วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่
ถ้าเรานะเรามีตัวตนดูเขาคิดอะไรใจเราค่ะ
กว้านเอาอกุศลที่เห็นมาเป็นอกุศลกรรมของตนน๊า
เพราะกุศลจิตตนคือรู้ตัวในสิ่งที่จิตตนกำลังมีต้องเข้าใจจิต
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่


คุณโรสนึกรึว่า เณรต้องการอกุศล ไม่แต่เณรหรอกที่ไม่ต้องการ คน มนุษย์ทุกคนในโลกก็ไม่ต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความง่วงเหงาหาวนอนนี้ดี ทำให้มันพ้นไปจากจิตใจนี้

คุณโรสทำยังไง บอกเณรเป็นต้นไปถี่ :b14:

Kiss
เหตุปัจจัยที่กำลังมีตอนนี้กำลังมีอะไร
สถานการณ์พี่เณรอยู่ไหนดับแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้พี่เณรอยู่ไหนทำอะไร
ที่ผ่านไปแล้วสะสมอกุศลแล้ว
แก้ยังไงดับแล้วรอให้ผลละ
ไม่รู้ว่าจะให้ผลชาติไหน
แล้วให้ผลยังไงอีก
ใครแก้ได้ล่ะคะ
:b32:
ก็อย่างที่คุณกรัชกายว่าไม่มีใครอยากไม่ดีแต่ไม่รู้
เดี๋ยวนี้เองที่ธัมมะแต่ละ1ที่ปรากฏผ่านอายตนะ6
ดับแล้วทั้งหมดเปลี่ยนสิ่งที่ดับไปแล้วได้ไหมคะ
เกิดธัมมะอันใหม่แล้วทั้ง6ทางนั่นแหละรู้ทีละ1คำ
สติตามรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปัญญาของตน
แก้ที่ตนที่เหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับของตนแก้ที่อื่นผิดน๊า
แล้วคืนนี้เตรียมตัวว่าจะนอนหลับเป็นสุขไหมถ้ารู้ว่าเป็นอกุศล



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไงก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่หรือไม่

เป็นคนจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโฮ่ ก็โฮ่ กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่
ถ้าเรานะเรามีตัวตนดูเขาคิดอะไรใจเราค่ะ
กว้านเอาอกุศลที่เห็นมาเป็นอกุศลกรรมของตนน๊า
เพราะกุศลจิตตนคือรู้ตัวในสิ่งที่จิตตนกำลังมีต้องเข้าใจจิต
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่


คุณโรสนึกรึว่า เณรต้องการอกุศล ไม่แต่เณรหรอกที่ไม่ต้องการ คน มนุษย์ทุกคนในโลกก็ไม่ต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความง่วงเหงาหาวนอนนี้ดี ทำให้มันพ้นไปจากจิตใจนี้

คุณโรสทำยังไง บอกเณรเป็นต้นไปถี่ :b14:

Kiss
เหตุปัจจัยที่กำลังมีตอนนี้กำลังมีอะไร
สถานการณ์พี่เณรอยู่ไหนดับแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้พี่เณรอยู่ไหนทำอะไร
ที่ผ่านไปแล้วสะสมอกุศลแล้ว
แก้ยังไงดับแล้วรอให้ผลละ
ไม่รู้ว่าจะให้ผลชาติไหน
แล้วให้ผลยังไงอีก
ใครแก้ได้ล่ะคะ
:b32:
ก็อย่างที่คุณกรัชกายว่าไม่มีใครอยากไม่ดีแต่ไม่รู้
เดี๋ยวนี้เองที่ธัมมะแต่ละ1ที่ปรากฏผ่านอายตนะ6
ดับแล้วทั้งหมดเปลี่ยนสิ่งที่ดับไปแล้วได้ไหมคะ
เกิดธัมมะอันใหม่แล้วทั้ง6ทางนั่นแหละรู้ทีละ1คำ
สติตามรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปัญญาของตน
แก้ที่ตนที่เหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับของตนแก้ที่อื่นผิดน๊า
แล้วคืนนี้เตรียมตัวว่าจะนอนหลับเป็นสุขไหมถ้ารู้ว่าเป็นอกุศล



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไงก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่หรือไม่

เป็นคนจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโฮ่ ก็โฮ่ กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือขอรับ

Kiss
เกิดมาเป็นคนนี้ได้เพียงชาตินี้เพราะวิถีจิตยังดำรงสืบต่อมาจากปฏิสนธิจิตขณะแรกจนกว่าจะถึงจุติจิต
จิต1ขณะสุดท้ายที่ทำให้เกิดเป็นคุณกรัชกายเกิดภวังค์คั่นสืบต่อไปปฏิสนธิจิตชาติใหม่ร่างไหนไม่รู้น๊า
ไม่มีใครเลือกได้เพราะที่เกิดมาเพราะยังไม่หมดกิเลสค่ะแล้วตายไปแล้วหากรัชกายไม่เจอทั้งจักรวาล
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 05:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่
ถ้าเรานะเรามีตัวตนดูเขาคิดอะไรใจเราค่ะ
กว้านเอาอกุศลที่เห็นมาเป็นอกุศลกรรมของตนน๊า
เพราะกุศลจิตตนคือรู้ตัวในสิ่งที่จิตตนกำลังมีต้องเข้าใจจิต
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่


คุณโรสนึกรึว่า เณรต้องการอกุศล ไม่แต่เณรหรอกที่ไม่ต้องการ คน มนุษย์ทุกคนในโลกก็ไม่ต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความง่วงเหงาหาวนอนนี้ดี ทำให้มันพ้นไปจากจิตใจนี้

คุณโรสทำยังไง บอกเณรเป็นต้นไปถี่ :b14:

Kiss
เหตุปัจจัยที่กำลังมีตอนนี้กำลังมีอะไร
สถานการณ์พี่เณรอยู่ไหนดับแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้พี่เณรอยู่ไหนทำอะไร
ที่ผ่านไปแล้วสะสมอกุศลแล้ว
แก้ยังไงดับแล้วรอให้ผลละ
ไม่รู้ว่าจะให้ผลชาติไหน
แล้วให้ผลยังไงอีก
ใครแก้ได้ล่ะคะ
:b32:
ก็อย่างที่คุณกรัชกายว่าไม่มีใครอยากไม่ดีแต่ไม่รู้
เดี๋ยวนี้เองที่ธัมมะแต่ละ1ที่ปรากฏผ่านอายตนะ6
ดับแล้วทั้งหมดเปลี่ยนสิ่งที่ดับไปแล้วได้ไหมคะ
เกิดธัมมะอันใหม่แล้วทั้ง6ทางนั่นแหละรู้ทีละ1คำ
สติตามรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปัญญาของตน
แก้ที่ตนที่เหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับของตนแก้ที่อื่นผิดน๊า
แล้วคืนนี้เตรียมตัวว่าจะนอนหลับเป็นสุขไหมถ้ารู้ว่าเป็นอกุศล



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไงก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่หรือไม่

เป็นคนจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโฮ่ ก็โฮ่ กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือขอรับ

Kiss
เกิดมาเป็นคนนี้ได้เพียงชาตินี้เพราะวิถีจิตยังดำรงสืบต่อมาจากปฏิสนธิจิตขณะแรกจนกว่าจะถึงจุติจิต
จิต1ขณะสุดท้ายที่ทำให้เกิดเป็นคุณกรัชกายเกิดภวังค์คั่นสืบต่อไปปฏิสนธิจิตชาติใหม่ร่างไหนไม่รู้น๊า
ไม่มีใครเลือกได้เพราะที่เกิดมาเพราะยังไม่หมดกิเลสค่ะแล้วตายไปแล้วหากรัชกายไม่เจอทั้งจักรวาล
:b4: :b4:



กรัชกายถามว่า ไปไหนมาขอรับ ตอบให้ตรงคำถามหน่อยก็ดี จะได้อยู่ร่วมกันได้ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่
ถ้าเรานะเรามีตัวตนดูเขาคิดอะไรใจเราค่ะ
กว้านเอาอกุศลที่เห็นมาเป็นอกุศลกรรมของตนน๊า
เพราะกุศลจิตตนคือรู้ตัวในสิ่งที่จิตตนกำลังมีต้องเข้าใจจิต
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่


คุณโรสนึกรึว่า เณรต้องการอกุศล ไม่แต่เณรหรอกที่ไม่ต้องการ คน มนุษย์ทุกคนในโลกก็ไม่ต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความง่วงเหงาหาวนอนนี้ดี ทำให้มันพ้นไปจากจิตใจนี้

คุณโรสทำยังไง บอกเณรเป็นต้นไปถี่ :b14:

Kiss
เหตุปัจจัยที่กำลังมีตอนนี้กำลังมีอะไร
สถานการณ์พี่เณรอยู่ไหนดับแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้พี่เณรอยู่ไหนทำอะไร
ที่ผ่านไปแล้วสะสมอกุศลแล้ว
แก้ยังไงดับแล้วรอให้ผลละ
ไม่รู้ว่าจะให้ผลชาติไหน
แล้วให้ผลยังไงอีก
ใครแก้ได้ล่ะคะ
:b32:
ก็อย่างที่คุณกรัชกายว่าไม่มีใครอยากไม่ดีแต่ไม่รู้
เดี๋ยวนี้เองที่ธัมมะแต่ละ1ที่ปรากฏผ่านอายตนะ6
ดับแล้วทั้งหมดเปลี่ยนสิ่งที่ดับไปแล้วได้ไหมคะ
เกิดธัมมะอันใหม่แล้วทั้ง6ทางนั่นแหละรู้ทีละ1คำ
สติตามรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปัญญาของตน
แก้ที่ตนที่เหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับของตนแก้ที่อื่นผิดน๊า
แล้วคืนนี้เตรียมตัวว่าจะนอนหลับเป็นสุขไหมถ้ารู้ว่าเป็นอกุศล



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไงก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่หรือไม่

เป็นคนจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโฮ่ ก็โฮ่ กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือขอรับ

Kiss
เกิดมาเป็นคนนี้ได้เพียงชาตินี้เพราะวิถีจิตยังดำรงสืบต่อมาจากปฏิสนธิจิตขณะแรกจนกว่าจะถึงจุติจิต
จิต1ขณะสุดท้ายที่ทำให้เกิดเป็นคุณกรัชกายเกิดภวังค์คั่นสืบต่อไปปฏิสนธิจิตชาติใหม่ร่างไหนไม่รู้น๊า
ไม่มีใครเลือกได้เพราะที่เกิดมาเพราะยังไม่หมดกิเลสค่ะแล้วตายไปแล้วหากรัชกายไม่เจอทั้งจักรวาล
:b4: :b4:



กรัชกายถามว่า ไปไหนมาขอรับ ตอบให้ตรงคำถามหน่อยก็ดี จะได้อยู่ร่วมกันได้ คิกๆๆ

:b32:
บอกไม่ชัดเหรอคะ
:b6:
งั้นกลายร่างเป็นแมวเดี๋ยวนี้เลย
:b12:
ตกลงเป็นแมวรึยังนี่คำตอบ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 10:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่
ถ้าเรานะเรามีตัวตนดูเขาคิดอะไรใจเราค่ะ
กว้านเอาอกุศลที่เห็นมาเป็นอกุศลกรรมของตนน๊า
เพราะกุศลจิตตนคือรู้ตัวในสิ่งที่จิตตนกำลังมีต้องเข้าใจจิต
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่


คุณโรสนึกรึว่า เณรต้องการอกุศล ไม่แต่เณรหรอกที่ไม่ต้องการ คน มนุษย์ทุกคนในโลกก็ไม่ต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความง่วงเหงาหาวนอนนี้ดี ทำให้มันพ้นไปจากจิตใจนี้

คุณโรสทำยังไง บอกเณรเป็นต้นไปถี่ :b14:

Kiss
เหตุปัจจัยที่กำลังมีตอนนี้กำลังมีอะไร
สถานการณ์พี่เณรอยู่ไหนดับแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้พี่เณรอยู่ไหนทำอะไร
ที่ผ่านไปแล้วสะสมอกุศลแล้ว
แก้ยังไงดับแล้วรอให้ผลละ
ไม่รู้ว่าจะให้ผลชาติไหน
แล้วให้ผลยังไงอีก
ใครแก้ได้ล่ะคะ
:b32:
ก็อย่างที่คุณกรัชกายว่าไม่มีใครอยากไม่ดีแต่ไม่รู้
เดี๋ยวนี้เองที่ธัมมะแต่ละ1ที่ปรากฏผ่านอายตนะ6
ดับแล้วทั้งหมดเปลี่ยนสิ่งที่ดับไปแล้วได้ไหมคะ
เกิดธัมมะอันใหม่แล้วทั้ง6ทางนั่นแหละรู้ทีละ1คำ
สติตามรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปัญญาของตน
แก้ที่ตนที่เหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับของตนแก้ที่อื่นผิดน๊า
แล้วคืนนี้เตรียมตัวว่าจะนอนหลับเป็นสุขไหมถ้ารู้ว่าเป็นอกุศล



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไงก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่หรือไม่

เป็นคนจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโฮ่ ก็โฮ่ กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือขอรับ

Kiss
เกิดมาเป็นคนนี้ได้เพียงชาตินี้เพราะวิถีจิตยังดำรงสืบต่อมาจากปฏิสนธิจิตขณะแรกจนกว่าจะถึงจุติจิต
จิต1ขณะสุดท้ายที่ทำให้เกิดเป็นคุณกรัชกายเกิดภวังค์คั่นสืบต่อไปปฏิสนธิจิตชาติใหม่ร่างไหนไม่รู้น๊า
ไม่มีใครเลือกได้เพราะที่เกิดมาเพราะยังไม่หมดกิเลสค่ะแล้วตายไปแล้วหากรัชกายไม่เจอทั้งจักรวาล
:b4: :b4:



กรัชกายถามว่า ไปไหนมาขอรับ ตอบให้ตรงคำถามหน่อยก็ดี จะได้อยู่ร่วมกันได้ คิกๆๆ

:b32:
บอกไม่ชัดเหรอคะ
:b6:
งั้นกลายร่างเป็นแมวเดี๋ยวนี้เลย
:b12:
ตกลงเป็นแมวรึยังนี่คำตอบ
:b32: :b32:



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไง ก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่ไหม ใช่ ไม่ใช่

เกิดมาจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโง่ ก็โง่กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือใช่ ไม่ใช่


ตอบสิครับ ใช่ ไม่ใช่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่
ถ้าเรานะเรามีตัวตนดูเขาคิดอะไรใจเราค่ะ
กว้านเอาอกุศลที่เห็นมาเป็นอกุศลกรรมของตนน๊า
เพราะกุศลจิตตนคือรู้ตัวในสิ่งที่จิตตนกำลังมีต้องเข้าใจจิต
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่


คุณโรสนึกรึว่า เณรต้องการอกุศล ไม่แต่เณรหรอกที่ไม่ต้องการ คน มนุษย์ทุกคนในโลกก็ไม่ต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความง่วงเหงาหาวนอนนี้ดี ทำให้มันพ้นไปจากจิตใจนี้

คุณโรสทำยังไง บอกเณรเป็นต้นไปถี่ :b14:

Kiss
เหตุปัจจัยที่กำลังมีตอนนี้กำลังมีอะไร
สถานการณ์พี่เณรอยู่ไหนดับแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้พี่เณรอยู่ไหนทำอะไร
ที่ผ่านไปแล้วสะสมอกุศลแล้ว
แก้ยังไงดับแล้วรอให้ผลละ
ไม่รู้ว่าจะให้ผลชาติไหน
แล้วให้ผลยังไงอีก
ใครแก้ได้ล่ะคะ
:b32:
ก็อย่างที่คุณกรัชกายว่าไม่มีใครอยากไม่ดีแต่ไม่รู้
เดี๋ยวนี้เองที่ธัมมะแต่ละ1ที่ปรากฏผ่านอายตนะ6
ดับแล้วทั้งหมดเปลี่ยนสิ่งที่ดับไปแล้วได้ไหมคะ
เกิดธัมมะอันใหม่แล้วทั้ง6ทางนั่นแหละรู้ทีละ1คำ
สติตามรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปัญญาของตน
แก้ที่ตนที่เหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับของตนแก้ที่อื่นผิดน๊า
แล้วคืนนี้เตรียมตัวว่าจะนอนหลับเป็นสุขไหมถ้ารู้ว่าเป็นอกุศล



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไงก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่หรือไม่

เป็นคนจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโฮ่ ก็โฮ่ กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือขอรับ

Kiss
เกิดมาเป็นคนนี้ได้เพียงชาตินี้เพราะวิถีจิตยังดำรงสืบต่อมาจากปฏิสนธิจิตขณะแรกจนกว่าจะถึงจุติจิต
จิต1ขณะสุดท้ายที่ทำให้เกิดเป็นคุณกรัชกายเกิดภวังค์คั่นสืบต่อไปปฏิสนธิจิตชาติใหม่ร่างไหนไม่รู้น๊า
ไม่มีใครเลือกได้เพราะที่เกิดมาเพราะยังไม่หมดกิเลสค่ะแล้วตายไปแล้วหากรัชกายไม่เจอทั้งจักรวาล
:b4: :b4:



กรัชกายถามว่า ไปไหนมาขอรับ ตอบให้ตรงคำถามหน่อยก็ดี จะได้อยู่ร่วมกันได้ คิกๆๆ

:b32:
บอกไม่ชัดเหรอคะ
:b6:
งั้นกลายร่างเป็นแมวเดี๋ยวนี้เลย
:b12:
ตกลงเป็นแมวรึยังนี่คำตอบ
:b32: :b32:



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไง ก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่ไหม ใช่ ไม่ใช่

เกิดมาจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโง่ ก็โง่กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือใช่ ไม่ใช่


ตอบสิครับ ใช่ ไม่ใช่

Kiss
:b12:
สุภาพแบบคาดคั้นเอาเป็นเอาตายเลยหรอออออ
:b32:
ก็จะตอบว่าทั้งใช่และทั้งไม่ใช่ก็ได้เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยงไง
:b6:
ตอบว่าใช่เพราะเกิดมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะดับแล้ว
เกิดมาเพื่อได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งกระทบสัมผัส
คิดนึก ที่เกิดมาแล้วมารับวิบากและทำกรรมใหม่เพิ่มขึ้นน๊า
เปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะเป็นผลของกรรมมาให้ผลเป็นคนนี้
:b12:
ตอบว่าเกิดมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละค่ะ
เพราะเกิดมาแล้วต้องแก่ชรา ต้องเจ็บป่วย และต้องตายไป
กรรมเก่าที่ให้ผลมาเกิดเป็นคนนี้เป็นกรรมดีแล้วแต่เหตุต่างๆ
ที่เป็นการปรุงแต่งตามกรรมในอดีตที่จิต+เจตสิก+รูปทุกสิ่ง
ที่เกิดดับแต่ละขณะในอดีตชาติก็มาปรากฏเป็นนิมิตที่ปรากฎ
จะดีจะเลวจะทุกข์จะสุขจะเดือดร้อนจะเจ็บป่วยไข้ทุกอย่างที่มี
วิบากกรรมเปลี่ยนไม่ได้แต่มีการปรุงแต่งจิตตามเหตุปัจจัยใหม่ได้
s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b32:
เงียบกริบนี่คุณกรัชกายขาคำตอบก็ตอบไปแล้ว
บอกมาสิคะว่าเป็นความจริงไหมถูกหรือผิดคะ
อย่าเชียวน๊า/อย่าบอกว่าลื่นว่าไหลไม่ใช่น๊า
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2016, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่
ถ้าเรานะเรามีตัวตนดูเขาคิดอะไรใจเราค่ะ
กว้านเอาอกุศลที่เห็นมาเป็นอกุศลกรรมของตนน๊า
เพราะกุศลจิตตนคือรู้ตัวในสิ่งที่จิตตนกำลังมีต้องเข้าใจจิต
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
พี่เณรกำลังสะสมอกุศลกรรมอยู่


คุณโรสนึกรึว่า เณรต้องการอกุศล ไม่แต่เณรหรอกที่ไม่ต้องการ คน มนุษย์ทุกคนในโลกก็ไม่ต้องการ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับความง่วงเหงาหาวนอนนี้ดี ทำให้มันพ้นไปจากจิตใจนี้

คุณโรสทำยังไง บอกเณรเป็นต้นไปถี่ :b14:

Kiss
เหตุปัจจัยที่กำลังมีตอนนี้กำลังมีอะไร
สถานการณ์พี่เณรอยู่ไหนดับแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้พี่เณรอยู่ไหนทำอะไร
ที่ผ่านไปแล้วสะสมอกุศลแล้ว
แก้ยังไงดับแล้วรอให้ผลละ
ไม่รู้ว่าจะให้ผลชาติไหน
แล้วให้ผลยังไงอีก
ใครแก้ได้ล่ะคะ
:b32:
ก็อย่างที่คุณกรัชกายว่าไม่มีใครอยากไม่ดีแต่ไม่รู้
เดี๋ยวนี้เองที่ธัมมะแต่ละ1ที่ปรากฏผ่านอายตนะ6
ดับแล้วทั้งหมดเปลี่ยนสิ่งที่ดับไปแล้วได้ไหมคะ
เกิดธัมมะอันใหม่แล้วทั้ง6ทางนั่นแหละรู้ทีละ1คำ
สติตามรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปัญญาของตน
แก้ที่ตนที่เหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับของตนแก้ที่อื่นผิดน๊า
แล้วคืนนี้เตรียมตัวว่าจะนอนหลับเป็นสุขไหมถ้ารู้ว่าเป็นอกุศล



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไงก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่หรือไม่

เป็นคนจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโฮ่ ก็โฮ่ กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือขอรับ

Kiss
เกิดมาเป็นคนนี้ได้เพียงชาตินี้เพราะวิถีจิตยังดำรงสืบต่อมาจากปฏิสนธิจิตขณะแรกจนกว่าจะถึงจุติจิต
จิต1ขณะสุดท้ายที่ทำให้เกิดเป็นคุณกรัชกายเกิดภวังค์คั่นสืบต่อไปปฏิสนธิจิตชาติใหม่ร่างไหนไม่รู้น๊า
ไม่มีใครเลือกได้เพราะที่เกิดมาเพราะยังไม่หมดกิเลสค่ะแล้วตายไปแล้วหากรัชกายไม่เจอทั้งจักรวาล
:b4: :b4:



กรัชกายถามว่า ไปไหนมาขอรับ ตอบให้ตรงคำถามหน่อยก็ดี จะได้อยู่ร่วมกันได้ คิกๆๆ

:b32:
บอกไม่ชัดเหรอคะ
:b6:
งั้นกลายร่างเป็นแมวเดี๋ยวนี้เลย
:b12:
ตกลงเป็นแมวรึยังนี่คำตอบ
:b32: :b32:



พูดยังงั้น หมายความว่า เกิดมาแล้วเป็นยังไง ก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใช่ไหม ใช่ ไม่ใช่

เกิดมาจนก็จนไปจนตาย เกิดมาโง่ ก็โง่กันจนตาย เพราะเป็นกรรมเก่าแต่ปางก่อน เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ยังงั้นหรือใช่ ไม่ใช่


ตอบสิครับ ใช่ ไม่ใช่

Kiss
:b12:
สุภาพแบบคาดคั้นเอาเป็นเอาตายเลยหรอออออ
:b32:
ก็จะตอบว่าทั้งใช่และทั้งไม่ใช่ก็ได้เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยงไง
:b6:
ตอบว่าใช่เพราะเกิดมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะดับแล้ว
เกิดมาเพื่อได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งกระทบสัมผัส
คิดนึก ที่เกิดมาแล้วมารับวิบากและทำกรรมใหม่เพิ่มขึ้นน๊า
เปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะเป็นผลของกรรมมาให้ผลเป็นคนนี้
:b12:
ตอบว่าเกิดมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละค่ะ
เพราะเกิดมาแล้วต้องแก่ชรา ต้องเจ็บป่วย และต้องตายไป
กรรมเก่าที่ให้ผลมาเกิดเป็นคนนี้เป็นกรรมดีแล้วแต่เหตุต่างๆ
ที่เป็นการปรุงแต่งตามกรรมในอดีตที่จิต+เจตสิก+รูปทุกสิ่ง
ที่เกิดดับแต่ละขณะในอดีตชาติก็มาปรากฏเป็นนิมิตที่ปรากฎ
จะดีจะเลวจะทุกข์จะสุขจะเดือดร้อนจะเจ็บป่วยไข้ทุกอย่างที่มี
วิบากกรรมเปลี่ยนไม่ได้แต่มีการปรุงแต่งจิตตามเหตุปัจจัยใหม่ได้
s002



ตั้งกระทู้ "กฏแห่งกรรม" ไว้ จะนำคำตอบนี้ไปเทียบ ไปทำความเข้าใจกับ คคห. คุณโรสที่นั่น รักแล้วรอหน่อย จะไปตามมาให้ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2016, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
น่านๆๆ มีแถไปเรื่อยต่ออีก
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2016, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลของการปฏิบัติถูกต้อง คือ เมื่อกำหนดอารมณ์ทันปัจจุบันขณะ ไม่หลง หรือหลงน้อยลง จนผ่านพ้นอุปสรรคกีดขวางต่างๆ เช่น ภาพในใจ ความฟุ้งซ่าน ความง่วงเหงาหาวนอน เป็นต้นได้แล้ว สภาพจิตจะเป็น เช่น

ผลของการปฏิบัติ

๑. ในแง่ความบริสุทธิ์ เมื่อสติจับอยู่กับสิ่งที่ต้องการอย่างเดียว และสัมปชัญญะรู้เข้าใจสิ่งนั้นตามที่มันเป็น ย่อมเป็นการควบคุมกระแสการรับรู้และความคิดไว้ให้บริสุทธิ์ ไม่มีช่องที่กิเลสต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ และในเมื่อวิเคราะห์มองเห็นสิ่งเหล่านั้น เพียงแค่ตามที่มันเป็น ไม่ใส่ความรู้สึก ไม่สร้างความคิดคำนึง ตามโน้มเอียง และความใฝ่นิยมต่างๆ ที่เป็นสกวิสัย (subjective ) ลงไป ก็ย่อมไม่มีความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ไม่มีช่องที่กิเลสทั้งหลาย เช่น ความโกรธ จะเกิดขึ้นได้ เป็นวิธีกำจัดอาสวะเก่า และป้องกันอาสวะใหม่ ไม่ให้เกิดขึ้น

๒. ในแง่ความเป็นอิสระ เมื่อมีสภาพจิตที่บริสุทธิ์อย่างในข้อ ๑ แล้วก็ย่อมมีความเป็นอิสระด้วย โดยจะไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบเพราะอารมณ์เหล่านั้น ถูกใช้เป็นวัตถุสำหรับศึกษาพิจารณาแบบสภาววิสัย (objective) ไปหมด เมื่อไม่ถูกแปลความหมายตามอำนาจอาสวะ ที่เป็นสกวิสัย (subjective) สิ่งเหล่านั้น ก็ไม่มีอิทธิพลตามสกวิสัย แก่บุคคลนั้น และพฤติกรรมต่างๆ ของเขา จะหลุดพ้นจากการถูกบังคับด้วยกิเลสที่เป็นแรงขับ หรือแรงจูงใจไร้สำนึกต่างๆ (unconscious drives หรือ unconscious motivations) เขาจะเป็นอยู่อย่างที่เรียกว่า ไม่อิงอาศัย (คือไม่ต้องขึ้นต่อตัณหาและทิฐิ) ไม่ถือมั่นสิ่งใดในโลก

๓. ในแง่ของปัญญา เมื่อยอยู่ในกระบวนการทำงานของจิตเช่นนี้ ปัญญาย่อมทำหน้าที่ได้ผลดีที่สุด เพราะจะไม่ถูกเคลือบหรือหันเหไปด้วยความรู้สึกความเอนเอียง และอคติต่างๆ ทำให้รู้เห็นตามที่มันเป็น คือรู้ตามความเป็นจริง

๔.ในแง่ความพ้นทุกข์ เมื่อจิตอยู่ในภาวะที่ตื่นตัวเข้าใจสิ่งต่างๆตามที่มันเป็น และคอยรักษาท่าทีของจิตอยู่ได้เช่นนี้ ความรู้สึกเอนเอียงในทางบวกหรือลบต่อสิ่งนั้นๆ ที่มิใช่เป็นไปโดยเหตุผลบริสุทธิ์ ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ จึงไม่มีทั้งความรู้สึกในด้านติดใคร่กระหายอยาก (อภิชฌา) และความขัดเคืองกระทบใจ (โทมนัส) ปราศจากอาการกระวนกระวาย (anxiety) ต่างๆเป็นภาวะจิต ที่เรียกว่าพ้นทุกข์ มีความโปร่งเบาผ่อนคลายสงบผ่องใสเป็นตัวของตัวเอง อย่างไม่มีขีดคั่นพรมแดน


ผลที่กล่าวมาทั้งหมด ความจริงก็สัมพันธ์เป็นอันเดียวกัน เป็นแต่แยกส่วนในแง่ต่างๆ เมื่อสรุปตามแนวปฏิจจสมุปบาท และไตรลักษณ์ก็ได้ความว่า เดิมนั้น มนุษย์ไม่รู้ว่าตัวตนที่ยึดถือไว้ไม่มีจริง เป็นเพียงกระแสของรูปธรรมนามธรรมส่วนย่อยจำนวนมากมาย ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยเป็นเหตุปัจจัยสืบต่อกันกำลังเกิดขึ้น และเสื่อมสลายเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา


เมื่อไม่รู้เช่นนี้ จึงยึดถือเอาความรู้สึกนึกคิด ความปรารถนา ความเคยชิน ทัศนคติ ความเชื่อถือ ความเห็น การรับรู้ เป็นต้น ในขณะนั้นๆว่าเป็นตัวตนของตนแล้ว ตัวตนนั้นก็เปลี่ยนแปลงเรื่อยไปรู้สึกว่า ฉันเป็นนั่น ฉันเป็นนี่ ฉันรู้สึกอย่างนั้น ฉันรู้สึกอย่างนี้ ฯล ฯ

การรู้สึกว่า ตัวฉันเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ก็คือการถูกความรู้สึกนึกคิด เป็นต้น ที่เป็นนามธรรมส่วนย่อยในขณะนั้นๆ หลอกเอานั่นเอง เมื่ออยู่ในภาวะถูกหลอกเช่นนั้น ก็คือการตั้งต้นความคิดที่ผิดพลาด จึงถูกชักจูงบังคับ ให้คิดเห็นรู้สึกและทำการต่างๆไปตามอำนาจของสิ่งที่ยึดว่าเป็นตัวตนของตนใน ขณะนั้นๆ


ครั้นมาปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ก็มองเห็นรูปธรรมนามธรรม แต่ละอย่างที่เป็นส่วนประกอบของกระแส กำลังเกิด ดับอยู่ ตามสภาวะของมันเมื่อวิเคราะห์ส่วนประกอบต่างๆ ในกระแส แยกแยะออก มองเห็นกระจายออกไปเป็นส่วนๆ มองเห็นอาการที่ดำเนินสืบต่อกันเป็นกระบวนการแล้วย่อมไม่ถูกหลอกให้ยึดถือ เอาสิ่งนั้นๆ เป็นตัวตนของตน และสิ่งเหล่านั้น ก็หมดอำนาจบังคับให้บุคคลอยู่ในบงการของมัน


ถ้าการมองเห็นนี้เป็นไปอย่างลึกซึ้ง แจ่มชัดเต็มที่ ก็เป็นภาวะที่เรียกว่าความหลุดพ้น ทำให้จิตตั้งต้นดำเนินไปในรูปใหม่ เป็นกระแสที่บริสุทธิ์โปร่งเบา เป็นอิสระ ไม่มีความเอนเอียงยึดติดและเงื่อนปมต่างๆ ในภายใน เกิดเป็นบุคลิกภาพใหม่



กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นสภาพของจิตที่มีสุขภาพสมบูรณ์ ดุจร่างกายที่เรียกว่ามีสุขภาพสมบูรณ์ เพราะองค์อวัยวะทุกส่วนปฏิบัติหน้าที่ได้คล่องเต็มที่ตามปรกติของมัน ในเมื่อไม่มีโรคเป็นข้อบกพร่องอยู่เลย

โดยนัยนี้ การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน จึงเป็นวิธีการชำระล้างอาการเป็นโรคต่างๆ ที่มีในจิต กำจัดสิ่งทีเป็นเงื่อนปม เป็นอุปสรรคถ่วงขัดขวางการทำงานของจิตให้หมดไป ทำให้ปลอดโปร่ง พร้อมที่จะดำรงชีวิตอยู่เผชิญและจัดการกับสิ่งทั้งหลายในโลก ด้วยความเข้มแข็งและสดชื่นต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2016, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ผลของการปฏิบัติถูกต้อง คือ เมื่อกำหนดอารมณ์ทันปัจจุบันขณะ ไม่หลง หรือหลงน้อยลง จนผ่านพ้นอุปสรรคกีดขวางต่างๆ เช่น ภาพในใจ ความฟุ้งซ่าน ความง่วงเหงาหาวนอน เป็นต้นได้แล้ว สภาพจิตจะเป็น เช่น

ผลของการปฏิบัติ

๑. ในแง่ความบริสุทธิ์ เมื่อสติจับอยู่กับสิ่งที่ต้องการอย่างเดียว และสัมปชัญญะรู้เข้าใจสิ่งนั้นตามที่มันเป็น ย่อมเป็นการควบคุมกระแสการรับรู้และความคิดไว้ให้บริสุทธิ์ ไม่มีช่องที่กิเลสต่างๆ จะเกิดขึ้นได้ และในเมื่อวิเคราะห์มองเห็นสิ่งเหล่านั้น เพียงแค่ตามที่มันเป็น ไม่ใส่ความรู้สึก ไม่สร้างความคิดคำนึง ตามโน้มเอียง และความใฝ่นิยมต่างๆ ที่เป็นสกวิสัย (subjective ) ลงไป ก็ย่อมไม่มีความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ไม่มีช่องที่กิเลสทั้งหลาย เช่น ความโกรธ จะเกิดขึ้นได้ เป็นวิธีกำจัดอาสวะเก่า และป้องกันอาสวะใหม่ ไม่ให้เกิดขึ้น

๒. ในแง่ความเป็นอิสระ เมื่อมีสภาพจิตที่บริสุทธิ์อย่างในข้อ ๑ แล้วก็ย่อมมีความเป็นอิสระด้วย โดยจะไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบเพราะอารมณ์เหล่านั้น ถูกใช้เป็นวัตถุสำหรับศึกษาพิจารณาแบบสภาววิสัย (objective) ไปหมด เมื่อไม่ถูกแปลความหมายตามอำนาจอาสวะ ที่เป็นสกวิสัย (subjective) สิ่งเหล่านั้น ก็ไม่มีอิทธิพลตามสกวิสัย แก่บุคคลนั้น และพฤติกรรมต่างๆ ของเขา จะหลุดพ้นจากการถูกบังคับด้วยกิเลสที่เป็นแรงขับ หรือแรงจูงใจไร้สำนึกต่างๆ (unconscious drives หรือ unconscious motivations) เขาจะเป็นอยู่อย่างที่เรียกว่า ไม่อิงอาศัย (คือไม่ต้องขึ้นต่อตัณหาและทิฐิ) ไม่ถือมั่นสิ่งใดในโลก

๓. ในแง่ของปัญญา เมื่อยอยู่ในกระบวนการทำงานของจิตเช่นนี้ ปัญญาย่อมทำหน้าที่ได้ผลดีที่สุด เพราะจะไม่ถูกเคลือบหรือหันเหไปด้วยความรู้สึกความเอนเอียง และอคติต่างๆ ทำให้รู้เห็นตามที่มันเป็น คือรู้ตามความเป็นจริง

๔.ในแง่ความพ้นทุกข์ เมื่อจิตอยู่ในภาวะที่ตื่นตัวเข้าใจสิ่งต่างๆตามที่มันเป็น และคอยรักษาท่าทีของจิตอยู่ได้เช่นนี้ ความรู้สึกเอนเอียงในทางบวกหรือลบต่อสิ่งนั้นๆ ที่มิใช่เป็นไปโดยเหตุผลบริสุทธิ์ ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ จึงไม่มีทั้งความรู้สึกในด้านติดใคร่กระหายอยาก (อภิชฌา) และความขัดเคืองกระทบใจ (โทมนัส) ปราศจากอาการกระวนกระวาย (anxiety) ต่างๆเป็นภาวะจิต ที่เรียกว่าพ้นทุกข์ มีความโปร่งเบาผ่อนคลายสงบผ่องใสเป็นตัวของตัวเอง อย่างไม่มีขีดคั่นพรมแดน


ผลที่กล่าวมาทั้งหมด ความจริงก็สัมพันธ์เป็นอันเดียวกัน เป็นแต่แยกส่วนในแง่ต่างๆ เมื่อสรุปตามแนวปฏิจจสมุปบาท และไตรลักษณ์ก็ได้ความว่า เดิมนั้น มนุษย์ไม่รู้ว่าตัวตนที่ยึดถือไว้ไม่มีจริง เป็นเพียงกระแสของรูปธรรมนามธรรมส่วนย่อยจำนวนมากมาย ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยเป็นเหตุปัจจัยสืบต่อกันกำลังเกิดขึ้น และเสื่อมสลายเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา


เมื่อไม่รู้เช่นนี้ จึงยึดถือเอาความรู้สึกนึกคิด ความปรารถนา ความเคยชิน ทัศนคติ ความเชื่อถือ ความเห็น การรับรู้ เป็นต้น ในขณะนั้นๆว่าเป็นตัวตนของตนแล้ว ตัวตนนั้นก็เปลี่ยนแปลงเรื่อยไปรู้สึกว่า ฉันเป็นนั่น ฉันเป็นนี่ ฉันรู้สึกอย่างนั้น ฉันรู้สึกอย่างนี้ ฯล ฯ

การรู้สึกว่า ตัวฉันเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ก็คือการถูกความรู้สึกนึกคิด เป็นต้น ที่เป็นนามธรรมส่วนย่อยในขณะนั้นๆ หลอกเอานั่นเอง เมื่ออยู่ในภาวะถูกหลอกเช่นนั้น ก็คือการตั้งต้นความคิดที่ผิดพลาด จึงถูกชักจูงบังคับ ให้คิดเห็นรู้สึกและทำการต่างๆไปตามอำนาจของสิ่งที่ยึดว่าเป็นตัวตนของตนใน ขณะนั้นๆ


ครั้นมาปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน ก็มองเห็นรูปธรรมนามธรรม แต่ละอย่างที่เป็นส่วนประกอบของกระแส กำลังเกิด ดับอยู่ ตามสภาวะของมันเมื่อวิเคราะห์ส่วนประกอบต่างๆ ในกระแส แยกแยะออก มองเห็นกระจายออกไปเป็นส่วนๆ มองเห็นอาการที่ดำเนินสืบต่อกันเป็นกระบวนการแล้วย่อมไม่ถูกหลอกให้ยึดถือ เอาสิ่งนั้นๆ เป็นตัวตนของตน และสิ่งเหล่านั้น ก็หมดอำนาจบังคับให้บุคคลอยู่ในบงการของมัน


ถ้าการมองเห็นนี้เป็นไปอย่างลึกซึ้ง แจ่มชัดเต็มที่ ก็เป็นภาวะที่เรียกว่าความหลุดพ้น ทำให้จิตตั้งต้นดำเนินไปในรูปใหม่ เป็นกระแสที่บริสุทธิ์โปร่งเบา เป็นอิสระ ไม่มีความเอนเอียงยึดติดและเงื่อนปมต่างๆ ในภายใน เกิดเป็นบุคลิกภาพใหม่



กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า เป็นสภาพของจิตที่มีสุขภาพสมบูรณ์ ดุจร่างกายที่เรียกว่ามีสุขภาพสมบูรณ์ เพราะองค์อวัยวะทุกส่วนปฏิบัติหน้าที่ได้คล่องเต็มที่ตามปรกติของมัน ในเมื่อไม่มีโรคเป็นข้อบกพร่องอยู่เลย

โดยนัยนี้ การปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน จึงเป็นวิธีการชำระล้างอาการเป็นโรคต่างๆ ที่มีในจิต กำจัดสิ่งทีเป็นเงื่อนปม เป็นอุปสรรคถ่วงขัดขวางการทำงานของจิตให้หมดไป ทำให้ปลอดโปร่ง พร้อมที่จะดำรงชีวิตอยู่เผชิญและจัดการกับสิ่งทั้งหลายในโลก ด้วยความเข้มแข็งและสดชื่นต่อไป

Kiss
อ้างคำพูด:
มนุษย์ไม่รู้ว่าตัวตนที่ยึดถือไว้ไม่มีจริง เป็นเพียงกระแสของรูปธรรมนามธรรมส่วนย่อยจำนวนมากมาย ที่สัมพันธ์เนื่องอาศัยเป็นเหตุปัจจัยสืบต่อกันกำลังเกิดขึ้น และเสื่อมสลายเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา

:b12:
ท่านผู้รู้ท่านรู้ชัดรู้แจ้งว่าไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน
เพราะไม่รู้จึงเกิดมา ด้วยความไม่รู้ไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะเริ่มรู้เริ่มคิดเห็นถูกตามคำสอน
อยู่ไปวันๆกับความคิดของตนว่าเรา
เป็นความอยากได้ในโลกธรรม8
หลงยึดมั่นถือมั่นเป็นธรรมดา
แต่เมื่อมีพระพุทธเจ้าอุบัติ
คำสอนของพระองค์
เตือนให้รู้ตัวจริงๆ
ฟังบ้างหรือเปล่า
ต้องเข้าใจน๊า
ตายแล้วเกิด
แน่นอนเลย
เพราะไม่รู้
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร