วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 15:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 07:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ภวังคจิต จะกล่าวได้ว่า เป็นสภาวะจิตเดิมของอัตตา หรือของสัตว์โลกที่มีอนุสัยต่างๆนอนเนื่องอยู่ก็ได้

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=153
Quote Tipitaka:
...... [๑๕๕] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรอานนท์ ปุถุชนในโลกนี้ ผู้ไม่ได้สดับ ไม่ได้
เห็นพระอริยะ ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของพระอริยะ ไม่เห็น
สัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ มีจิตอันสักกายทิฏฐิ
กลุ้มรุมแล้ว อันสักกายทิฏฐิครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อสักกายทิฏฐิเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบาย
เป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง สักกายทิฏฐินั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้น
บรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ปุถุชนนั้นมีจิตอันวิจิกิจฉากลุ้มรุมแล้ว อัน
วิจิกิจฉาครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อวิจิกิจฉาเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้
ตามความเป็นจริง วิจิกิจฉานั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็น
โอรัมภาคิยสังโยชน์. ปุถุชนนั้นมีจิตอันสีลัพพตปรามาสกลุ้มรุมแล้ว อันสีลัพพตปรามาส
ครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อสีลัพพตปรามาสเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสีย
ได้ตามความเป็นจริง สีลัพพตปรามาสนั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้วชื่อว่า
เป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ปุถุชนนั้นมีจิตอันกามราคะกลุ้มรุมแล้ว อันกามราคะครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อกามราคะเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง กาม
ราคะนั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์. ปุถุชน
นั้นมีจิตอันพยาบาทกลุ้มรุมแล้ว อันพยาบาทครอบงำแล้วอยู่ และเมื่อพยาบาทเกิดขึ้นแล้ว
ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง พยาบาทนั้นก็เป็นของมีกำลัง อัน
ปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าโอรัมภาคิยสังโยชน์.

โฮฮับ ไปอ่านพระสูตรให้ดีๆ


ความเห็นของคุณกับการอ้างอิงพระสูตร......มันเกี่ยวกันตรงไหนครับ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 09:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2014, 11:29
โพสต์: 64

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาขอบคุณคุณโฮฮับ ที่เขียนไว้ให้ได้อ่าน
เราได้ประโยชน์มาก

แต่หายากจัง กว่าจะเจอสักกระทู้ คงไม่คล่องกะบอร์ด


โพสต์ เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Duangrat เขียน:
มาขอบคุณคุณโฮฮับ ที่เขียนไว้ให้ได้อ่าน
เราได้ประโยชน์มาก

แต่หายากจัง กว่าจะเจอสักกระทู้ คงไม่คล่องกะบอร์ด


อนุโททนา รู้สึกเป็นเกียรติครับ :b8:

เริ่มที่หน้าเว็บ แล้วกดตามด้วยห้องสนทนาธรรมทั่วไปก็จะเจอครับ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ กาย รับรู้วิญญาณได้หรือ?


อ้างอิงให้ถูกหน่อยครับ ผมว่า กายใจ ไม่ใช่กายเพียงอย่างเดียว
และเน้นว่า.....กายมีหน้าที่รับการกระทบ(ทวาร) และใจมีหน้าที่รู้ถึงการกระทบ

กายใจจะรับรู้ถึงการกระทบได้จะต้องเกิด วิญญานขึ้นที่ทวารนั้นๆ อย่างเช่น จักษุวิญญาน โสตวิญญาน
และอื่นๆ

โฮฮับ กำลังจะบอกว่า จิต คือกายใจ ซึ่งแบ่งหน้าที่กัน ถูกไหม...
เมื่อบุคคลตายไป และเกิดในชาติต่อๆไป กายใจ ไปพร้อมๆ กัน หรือเปล่า?

โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
จิต คืออารมณ์ จริงหรือโฮฮับ?
อารมณ์ คือจิตหรือโฮฮับ ?


อารมณ์เป็นสมมติบัญญัติ

จิตเป็นปรมัตถบัญญัติ

ซึ่งโดยสภาพธรรมแล้วเป็นอย่างเดียวกัน

ถ้าโฮฮับเข้าใจอย่างนั้น สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา
รูปสัญญา อรูปสัญญา คือสมมติบัญญัติ หรือปรมัตถบัญญัติ
เป็นอารมณ์ หรือเป็นจิต...
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ขันธุ์ 5 ที่โฮฮับเข้าใจ คือกายกับใจ รึเปล่า?


คนละเรื่องแล้วครับ!!

กายกับใจ รวมกันอยู่ในลักษณะ อัญญมัญญปัจจัย คืออาศัยซึ่งกันและกัน
และโดยสภาพของการตั้งอยู่แห่งกายใจ มันเป็น ....... ชีวิตินทรีย์

โฮฮับ บอกว่า จิต คือกายใจ
หากมีสิ่งสองสิ่งรวมกันอยู่โดยอัญญมัญญปัจจัย กาย ก็ต้องเป็นสิ่งหนึ่ง ใจก็ต้องเป็นสิ่งหนึ่ง ถูกไหม?
เมื่อโฮฮับ อ้างถึงชีวิตติทรีย์ .........กายใจ คือจิตตามที่โฮฮับเข้าใจเป็นอินทรีย์ไหนใน อินทรีย์22ประการ..

โฮฮับ เขียน:
ส่วนขันธ์ห้ามันเกิดจากการที่กายใจเข้าไปยึดตัวธรรมที่เป็นอนัตตาเข้า
ทำให้เป็นขันธ์ทั้งห้าขึ้นภายในกายใจ.....ซึ่งไม่ใช่กายใจ

กายใจเป็น....ตัวทุกข์หรือทุกอริยสัจจ์
ขันธ์ห้าเป็น....เหตุแห่งทุกข์หรือทุกขสมุทัย

อะไรคือตัวธรรมที่เป็นอนัตตา
โฮฮับ บอกว่า จิต คือกายใจ
ดังนั้นจิตคือ ตัวทุกข์ถูกไหม

โฮฮับเข้าใจว่าเมื่อจิตเข้าถึงอนัตตาและยึดอนัตตาไว้ จึงเกิดขันธุ์ 5 ถูกไหม..

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ภวังคจิต จะกล่าวได้ว่า เป็นสภาวะจิตเดิมของอัตตา หรือของสัตว์โลกที่มีอนุสัยต่างๆนอนเนื่องอยู่ก็ได้

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=153
Quote Tipitaka:
...... [๑๕๕] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรอานนท์ ปุถุชนในโลกนี้ ผู้ไม่ได้สดับ ไม่ได้
เห็นพระอริยะ ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของพระอริยะ ไม่เห็น
สัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ มีจิตอันสักกายทิฏฐิ
กลุ้มรุมแล้ว อันสักกายทิฏฐิครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อสักกายทิฏฐิเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบาย
เป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง สักกายทิฏฐินั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้น
บรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ปุถุชนนั้นมีจิตอันวิจิกิจฉากลุ้มรุมแล้ว อัน
วิจิกิจฉาครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อวิจิกิจฉาเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้
ตามความเป็นจริง วิจิกิจฉานั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็น
โอรัมภาคิยสังโยชน์. ปุถุชนนั้นมีจิตอันสีลัพพตปรามาสกลุ้มรุมแล้ว อันสีลัพพตปรามาส
ครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อสีลัพพตปรามาสเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสีย
ได้ตามความเป็นจริง สีลัพพตปรามาสนั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้วชื่อว่า
เป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ปุถุชนนั้นมีจิตอันกามราคะกลุ้มรุมแล้ว อันกามราคะครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อกามราคะเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง กาม
ราคะนั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์. ปุถุชน
นั้นมีจิตอันพยาบาทกลุ้มรุมแล้ว อันพยาบาทครอบงำแล้วอยู่ และเมื่อพยาบาทเกิดขึ้นแล้ว
ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง พยาบาทนั้นก็เป็นของมีกำลัง อัน
ปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าโอรัมภาคิยสังโยชน์.

โฮฮับ ไปอ่านพระสูตรให้ดีๆ


ความเห็นของคุณกับการอ้างอิงพระสูตร......มันเกี่ยวกันตรงไหนครับ :b13:

เกี่ยวสิ
^ ^

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ กาย รับรู้วิญญาณได้หรือ?


อ้างอิงให้ถูกหน่อยครับ ผมว่า กายใจ ไม่ใช่กายเพียงอย่างเดียว
และเน้นว่า.....กายมีหน้าที่รับการกระทบ(ทวาร) และใจมีหน้าที่รู้ถึงการกระทบ

กายใจจะรับรู้ถึงการกระทบได้จะต้องเกิด วิญญานขึ้นที่ทวารนั้นๆ อย่างเช่น จักษุวิญญาน โสตวิญญาน
และอื่นๆ

โฮฮับ กำลังจะบอกว่า จิต คือกายใจ ซึ่งแบ่งหน้าที่กัน ถูกไหม...
เมื่อบุคคลตายไป และเกิดในชาติต่อๆไป กายใจ ไปพร้อมๆ กัน หรือเปล่า?


แนะนำครับ!! ริจะถามนำกรุณาแน่ใจในคำถามตัวเองก่อนว่ามันถูกต้อง
อย่าถามนำด้วยคำถามผิดๆซิครับ ไอ้ที่คุณเอามาอ้างอิงนะ.....ผมพูดอย่างนั้นหรือ?

กายใจก็กายใจ จิตก็จิต.....มันคนละเรื่องครับ

จิตมีที่มาหรือมีเหตุปัจจัยมาจากกายใจ
จิตไม่สามารถคงทนสภาพอยู่ได้ นั้นเพราะความไม่เที่ยงของจิต(อนิจจัง)
ผมก็เคยแนะนำคุณเช่นนั้นไปแล้วว่า อย่าพูดว่าจิตต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
พูดแบบนี้มันเป็นสักกายทิฐิ สิ่งที่เป็นประธานของบุคคลมีแค่กายใจ
จิตมันเกิดเพราะมีเหตุให้เกิด หมดเหตุมันก็ดับไป

และที่ถามว่า "เมื่อบุคคลตายไป และเกิดในชาติต่อๆไป กายใจ ไปพร้อมๆ กัน หรือเปล่า?
ก็ขอตอบว่า....กายใจที่ว่า ถ้าพูดตามสภภาพธรรมชาติที่เป็นจริง กายก็คือร่างกาย ใจก็คือหัวใจ
มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ก็ต้องอาศัยสิ่งสองสิ่งที่ทำงานรวมกัน

และถ้าถึงวันที่บุคคลตายลงจะไม่สามารถเอากายใจหรือร่างกายและจิตใจเดิมนี้ไปได้ มันจะเน่าเปื่อยไป
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุแห่งการเกิดเลย มันมีอยู่แต่เหตุแห่งการเกิดใหม่นั้นเป็น.....ผลแห่งขันธ์ห้าทั้งปวงที่บุคคลไปยึดมั่นถือมั่นเอาไว้


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
จิต คืออารมณ์ จริงหรือโฮฮับ?
อารมณ์ คือจิตหรือโฮฮับ ?


อารมณ์เป็นสมมติบัญญัติ

จิตเป็นปรมัตถบัญญัติ

ซึ่งโดยสภาพธรรมแล้วเป็นอย่างเดียวกัน

ถ้าโฮฮับเข้าใจอย่างนั้น สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา
รูปสัญญา อรูปสัญญา คือสมมติบัญญัติ หรือปรมัตถบัญญัติ
เป็นอารมณ์ หรือเป็นจิต...


สงสัยไม่ได้อ่านความเห็นผม ผมย้ำหลายที่แล้วว่า อารมณ์กับจิตเป็นอย่างเดียวกัน
จำให้แม่นๆนะครับที่หลังจะได้ไม่ถามซ้ำซาก

ส่วนคำถามอื่นที่ถามขอคำดังนี้....

สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกอสุขเวทนา.......คำทั้งสามคำนี้ไม่ใช่พุทธพจน์ มันเป็นโวหาร(คำพูด)
ของปุถุชนที่ยังขาดความเข้าใจในพุทธบัญญัติ ที่สำคัญผู้พูดยังไม่รู้ว่า สภาพธรรมในกายใจที่แท้จริง
มีลักษณะเช่นไร
ก็เลยทำให้ใช้โวหารหรือถ้อยคำที่ผิดจากความเป็นจริง .....เวทนาไม่มีสุขหรือทุกข์หรืออสุขอทุก
สุข....เป็น สังโยชน์ที่เรียกว่าอรูปราคะ เป็นเหตุที่ทำให้เกิด ภวตัณหาขึ้นที่กายใจ
ทุกข์ หมายถึง การเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือทุกขอริยสัจจ์
อทุกข์หรืออสุข.......โวหารนี้หาได้มีความหมายในทางธรรม

แนะนำครับว่า....คำว่าเวทนา มีความหมายเพียงการรับรู้ถึงลักษณะต่อสิ่งที่มากระทบ(ทวาร)
ไม่มีคำตามที่คุณยกมาถาม ตัวอย่างเช่น เวทนาต่อเสียงก็คือรู้ถึงระดับของเสียง(ดังหรือเบา)
รู้รส(ขม หวาน จืด)เป็นต้น


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
มาขอบคุณคุณโฮฮับ ที่เขียนไว้ให้ได้อ่าน
เราได้ประโยชน์มาก

แต่หายากจัง กว่าจะเจอสักกระทู้ คงไม่คล่องกะบอร์ด


อนุโททนา รู้สึกเป็นเกียรติครับ :b8:

เริ่มที่หน้าเว็บ แล้วกดตามด้วยห้องสนทนาธรรมทั่วไปก็จะเจอครับ :b13:



น่าน้อยใจ จขกท.เองแท้ๆ ยังไม่ได้รับเกียรติ ได้รับคำชม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
โฮฮับ
กายใจก็กายใจ จิตก็จิต.....มันคนละเรื่องครับ


โฮฮับ ยังขาดความเข้าใจเรื่องชีวิตจิตใจ

จิต ใจ ก็อันเดียวกัน กาย-ใจ พูดแบบไทยๆ ดูนะจะให้ดู

ตา (จักขุ) หู (โสต) จมูก (ฆาน) ลิ้น (ชิวหา) กาย (กาย) ใจ (มโน) ศัพท์ในวงเล็บเป็นบาลี คำว่า ตา เป็นต้น แปลมาจากคำในวงเล็บนั่น

จิต ใจ มโน หทัย มานัส ฯลฯ ศัพท์เหล่านี้ใช้แทนกันได้ ใช้ตัวไหนก็ได้ ความหมายเดียวกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อจากความเห็นที่แล้ว......

เช่นนั้น เขียน:
ถ้าโฮฮับเข้าใจอย่างนั้น สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา
รูปสัญญา อรูปสัญญา คือสมมติบัญญัติ หรือปรมัตถบัญญัติ
เป็นอารมณ์ หรือเป็นจิต...


ตามที่บอกไว้ก่อนหน้าว่า สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขอสุขเวทนา....ไม่มีอยู่นสาระบบธรรม
ส่วนรูปสัญญา มีความหมายว่า ความจำได้หมายรู้ในรูปราคะ รูปราคะเป็นสังโยชน์เบื้องสูง
รูปในที่นี้ก็คือ ความรัก ความเมตตา ความห่วงหาอาทร ต่อวัตถุหรือสัตว์โลก ล้วนเป็นรูปราคะ

รูปสัญญาเป็นสมมติบัญญัติ ที่เป็นเหตุให้เกิดปรมัตถบัญญัติขึ้นที่กายใจ อาทิ สังขตธรรม อัตตา
จิตและกองขันธ์ห้า

อรูปสัญญาก็เช่นกันเป็นสมมติบัญญัติ จะต่างกันก็ตรงที่ อรูปเป็นเรื่องของความสุข

ปล. แนะนำครับ สมติทำให้เกิดปรมัตถ์ อย่าหลงเอาคำว่าสมมติไปเป็นสมมุติที่ใช้ในภาษาไทยนะครับ
เด๋ยวจะสับสน สมมติเป็นพุทธพจน์ หมายถึงสภาพธรรมที่เป็นจริง(สัจจะ)
และย้ำเตือนอีกครั้งว่า อารมณ์และจิตเป็นสภาพธรรมอย่างเดียวกัน ต่างกันที่อารมณ์เป็นสมมติบัญญัติ
จิตเป็นปรมัตถบัญญัติ อารมณ์กับจิตเกิดพร้อมกัน เพราะมันเป็นอย่างเดียวกัน

เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ขันธุ์ 5 ที่โฮฮับเข้าใจ คือกายกับใจ รึเปล่า?

คนละเรื่องแล้วครับ!!
กายกับใจ รวมกันอยู่ในลักษณะ อัญญมัญญปัจจัย คืออาศัยซึ่งกันและกัน
และโดยสภาพของการตั้งอยู่แห่งกายใจ มันเป็น ....... ชีวิตินทรีย์


โฮฮับ บอกว่า จิต คือกายใจ
หากมีสิ่งสองสิ่งรวมกันอยู่โดยอัญญมัญญปัจจัย กาย ก็ต้องเป็นสิ่งหนึ่ง ใจก็ต้องเป็นสิ่งหนึ่ง ถูกไหม?
เมื่อโฮฮับ อ้างถึงชีวิตติทรีย์ .........กายใจ คือจิตตามที่โฮฮับเข้าใจเป็นอินทรีย์ไหนใน อินทรีย์22ประการ..


ผมไม่ได้บอกว่ากายใจคือจิต!! ที่ผมบอกคือจิตเกิดขึ้นภายในกายใจและจิตมีเหตุปัจจัยมา
จากกายใจ จิตไม่เที่ยง(อนิจจัง)

คุณเช่นนั้นไม่เข้าใจคำว่าอินทรีย์ก็เลยถามผิดๆ คำว่าอินทรีย์หมายถึงสภาวธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธาน
กายใจไม่ใช่อินทรีย์ แต่กายใจทำให้เกิดสภาวธรรมที่เรียกว่าอินทรีย์

เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ส่วนขันธ์ห้ามันเกิดจากการที่กายใจเข้าไปยึดตัวธรรมที่เป็นอนัตตาเข้า
ทำให้เป็นขันธ์ทั้งห้าขึ้นภายในกายใจ.....ซึ่งไม่ใช่กายใจ

กายใจเป็น....ตัวทุกข์หรือทุกอริยสัจจ์
ขันธ์ห้าเป็น....เหตุแห่งทุกข์หรือทุกขสมุทัย


อะไรคือตัวธรรมที่เป็นอนัตตา
โฮฮับ บอกว่า จิต คือกายใจ
ดังนั้นจิตคือ ตัวทุกข์ถูกไหม

โฮฮับเข้าใจว่าเมื่อจิตเข้าถึงอนัตตาและยึดอนัตตาไว้ จึงเกิดขันธุ์ 5 ถูกไหม..


ตัวธรรมที่เป็นอนัตตา คือ สภาพธรรมที่เกิดจากการกระทบที่ทวารทั้งหก
ท่านเรียกสภาพธรรมนั้นว่า...สังขตธรรม (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน)
สภาพธรรมที่เรียกว่าสังขตธรรมนี้ เกิดตามเหตุปัจจัย(การกระทบ) เมื่อเหตุหมดมันก็ดับไปตามเหตุ
ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า อนัตตา

อีกคำถามที่ถาม ผมไม่ได้บอกว่า จิตคือกายใจ กรุณากลับไปอ่านทบทวนใหม่ให้ดีครับ

สุดท้าย จิตไม่ใช่ตัวทุกข์ดังที่คุณเช่นนั้นเข้าใจผิดแต่แรก คือเข้าใจไปว่า ผมบอกว่า จิตคือกายใจ
ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด

จิตเป็นปรมัตถบัญญัติ ย้ำอีกครั้งว่า จิตเป็นเพียงบัญญัติ(ชื่อ)
ในความเป็นปรมัตถธรรมแท้แท้ต้องพิจารณาที่องค์ธรรมประกอบจิต


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ภวังคจิต จะกล่าวได้ว่า เป็นสภาวะจิตเดิมของอัตตา หรือของสัตว์โลกที่มีอนุสัยต่างๆนอนเนื่องอยู่ก็ได้

http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=153
Quote Tipitaka:
...... [๑๕๕] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรอานนท์ ปุถุชนในโลกนี้ ผู้ไม่ได้สดับ ไม่ได้
เห็นพระอริยะ ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของพระอริยะ ไม่เห็น
สัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ มีจิตอันสักกายทิฏฐิ
กลุ้มรุมแล้ว อันสักกายทิฏฐิครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อสักกายทิฏฐิเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบาย
เป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง สักกายทิฏฐินั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้น
บรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ปุถุชนนั้นมีจิตอันวิจิกิจฉากลุ้มรุมแล้ว อัน
วิจิกิจฉาครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อวิจิกิจฉาเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้
ตามความเป็นจริง วิจิกิจฉานั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็น
โอรัมภาคิยสังโยชน์. ปุถุชนนั้นมีจิตอันสีลัพพตปรามาสกลุ้มรุมแล้ว อันสีลัพพตปรามาส
ครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อสีลัพพตปรามาสเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสีย
ได้ตามความเป็นจริง สีลัพพตปรามาสนั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้วชื่อว่า
เป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์ ปุถุชนนั้นมีจิตอันกามราคะกลุ้มรุมแล้ว อันกามราคะครอบงำแล้วอยู่
และเมื่อกามราคะเกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง กาม
ราคะนั้นก็เป็นของมีกำลัง อันปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์. ปุถุชน
นั้นมีจิตอันพยาบาทกลุ้มรุมแล้ว อันพยาบาทครอบงำแล้วอยู่ และเมื่อพยาบาทเกิดขึ้นแล้ว
ย่อมไม่รู้อุบายเป็นเครื่องสลัดออกเสียได้ตามความเป็นจริง พยาบาทนั้นก็เป็นของมีกำลัง อัน
ปุถุชนนั้นบรรเทาไม่ได้แล้ว ชื่อว่าโอรัมภาคิยสังโยชน์.

โฮฮับ ไปอ่านพระสูตรให้ดีๆ


ความเห็นของคุณกับการอ้างอิงพระสูตร......มันเกี่ยวกันตรงไหนครับ :b13:

เกี่ยวสิ
^ ^


น่านนะซิ!!! ที่ว่าเกี่ยวมันเกี่ยวตรงไหนอย่างไรครับ

ผมว่าคุณเช่นนั้นใช้คำผิดนะครับ......ตรงพูดว่า "เกี้ยว"ถึงจะถูก
นั้นก็คือ เอามาแก้เกี้ยว :b32:


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 12:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2014, 11:29
โพสต์: 64

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
มาขอบคุณคุณโฮฮับ ที่เขียนไว้ให้ได้อ่าน
เราได้ประโยชน์มาก

แต่หายากจัง กว่าจะเจอสักกระทู้ คงไม่คล่องกะบอร์ด


อนุโททนา รู้สึกเป็นเกียรติครับ :b8:

เริ่มที่หน้าเว็บ แล้วกดตามด้วยห้องสนทนาธรรมทั่วไปก็จะเจอครับ :b13:



น่าน้อยใจ จขกท.เองแท้ๆ ยังไม่ได้รับเกียรติ ได้รับคำชม :b1:



อย่าได้น้อยใจไปเลย
ถ้ามีแต่บอร์ด ไม่มีคนตั้งกระทู้ มันก็หาประโยชน์อะไรจากบอร์ดนั้นไม่ได้เลย จริงไหมคะ
ก่อนจะมีคุณโฮฮับตอบ ก็ต้องมีคุณกรัชกายตั้งกระทู้ อยู่แล้ว.........และผู้ที่ชอบอ่านก็คงไม่น้อย


แต่เรา(มาใหม่) ชอบพิจารณาธรรม ไปตามที่คุณโฮฮับเขียนน่ะจ้ะ


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
มาขอบคุณคุณโฮฮับ ที่เขียนไว้ให้ได้อ่าน
เราได้ประโยชน์มาก

แต่หายากจัง กว่าจะเจอสักกระทู้ คงไม่คล่องกะบอร์ด


อนุโททนา รู้สึกเป็นเกียรติครับ :b8:

เริ่มที่หน้าเว็บ แล้วกดตามด้วยห้องสนทนาธรรมทั่วไปก็จะเจอครับ :b13:



น่าน้อยใจ จขกท.เองแท้ๆ ยังไม่ได้รับเกียรติ ได้รับคำชม :b1:

:b12:
รู้ยัง...ว่าจิตสะสมอกุศลไปแล้ว
:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ก็เป็นนเรื่องลักษณะของสภาพธรรมไง



โฮฮับ ยกตัวอย่างลักษณะสภาพธรรมที่ว่าสิ


ภวังค์ เป็นชื่อของสภาพธรรม
ส่วนลักษณะของภวังค์ ก็คือ ลักษณะของสภาพธรรม
เช่น ในขณะที่กายใจไม่มีอะไรมากระทบที่ทวารทั้งหก(หลับสนิท)
นี่แหล่ะคือสภาพธรรมของ ภวังค์

กรัชกาย เขียน:

โฮฮับว่า พระพุทธเจ้าสอนคนด้วยภาษาอะไร ? :b14:


พระพุทธองค์สื่อสารกับสาวกด้วยภาษามคธหรือบาลี
พระองค์ใช้ภาษาบาลี อธิบายพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ(ตั้งชื่อธรรม)
พูดให้ชัดก็คือทรงค้นพบสภาพธรรมที่เป็นจริงแล้วทรงตั้งชื่อธรรมเหล่านั้น

สำเหนียกให้ดีว่า บาลีกับพุทธพจน์มันคนละเรื่อง
จะเอาพุทธพจน์มาแปลไทยไม่ได้
นอกเสียแต่ว่าจะแปลบาลีที่ใช้อธิบายพุทธพจน์



โฮฮับพูดขัดกันอยู่ในตัว

เอานะ เอาที่โฮฮับชอบพูดบ่อยๆ นะ

"โพธิปกฺขิยธรรม" โฮฮับว่าไปสิเป็นอะไร



ถามไม่ตอบ คิกๆๆๆ

Kiss
:b1:
ร่วมอภิปรายกันหน่อยค่ะ
ภาษาน่ะค่ะคือบัญญัติใช่หรือไม่
ที่มีภาษาเพราะต้องมีองค์ประกอบใช่ไหม
แล้วองค์ประกอบที่ว่าตามพระธรรมที่ทรงแสดงคืออะไร
ทุกอย่างที่ปรากฏว่ามีเป็นเพียงนิมิต(อ่านว่านิ-มิต-ตะ)ใช่หรือไม่
แปลว่านิมิตเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้ชั่วคราวตามเหตุตามปัจจัยใช่ไหม
แล้วทุกคนกำลังหลงติดข้องในอะไรอยู่ถ้าไม่ใช่ติดข้องในนิมิตที่ปรากฏแล้วยึดติดคำ
ถามว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขาทุกอย่างเป็นของว่างเป็นของเปล่าไหม
ไม่มีแลัวเกิดมีแล้วก็หามีไม่คือมีแต่ธาตุรู้กับธาตุไม่รู้ที่ปรากฏกับมหาภูตรูปสี่ถ้านิมิตไม่มีบัญญัติจะมีไหม
onion onion onion


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 16:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
มาขอบคุณคุณโฮฮับ ที่เขียนไว้ให้ได้อ่าน
เราได้ประโยชน์มาก

แต่หายากจัง กว่าจะเจอสักกระทู้ คงไม่คล่องกะบอร์ด


อนุโททนา รู้สึกเป็นเกียรติครับ :b8:

เริ่มที่หน้าเว็บ แล้วกดตามด้วยห้องสนทนาธรรมทั่วไปก็จะเจอครับ :b13:



น่าน้อยใจ จขกท.เองแท้ๆ ยังไม่ได้รับเกียรติ ได้รับคำชม :b1:

:b12:
รู้ยัง...ว่าจิตสะสมอกุศลไปแล้ว
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้ยัง...ว่าจิตสะสมอกุศลไปแล้ว


แล้วจะให้กรัชกายทำยังไงละทีนี้ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 14 มิ.ย. 2016, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Duangrat เขียน:
มาขอบคุณคุณโฮฮับ ที่เขียนไว้ให้ได้อ่าน
เราได้ประโยชน์มาก

แต่หายากจัง กว่าจะเจอสักกระทู้ คงไม่คล่องกะบอร์ด


อนุโททนา รู้สึกเป็นเกียรติครับ :b8:

เริ่มที่หน้าเว็บ แล้วกดตามด้วยห้องสนทนาธรรมทั่วไปก็จะเจอครับ :b13:



น่าน้อยใจ จขกท.เองแท้ๆ ยังไม่ได้รับเกียรติ ได้รับคำชม :b1:

:b12:
รู้ยัง...ว่าจิตสะสมอกุศลไปแล้ว
:b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้ยัง...ว่าจิตสะสมอกุศลไปแล้ว


แล้วจะให้กรัชกายทำยังไงละทีนี้ :b10:

:b12:
เพียรฟังเพื่อรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังเกิดดับตามเหตุปัจจัยที่กำลังมีแล้วผ่านอายตนะ6ที่ตนมี
ผ่านการฟังคำที่เมื่อฟังแล้วไตร่ตรองตามรู้สิ่งที่กำลังมีณขณะที่กำลังฟังว่าจริงยังไงตามปกติเป็นปกติ
https://www.youtube.com/watch?v=0v_FTmgLEVE
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 132 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร