วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 97 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2016, 14:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
ความเป็น "สักแต่ว่า"นั้น มิใช่เพียงแค่คิดเอาแล้วก็จะเกิดขึ้นมาได้
ต้องทำเอาด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะบากบั่นจริงจัง

onion


มุ่งมั่นแต่วิริยะบากบันมาก ๆ

ระวังมันจะกลายเป็น สักแต่ว่า ซ้อนสักแต่ว่า และก็...ซ้อนสักแต่ว่า
สักแต่ว่าที่มีค่าเป็น นิรันดร์ ก็แล้วกัน

:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2016, 05:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
s004
ความเป็น "สักแต่ว่า"นั้น มิใช่เพียงแค่คิดเอาแล้วก็จะเกิดขึ้นมาได้
ต้องทำเอาด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะบากบั่นจริงจัง

onion


มุ่งมั่นแต่วิริยะบากบันมาก ๆ

ระวังมันจะกลายเป็น สักแต่ว่า ซ้อนสักแต่ว่า และก็...ซ้อนสักแต่ว่า
สักแต่ว่าที่มีค่าเป็น นิรันดร์ ก็แล้วกัน

:b32:

:b12:
เอาความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู ออกให้ได้ จริงๆแล้ว มันจักไม่เกิดอะไรซ้อนอะไรอย่างที่เอก้อนวิตกและกลัวหรอกนะครับ

ทำจริงๆ ขยันจริงๆ อย่ามัวแต่คิดเอาตามตำราจนบรรลุอรหันต์ด้วยความคิด เพราะนั่นมันคือของปลอม
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 19:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
เอาความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู ออกให้ได้ จริงๆแล้ว มันจักไม่เกิดอะไรซ้อนอะไรอย่างที่เอก้อนวิตกและกลัวหรอกนะครับ

ทำจริงๆ ขยันจริงๆ อย่ามัวแต่คิดเอาตามตำราจนบรรลุอรหันต์ด้วยความคิด เพราะนั่นมันคือของปลอม
onion


อโศกะนี่เก่งเน๊อะ ฉลาด เป็นคนดี มีศีล มีธรรม มีภูมิปัญญาอันเลิศ
รู้ทุกอย่างแจ่มแจ้งไปซะหมดเลย
รู้อะไรใช่ ไม่ใช่ ไปซะหมดครบถ้วนทุกแง่ทุกมุม จนหาจุดผิดพลาดไม่เจอ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 20:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 06 ก.ค. 2016, 20:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 20:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เหนือยๆ...เพราะทุกข์

ทุกข์..ทำให้รู้ว่า..ตัวยังไม่ถึงไหน..

ถึงไหน..ถึงไหน...ที่จริงก็ไม่ควรจะมีคำพูดนี้ด้วยซ้ำไป.. :b9: :b9:

:b13:
แสนรู้นะ กบตัวนี้ .......ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย มีแต่ความคาดเดา
:b12: :b17: :b19:


อโสกะ...เดือดร้อน..หาว่า..เราคาดเดา..

คงคิดว่า..เราไปว่าเขาละมั้ง??

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 20:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
ความเป็น "สักแต่ว่า"นั้น มิใช่เพียงแค่คิดเอาแล้วก็จะเกิดขึ้นมาได้
ต้องทำเอาด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะบากบั่นจริงจัง

สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะกลายเป็นสักแต่ว่า รู้ โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เป็นยินดียินร้ายได้นั้น
ต้องเอาตัวสมุทัย ต้นเหตุแห่งทุกข์คืออุปาทานความสำคัญผิด ความเห็นผิด ความยึดผิด ว่ารูป นาม กายใจนี้เป็นอัตตาตัวกูของกูออกทิ้งหรือฆ่าให้ตายเกลี้ยงเสียก่อน จึงจะเกิดความเป็น "สักแต่ว่า" ได้ในจิตใจของคนผู้ทำความเพียรนั้น
onion
กิจทั้งหลายไม่สำเร็จด้วยการ คิด
จะสัมฤทธิ์ต่อเมื่อทำจริงได้
ขุดถอนทิ้งกู เรา ออกจากใจ
จึงจักเสร็จสมหมายในทางธรรม
onion


ด้วยความไม่ประสา....รู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้

มีอรหันต์หลายๆท่านในพระสูตร...เสร็จกิจจากการคิดตามคำที่พระพุทธองค์กล่าว...ครับ

ตย....พระพาหิยทารุจีริยเถระ..เป็นต้น

และมีเยอะมาก....ที่มีดวงตาเห็นธรรมตามขั้นตามภูมิเมื่อคิดตามที่พระองค์กล่าว...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 20:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เอาความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู ออกให้ได้ จริงๆแล้ว มันจักไม่เกิดอะไรซ้อนอะไรอย่างที่เอก้อนวิตกและกลัวหรอกนะครับ

ทำจริงๆ ขยันจริงๆ อย่ามัวแต่คิดเอาตามตำราจนบรรลุอรหันต์ด้วยความคิด เพราะนั่นมันคือของปลอม
onion


อโศกะนี่เก่งเน๊อะ ฉลาด เป็นคนดี มีศีล มีธรรม มีภูมิปัญญาอันเลิศ
รู้ทุกอย่างแจ่มแจ้งไปซะหมดเลย
รู้อะไรใช่ ไม่ใช่ ไปซะหมดครบถ้วนทุกแง่ทุกมุม จนหาจุดผิดพลาดไม่เจอ

:b1:


จะผิดศีลมั้ยเนี้ย..

อิอิ.. :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เอาความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกู ออกให้ได้ จริงๆแล้ว มันจักไม่เกิดอะไรซ้อนอะไรอย่างที่เอก้อนวิตกและกลัวหรอกนะครับ

ทำจริงๆ ขยันจริงๆ อย่ามัวแต่คิดเอาตามตำราจนบรรลุอรหันต์ด้วยความคิด เพราะนั่นมันคือของปลอม
onion


อโศกะนี่เก่งเน๊อะ ฉลาด เป็นคนดี มีศีล มีธรรม มีภูมิปัญญาอันเลิศ
รู้ทุกอย่างแจ่มแจ้งไปซะหมดเลย
รู้อะไรใช่ ไม่ใช่ ไปซะหมดครบถ้วนทุกแง่ทุกมุม จนหาจุดผิดพลาดไม่เจอ

:b1:


จะผิดศีลมั้ยเนี้ย..

อิอิ.. :b9: :b9:


:b1: ^^...ไม่หรอก...^^ :b13:
:b1: ...เอกอนก็กล่าวไปตามที่เห็นสิ่งหนึ่งปรากฎแสดงตัวออกมาน่ะ... :b1:

:b1: ...ก็เหมือนกับว่าเอกอนเห็นก้อนหินปรากฎตั้งอยู่ เอกอนก็ว่านั่นก้อนหินตั้งอยู่... :b1:
:b1: ...ซึ่งเมื่อก้อนหินยังปรากฎตั้งอยู่ เอกอนก็บอกไปตามนั้น... :b1:

:b1: ...ถ้าเมื่อก้อนหินนั่นไม่ปรากฎแล้วสิ่ เอกอนก็จะว่าก้อนหินนั้นไม่ปรากฎแล้ว... :b1:

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2016, 15:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
s004
ความเป็น "สักแต่ว่า"นั้น มิใช่เพียงแค่คิดเอาแล้วก็จะเกิดขึ้นมาได้
ต้องทำเอาด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะบากบั่นจริงจัง

สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะกลายเป็นสักแต่ว่า รู้ โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เป็นยินดียินร้ายได้นั้น
ต้องเอาตัวสมุทัย ต้นเหตุแห่งทุกข์คืออุปาทานความสำคัญผิด ความเห็นผิด ความยึดผิด ว่ารูป นาม กายใจนี้เป็นอัตตาตัวกูของกูออกทิ้งหรือฆ่าให้ตายเกลี้ยงเสียก่อน จึงจะเกิดความเป็น "สักแต่ว่า" ได้ในจิตใจของคนผู้ทำความเพียรนั้น
onion
กิจทั้งหลายไม่สำเร็จด้วยการ คิด
จะสัมฤทธิ์ต่อเมื่อทำจริงได้
ขุดถอนทิ้งกู เรา ออกจากใจ
จึงจักเสร็จสมหมายในทางธรรม
onion


ด้วยความไม่ประสา....รู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้

มีอรหันต์หลายๆท่านในพระสูตร...เสร็จกิจจากการคิดตามคำที่พระพุทธองค์กล่าว...ครับ

ตย....พระพาหิยทารุจีริยเถระ..เป็นต้น

และมีเยอะมาก....ที่มีดวงตาเห็นธรรมตามขั้นตามภูมิเมื่อคิดตามที่พระองค์กล่าว...

s004
รู้ด้วยหรือว่าท่านพาหิยะคิดตามอย่างเดียว
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2016, 20:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
s004
ความเป็น "สักแต่ว่า"นั้น มิใช่เพียงแค่คิดเอาแล้วก็จะเกิดขึ้นมาได้
ต้องทำเอาด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะบากบั่นจริงจัง

สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะกลายเป็นสักแต่ว่า รู้ โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เป็นยินดียินร้ายได้นั้น
ต้องเอาตัวสมุทัย ต้นเหตุแห่งทุกข์คืออุปาทานความสำคัญผิด ความเห็นผิด ความยึดผิด ว่ารูป นาม กายใจนี้เป็นอัตตาตัวกูของกูออกทิ้งหรือฆ่าให้ตายเกลี้ยงเสียก่อน จึงจะเกิดความเป็น "สักแต่ว่า" ได้ในจิตใจของคนผู้ทำความเพียรนั้น
onion
กิจทั้งหลายไม่สำเร็จด้วยการ คิด
จะสัมฤทธิ์ต่อเมื่อทำจริงได้
ขุดถอนทิ้งกู เรา ออกจากใจ
จึงจักเสร็จสมหมายในทางธรรม
onion


ด้วยความไม่ประสา....รู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้

มีอรหันต์หลายๆท่านในพระสูตร...เสร็จกิจจากการคิดตามคำที่พระพุทธองค์กล่าว...ครับ

ตย....พระพาหิยทารุจีริยเถระ..เป็นต้น

และมีเยอะมาก....ที่มีดวงตาเห็นธรรมตามขั้นตามภูมิเมื่อคิดตามที่พระองค์กล่าว...

s004
รู้ด้วยหรือว่าท่านพาหิยะคิดตามอย่างเดียว
s006



:b32: :b32:

หากท่านพาหิยะไม่คิดตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า..แล้วท่านทำอะไรรึ..อโสกะ..

เต้นเบรกแดนซ์..รึงัย?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2016, 00:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
s004
ความเป็น "สักแต่ว่า"นั้น มิใช่เพียงแค่คิดเอาแล้วก็จะเกิดขึ้นมาได้
ต้องทำเอาด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะบากบั่นจริงจัง

สัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะกลายเป็นสักแต่ว่า รู้ โดยไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เป็นยินดียินร้ายได้นั้น
ต้องเอาตัวสมุทัย ต้นเหตุแห่งทุกข์คืออุปาทานความสำคัญผิด ความเห็นผิด ความยึดผิด ว่ารูป นาม กายใจนี้เป็นอัตตาตัวกูของกูออกทิ้งหรือฆ่าให้ตายเกลี้ยงเสียก่อน จึงจะเกิดความเป็น "สักแต่ว่า" ได้ในจิตใจของคนผู้ทำความเพียรนั้น
onion
กิจทั้งหลายไม่สำเร็จด้วยการ คิด
จะสัมฤทธิ์ต่อเมื่อทำจริงได้
ขุดถอนทิ้งกู เรา ออกจากใจ
จึงจักเสร็จสมหมายในทางธรรม
onion


ด้วยความไม่ประสา....รู้ไม่รอบ...ไม่รอบรู้

มีอรหันต์หลายๆท่านในพระสูตร...เสร็จกิจจากการคิดตามคำที่พระพุทธองค์กล่าว...ครับ

ตย....พระพาหิยทารุจีริยเถระ..เป็นต้น

และมีเยอะมาก....ที่มีดวงตาเห็นธรรมตามขั้นตามภูมิเมื่อคิดตามที่พระองค์กล่าว...

s004
รู้ด้วยหรือว่าท่านพาหิยะคิดตามอย่างเดียว
s006



:b32: :b32: :b32:

หากท่านพาหิยะไม่คิดตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า..แล้วท่านทำอะไรรึ..อโสกะ..

เต้นเบรกแดนซ์..รึงัย?


เอ้อ...นั่นสิ่

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2016, 02:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกะ : อ่านพระสูตรนี้
แยกมาดูทีนะว่า สักแต่ว่า ปรากฏอย่างไร
Quote Tipitaka:
[๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้ว ย่อมเสวยสุขเวทนา
บ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ก็ย่อม
เสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ใน
ชน ๒ จำพวกนั้น อะไรเป็นความพิเศษ เป็นความแปลก เป็นเครื่องทำให้ต่างกัน
ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์มีพระผู้มีพระภาคเป็นรากฐาน
ฯลฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ อันทุกขเวทนา
ถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก ร่ำไร รำพัน ทุบอก คร่ำครวญ ย่อมถึงความ
งมงาย เขาย่อมเสวยเวทนา ๒ อย่าง คือเวทนาทางกายและเวทนาทางใจ ฯ
[๓๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนายขมังธนู พึงยิงบุรุษด้วย
ลูกศร ยิงซ้ำบุรุษนั้นด้วยลูกศรดอกที่ ๒ อีก ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ บุรุษนั้นย่อมเสวย
เวทนาเพราะลูกศร ๒ อย่าง คือ ทางกายและทางใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชน
ผู้ไม่ได้สดับ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก ร่ำไร
รำพัน ทุบอกคร่ำครวญ ย่อมถึงความงมงาย เขาย่อมเสวยเวทนา ๒ อย่าง คือ
เวทนาทางกายและเวทนาทางใจ อนึ่ง เขาเป็นผู้มีความขัดเคืองเพราะทุกขเวทนา
นั้น ปฏิฆานุสัยเพราะทุกขเวทนานั้น ย่อมนอนตามเขาผู้มีความขัดเคืองเพราะ
ทุกขเวทนา เขาเป็นผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมเพลิดเพลินกามสุข ข้อนั้น
เพราะเหตุอะไร เพราะปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมไม่รู้อุบายเครื่องสลัดออกจาก
ทุกขเวทนานอกจากกามสุข และเมื่อเขาเพลิดเพลินกามสุขอยู่ ราคานุสัยเพราะ
สุขเวทนานั้นย่อมนอนเนื่อง เขาย่อมไม่รู้เหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบาย
เป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง เมื่อเขาไม่รู้เหตุเกิด
ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น ตาม
ความเป็นจริง อวิชชานุสัยเพราะอทุกขมสุขเวทนาย่อมนอนเนื่อง เขาย่อมเสวยสุข
เวทนา เป็นผู้ประกอบด้วยกิเลสเสวยสุขเวทนานั้น ย่อมเสวยทุกขเวทนา เป็น
ผู้ประกอบด้วยกิเลสเสวยอทุกขเวทนานั้น และย่อมเสวยอทุกขมสุขเวทนา เป็น
ผู้ประกอบด้วยกิเลสเสวยอทุกขมสุขเวทนานั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้
สดับนี้ เราเรียกว่า เป็นผู้ประกอบด้วยชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัสและอุปายาส เรากล่าวว่า เป็นผู้ประกอบด้วยทุกข์ ฯ
[๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายอริยสาวกผู้ได้สดับ อันทุกขเวทนาถูก
ต้องแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร ไม่รำพัน ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความ
งมงาย เธอย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว ไม่ได้เสวยเวทนาทางใจ ฯ
[๓๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนายขมังธนูพึงยิงบุรุษด้วย
ลูกศร ยิงซ้ำบุรุษนั้นด้วยลูกศรดอกที่ ๒ ผิดไป ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ บุรุษนั้นย่อม
เสวยเวทนาเพราะลูกศรดอกเดียว ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับ ก็ฉัน
นั้นเหมือนกัน ผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร ไม่รำพัน
ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความงมงาย เธอย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว ไม่
ได้เสวยเวทนาทางใจ อนึ่ง เธอย่อมไม่มีความขัดเคืองเพราะทุกขเวทนานั้น
ปฏิฆานุสัยเพราะทุกขเวทนานั้น ย่อมไม่นอนตามเธอผู้ไม่มีความขัดเคืองเพราะ
ทุกขเวทนา เธอผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่เพลิดเพลินกามสุข ข้อนั้น
เพราะเหตุไร เพราะอริยสาวกผู้ได้สดับนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออก
จากทุกขเวทนา นอกจากกามสุข เมื่อเธอไม่เพลิดเพลินกามสุข ราคานุสัยเพราะ
สุขเวทนาย่อมไม่นอนเนื่อง เธอย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และ
อุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง เมื่อเธอรู้ชัดซึ่ง
เหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น
ตามความเป็นจริง อวิชชานุสัยเพราะอทุกขมสุขเวทนาย่อมไม่นอนเนื่อง ถ้าเธอ
เสวยสุขเวทนา ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยสุขเวทนานั้น ถ้าเสวยทุกขเวทนา
ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยทุกขเวทนานั้น ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ย่อม
เป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยอทุกขมสุขเวทนานั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวก
ผู้ได้สดับแล้วนี้ เราเรียกว่า เป็นผู้ปราศจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เราย่อมกล่าวว่า เป็นผู้ปราศจากทุกข์ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย นี้แลเป็นความพิเศษ เป็นความแปลกกัน เป็นเครื่องกระทำให้ต่างกัน
ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ฯ
[๓๗๓] อริยสาวกนั้นเป็นผู้มีปัญญา ทั้งเป็นพหูสูต ย่อมไม่
เสวยทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา นี้แล เป็นความ
แปลกกันระหว่างธีรชนผู้ฉลาดกับปุถุชน ธรรมส่วนที่
น่าปรารถนา ย่อมไม่ย่ำยีจิตของอริยสาวกนั้น ผู้มีธรรม
อันรู้แจ้งแล้ว เป็นพหูสูตเห็นแจ้งโลกนี้และโลกหน้า
อยู่ ท่านย่อมไม่ถึงความขัดเคืองเพราะอนิฏฐารมณ์ อนึ่ง
เวทนาเป็นอันตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะอริยสาวกนั้นไม่ยินดี
และไม่ยินร้าย อริยสาวกนั้นรู้ทางดำเนินอันปราศจากธุลี
และหาความโศกมิได้ ย่อมเป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพรู้โดยชอบ ฯ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2016, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
อโศกะ : อ่านพระสูตรนี้
แยกมาดูทีนะว่า สักแต่ว่า ปรากฏอย่างไร
Quote Tipitaka:
[๓๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้ว ย่อมเสวยสุขเวทนา
บ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ก็ย่อม
เสวยสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง อทุกขมสุขเวทนาบ้าง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ใน
ชน ๒ จำพวกนั้น อะไรเป็นความพิเศษ เป็นความแปลก เป็นเครื่องทำให้ต่างกัน
ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์มีพระผู้มีพระภาคเป็นรากฐาน
ฯลฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ อันทุกขเวทนา
ถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก ร่ำไร รำพัน ทุบอก คร่ำครวญ ย่อมถึงความ
งมงาย เขาย่อมเสวยเวทนา ๒ อย่าง คือเวทนาทางกายและเวทนาทางใจ ฯ
[๓๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนายขมังธนู พึงยิงบุรุษด้วย
ลูกศร ยิงซ้ำบุรุษนั้นด้วยลูกศรดอกที่ ๒ อีก ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ บุรุษนั้นย่อมเสวย
เวทนาเพราะลูกศร ๒ อย่าง คือ ทางกายและทางใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชน
ผู้ไม่ได้สดับ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมเศร้าโศก ร่ำไร
รำพัน ทุบอกคร่ำครวญ ย่อมถึงความงมงาย เขาย่อมเสวยเวทนา ๒ อย่าง คือ
เวทนาทางกายและเวทนาทางใจ อนึ่ง เขาเป็นผู้มีความขัดเคืองเพราะทุกขเวทนา
นั้น ปฏิฆานุสัยเพราะทุกขเวทนานั้น ย่อมนอนตามเขาผู้มีความขัดเคืองเพราะ
ทุกขเวทนา เขาเป็นผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมเพลิดเพลินกามสุข ข้อนั้น
เพราะเหตุอะไร เพราะปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมไม่รู้อุบายเครื่องสลัดออกจาก
ทุกขเวทนานอกจากกามสุข และเมื่อเขาเพลิดเพลินกามสุขอยู่ ราคานุสัยเพราะ
สุขเวทนานั้นย่อมนอนเนื่อง เขาย่อมไม่รู้เหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบาย
เป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง เมื่อเขาไม่รู้เหตุเกิด
ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น ตาม
ความเป็นจริง อวิชชานุสัยเพราะอทุกขมสุขเวทนาย่อมนอนเนื่อง เขาย่อมเสวยสุข
เวทนา เป็นผู้ประกอบด้วยกิเลสเสวยสุขเวทนานั้น ย่อมเสวยทุกขเวทนา เป็น
ผู้ประกอบด้วยกิเลสเสวยอทุกขเวทนานั้น และย่อมเสวยอทุกขมสุขเวทนา เป็น
ผู้ประกอบด้วยกิเลสเสวยอทุกขมสุขเวทนานั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้
สดับนี้ เราเรียกว่า เป็นผู้ประกอบด้วยชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัสและอุปายาส เรากล่าวว่า เป็นผู้ประกอบด้วยทุกข์ ฯ
[๓๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายอริยสาวกผู้ได้สดับ อันทุกขเวทนาถูก
ต้องแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร ไม่รำพัน ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความ
งมงาย เธอย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว ไม่ได้เสวยเวทนาทางใจ ฯ
[๓๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนนายขมังธนูพึงยิงบุรุษด้วย
ลูกศร ยิงซ้ำบุรุษนั้นด้วยลูกศรดอกที่ ๒ ผิดไป ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ บุรุษนั้นย่อม
เสวยเวทนาเพราะลูกศรดอกเดียว ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับ ก็ฉัน
นั้นเหมือนกัน ผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร ไม่รำพัน
ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความงมงาย เธอย่อมเสวยเวทนาทางกายอย่างเดียว ไม่
ได้เสวยเวทนาทางใจ อนึ่ง เธอย่อมไม่มีความขัดเคืองเพราะทุกขเวทนานั้น
ปฏิฆานุสัยเพราะทุกขเวทนานั้น ย่อมไม่นอนตามเธอผู้ไม่มีความขัดเคืองเพราะ
ทุกขเวทนา เธอผู้อันทุกขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่เพลิดเพลินกามสุข ข้อนั้น
เพราะเหตุไร เพราะอริยสาวกผู้ได้สดับนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออก
จากทุกขเวทนา นอกจากกามสุข เมื่อเธอไม่เพลิดเพลินกามสุข ราคานุสัยเพราะ
สุขเวทนาย่อมไม่นอนเนื่อง เธอย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และ
อุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง เมื่อเธอรู้ชัดซึ่ง
เหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งเวทนาเหล่านั้น
ตามความเป็นจริง อวิชชานุสัยเพราะอทุกขมสุขเวทนาย่อมไม่นอนเนื่อง ถ้าเธอ
เสวยสุขเวทนา ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยสุขเวทนานั้น ถ้าเสวยทุกขเวทนา
ย่อมเป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยทุกขเวทนานั้น ถ้าเสวยอทุกขมสุขเวทนา ย่อม
เป็นผู้ปราศจากกิเลสเสวยอทุกขมสุขเวทนานั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวก
ผู้ได้สดับแล้วนี้ เราเรียกว่า เป็นผู้ปราศจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เราย่อมกล่าวว่า เป็นผู้ปราศจากทุกข์ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย นี้แลเป็นความพิเศษ เป็นความแปลกกัน เป็นเครื่องกระทำให้ต่างกัน
ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ฯ
[๓๗๓] อริยสาวกนั้นเป็นผู้มีปัญญา ทั้งเป็นพหูสูต ย่อมไม่
เสวยทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา นี้แล เป็นความ
แปลกกันระหว่างธีรชนผู้ฉลาดกับปุถุชน ธรรมส่วนที่
น่าปรารถนา ย่อมไม่ย่ำยีจิตของอริยสาวกนั้น ผู้มีธรรม
อันรู้แจ้งแล้ว เป็นพหูสูตเห็นแจ้งโลกนี้และโลกหน้า
อยู่ ท่านย่อมไม่ถึงความขัดเคืองเพราะอนิฏฐารมณ์ อนึ่ง
เวทนาเป็นอันตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะอริยสาวกนั้นไม่ยินดี
และไม่ยินร้าย อริยสาวกนั้นรู้ทางดำเนินอันปราศจากธุลี
และหาความโศกมิได้ ย่อมเป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพรู้โดยชอบ ฯ


ไม่รู้จักอธิบายความ จะเอามาโพสทำไมให้อายประชาชี :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2016, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

ไม่รู้จักอธิบายความ จะเอามาโพสทำไมให้อายประชาชี



ถ้าอธิบายแล้วเข้ารกเข้าพง ลงทะเล ออกมหาสมุทร แบบโฮฮับ ปล่อยไปยังงั้นแหละดีกว่า :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2016, 13:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
ท่านพาหิยะฟังแล้วภาวนาตาม ไม่ใช่แค่คิดตาม
จิตของท่านจึงเข้าถึง อนัตตา โดยฉับพลัน
ต้องไปสืบค้นอดีตประวัติของท่านดูดีๆว่าท่านบำเพ็ญบารมีมาอย่างไร
:b8:
ถ้าคิดตามแล้วบรรลุอรหันต์ได้ กบ เอก้อน โฮฮับ กรัชกายและใครต่อใครคงเป็นพระอรหันต์ไปหมดแล้ว เพราะรู้มากเหลือเกินจนคัดลอกธรรมออกมาแสดงได้ตั้งหลายปียังไม่ยอมหมดเลย
:b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 97 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร