วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ได้ตอนตื่น ไม่ง่วง ไม่หลับ
จขกท.คุณกรัชกายไปแอบนอนหลับที่ไหนรีบมาถามให้หายสงสัยค่ะ
จำเป็นมากเลยค่ะที่จะต้องเข้าใจเพราะต้องเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานน๊า
:b32: :b32:



พูดบ่อย ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

เอานี่ ยาวหน่อยน๊า

อ้างคำพูด:
ในการบวชครั้งแรกของผมเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ที่วัดป่าแห่งหนึ่งที่โคราช เป็นระยะเวลา 2 เดือน พระอาจารย์ท่านสอนให้ภาวนาโดยใช้ พุทธ-โธ โดยท่านได้ส่งผมไปอยู่ในป่าบนเขาไม่มีไฟฟ้าใช้ วันๆไม่ทำอะไรได้แต่นั่งสมาธิวันละ 6-8 ชั่วโมง สลับกับเดินจงกรม สมาธิสงบขึ้นเรื่อยๆ และสงบนานและเร็วขึ้นเรื่อยๆ อาการที่เกิดขึ้นครั้งนั้น

จิตสงบลงลึก คำภาวนา พุทธ-โธ หายไป ตามด้วยตัวตรงไม้บรรทัดเองจิตสงบลึก สุดท้ายลมหายใจดับสนิท แล้วปรากฏดวงขาว สว่างมาก ขึ้นที่กลางหน้าผาก ตอนนั้นเอาจิตไปวางไว้เฉยๆ นั่งมองดูเฉยๆ ที่ดวงขาวๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง ดวงขาวก็หายไปลมหายใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง ตอนนั้นรู้สึกจิตมีพลังมาก ผมลองนึกถึงพระเพื่อนที่อยู่ด้วยกัน ท่านอยู่อีกที่หนึ่งของป่า ปรากฏเสียงพูดและเสียงเดินท่านดังจนแสบแก้วหู ผมจึงกำหนดที่หัวใจตนเองได้ยินเสียงหัวใจเต้นตุบๆๆ ดังมากๆ หลังจากนั้นนั่ง พุทธ-โธทีไรจะเกิดอาการตุ๊บๆ ที่หน้าผากกลางหว่างคิ้วเหมือนชีพจรเต้น ตลอดระยะเวลา 7 ปี

เมื่อเร็วๆนี้ ผมเพิ่งมีโอกาสไปบวชครั้งที่ 2 ที่วัดป่าแห่งหนึ่งที่จังหวัดอุดร เป็นระยะเวลาสองเดือน ผมนั่งสมาธิจะเกิดอาการ ตุ๊บๆๆๆ ที่หน้าผากกลางหว่างคิ้ว หากเพ่งจะเกิดอาการรวมเป็นวงขาวนวลที่หน้าฝาก อาการปวดตามตัวจะหายหมด ผมจึงตัดสินใจไปเรียนถามพระอาจารย์ว่าควรเอาจิตไปเพ่งที่หน้าผากตรงที่ตุ๊บๆ กลางหว่างคิ้วนั่น หรือภาวนาพุทธ-โธ ดี ยังไม่ทันได้อ้าปากถาม ท่านเหมือนรู้วาระจิต ตอบว่า "จะถามทำไม พุทธ-โธ นั่นแหละ หัดปล่อยวางเสียบ้าง อย่ายึดติดให้มาก" แถมด้วยเรื่องหนังสือที่ผมแอบเอามาอ่านอีกยกใหญ่ท่านรู้ทุกอย่างที่ผมทำและ ฝึกอยู่ คืนวันนั้น ผมจึงตัดสินใจ ภาวนา พุทธ-โธ ตามลมหายใจอีกครั้ง นั่งภาวนาไปสักพักเมื่อจิตสงบเกิดอาการตุ๊บๆ ที่หว่างคิ้ว และดวงขาวๆอีกแล้วผมกลับมาที่ภาวนา พุทธ-โธ ไม่สนใจมัน ยิ่งภาวนาดวงขาวยิ่งรวมใหญ่แน่นขึ้นเรื่อยๆ แน่นจนทนไม่ไหวผมฝืนภาวนาพุทธ-โธต่อไปเรื่อยๆ จนดวงขาวรวมใหญ่และแน่นมากๆ สุดท้ายแตกดังเพร้ง แล้วอาการตุ๊บๆก็หายไปเลย ดับสนิท แต่ทุกขเวทนาปวดตามข้อจากการนั่งสมาธินานเข้ามาแทนเหมือนตอนเพิ่งหัดนั่ง สมาธิใหม่ๆเลย ผมประหลาดใจอาการปวดเมื่อยตามตัวมันหายไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วไม่เคยเกิดขึ้นกับผมหลังจากที่เกิดดวงขาว แต่ตอนนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ผมก็ฝืนนั่งต่อไป โดยตั้งจิตว่าวันนี้ จะอยู่กับ พุทธ-โธ จะไม่ทิ้งเด็ดขาด ผมฝืนนั่งต่อไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ปวดเมื่อยตามตัวมาก คิดถึงพระพุทธเจ้าท่านนั่งบำเพ็ญบารมีในชาติ เตมีย์ใบ้ถึง

16 ปีท่านยังนั่งได้ เรานั่งแค่นี้ทำไมนั่งไม่ได้ ฝืนนั่งพุทธ-โธ ไปอีกสักพักใหญ่ มันเกิดอาการจิตทิ้งพุทธ-โธ เองตัวตั้งตรงเหมือนไม้บรรทัดเอง โดยเกิดขึ้นเร็วมาก แล้วเกิดเหมือนจิตวูบลงลึกไปในห้วงความมืดสนิท เหมือนอยู่ในอีกมิติหนึ่ง มืดสนิทมากๆ ไม่มีทิศ ไม่มีทาง ไม่มีกาย ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสุขและทุกข์ มีแต่จิตใสสว่างตั้งอยู่กลางห้วงมืดสนิทนั้น ความคิดเข้ามาในห้วงนี้ไม่ได้ ได้แต่สักแต่ว่ารู้อยู่กับดวงสว่างกลางห้วงนั่น ตอนนั้นไม่มีกาย ไม่มีลมหายใจ ไม่มีทิศทาง อยู่กับดวงนั่นไปเรื่อย สักพักลมหายใจเริ่มปรากฏ ความรู้สึกของลมหายใจเหมือน น้ำหลากพังทลายเขื่อนเข้ามาในห้วงสงบนี้ ตามมาด้วยความคิด แล้วความสุข ความสดชื่นก็ซัดเข้ามา เมื่อคิดได้ผมแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์

อยากสอบถามว่าอาการที่เกิดขึ้นกับผมขณะทำสมาธิ คืออะไรครับ


พุทโธน๊า เขาเป็นอะไรว่าไปสิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ธัมมะของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ได้ตอนตื่น ไม่ง่วง ไม่หลับ
จขกท.คุณกรัชกายไปแอบนอนหลับที่ไหนรีบมาถามให้หายสงสัยค่ะ
จำเป็นมากเลยค่ะที่จะต้องเข้าใจเพราะต้องเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานน๊า
:b32: :b32:



พูดบ่อย ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

เอานี่ ยาวหน่อยน๊า

อ้างคำพูด:
ในการบวชครั้งแรกของผมเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ที่วัดป่าแห่งหนึ่งที่โคราช เป็นระยะเวลา 2 เดือน พระอาจารย์ท่านสอนให้ภาวนาโดยใช้ พุทธ-โธ โดยท่านได้ส่งผมไปอยู่ในป่าบนเขาไม่มีไฟฟ้าใช้ วันๆไม่ทำอะไรได้แต่นั่งสมาธิวันละ 6-8 ชั่วโมง สลับกับเดินจงกรม สมาธิสงบขึ้นเรื่อยๆ และสงบนานและเร็วขึ้นเรื่อยๆ อาการที่เกิดขึ้นครั้งนั้น

จิตสงบลงลึก คำภาวนา พุทธ-โธ หายไป ตามด้วยตัวตรงไม้บรรทัดเองจิตสงบลึก สุดท้ายลมหายใจดับสนิท แล้วปรากฏดวงขาว สว่างมาก ขึ้นที่กลางหน้าผาก ตอนนั้นเอาจิตไปวางไว้เฉยๆ นั่งมองดูเฉยๆ ที่ดวงขาวๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง ดวงขาวก็หายไปลมหายใจปรากฏขึ้นอีกครั้ง ตอนนั้นรู้สึกจิตมีพลังมาก ผมลองนึกถึงพระเพื่อนที่อยู่ด้วยกัน ท่านอยู่อีกที่หนึ่งของป่า ปรากฏเสียงพูดและเสียงเดินท่านดังจนแสบแก้วหู ผมจึงกำหนดที่หัวใจตนเองได้ยินเสียงหัวใจเต้นตุบๆๆ ดังมากๆ หลังจากนั้นนั่ง พุทธ-โธทีไรจะเกิดอาการตุ๊บๆ ที่หน้าผากกลางหว่างคิ้วเหมือนชีพจรเต้น ตลอดระยะเวลา 7 ปี

เมื่อเร็วๆนี้ ผมเพิ่งมีโอกาสไปบวชครั้งที่ 2 ที่วัดป่าแห่งหนึ่งที่จังหวัดอุดร เป็นระยะเวลาสองเดือน ผมนั่งสมาธิจะเกิดอาการ ตุ๊บๆๆๆ ที่หน้าผากกลางหว่างคิ้ว หากเพ่งจะเกิดอาการรวมเป็นวงขาวนวลที่หน้าฝาก อาการปวดตามตัวจะหายหมด ผมจึงตัดสินใจไปเรียนถามพระอาจารย์ว่าควรเอาจิตไปเพ่งที่หน้าผากตรงที่ตุ๊บๆ กลางหว่างคิ้วนั่น หรือภาวนาพุทธ-โธ ดี ยังไม่ทันได้อ้าปากถาม ท่านเหมือนรู้วาระจิต ตอบว่า "จะถามทำไม พุทธ-โธ นั่นแหละ หัดปล่อยวางเสียบ้าง อย่ายึดติดให้มาก" แถมด้วยเรื่องหนังสือที่ผมแอบเอามาอ่านอีกยกใหญ่ท่านรู้ทุกอย่างที่ผมทำและ ฝึกอยู่ คืนวันนั้น ผมจึงตัดสินใจ ภาวนา พุทธ-โธ ตามลมหายใจอีกครั้ง นั่งภาวนาไปสักพักเมื่อจิตสงบเกิดอาการตุ๊บๆ ที่หว่างคิ้ว และดวงขาวๆอีกแล้วผมกลับมาที่ภาวนา พุทธ-โธ ไม่สนใจมัน ยิ่งภาวนาดวงขาวยิ่งรวมใหญ่แน่นขึ้นเรื่อยๆ แน่นจนทนไม่ไหวผมฝืนภาวนาพุทธ-โธต่อไปเรื่อยๆ จนดวงขาวรวมใหญ่และแน่นมากๆ สุดท้ายแตกดังเพร้ง แล้วอาการตุ๊บๆก็หายไปเลย ดับสนิท แต่ทุกขเวทนาปวดตามข้อจากการนั่งสมาธินานเข้ามาแทนเหมือนตอนเพิ่งหัดนั่ง สมาธิใหม่ๆเลย ผมประหลาดใจอาการปวดเมื่อยตามตัวมันหายไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วไม่เคยเกิดขึ้นกับผมหลังจากที่เกิดดวงขาว แต่ตอนนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ผมก็ฝืนนั่งต่อไป โดยตั้งจิตว่าวันนี้ จะอยู่กับ พุทธ-โธ จะไม่ทิ้งเด็ดขาด ผมฝืนนั่งต่อไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ปวดเมื่อยตามตัวมาก คิดถึงพระพุทธเจ้าท่านนั่งบำเพ็ญบารมีในชาติ เตมีย์ใบ้ถึง

16 ปีท่านยังนั่งได้ เรานั่งแค่นี้ทำไมนั่งไม่ได้ ฝืนนั่งพุทธ-โธ ไปอีกสักพักใหญ่ มันเกิดอาการจิตทิ้งพุทธ-โธ เองตัวตั้งตรงเหมือนไม้บรรทัดเอง โดยเกิดขึ้นเร็วมาก แล้วเกิดเหมือนจิตวูบลงลึกไปในห้วงความมืดสนิท เหมือนอยู่ในอีกมิติหนึ่ง มืดสนิทมากๆ ไม่มีทิศ ไม่มีทาง ไม่มีกาย ไม่มีลมหายใจ ไม่มีความรู้สึกใดๆทั้งสุขและทุกข์ มีแต่จิตใสสว่างตั้งอยู่กลางห้วงมืดสนิทนั้น ความคิดเข้ามาในห้วงนี้ไม่ได้ ได้แต่สักแต่ว่ารู้อยู่กับดวงสว่างกลางห้วงนั่น ตอนนั้นไม่มีกาย ไม่มีลมหายใจ ไม่มีทิศทาง อยู่กับดวงนั่นไปเรื่อย สักพักลมหายใจเริ่มปรากฏ ความรู้สึกของลมหายใจเหมือน น้ำหลากพังทลายเขื่อนเข้ามาในห้วงสงบนี้ ตามมาด้วยความคิด แล้วความสุข ความสดชื่นก็ซัดเข้ามา เมื่อคิดได้ผมแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์

อยากสอบถามว่าอาการที่เกิดขึ้นกับผมขณะทำสมาธิ คืออะไรครับ


พุทโธน๊า เขาเป็นอะไรว่าไปสิ

Kiss
การบำเพ็ญบารมีคืออะไรรู้ไหม
เหตุปัจจัยกำลังมียากหรือง่าย
ในการเข้าถึงความจริงขึ้นกับ
การสะสมเหตุปัจจัยของตน
ใครมีอะไรยุ่งไปหมดน่ะ
เดือดร้อนวุ่นวายคือคิด
ไม่มีอะไรเลยมีแค่2อย่าง
คือรู้กับไม่รู้จะฝึกสติแบบไหนยากง่ายก็เลือกเอง
ฝึกสมาธิเพื่อให้ได้ผลเพียงสงบจากคิดฟุ้งซ่านน๊า
ปัญญาเกิดเมื่อในระดับการภาวนาที่เป็นวิปัสสนาญาณ
รู้ทุกสิ่งที่กำลังมีทุกขณะในชีวิตประจำวันได้ตามปกติน๊า
พระอรหันต์แบบสุขวิปัสสโกเนี่ยท่านสบายๆชิวๆไม่ซับซ้อนค่ะ
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบรั้วบ้านคุณโรสพอมีที่ดินว่างๆสักหน่อยไหมขอรับ ไม่ใช่อะไรหรอก จะบอกให้ปลูกถั่วปลูกงาเอาไว้กินเอง เพื่อไม่เสียเวลาไปปล่าวๆ

เริ่มศึกษาธรรมแต่ต้นใหม่เถอะ สุดโต่งไปข้างเดียวแล้วขอรับ

เอานะ

อัตตา หิ อัตตโน นาโถ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b1:
การสะสมของจิตแต่ละดวงต่างกันตามเหตุปัจจัย
เอางี้ถ้าคุณกรัชกายสามารถอ่านคือคิดคำได้ฟังจาก
คำที่พระอัสชิพูดกับพระสารีบุตรแล้วบรรลุทันทีได้ไหม
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
:b1:
การสะสมของจิตแต่ละดวงต่างกันตามเหตุปัจจัย
เอางี้ถ้าคุณกรัชกายสามารถอ่านคือคิดคำได้ฟังจาก
คำที่พระอัสชิพูดกับพระสารีบุตรแล้วบรรลุทันทีได้ไหม
:b4: :b4:



บรรลุอะไร ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ขอบรั้วบ้านคุณโรสพอมีที่ดินว่างๆสักหน่อยไหมขอรับ ไม่ใช่อะไรหรอก จะบอกให้ปลูกถั่วปลูกงาเอาไว้กินเอง เพื่อไม่เสียเวลาไปปล่าวๆ

เริ่มศึกษาธรรมแต่ต้นใหม่เถอะ สุดโต่งไปข้างเดียวแล้วขอรับ

เอานะ

อัตตา หิ อัตตโน นาโถ :b1:

Kiss
เรื่องที่ยกตัวอย่างมาก็นั่งสมาธิถึงแค่ฌานจิต
ฌานไม่ใช่ปัญญาแต่เมื่อปัญญาเกิดจึงรู้แจ้งน๊า
:b20:
:b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 20 มิ.ย. 2016, 17:56, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b1:
การสะสมของจิตแต่ละดวงต่างกันตามเหตุปัจจัย
เอางี้ถ้าคุณกรัชกายสามารถอ่านคือคิดคำได้ฟังจาก
คำที่พระอัสชิพูดกับพระสารีบุตรแล้วบรรลุทันทีได้ไหม
:b4: :b4:



บรรลุอะไร ?

Kiss
อ้าวก็พระสารีบุตรก่อนบรรลุธรรมเป็นปุถุชน
ฟังคำพระอัสชิกล่าวพระพุทธพจน์บรรลุโสดาบัน
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ขอบรั้วบ้านคุณโรสพอมีที่ดินว่างๆสักหน่อยไหมขอรับ ไม่ใช่อะไรหรอก จะบอกให้ปลูกถั่วปลูกงาเอาไว้กินเอง เพื่อไม่เสียเวลาไปปล่าวๆ

เริ่มศึกษาธรรมแต่ต้นใหม่เถอะ สุดโต่งไปข้างเดียวแล้วขอรับ

เอานะ

อัตตา หิ อัตตโน นาโถ :b1:

Kiss
เรื่องที่ยกตัวอย่างมาก็นั่งสมาธิถึงแค่ฌานจิต
ฌานไม่ใช่ปัญญาแต่เมื่อปัญญาเกิดจึงรู้แจ้งน๊า



ตามสบายครับ ขอพักก่อน ไปทำการบ้านมาเยอะๆนะขอรับ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b1:
การสะสมของจิตแต่ละดวงต่างกันตามเหตุปัจจัย
เอางี้ถ้าคุณกรัชกายสามารถอ่านคือคิดคำได้ฟังจาก
คำที่พระอัสชิพูดกับพระสารีบุตรแล้วบรรลุทันทีได้ไหม
:b4: :b4:



บรรลุอะไร ?

Kiss
อ้าวก็พระสารีบุตรก่อนบรรลุธรรมเป็นปุถุชน
ฟังคำพระอัสชิกล่าวพระพุทธพจน์บรรลุโสดาบัน
:b32: :b32:



คุณโรสว่า อุปติสสะบรรลุโสดาบัน โสดาบันตามคาถานั้น คุณโรสว่าอะไรยังไงขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ขอบรั้วบ้านคุณโรสพอมีที่ดินว่างๆสักหน่อยไหมขอรับ ไม่ใช่อะไรหรอก จะบอกให้ปลูกถั่วปลูกงาเอาไว้กินเอง เพื่อไม่เสียเวลาไปปล่าวๆ

เริ่มศึกษาธรรมแต่ต้นใหม่เถอะ สุดโต่งไปข้างเดียวแล้วขอรับ

เอานะ

อัตตา หิ อัตตโน นาโถ :b1:

Kiss
เรื่องที่ยกตัวอย่างมาก็นั่งสมาธิถึงแค่ฌานจิต
ฌานไม่ใช่ปัญญาแต่เมื่อปัญญาเกิดจึงรู้แจ้งน๊า



ตามสบายครับ ขอพักก่อน ไปทำการบ้านมาเยอะๆนะขอรับ :b13:

Kiss
ฌานไม่ใช่ญาณ
ญาณคือปัญญา
วิปัสสนาญาณ
อิกคิวซังจะรีบไปไหน
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 20 มิ.ย. 2016, 17:59, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2016, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b1:
การสะสมของจิตแต่ละดวงต่างกันตามเหตุปัจจัย
เอางี้ถ้าคุณกรัชกายสามารถอ่านคือคิดคำได้ฟังจาก
คำที่พระอัสชิพูดกับพระสารีบุตรแล้วบรรลุทันทีได้ไหม
:b4: :b4:



บรรลุอะไร ?

Kiss
อ้าวก็พระสารีบุตรก่อนบรรลุธรรมเป็นปุถุชน
ฟังคำพระอัสชิกล่าวพระพุทธพจน์บรรลุโสดาบัน
:b32: :b32:



คุณโรสว่า อุปติสสะบรรลุโสดาบัน โสดาบันตามคาถานั้น คุณโรสว่าอะไรยังไงขอรับ :b10:

:b1:
อ้าวถนัดค้นก็ไปค้นมาสิคะ
ดูสิอ่านแล้วบรรลุตามไหม
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 06:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b1:
การสะสมของจิตแต่ละดวงต่างกันตามเหตุปัจจัย
เอางี้ถ้าคุณกรัชกายสามารถอ่านคือคิดคำได้ฟังจาก
คำที่พระอัสชิพูดกับพระสารีบุตรแล้วบรรลุทันทีได้ไหม
:b4: :b4:



บรรลุอะไร ?

Kiss
อ้าวก็พระสารีบุตรก่อนบรรลุธรรมเป็นปุถุชน
ฟังคำพระอัสชิกล่าวพระพุทธพจน์บรรลุโสดาบัน
:b32: :b32:



คุณโรสว่า อุปติสสะบรรลุโสดาบัน โสดาบันตามคาถานั้น คุณโรสว่าอะไรยังไงขอรับ :b10:

:b1:
อ้าวถนัดค้นก็ไปค้นมาสิคะ
ดูสิอ่านแล้วบรรลุตามไหม


คุณโรสก็มโนไปเรื่อย เขาว่าบรรลุก็บรรลุตามเขาไป คิดเองไม่เป็นไง

จะเริ่มต้นความคิดให้ ชาวพุทธ (คน) สมัยนี้ ได้ยิน ได้ฟัง ... กันมาเยอะ อย่าง คุณโรสนี่ ฟังจาก อ.สุจินต์บ้าง หลวงตามหาบัว เป็นต้นบ้าง คนนี้ว่างั้น คนนั้นว่างี้ (อย่างห้องสนทนาลานธรรมงี้) ฟังแล้วมึน เอาไงดีฟ่ะ ใครใช่ไม่ใช่ ใครผิดใครถูก ชักฮงในชีวิต :b32: เลอะเลย

คนสมัยโน้น เขาไม่เคยได้ยินได้ฟังจากใครมาก่อนเลยในชีวิต อย่างอุปติสสะ ฟังจากพระอัสสชิ นี่ ฟังแล้วเข้าใจเลย (ไม่ต้องแปลเหมือนพวกเราอีกชั้นหนึ่ง) ฟังอัสสชิพูดรู้เลย

เนื้อหาสาระถาถานั้น เนื้อๆก็เป็นอริยสัจ คือเหตุ กับ ผล (ผลเกิดจากเหตุ) เป็นปฏิจจสมุปบาท สรรพสิ่งอาศัยกันและกัน (ส่ิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี...) ไม่มีอะไรเกิดขึ้นลอยๆ โดยไม่อาศัยเหตุ เหตุดับผลก็ดับ เหตุไม่มี ผลก็ไม่มี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 09:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b1:
การสะสมของจิตแต่ละดวงต่างกันตามเหตุปัจจัย
เอางี้ถ้าคุณกรัชกายสามารถอ่านคือคิดคำได้ฟังจาก
คำที่พระอัสชิพูดกับพระสารีบุตรแล้วบรรลุทันทีได้ไหม
:b4: :b4:



บรรลุอะไร ?

Kiss
อ้าวก็พระสารีบุตรก่อนบรรลุธรรมเป็นปุถุชน
ฟังคำพระอัสชิกล่าวพระพุทธพจน์บรรลุโสดาบัน
:b32: :b32:



คุณโรสว่า อุปติสสะบรรลุโสดาบัน โสดาบันตามคาถานั้น คุณโรสว่าอะไรยังไงขอรับ :b10:

:b1:
อ้าวถนัดค้นก็ไปค้นมาสิคะ
ดูสิอ่านแล้วบรรลุตามไหม


คุณโรสก็มโนไปเรื่อย เขาว่าบรรลุก็บรรลุตามเขาไป คิดเองไม่เป็นไง

จะเริ่มต้นความคิดให้ ชาวพุทธ (คน) สมัยนี้ ได้ยิน ได้ฟัง ... กันมาเยอะ อย่าง คุณโรสนี่ ฟังจาก อ.สุจินต์บ้าง หลวงตามหาบัว เป็นต้นบ้าง คนนี้ว่างั้น คนนั้นว่างี้ (อย่างห้องสนทนาลานธรรมงี้) ฟังแล้วมึน เอาไงดีฟ่ะ ใครใช่ไม่ใช่ ใครผิดใครถูก ชักฮงในชีวิต :b32: เลอะเลย

คนสมัยโน้น เขาไม่เคยได้ยินได้ฟังจากใครมาก่อนเลยในชีวิต อย่างอุปติสสะ ฟังจากพระอัสสชิ นี่ ฟังแล้วเข้าใจเลย (ไม่ต้องแปลเหมือนพวกเราอีกชั้นหนึ่ง) ฟังอัสสชิพูดรู้เลย

เนื้อหาสาระถาถานั้น เนื้อๆก็เป็นอริยสัจ คือเหตุ กับ ผล (ผลเกิดจากเหตุ) เป็นปฏิจจสมุปบาท สรรพสิ่งอาศัยกันและกัน (ส่ิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี...) ไม่มีอะไรเกิดขึ้นลอยๆ โดยไม่อาศัยเหตุ เหตุดับผลก็ดับ เหตุไม่มี ผลก็ไม่มี

Kiss
บอกให้ไปค้นมา ยังมาตำหนิคนอื่นอีก อกุศลของตนน๊า
:b32:
อ้างคำพูด:
พระอัสสชิเถระเจ้า กล่าวคาถาแสดงวัตถุประสงค์ของพระศาสนาว่า
“เย ธม.มา เหตุปป.ภวา” เป็นอาทิ
ความว่า “ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะตรัสสอนอย่างนี้”

อุปดิสสะปริพพาชกได้ปรีชาญาณหยั่งเห็นสัจจะธรรมถึงบรรลุโสดาปัตติผล
โดยสดับเทศนาหัวใจพระศาสนา ของพระเถระเจ้าเพียงคาถาหนึ่งเท่านั้น

ถ้าอ่านแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงว่าปัญญาไม่มีน๊า สงสัยไหมว่าเหตุอะไร ปัญญายังไม่มากพอไงคะ
http://dhammaforlearner.blogspot.com/2015/09/BuhhdaHistoryEp11.html
:b16:
:b1: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ในกาละที่มีพระอรหันตสัมมาพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพื่อรื้อขนสัตวโลกเข้าสู่นิพพานนั้น
จะมีพระอัครสาวก2คน เบื้องขวา-ซ้าย ผู้เลิศด้วยปัญญา-ผู้เลิศด้วยฤทธิ์
ผู้เลิศด้วยปัญญามีได้เพียง1เดียวในพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์
ถ้าไม่ใช่1ในนั้นตายแล้วยังต้องเกิดเป็นปะทะปะระมัต
คือการสะสมเหตุปัจจัยยังไม่พร้อมด้วยปัญญา
เพราะพุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องปัญญา
ความเห็นถูกความเข้าใจถูก
ในสิ่งที่มีจริงคือธัมมะ
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2016, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ในกาละที่มีพระอรหันตสัมมาพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพื่อรื้อขนสัตวโลกเข้าสู่นิพพานนั้น
จะมีพระอัครสาวก2คน เบื้องขวา-ซ้าย ผู้เลิศด้วยปัญญา-ผู้เลิศด้วยฤทธิ์
ผู้เลิศด้วยปัญญามีได้เพียง1เดียวในพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์
ถ้าไม่ใช่1ในนั้นตายแล้วยังต้องเกิดเป็นปะทะปะระมัต
คือการสะสมเหตุปัจจัยยังไม่พร้อมด้วยปัญญา
เพราะพุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องปัญญา
ความเห็นถูกความเข้าใจถูก
ในสิ่งที่มีจริงคือธัมมะ
:b17: :b17:



เมื่อไหร่คุณโรส จะตื่นสะทีนะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร