:

เรื่องรู้ เอกอนรู้อยู่แค่ 2
คือ การเข้าไปรู้ กับการไม่เข้าไปรู้
ซึ่งทั้ง 2 ล้วนเป็นไปตามปัจจัย

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 20:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
...รู้มากเหลือเกินจนคัดลอกธรรมออกมาแสดงได้ตั้งหลายปียังไม่ยอมหมดเลย
:b16:


ดูเหมือนท่านอโศกะก็น่าจะหายใจมากเหลือเกิน...หายใจเท่าไรก็ไม่มีท่าว่าจะหมด จะหยุดสักที

:b1:

เรื่องรู้ เอกอนรู้อยู่แค่ 2
คือ การเข้าไปรู้ กับการไม่เข้าไปรู้
ซึ่งทั้ง 2 ล้วนเป็นไปตามปัจจัย

:b1:


เข้าไปรู้..ไม่เข้าไปรู้...
คนหายใจมากเหลือเกิน..จะเข้าใจ..มั้ยละ..

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2016, 20:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
ท่านพาหิยะฟังแล้วภาวนาตาม ไม่ใช่แค่คิดตาม



ท่านภาวนายังงัยนะ...บอกมาซิ :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2016, 04:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
onion
ท่านพาหิยะฟังแล้วภาวนาตาม ไม่ใช่แค่คิดตาม



ท่านภาวนายังงัยนะ...บอกมาซิ :b32: :b32:



ศาสนาใหม่..มีเยอะ...

เอาพุทธมาแปลง...ตามใจตัว...

อโสกะ...นี้ก็เข้าข่าย..

:b32: :b32:

http://www.thairath.co.th/clip/59222





คนเดียวกับคนนี้..อะป้าวหนอ??..
ประวัติพระอาจารย์ชา มหิทธิโก เจ้าอาวาสวัดวังหอม อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช.


ตะเพิดพระชา อวดเหงื่อไหลเป็นพระธาตุ ทหาร ตำรวจเข้าเคลียร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2016, 04:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว




ไหว้กันปลก..ปลก..

มีพระสงฆ์..นับถือ..อ่อออ..ห่อหมกไปด้วย..

กรรม.. :b5: :b5:

อ้างปัญญา..อ้างปฏิบัติซะด้วย

อโสกะจะว่างัย..เขาก็อ้างปฏิบัติเหมือนๆอโสกะ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2016, 05:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สัตว์โลก..เป็นไปตามกรรม


ชาวสุรินทร์สุดทนแฉ “พระ” บิณฑบาตรับเฉพาะเงินสด อ้างมีบาตรเดียวเที่ยวได้ทั่วโลกไม่ผิด กม.

ก็ว่ากันไป..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2016, 05:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่แน่..
เจ้าถุยอาจได้บุญมากกว่า..



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2016, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอา ยังงั้นแนะนำศาสนาแมวให้กบนะ :b1: เอ้า

viewtopic.php?f=1&t=52497

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2016, 22:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
ท่านพาหิยะสังเกตจิตตนเองจนเห็นหรือรู้ว่ามีความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นพาหิยะเป็นตัวเป็นตน ถ้าไม่มีตัวตนพาหิยะเสียแล้วในการเห็น ดู ฟังและผัสสะทั้งหมด ก็หมดทุกสิ่งอย่างเป็นอนัตตา สุญญตา จิตท่านจึงลุถึงอนัตตาเต็มตัว เข้าสู่มรรคผลนิพพานไปตามลำดับจนถึงอรหัตผล
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2016, 06:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
ท่านพาหิยะสังเกตจิตตนเองจนเห็นหรือรู้ว่ามีความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นพาหิยะเป็นตัวเป็นตน ถ้าไม่มีตัวตนพาหิยะเสียแล้วในการเห็น ดู ฟังและผัสสะทั้งหมด ก็หมดทุกสิ่งอย่างเป็นอนัตตา สุญญตา จิตท่านจึงลุถึงอนัตตาเต็มตัว เข้าสู่มรรคผลนิพพานไปตามลำดับจนถึงอรหัตผล
onion


:b32: :b32: :b32:

จำลิเกมามากไป..ป้าวอโสกะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2016, 07:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอาอีกแล้ว....

หายอีกแล้ว

คงไม่อยากให้เราพูดมาก..ละมัง..

s002 s002 s002

ขี้เกียจพิมพ์ใหม่... :b22: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ค. 2016, 13:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
ท่านพาหิยะสังเกตจิตตนเองจนเห็นหรือรู้ว่ามีความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นพาหิยะเป็นตัวเป็นตน ถ้าไม่มีตัวตนพาหิยะเสียแล้วในการเห็น ดู ฟังและผัสสะทั้งหมด ก็หมดทุกสิ่งอย่างเป็นอนัตตา สุญญตา จิตท่านจึงลุถึงอนัตตาเต็มตัว เข้าสู่มรรคผลนิพพานไปตามลำดับจนถึงอรหัตผล
onion


ถ้าหากว่าท่านพาหิยะเป็นอย่างที่อธิบายดังกล่าว
นั่นแสดงว่า ท่านยังไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นไปเลย

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2016, 08:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
เอก้อนกับกบเอาอะไรมารู้ใจหรือคาดเดาใจท่านพาหิยะล่ะลองว่ามาซิ ดูสิว่ามันจะตรงกับหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนหรือไม่

ส่วนอโศกะนั้นเอาหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้นแหละมาคืบลามคาดเดาเอา

หรือในตำรา กบและเอก้อนยึดแน่นไว้นั้น มีอธิบายรายละเอียดสภาวะจิตของท่านพาหิยะไว้ก็ลองนำมาเล่าสู่กันฟังจะได้เป็นบุญตาบุญหูของผู้ได้อ่านได้ฟังนะครับ
s006
ส่วนความห่วงว่าอโศกะจะทำแปลกแหวกแนวไปอย่างที่ไปก้อปคลิ้บก้อปรูปอะไรมาให้ดูนั้น ขอให้หายห่วงอโศกะมิได้มีพฤติกรรมอย่างนั้น ลองสังเกตดูให้ดีๆสิ อโศกะพูดอยู่แต่เรื่องที่อยู่ในกรอบของ อริยสัจ 4 โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ อนัตตา ปัจจุบันอารมณ์ตามภัทเทกรัตคาถา
มีอันไหนที่ว่ามานี้นอกหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าบ้างล่ะลองชี้มา มีที่กบ เอก้อนและหลายท่านไม่เข้าใจคิดว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะพากันไปเทียบเอาแต่ธรรมะในตำราและคัมภีร์ อโศกะนั้นเทียบเอาจากทั้งในคัมภีร์และในสภาวธรรมตามความเป็นจริงมาพูดมาบอกในคำพูดและภาษาชาวบ้านง่ายๆเลยดูขัดหูขัดตานักวิชาการใหญ่ทั้งหลายจนอดรนทนไม่ได้ต้องมารุมโจมตีแคะไค้ ส่อเสียดเบียดเบียนกันด้วยคำพูดตลอดมา

แต่อโศกะก็ถือว่าดีนะที่มีความคิดความเห็นขัดแย้งในการสนทนากันมันจึงจะชวนให้ศึกษาค้นคว้ากันให้มากขึ้นทั้งสองฝ่ายแถมยังได้สิ่งที่ขัดข้องใจกัน งหลายมาเป็นเครื่องช่วยในการพัฒนาธรรมะในตัวในใจของแต่ละคน จะได้อาศัยความกระทบเหล่านี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยมาช่วยขุดถอนทิฏฐิ มานะ อาสวะ กิเลส อนุสัยของทุกๆคน
เจริญสุขเจริญธรรม
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2016, 12:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
เอก้อนกับกบเอาอะไรมารู้ใจหรือคาดเดาใจท่านพาหิยะล่ะลองว่ามาซิ ดูสิว่ามันจะตรงกับหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนหรือไม่

ส่วนอโศกะนั้นเอาหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้นแหละมาคืบลามคาดเดาเอา

หรือในตำรา กบและเอก้อนยึดแน่นไว้นั้น มีอธิบายรายละเอียดสภาวะจิตของท่านพาหิยะไว้ก็ลองนำมาเล่าสู่กันฟังจะได้เป็นบุญตาบุญหูของผู้ได้อ่านได้ฟังนะครับ
s006
ส่วนความห่วงว่าอโศกะจะทำแปลกแหวกแนวไปอย่างที่ไปก้อปคลิ้บก้อปรูปอะไรมาให้ดูนั้น ขอให้หายห่วงอโศกะมิได้มีพฤติกรรมอย่างนั้น ลองสังเกตดูให้ดีๆสิ อโศกะพูดอยู่แต่เรื่องที่อยู่ในกรอบของ อริยสัจ 4 โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ อนัตตา ปัจจุบันอารมณ์ตามภัทเทกรัตคาถา
มีอันไหนที่ว่ามานี้นอกหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าบ้างล่ะลองชี้มา มีที่กบ เอก้อนและหลายท่านไม่เข้าใจคิดว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะพากันไปเทียบเอาแต่ธรรมะในตำราและคัมภีร์ อโศกะนั้นเทียบเอาจากทั้งในคัมภีร์และในสภาวธรรมตามความเป็นจริงมาพูดมาบอกในคำพูดและภาษาชาวบ้านง่ายๆเลยดูขัดหูขัดตานักวิชาการใหญ่ทั้งหลายจนอดรนทนไม่ได้ต้องมารุมโจมตีแคะไค้ ส่อเสียดเบียดเบียนกันด้วยคำพูดตลอดมา

แต่อโศกะก็ถือว่าดีนะที่มีความคิดความเห็นขัดแย้งในการสนทนากันมันจึงจะชวนให้ศึกษาค้นคว้ากันให้มากขึ้นทั้งสองฝ่ายแถมยังได้สิ่งที่ขัดข้องใจกัน งหลายมาเป็นเครื่องช่วยในการพัฒนาธรรมะในตัวในใจของแต่ละคน จะได้อาศัยความกระทบเหล่านี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยมาช่วยขุดถอนทิฏฐิ มานะ อาสวะ กิเลส อนุสัยของทุกๆคน
เจริญสุขเจริญธรรม
smiley


:b32: :b32: :b32:

ตอบอะไรออกมารู้ตัวป่าว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2016, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะว่า..ยึดตาม....ภัทเทกรัตตสูตร..

อ้างคำพูด:
ภัทเทกรัตตสูตร
พุทธพจน์ และ พระสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๔

[๕๒๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน อารามของ อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี
สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียก ภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอุเทศและวิภังค์ ของบุคคลผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ แก่เธอทั้งหลาย
พวกเธอจงฟังอุเทศและวิภังค์นั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ
[๕๒๗] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว (อดีต)
ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง (อนาคต)
สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง
ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน
ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด

พึงทำความเพียรเสียใน วันนี้แหละ
ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง
เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย
พระมุนีผู้สงบย่อมเรียก บุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้
มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่า ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ



แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 97 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร