วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 15:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 71 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 06:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:


ผมเอากระทู้ที่อื่นมา ก็เพื่อเอามาเป็นครูบาอาจารย์ เป็นแบบทดสอบให้กับพวกคุณ
ผมไม่ได้เอามาแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาด่าเขา.....แบบที่คุณชอบที่จะทำอยู่บ่อยๆ

ผมเสนอแนะให้พวกคุณออกความเห็นกับธรรมที่อยู่ตรงหน้า แต่คุณกับหาได้สนใจ
จ้องมองแต่ชื่อของผม คำว่า"โฮฮับ"มันเลยมาปิดบังปัญญาพวกคุณ

สถานที่บางสถานที่มันมีข้อจำกัด บ้างคนเข้าไม่ได้ บ้างคนไม่อยากเข้าไป
แต่สถานที่นั้นติดลำโพงแสดงความเห็นเป็นสาธารณะ แบบนี้ผมจะเอาสิ่งที่เป็นสาธารณะมาวิจารก์
ซึ่งสถานที่ๆที่ผมเอามาวิจารย์ก็มีอิสระ ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านหรือเป็นสมาชิก
แสดงความเห็นที่เห็นต่างหรือเห็นด้วย

แทนที่จะดูธรรมที่อยู่ตรงหน้า ดันทลึ่งมาเพ่งแต่ชื่อโฮฮับ
คุณDuangratแกเป็นสมาชิกใหม่ แกยังมองนิสัยพวกคุณออก
หรือถ้าคุณยังไม่เข้าใจ คำที่คุณDuangratแกสอน
ผมก็จะบอกความหมายให้ว่า ......มันหมายถึงไม่สนใจธรรมตั้งหน้าแต่จะหาเรื่องคน
ริษยาจนออกนอกหน้า เว็บเข้าเปิดโอกาสให้แสดงความคิด เห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็ให้เหตุผลกันไป
ไอ้นี่ดันหาเรื่องท้าตีท้าต่อย




ฮั่นแน่.ๆ..มีพวกคุณ..ซะด้วย

มีคน....มองนิสัยพวกคุณออก..ซะด้วย..

:b32:


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 06:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2014, 11:29
โพสต์: 64

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

พันทิบ เขียน:
ขันธ์ 5 ทั้งปวงเป็นสังขตธาตุ พระนิพพานเป็นอสังขตธาตุ ข้อนี้ใครจะเถียง


สังขตธาตุไม่ใช่ขันธ์ห้า ลักษณะของสังขตธาตุหรือธรรมเกิดจากปฏิจจสมปบาท
ส่วนขันธ์ห้าเกิดจากอัตตา

อสังขตธาตุหรือธรรม ไม่ใช่นิพพาน
อสังขตฯเป็นลักษณะของกายใจ ไม่มีการปรุงแต่ง เมื่อไม่มีการปรุงแต่งความเป็นโทสะ
โลภะและโมหะจึงไม่เกิด......แต่กายใจนั้นยังครองภพอยู่ จึงไม่นับเป็นนิพพาน
กายใจที่เป็นลักษณะของอสังขตฯก็คือ การทำสมาบัติและกายใจเป็นเป็นภวังค์(นอนหลับสนิท)

สภาวะที่เป็นนิพพาน จะต้องเป็นสภาวะที่เรียกว่า .....วิสังขาร
กายใจที่รู้สึกตัวรับการกระทบแต่ไม่เกิดการปรุงแต่ง


..............................
คำถาม
อสังขตฯ ไม่มีการปรุงแต่ง กายใจนั้นยังครองภพอยู่
สภาวะที่เป็นนิพพาน กายใจที่รู้สึกตัวรับการกระทบแต่ไม่เกิดการปรุงแต่ง นั้น แล้ว เรียกว่า ยังครองภพไหม?


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 06:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Duangrat เขียน:
จขกท
"ความเห็นหน้าจะอธิบาย กระบวนการของสภาวะที่เรียกว่านิพพานให้ฟัง"
รออ่านขอรับท่าน


เริ่มแรกคุณจะต้องรู้ สิ่งที่เรียกปริยัติเสียก่อน ปริยัติไม่ได้หมายความถึง
รู้พระไตรปิฎก แต่ปริยัติหมายความถึง......เข้าใจพุทธบัญญัติ

พระไตรปิฎกเป็นการเอาพุทธบัญญัติมาขยายความ ถ้าคุณไม่รู้ไม่เข้าใจพุทธบัญญัติ
คุณไม่มีทางอ่านพระไตรปิฎกรู้เรื่อง

ความหมายที่ว่าปริยัติต้องรู้พุทธบัญญัติก็คือ.......คุณจะต้องรู้ว่า อะไรเป็นชื่อเรียกธรรม
และอะไรเป็นคำนิยามของชื่อธรรมนั้น หัวใจของปริยัติ อยู่ที่ ....รู้นิยามของพุทธพจน์(ชื่อ)
และไม่ใช่การรู้ด้วยการแปลหรืออ่านจากพจนานุกรม พจนานุกรมใช้ประกอบการเรียนบาลี
ซึ่งหลักสูตรภาษาบาลี มันเป็นหลักสูตรที่มหาเปรียญแต่งขึ้นและวางหลักเกณท์เอาเอง
การเรียนบาลีในไทย ย่อมแตกต่างจากการเรียนบาลีของต่างชาติ เพราะตัวอักษรมันไม่เหมือนกัน
ฉะนั้นอย่าหลงคิดว่า บาลีไทยเป็นพระไตรปิฎกต้นแบบพระไตรปิฎก
เพียงแต่มันเป็นต้นแบบการเรียนภาษาบาลีที่ใช้อักษรไทย

มหาเปรียญจะประโยค๑หรือ๙ไม่เกี่ยวกับพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอน
ดีกรีเปรียญเป็นแค่ประกาศนียบัตรในการเรียนภาษา ไม่ใช่ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงสอน
และอย่าหลงเข้าใจว่า...บาลีที่เป็นอักษรไทยจะเป็นเจ้าของหลักเกณท์ ชาติอื่นภาษาอื่น
เขาก็มีหลักเกณท์ของเขา เพราะบาลีที่เขาศึกษาก็ล้วนเป็นอักษรของชาติเขา


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 06:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ธรรมของใคร...

นิครนถ์...โยคี...เต๋า...ขงจื้อ...สัญชัย..พุทธะ..ฯ

:b9: :b9:


คุณDuangratพึ่งว่าแม่บๆ ......แม่ยกกบยังสวมบทหน้าห้องคุณหญิง :b32:


พ่อยก..ไม่ได้รึ?


ไม่ได้! เพราะดูจากสำนวนเหมือนกำลังจีบปากจีบคอ...แบบนี้ต้องเรียก....แม่ยก
และอย่าเข้าใจว่าเป็นแม่คนชื่อยก แต่หมายถึง หญิงชราที่หลงไหลลิเกเป็นบ้าเป็นหลัง

วันนี้ไหว้พระอินทร์ไหว้ราหูหรือยังล่ะ! :b32:

กบนอกกะลา เขียน:
ฮั่นแน่.ๆ..มีพวกคุณ..ซะด้วย
มีคน....มองนิสัยพวกคุณออก..ซะด้วย.. :b32:


อุ๋ย! ฟังแล้วเหมือนป้ากบกำลังออดอ้อนจันทโครพ
อย่าเอาเงินลูกหลานไปคล้องมาลัยพระเอกลิเกซะหมดละ :b32:


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 06:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มองเห็นแต่พวกหลงศัพท์ทางธรรม คิกๆๆ นี่แหละผู้ขาดการเรียนรู้โดยแท้ เอาศัพท์เขามาเสริมเติมคิดไปตามอัตตโนมติ อัตตโนภาพของตัว :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 06:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Duangrat เขียน:
น่าตามไปอ่าน
คุณเช่นนั้น คงจะไม่ได้แปะเอามันหรือแก้เครียด
แปะไป คงจะแก้ไขสิ่งที่เห็นว่าคุณโฮฮับผิด ให้เป็นถูกตามปัญญาคุณด้วย...

การเอากระทู้จากที่อื่นมา
หรือ ก๊อปปี้สภาวะธรรมคนนู้นคนนี้มา แล้วมา บอกว่า "มั่ว"
ไม่ถูกต้องครับ
เพราะอะไร?
เพราะว่า เราว่าเอาเองข้างเดียวครับ
ไม่มีคนจากที่นู่นมาแก้ต่างข้อกล่าวหา ว่า "มั่ว" จริงหรือไม่ครับ
กระทู้แบบนี้ ไม่ขอออกความเห็นต่อเรื่องราวในกระทู้ครับ ไม่มีประโยชน์ครับ.
โฮฮับ เขาตัดสินไปแล้วว่า "มั่ว" ครับ


ผมเอากระทู้ที่อื่นมา ก็เพื่อเอามาเป็นครูบาอาจารย์ เป็นแบบทดสอบให้กับพวกคุณ
ผมไม่ได้เอามาแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาด่าเขา.....แบบที่คุณชอบที่จะทำอยู่บ่อยๆ

ผมเสนอแนะให้พวกคุณออกความเห็นกับธรรมที่อยู่ตรงหน้า แต่คุณกับหาได้สนใจ
จ้องมองแต่ชื่อของผม คำว่า"โฮฮับ"มันเลยมาปิดบังปัญญาพวกคุณ

สถานที่บางสถานที่มันมีข้อจำกัด บ้างคนเข้าไม่ได้ บ้างคนไม่อยากเข้าไป
แต่สถานที่นั้นติดลำโพงแสดงความเห็นเป็นสาธารณะ แบบนี้ผมจะเอาสิ่งที่เป็นสาธารณะมาวิจารก์
ซึ่งสถานที่ๆที่ผมเอามาวิจารย์ก็มีอิสระ ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านหรือเป็นสมาชิก
แสดงความเห็นที่เห็นต่างหรือเห็นด้วย

แทนที่จะดูธรรมที่อยู่ตรงหน้า ดันทลึ่งมาเพ่งแต่ชื่อโฮฮับ
คุณDuangratแกเป็นสมาชิกใหม่ แกยังมองนิสัยพวกคุณออก
หรือถ้าคุณยังไม่เข้าใจ คำที่คุณDuangratแกสอน
ผมก็จะบอกความหมายให้ว่า ......มันหมายถึงไม่สนใจธรรมตั้งหน้าแต่จะหาเรื่องคน
ริษยาจนออกนอกหน้า เว็บเข้าเปิดโอกาสให้แสดงความคิด เห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็ให้เหตุผลกันไป
ไอ้นี่ดันหาเรื่องท้าตีท้าต่อย


ตัวเองก็บอกว่าจะเอากระทู้นี่ไปแปะที่พันทิบ ผมไม่เห็นว่าสักคำ
ยังรู้สึกยินดีที่จะได้มีคนอีกมากจะได้เห็นความคิดอ่านของเรา

คนมันคิดไม่เหมือนกัน คนหนึ่งอยากจะเผยแพร่ธรรม
แต่อีกคนดันเผยแพร่สิ่งที่เรียกว่า วิวาทะ

โฮฮับ
"ดูคนที่พันทิบ เขามั่วเรื่องธาตุเรื่องขันธ์!!"
ถ้าจะเอาธรรมมาคุย
ก็ควร เขียนว่า "ดูคนที่พันทิบ เขาแสดงเรื่องธาตุขันธ์"
แต่
โฮฮับ ตัดสินแล้ว ว่า พวกเขา "มั่ว"

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วโฮฮับ
:b32: :b32: :b32:
เมื่อโฮฮับ ตัดสินเองเออเอง ข้างเดียว ก็แสดงไปเรื่อยๆ สิ
หากจะสนทนา ก็ต้องสนทนาว่า โฮฮับคิด ว่าพวกเขาเห็นถูกหรือผิดอย่างไรในความรู้ความเห็นของโฮฮับ
โฮฮับก็ต้องแจงมาให้สุด
ไม่ใช่มาลงท้ายว่า
"พูดเกริ่นเพื่อยั่วกิเลสคน เดี๋ยวมันอดรนทนไม่ได้....ก็ต้องมาแสดงอาการจิ๊กโก๋ยียวนตำรวจให้ดู"
สมาชิกในนี้ เป็นสุภาพชน
ไม่ใช่พวกจิ๊กโก๋ข้างถนน ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 06:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
จขกท
"ความเห็นหน้าจะอธิบาย กระบวนการของสภาวะที่เรียกว่านิพพานให้ฟัง"
รออ่านขอรับท่าน


เริ่มแรกคุณจะต้องรู้ สิ่งที่เรียกปริยัติเสียก่อน ปริยัติไม่ได้หมายความถึง
รู้พระไตรปิฎก แต่ปริยัติหมายความถึง......เข้าใจพุทธบัญญัติ

พระไตรปิฎกเป็นการเอาพุทธบัญญัติมาขยายความ ถ้าคุณไม่รู้ไม่เข้าใจพุทธบัญญัติ
คุณไม่มีทางอ่านพระไตรปิฎกรู้เรื่อง

ความหมายที่ว่าปริยัติต้องรู้พุทธบัญญัติก็คือ.......คุณจะต้องรู้ว่า อะไรเป็นชื่อเรียกธรรม
และอะไรเป็นคำนิยามของชื่อธรรมนั้น หัวใจของปริยัติ อยู่ที่ ....รู้นิยามของพุทธพจน์(ชื่อ)
และไม่ใช่การรู้ด้วยการแปลหรืออ่านจากพจนานุกรม พจนานุกรมใช้ประกอบการเรียนบาลี
ซึ่งหลักสูตรภาษาบาลี มันเป็นหลักสูตรที่มหาเปรียญแต่งขึ้นและวางหลักเกณท์เอาเอง
การเรียนบาลีในไทย ย่อมแตกต่างจากการเรียนบาลีของต่างชาติ เพราะตัวอักษรมันไม่เหมือนกัน
ฉะนั้นอย่าหลงคิดว่า บาลีไทยเป็นพระไตรปิฎกต้นแบบพระไตรปิฎก
เพียงแต่มันเป็นต้นแบบการเรียนภาษาบาลีที่ใช้อักษรไทย

มหาเปรียญจะประโยค๑หรือ๙ไม่เกี่ยวกับพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอน
ดีกรีเปรียญเป็นแค่ประกาศนียบัตรในการเรียนภาษา ไม่ใช่ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงสอน
และอย่าหลงเข้าใจว่า...บาลีที่เป็นอักษรไทยจะเป็นเจ้าของหลักเกณท์ ชาติอื่นภาษาอื่น
เขาก็มีหลักเกณท์ของเขา เพราะบาลีที่เขาศึกษาก็ล้วนเป็นอักษรของชาติเขา

โฮฮับคนไม่รู้จักภาษา ก็นำมาฉายรอบสองได้อีก
อย่าแสดงสิ่งที่เกินความรู้โฮฮับเลย
บาลีโฮฮับก็ไม่มีความรู้แม้หางอึ่ง
หลักการแปลบาลี-ไทย โฮฮับก็ไม่มีความรู้
จึงเที่ยวไปตัดสินอีกล่ะว่ามหาเปรียญ "มั่ว"

โฮฮับ ....
ถามจริงๆ เถอะ ตรัสรู้เองหรือ ๅ :b32: :b32:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Duangrat เขียน:
โฮฮับ เขียน:

พันทิบ เขียน:
ขันธ์ 5 ทั้งปวงเป็นสังขตธาตุ พระนิพพานเป็นอสังขตธาตุ ข้อนี้ใครจะเถียง


สังขตธาตุไม่ใช่ขันธ์ห้า ลักษณะของสังขตธาตุหรือธรรมเกิดจากปฏิจจสมปบาท
ส่วนขันธ์ห้าเกิดจากอัตตา

อสังขตธาตุหรือธรรม ไม่ใช่นิพพาน
อสังขตฯเป็นลักษณะของกายใจ ไม่มีการปรุงแต่ง เมื่อไม่มีการปรุงแต่งความเป็นโทสะ
โลภะและโมหะจึงไม่เกิด......แต่กายใจนั้นยังครองภพอยู่ จึงไม่นับเป็นนิพพาน
กายใจที่เป็นลักษณะของอสังขตฯก็คือ การทำสมาบัติและกายใจเป็นเป็นภวังค์(นอนหลับสนิท)

สภาวะที่เป็นนิพพาน จะต้องเป็นสภาวะที่เรียกว่า .....วิสังขาร
กายใจที่รู้สึกตัวรับการกระทบแต่ไม่เกิดการปรุงแต่ง


..............................
คำถาม
อสังขตฯ ไม่มีการปรุงแต่ง กายใจนั้นยังครองภพอยู่
สภาวะที่เป็นนิพพาน กายใจที่รู้สึกตัวรับการกระทบแต่ไม่เกิดการปรุงแต่ง นั้น แล้ว เรียกว่า ยังครองภพไหม?


ปัญหามันอยู่ที่เราใช้คำพูดกับธรรมที่ผิดลักษณะ มันจึงเกิดความสับสน
คำว่า"ครอง" ที่เราเอามาใช้กันจนติดปาก มันเป็นการใช้สำบัดสำนวน ที่ไร้สาระมาก
มันก็แค่ อยากทำให้ดูดีมีสกุล ก็เลยใส่สำบัดสำนวนเข้าไปให้ดูขลัง :b6:


ปฏิจจสมุปบาท มันเป็นธรรมชาติของโลกใบนี้ ถ้าเราเกิดมาเมื่อไรเราต้องพบเจอมันจนกว่าจะตาย
พระอรหันต์ก็เช่นกัน ก็ต้องพบเจอจนกว่าจะตาย

เมื่อรู้ว่ามันเป็นธรรมชาติที่ต้องพบเจอ มันจะง่ายกว่ามั้ยที่เราจะใช้ พบหรือเจอ

องค์ธรรมในปฏิจจฯทุกองค์ เรายังต้องพบเจอมัน ถึงแม้เราจะเป็นพระอรหันต์แล้ว
เพียงแต่ ฝ่ายหนึ่งเจอแล้ว ก็ปรุงแต่งอยากได้หรือไม่อยากได้

แต่อีกฝ่ายเจอแล้วกปล่อยวาง เพราะรู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้มันเป็นอย่างที่เราเจอในแรกขณะ

ปุถุชนเจอแล้วไม่มีมรรคเพื่อปล่อยวาง แต่พระอริยะมีมรรคเพื่อปล่อยวางนั้นก็คืออินทรีย์๕
ปุถุชนเจอแล้วก็ปรุงแต่ง อริยะเจอแล้วก็เดินมรรคด้วยอินทรีย์๕ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ
"ดูคนที่พันทิบ เขามั่วเรื่องธาตุเรื่องขันธ์!!"
ถ้าจะเอาธรรมมาคุย
ก็ควร เขียนว่า "ดูคนที่พันทิบ เขาแสดงเรื่องธาตุขันธ์"
แต่
โฮฮับ ตัดสินแล้ว ว่า พวกเขา "มั่ว"

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วโฮฮับ


ก็แล้วไงล่ะ! ก็ในเมื่อผมไม่เห็นด้วย จะให้ผมบอกว่า คนในพันทิบปัญญาสุดติ่งกระดิ่งแห้วหรือไง
เช่นนั้นครับ อย่าเอากิเลสของตัวไปยัดเยียดให้คนอื่นเลยครับ ก็รู้ๆกันอยู่ว่า คุณกับผมเห็นต่างกันแต่ต้น
เพราะความเห็นแตกกัน ทำให้คุณไม่แยกแยะ ไม่มีกาลเทศะ ....มั่วเอาอคติของตน มาทำตัวเป็นบุคคลที่สาม
สร้างข้อมูลในทางลบเพื่อใส่ความชาวบ้าน......เก่งได้แค่นี้หรือเช่นนั้นเอ๋ย! :b32:

เช่นนั้น เขียน:
เมื่อโฮฮับ ตัดสินเองเออเอง ข้างเดียว ก็แสดงไปเรื่อยๆ สิ
หากจะสนทนา ก็ต้องสนทนาว่า โฮฮับคิด ว่าพวกเขาเห็นถูกหรือผิดอย่างไรในความรู้ความเห็นของโฮฮับ
โฮฮับก็ต้องแจงมาให้สุด
ไม่ใช่มาลงท้ายว่า
"พูดเกริ่นเพื่อยั่วกิเลสคน เดี๋ยวมันอดรนทนไม่ได้....ก็ต้องมาแสดงอาการจิ๊กโก๋ยียวนตำรวจให้ดู"
สมาชิกในนี้ เป็นสุภาพชน
ไม่ใช่พวกจิ๊กโก๋ข้างถนน ครับ


แล้วไอ้ที่คุณบอกให้ผมต้องพูดอย่างนั้นต้องพูดอย่างนี้ เขาเรียกอะไร ถ้าไม่ใช่ตัดสินเอง เออเองข้างเดียว
กำลังสนทนาถกธรรมกัน มันใช่เรื่องมั้ยที่คุณจะมาบังคับให้ต้องพูดแบบที่คุณต้องการ....ตัณหาบังตาแล้วเช่นนั้น

ถามจริงคุณรู้จักคำสุภาพชนด้วยหรือ.....ใครกันครับที่เป็นคนเริ่มด่าผมว่า...."โง่"
ใช่คุณมั้ยหรือจะเถียง พุทโธ่ไม่ได้ดูตัวเองเลย


ก็อย่างที่ท่านสมาชิกใหม่ท่านแนะครับ......เขาให้มองธรรมดันทลึ่งมามองคน


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 08:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
จขกท
"ความเห็นหน้าจะอธิบาย กระบวนการของสภาวะที่เรียกว่านิพพานให้ฟัง"
รออ่านขอรับท่าน


เริ่มแรกคุณจะต้องรู้ สิ่งที่เรียกปริยัติเสียก่อน ปริยัติไม่ได้หมายความถึง
รู้พระไตรปิฎก แต่ปริยัติหมายความถึง......เข้าใจพุทธบัญญัติ

พระไตรปิฎกเป็นการเอาพุทธบัญญัติมาขยายความ ถ้าคุณไม่รู้ไม่เข้าใจพุทธบัญญัติ
คุณไม่มีทางอ่านพระไตรปิฎกรู้เรื่อง

ความหมายที่ว่าปริยัติต้องรู้พุทธบัญญัติก็คือ.......คุณจะต้องรู้ว่า อะไรเป็นชื่อเรียกธรรม
และอะไรเป็นคำนิยามของชื่อธรรมนั้น หัวใจของปริยัติ อยู่ที่ ....รู้นิยามของพุทธพจน์(ชื่อ)
และไม่ใช่การรู้ด้วยการแปลหรืออ่านจากพจนานุกรม พจนานุกรมใช้ประกอบการเรียนบาลี
ซึ่งหลักสูตรภาษาบาลี มันเป็นหลักสูตรที่มหาเปรียญแต่งขึ้นและวางหลักเกณท์เอาเอง
การเรียนบาลีในไทย ย่อมแตกต่างจากการเรียนบาลีของต่างชาติ เพราะตัวอักษรมันไม่เหมือนกัน
ฉะนั้นอย่าหลงคิดว่า บาลีไทยเป็นพระไตรปิฎกต้นแบบพระไตรปิฎก
เพียงแต่มันเป็นต้นแบบการเรียนภาษาบาลีที่ใช้อักษรไทย

มหาเปรียญจะประโยค๑หรือ๙ไม่เกี่ยวกับพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอน
ดีกรีเปรียญเป็นแค่ประกาศนียบัตรในการเรียนภาษา ไม่ใช่ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงสอน
และอย่าหลงเข้าใจว่า...บาลีที่เป็นอักษรไทยจะเป็นเจ้าของหลักเกณท์ ชาติอื่นภาษาอื่น
เขาก็มีหลักเกณท์ของเขา เพราะบาลีที่เขาศึกษาก็ล้วนเป็นอักษรของชาติเขา

โฮฮับคนไม่รู้จักภาษา ก็นำมาฉายรอบสองได้อีก
อย่าแสดงสิ่งที่เกินความรู้โฮฮับเลย
บาลีโฮฮับก็ไม่มีความรู้แม้หางอึ่ง
หลักการแปลบาลี-ไทย โฮฮับก็ไม่มีความรู้
จึงเที่ยวไปตัดสินอีกล่ะว่ามหาเปรียญ "มั่ว"

โฮฮับ ....
ถามจริงๆ เถอะ ตรัสรู้เองหรือ ๅ :b32: :b32:


เช่นนั้นไปไม่เป็นแล้ว เลยต้องพูดซ้ำซาก ระวังอัลไซเมอร์ถามหาน่ะ
ถ้าลงเป็นแล้วต่อให้เป็นเวทมนต์ในคัมภีร์ใบกระท่อมก็ช่วยไม่ได้ นะ มะ พะ ทะ พ่วง! อิมังปู๊ด :b32:


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
สังขตธาตุไม่ใช่ขันธ์ห้า ลักษณะของสังขตธาตุหรือธรรมเกิดจากปฏิจจสมปบาท
ส่วนขันธ์ห้าเกิดจากอัตตา


ต้องเข้าใจคำว่า ธาตุเสียก่อน ธาตุแปลทรงไว้ ซึ่งสภาพของมัน) สังขตะสิ่งที่ถูกปรุงแต่ง มันก็ไอ้ขันธ์ ๕ หรือชีวิตนี่แหละ (สอนไม่จำ) เละครับนาย คิกๆๆ


ถามหน่อย ธาตุแปลว่า ทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน...แล้วอะไรล่ะที่ทรงไว้
ภูเขาที่ตั้งตะหง่านอยู่เป็นพันปี เรียกว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของมันหรือเปล่า...แสดงว่ามันเป็นธาตุละซิ :b32:

ในพระอภิธรรมท่านกำหนดธาตุไว้๑๘อย่าง ถามหน่อยซิว่า มันมีภูเขามั้ย มีมหาสมุทรอินเดียหรือเปล่า
เลอะเทอะเปอะเปื้อนจริงๆกรัชกาย :b6:

กรัชกาย เขียน:

ชีวิตนี่ พระพุทธเจ้าทรงแยกแยะจำแนกออกโดยความเป็น ขันธ์ บ้าง เป็นอายตะบ้าง เป็นธาตุบ้าง เป็นอินทรีย์บ้าง เพื่อให้เห็นว่าชีวิตนี้ไม่ใช่อัตตาตามความเข้าใจของเจ้าลัทธิอื่นในสมัยนั้น


พุทธองค์ไปจำแนกอะไร ไอ้ที่พูดมาเป็นพระพุทธองค์ ทรงบัญญัติชื่อลงไปในสิ่งที่ค้นพบ
และกระบวนการพวกนี้ อธิบายด้วยความเป็นเหตุปัจจัย
ไม่ใช่จะแนกแยกแจงเหมือนคัดแยกขยะเปียกขยะแห้งแบบที่กรัชกายพร่า :b32:


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:
สังขตธาตุไม่ใช่ขันธ์ห้า ลักษณะของสังขตธาตุหรือธรรมเกิดจากปฏิจจสมปบาท
ส่วนขันธ์ห้าเกิดจากอัตตา


ต้องเข้าใจคำว่า ธาตุเสียก่อน ธาตุแปลทรงไว้ ซึ่งสภาพของมัน) สังขตะสิ่งที่ถูกปรุงแต่ง มันก็ไอ้ขันธ์ ๕ หรือชีวิตนี่แหละ (สอนไม่จำ) เละครับนาย คิกๆๆ


ถามหน่อย ธาตุแปลว่า ทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน...แล้วอะไรล่ะที่ทรงไว้
ภูเขาที่ตั้งตะหง่านอยู่เป็นพันปี เรียกว่าทรงไว้ซึ่งสภาพของมันหรือเปล่า...แสดงว่ามันเป็นธาตุละซิ :b32:

ในพระอภิธรรมท่านกำหนดธาตุไว้๑๘อย่าง ถามหน่อยซิว่า มันมีภูเขามั้ย มีมหาสมุทรอินเดียหรือเปล่า
เลอะเทอะเปอะเปื้อนจริงๆกรัชกาย :b6:

กรัชกาย เขียน:

ชีวิตนี่ พระพุทธเจ้าทรงแยกแยะจำแนกออกโดยความเป็น ขันธ์ บ้าง เป็นอายตะบ้าง เป็นธาตุบ้าง เป็นอินทรีย์บ้าง เพื่อให้เห็นว่าชีวิตนี้ไม่ใช่อัตตาตามความเข้าใจของเจ้าลัทธิอื่นในสมัยนั้น


พุทธองค์ไปจำแนกอะไร ไอ้ที่พูดมาเป็นพระพุทธองค์ ทรงบัญญัติชื่อลงไปในสิ่งที่ค้นพบ
และกระบวนการพวกนี้ อธิบายด้วยความเป็นเหตุปัจจัย
ไม่ใช่จะแนกแยกแจงเหมือนคัดแยกขยะเปียกขยะแห้งแบบที่กรัชกายพร่า :b32:



อ้างคำพูด:
ถามหน่อย ธาตุแปลว่า ทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน...แล้วอะไรล่ะที่ทรงไว้


โฮฮับสมองเหมือนสากกะเบือ ตรงเด่เลย

ธาตุ ทรงไว้ ตัวอย่าง จักขุธาตุ มันก็ทรงไว้ซึ่งการเห็นของมัน มิใช่ทรงไว้ซึ่งการได้ยินไง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 11:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ถามหน่อย ธาตุแปลว่า ทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน...แล้วอะไรล่ะที่ทรงไว้


โฮฮับสมองเหมือนสากกะเบือ ตรงเด่เลย

ธาตุ ทรงไว้ ตัวอย่าง จักขุธาตุ มันก็ทรงไว้ซึ่งการเห็นของมัน มิใช่ทรงไว้ซึ่งการได้ยินไง


จักขุมันเป็น อุปาทายรูป เป็นรูปที่เกิดจากการปรุงแต่งมหาภูติรูปสี่
ถามหน่อยการปรุงแต่งคือการทรงไว้หรือกรัชกาย

แล้วอีกอย่างที่ถามไป ว่าภูเขา มหาสมุทรมันทรงความเป็นูเขา มหาสมุทรมาเป็นพันเป็นหมื่นปี
แบบนี้ไม่เรียกมันว่า ธาตุหรอกหรือ.....ตอบอย่าให้จนและอย่าแถ :b32:

รูปภาพ


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ถามหน่อย ธาตุแปลว่า ทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน...แล้วอะไรล่ะที่ทรงไว้


โฮฮับสมองเหมือนสากกะเบือ ตรงเด่เลย

ธาตุ ทรงไว้ ตัวอย่าง จักขุธาตุ มันก็ทรงไว้ซึ่งการเห็นของมัน มิใช่ทรงไว้ซึ่งการได้ยินไง


จักขุมันเป็น อุปาทายรูป เป็นรูปที่เกิดจากการปรุงแต่งมหาภูติรูปสี่
ถามหน่อยการปรุงแต่งคือการทรงไว้หรือกรัชกาย

แล้วอีกอย่างที่ถามไป ว่าภูเขา มหาสมุทรมันทรงความเป็นูเขา มหาสมุทรมาเป็นพันเป็นหมื่นปี
แบบนี้ไม่เรียกมันว่า ธาตุหรอกหรือ.....ตอบอย่าให้จนและอย่าแถ :b32:





อ้างคำพูด:
แล้วอีกอย่างที่ถามไป ว่าภูเขา มหาสมุทรมันทรงความเป็นูเขา มหาสมุทรมาเป็นพันเป็นหมื่นปี
แบบนี้ไม่เรียกมันว่า ธาตุหรอกหรือ.....ตอบอย่าให้จนและอย่าแถ


โชว์โฮ่อีก เป็นปฐวีธาตุ อาโปธาตุไง คิกๆๆ

เลือดเข้าตาอีกและ กรรมการปล่อยให้ชกไปได้ยังไงนะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 02 ก.ค. 2016, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ถามหน่อย ธาตุแปลว่า ทรงไว้ซึ่งสภาพของมัน...แล้วอะไรล่ะที่ทรงไว้


โฮฮับสมองเหมือนสากกะเบือ ตรงเด่เลย

ธาตุ ทรงไว้ ตัวอย่าง จักขุธาตุ มันก็ทรงไว้ซึ่งการเห็นของมัน มิใช่ทรงไว้ซึ่งการได้ยินไง


จักขุมันเป็น อุปาทายรูป เป็นรูปที่เกิดจากการปรุงแต่งมหาภูติรูปสี่
ถามหน่อยการปรุงแต่งคือการทรงไว้หรือกรัชกาย

แล้วอีกอย่างที่ถามไป ว่าภูเขา มหาสมุทรมันทรงความเป็นูเขา มหาสมุทรมาเป็นพันเป็นหมื่นปี
แบบนี้ไม่เรียกมันว่า ธาตุหรอกหรือ.....ตอบอย่าให้จนและอย่าแถ :b32:





อ้างคำพูด:
แล้วอีกอย่างที่ถามไป ว่าภูเขา มหาสมุทรมันทรงความเป็นูเขา มหาสมุทรมาเป็นพันเป็นหมื่นปี
แบบนี้ไม่เรียกมันว่า ธาตุหรอกหรือ.....ตอบอย่าให้จนและอย่าแถ


โชว์โฮ่อีก เป็นปฐวีธาตุ อาโปธาตุไง คิกๆๆ

เลือดเข้าตาอีกและ กรรมการปล่อยให้ชกไปได้ยังไงนะ :b32:


:b32: :b32: :b32: :b32: :b32: .....

น้ำในมหาสมุทรมันจืดสนิทหรือไง ถึงได้เป็นอาโปธาตุ
ดินในภูเขามันอุ่นอย่างเดียว ไม่มีความร้อนเลยหรือไง ถึงได้เรียก ปฐวีธาตุ

มันแถกแถตามฟอร์ม

แล้วที่ถามว่า อุปาทายรูปมันเป็นธาตุหรือไง :b32:
แสดงว่ามันไม่ได้รู้เรื่องสักนิด จักขุธาตุมันก็เป็นธาตุนั้นแหล่ะ
แต่จะเอาคำว่า ธาตุมาแปลว่า การทรงตัวอยู่......มันมั่ว
จะเอาจักขุธาตุ ซึ่งเป็นธาตุมาแปลว่าการทรงตัวอยู่ ไม่ได้เพราะมันเป็น อุปาทายรูป (รูปปรุงแต่ง)

อภิธรรมภาชนีย์
[๑๒๔] ธาตุ ๑๘ คือ
๑. จักขุธาตุ
๒. รูปธาตุ
๓. จักขุวิญญาณธาตุ
๔. โสตธาตุ
๕. สัททธาตุ
๖. โสตวิญญาณธาตุ
๗. ฆานธาตุ
๘. คันธธาตุ
๙. ฆานวิญญาณธาตุ
๑๐. ชิวหาธาตุ
๑๑. รสธาตุ
๑๒. ชิวหาวิญญาณธาตุ
๑๓. กายธาตุ
๑๔. โผฏฐัพพธาตุ
๑๕. กายวิญญาณธาตุ
๑๖. มโนธาตุ
๑๗. ธรรมธาตุ
๑๘. มโนวิญญาณธาตุ


ถามอีกครั้ง ธาตุหมายถึงอะไร และการทรงตัวอยู่ท่านใช้กับอะไร :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 71 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร