วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 15:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 147 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2016, 08:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b47:
ภวังค์....เป็นช่วงต่อระหว่างความเกิดกับความดับ
จิตที่ฝึกดีแล้วมีสมาธิที่มีกำลังมากแล้วสามารถจะดับลงภวังค์ได้ตามใจปรารถนา

ที่ภวังค์เป็นที่ๆยุติความเกิดความดับไปชั่วขณะ
onion
อุจเฉทะทิฏฐิ เป็นความเห็นตามตำราของกรัชกาย
แต่การตายตรงที่ไม่มีอะไรเป็นภาษาพูดที่ฟังง่ายๆแต่ความหมายลึกล้ำอย่างชนิดที่หนอนตำราอย่างกรัชกายไม่สามารถจะเข้าใจได้
:b11:
ก่อนที่จะเข้าถึงความไม่มีอะไรได้จนเป็นปกติธรรมดานั้นท่านวิศกรได้ทำลายความเห็นผิดขาดสะบั้นไปก่อนแล้ว จึงไม่มีอุจเฉทะทิฏฐิ
onion


คิดถึงอดีต...
Bigtoo บอกว่า...ดับไปต่อหน้าต่อตา

อโสกะ...ถลาเข้ามารับรองทันที.. :b32: :b32:

อโสกะ..มีความชอบส่วนตัวกับคำทำนอง...ดับไปต่อหน้าต่อตา..เฉย...

พอเจอคำทำนองนี้เหมือนงูเจอเชือกกล้วย...อ่อนระทวย..ซูฮก...ปลกหัวงกงก.. :b16: :b16:

ลืมดูมรรค...สนแต่ปากที่พูดถึงผล.. :b9:

ไม่มีมรรค...ไม่มีผล

คนหลงก็คิดว่า...นี้งัยมรรค..นั้นงัยมรรค..ปัณหาคือ...ตนเองก็ไม่ทั่วถึงในมรรค...ตนก็เข้าใจผิดในมรรค..จึงตัดสินผิดคิดว่านั้นก็มรรค..นี้ก็มรรค..แล้ว

ผิดพลาดในมรรค...ก็ตัดสินผลผิดพลาด :b17: :b17: :b17:

asoka เขียน:
smiley
กบเอ๋ยกบพอพูดนอกตำรานิดเดียวกบก็ไม่เข้าใจ เป็นหนอนกอดตำราเหมือนกรัชกายเลยนะนี่
:b7:
อ้างคำพูด:
ก่อนที่จะเข้าถึงความไม่มีอะไรได้จนเป็นปกติธรรมดานั้นท่านวิศกรได้ทำลายความเห็นผิดขาดสะบั้นไปก่อนแล้ว จึงไม่มีอุจเฉทะทิฏฐิ


onion
ดูตรงนี้ให้ดีนะกบ

มรรคเขาทำงานทำลายความเห็นผิด (สักกายทิฏฐิ)จนดับหรือขาดสะบั้นแล้ว
ผลจึงเกิดให้ท่านวิศกรได้รับ เป็นผลอันยั่งยืนไม่เปลี่ยนแปลงเพราะสามารถเข้าถึงได้เสมอเป็นธรรมชาติเป็นปกติธรรมดา พิสูจน์ได้อยู่ตลอดเวลาเสมอๆ
สนใจก็ขึ้นไปพบปะสัมภาษณ์พิสูจน์ได้ด้วยตัวเองเลยนะกบ

onion


แค่คำพูด....สวยหรู....ไม่ได้ช่วยอะไร...

ยิ่งอโสกะ..วิ่งไปรับรอง...ยิ่งต้องระวัง..ต้องมองดีดี

แต่..ผล...คือ..วิ่งเข้าภวังค์ได้ตลอดเวลา...ชอบเข้าภวังค์...นี้ผลมันผิด...แสดงว่าที่ทำยังไม่ใช่มรรค..ยังไม่สมบูรณ์

s004
นี่กบวิเคราะห์ผิดๆอีกแล้วพยายามแต่จะไปแคะไค้ตรงลงภวังค์ ซึ่งนั่นเป็นเพียงพื้นฐานที่ดีก่อนจะมาเจริญปัญญาพิจารณาธรรม
เรื่องการบรรลุธรรมที่นำมาเล่าให้ฟังนั้นก็เป็นเพียงธรรมทัศนะแล้วแต่สติปัญญาของผู้ศึกษาและจับประเด็นจะตีความ แต่มันเป็นเรื่องปัจจัตตังจริงๆยากจะอธิบายให้รู้ได้ด้วยคำพูดคำเขียน จึงแล้วแต่กบจะตีความ แต่ไม่พึงตัดสินว่าใช่หรือไม่ใช่

ส่วนการบ้านที่ให้ดูไป 2-3 ปีอะไรนั้นผมไม่รับ ผมมีทางเดินเฉพาะของตนเองชัดเจนแล้ว

กบนั่นแหละดูของกบไปดีๆก็แล้วกันอย่าพึ่งไปกระหยิ่มยิ้มย่องอะไรให้หลงทางไปเสียก่อนล่ะ
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2016, 10:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ดู...คนที่อโสกะไปรับรองเขานะ....
ดูซิ.. ปี..สองปี..ผ่านไปแล้วจะเป็ยยังงัย..

จะได้มาเสริมสติปีญญาตน..เตือนตน...ที่ไปนับรองนั้นนะ.
ผิดเพราะอะไร...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2016, 10:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ..อาจจะงง...ว่าทำไมถึงว่าไม่ใช่ผล..มรรคเขาก็ทำอยู่นี้..เขาก็น้อมพิจารณาอนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา..แล้วนี้

ธาตุขันธ์แตกระเบิด...ว่างแบบไม่มีอะไรเหลือแล้ว...
อโสกะ.ก็เข้าใจว่า..สักกายทิฏฐิตัดขาดสะบั้นแล้ว..(ตามสำนวนอโสกะ)

ใจก็ว่างแล้ว...มันจะไม่ใช่.ผล.ได้อย่างไร??

อโสกะเข้าใจว่า...มีมรรค..มีผล..สมบูรณ์แล้ว :b32: :b32:

สำหรับผมนะ..ยัง....ยังไม่พอ

asoka เขียน:
:b51:

ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้พบวิศกรท่านหนึ่งที่ปลีกจากงานโลกมาบวช 1 เดือน วิศวกรท่านนี้มีประสบการณ์ธรรมที่น่าทึ่ง คือ ท่านทำสมถะภาวนาในช่วงที่มีช่องว่างระหว่างการทำงานประจำ จนได้สมาธิลึกสามารถทำจิตเข้าภวังค์ได้ดังใจนึก หลังจากนั้นท่านบอกว่ามีโอกาสไปช่วยงานก่อสร้างวัดที่อินเดียใกล้ๆกับสังเวชนียสถานจึงมีโอกาสได้ปฏิบัติเข้มข้นเต็มที่มาก จนสติเป็นมหาสติต่อเนื่องกันเป็นเดือน ช่วงนั้นเองเวลาท่านออกจากภวังค์ก็มาน้อมพิจารณาสังขารร่างกายให้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่น่าดูน่าเอาของสังขารธาตุขันธ์แล้วมีอยู่วันหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นช่วงวันหยุดงานท่านมีเวลาได้เจริญสติเจริญปัญญาต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน มันเกิดเหตุการณ์ที่ท่านไม่เคยพบเจอมาก่อนคือขณะที่ท่านพิจารณาธาตุขันธ์อยู่ จิตมันสงบมาก สภาวธรรมแจ่มชัดมาก มันเกิดอาการเหมือนจะดับลงภวังค์แต่ไม่ใช่ทันทีทันใดต่อจากนั้นธาตุขันธ์ของท่านก็เหมือนแตกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆหายไปหมดแม่แต่ตัวจิตผู้รู้ชั่วพริบตาเดียวพอกลับมารู้สึกตัว ข้างในใจเปลี่ยนไปหมดคือไม่มีอะไรเหลือสักอย่างมีแต่ความว่างเปล่า ไม่ใช่ว่างธรรมดาๆแต่มันคือความว่างแบบไม่มีอะไรเหลือ แล้วหลังจากนั้นจนถึงวันนี้ถ้าไม่มีงานอะไรชีวิตมันก็จะไปอยู่ที่ไม่มีอะไรนี้เองโดยอัตโนมัติโดยธรรมชาติ มีงานสติปัญญาอวัยวะต่างๆก็ตื่นขึ้นมาทำงานตามเหตุตามผลตามเหตุปัจจัย หมดงานทุกอย่างก็เงียบสงบ ความคิดฟุ้งซ่านไม่หยุดหย่อนอย่างที่เคยเป็นหายไปหมด มันจะคิดเมื่อต้องใช้ความคิดทำงาน จบแล้วก็จบ

ถ้าเป็นอย่างนี้จริงการตายก่อนตายของท่านวิศวกรคนนี้คงไม่ยากแล้วเพราะเวลาตายจริงก็คงตายตรงที่ไม่มีอะไรเหลือสักอย่างนั่นเอง


ช้าก่อน..อโสกะ..

ดูไปเรื่อย ๆ
... :b9: :b9: :b9:

อ้างคำพูด:
หายไปหมดแม่แต่ตัวจิตผู้รู้

เริ่มจากตรงนี้ก่อนเลย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2016, 16:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ให้ดู...คนที่อโสกะไปรับรองเขานะ....
ดูซิ.. ปี..สองปี..ผ่านไปแล้วจะเป็ยยังงัย..

จะได้มาเสริมสติปีญญาตน..เตือนตน...ที่ไปนับรองนั้นนะ.
ผิดเพราะอะไร...

:b12: 5555555555
ผิดแล้วกบอโศกะไม่ได้รับรองใคร มีแต่วิเคราะห์ให้ฟังว่าผู้ที่มีอาการและสภาวธรรมเช่นนี้ควรจะเป็นเช่นไร มีแต่กบนั่นแหละสำคัญผิดไปเอง

ผู้ที่อโศกะเคยวิเคราะห์อย่าว่าแต่ ปีสองปีเลยนี่ผ่านมาเกือบ 20 ปีท่านเหล่านั้นก็ยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกลับกลอกอีก

:b11: :b11: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2016, 17:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อโศกะ
มันเกิดอาการเหมือนจะดับลงภวังค์ แต่ไม่ใช่ทันที ทันใดต่อจากนั้นธาตุขันธ์ของท่านก็เหมือนแตกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ หายไปหมดแม่แต่ตัวจิตผู้รู้


นึกถึงคำพูดของพระอรหันต์เมืองไทย ว่าธาตุขันธ์ระเบิดตูมตามๆๆ บ้างก็ว่า สำเร็จเป็นอรหันต์ตอนยืนฉี่ ยืนเยี่ยว :b32:

ท่านอโศกกู่ไม่กลับแระ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
ตายก่อนตายใช่การรู้สภาพธรรมที่ปรากฏชัดตอนไม่ได้นอนหลับ
เป็นสภาวะที่ปรากฏให้จิตรู้ว่าที่มีจริงๆมีแต่ธาตุรู้ในความมืด
ขณะที่รู้อย่างนั้นรู้สึกได้ว่าจิตทำงานโดยไม่อาศัยกาย
:b17:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2016, 21:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ให้ดู...คนที่อโสกะไปรับรองเขานะ....
ดูซิ.. ปี..สองปี..ผ่านไปแล้วจะเป็ยยังงัย..

จะได้มาเสริมสติปีญญาตน..เตือนตน...ที่ไปนับรองนั้นนะ.
ผิดเพราะอะไร...

:b12: 5555555555
ผิดแล้วกบอโศกะไม่ได้รับรองใคร มีแต่วิเคราะห์ให้ฟังว่าผู้ที่มีอาการและสภาวธรรมเช่นนี้ควรจะเป็นเช่นไร มีแต่กบนั่นแหละสำคัญผิดไปเอง

ผู้ที่อโศกะเคยวิเคราะห์อย่าว่าแต่ ปีสองปีเลยนี่ผ่านมาเกือบ 20 ปีท่านเหล่านั้นก็ยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกลับกลอกอีก

:b11: :b11: :b11:


วิเคราะห์..รึ?
:b32: :b32:

น่านแหละ..ยิ่งพลาด...

เปนงัยละ......อริยะกินเหล้าได้..

ดูนี้....เขาเคยหลงมาแล้ว..

แค่เห็น...แต่ไม่ใช่บรรลุ....ดาราเขายังรู้เลย. :b32: :b32:

ดูดิ...อิธฐานตั้ง 3 ครั้ง...เพิ่มศรัทธา



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2016, 05:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ..อาจจะงง...ว่าทำไมถึงว่าไม่ใช่ผล..มรรคเขาก็ทำอยู่นี้..เขาก็น้อมพิจารณาอนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา..แล้วนี้

ธาตุขันธ์แตกระเบิด...ว่างแบบไม่มีอะไรเหลือแล้ว...
อโสกะ.ก็เข้าใจว่า..สักกายทิฏฐิตัดขาดสะบั้นแล้ว..(ตามสำนวนอโสกะ)

ใจก็ว่างแล้ว...มันจะไม่ใช่.ผล.ได้อย่างไร??

อโสกะเข้าใจว่า...มีมรรค..มีผล..สมบูรณ์แล้ว :b32: :b32:

สำหรับผมนะ..ยัง....ยังไม่พอ

asoka เขียน:
:b51:

ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้พบวิศกรท่านหนึ่งที่ปลีกจากงานโลกมาบวช 1 เดือน วิศวกรท่านนี้มีประสบการณ์ธรรมที่น่าทึ่ง คือ ท่านทำสมถะภาวนาในช่วงที่มีช่องว่างระหว่างการทำงานประจำ จนได้สมาธิลึกสามารถทำจิตเข้าภวังค์ได้ดังใจนึก หลังจากนั้นท่านบอกว่ามีโอกาสไปช่วยงานก่อสร้างวัดที่อินเดียใกล้ๆกับสังเวชนียสถานจึงมีโอกาสได้ปฏิบัติเข้มข้นเต็มที่มาก จนสติเป็นมหาสติต่อเนื่องกันเป็นเดือน ช่วงนั้นเองเวลาท่านออกจากภวังค์ก็มาน้อมพิจารณาสังขารร่างกายให้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่น่าดูน่าเอาของสังขารธาตุขันธ์แล้วมีอยู่วันหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นช่วงวันหยุดงานท่านมีเวลาได้เจริญสติเจริญปัญญาต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน มันเกิดเหตุการณ์ที่ท่านไม่เคยพบเจอมาก่อนคือขณะที่ท่านพิจารณาธาตุขันธ์อยู่ จิตมันสงบมาก สภาวธรรมแจ่มชัดมาก มันเกิดอาการเหมือนจะดับลงภวังค์แต่ไม่ใช่ทันทีทันใดต่อจากนั้นธาตุขันธ์ของท่านก็เหมือนแตกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆหายไปหมดแม่แต่ตัวจิตผู้รู้ชั่วพริบตาเดียวพอกลับมารู้สึกตัว ข้างในใจเปลี่ยนไปหมดคือไม่มีอะไรเหลือสักอย่างมีแต่ความว่างเปล่า ไม่ใช่ว่างธรรมดาๆแต่มันคือความว่างแบบไม่มีอะไรเหลือ แล้วหลังจากนั้นจนถึงวันนี้ถ้าไม่มีงานอะไรชีวิตมันก็จะไปอยู่ที่ไม่มีอะไรนี้เองโดยอัตโนมัติโดยธรรมชาติ มีงานสติปัญญาอวัยวะต่างๆก็ตื่นขึ้นมาทำงานตามเหตุตามผลตามเหตุปัจจัย หมดงานทุกอย่างก็เงียบสงบ ความคิดฟุ้งซ่านไม่หยุดหย่อนอย่างที่เคยเป็นหายไปหมด มันจะคิดเมื่อต้องใช้ความคิดทำงาน จบแล้วก็จบ

ถ้าเป็นอย่างนี้จริงการตายก่อนตายของท่านวิศวกรคนนี้คงไม่ยากแล้วเพราะเวลาตายจริงก็คงตายตรงที่ไม่มีอะไรเหลือสักอย่างนั่นเอง


ช้าก่อน..อโสกะ..

ดูไปเรื่อย ๆ
... :b9: :b9: :b9:

อ้างคำพูด:
หายไปหมดแม่แต่ตัวจิตผู้รู้

เริ่มจากตรงนี้ก่อนเลย...



ซ้ำ..ซ้ำ..ซ้ำ..

การซ้ำๆนี้มันดีนะ...จะเห็นอะไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2016, 06:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
rolleyes
ตายก่อนตายใช่การรู้สภาพธรรมที่ปรากฏชัดตอนไม่ได้นอนหลับ
เป็นสภาวะที่ปรากฏให้จิตรู้ว่าที่มีจริงๆมีแต่ธาตุรู้ในความมืด
ขณะที่รู้อย่างนั้นรู้สึกได้ว่าจิตทำงานโดยไม่อาศัยกาย
:b17:
:b4: :b4:

:b8:
ใกล้เคียงมากครับคุณรสริน
สาธุ อนุโมทนา
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2016, 06:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนใจ..ไม่เข้าภวังค์แล้วรึงัยอโสกะ.. :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2016, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
ตายก่อนตายใช่การรู้สภาพธรรมที่ปรากฏชัดตอนไม่ได้นอนหลับ
เป็นสภาวะที่ปรากฏให้จิตรู้ว่าที่มีจริงๆมีแต่ธาตุรู้ในความมืด
ขณะที่รู้อย่างนั้นรู้สึกได้ว่าจิตทำงานโดยไม่อาศัยกาย
:b17:
:b4: :b4:

:b8:
ใกล้เคียงมากครับคุณรสริน
สาธุ อนุโมทนา
smiley



ท่านอโศกเออออห่อหมกไปกับความเห็นผิดอีกแระ

มีที่ไหนจิตทำงานโดยไม่อาศัยกาย กาย กับ ใจ อาศัยกันและกัน จึงเป็นไปได้ทำงานได้ จิตไม่อาศัยกายก็ผีเท่านั้นแหละ ไม่ใช่คน คิกๆๆ :b32:

สองคนนี่ จะเอาฮาไปถึงไหนนะ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2016, 08:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
ตายก่อนตายใช่การรู้สภาพธรรมที่ปรากฏชัดตอนไม่ได้นอนหลับ
เป็นสภาวะที่ปรากฏให้จิตรู้ว่าที่มีจริงๆมีแต่ธาตุรู้ในความมืด
ขณะที่รู้อย่างนั้นรู้สึกได้ว่าจิตทำงานโดยไม่อาศัยกาย
:b17:
:b4: :b4:

:b8:
ใกล้เคียงมากครับคุณรสริน
สาธุ อนุโมทนา
smiley



ท่านอโศกเออออห่อหมกไปกับความเห็นผิดอีกแระ

มีที่ไหนจิตทำงานโดยไม่อาศัยกาย กาย กับ ใจ อาศัยกันและกัน จึงเป็นไปได้ทำงานได้ จิตไม่อาศัยกายก็ผีเท่านั้นแหละ ไม่ใช่คน คิกๆๆ :b32:

สองคนนี่ จะเอาฮาไปถึงไหนนะ :b12:

:b13:
กรัชกายนี่ยังแยกจิตออกจากกายไม่ได้ แยกรูปแยกนามไม่เป็น จึงพูดวิจารณ์อยู่ได้แค่นี้

วิปัสสนาภาวนาเมื่อถึงตอนที่สำคัญเข้าด้ายเข้าเข็มมันเป็นเรื่องของนามธรรมเรื่องของจิตทั้งนั้นนะกรัชกายลองไปทบทวนวิเคราะห์ดูจากญาณ 16 หรือญาณ 9 ดูให้ดีๆ ถ้าจะรู้ตามตำราไม่อาศัยภาคปฏิบัติ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2016, 13:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b13:
กรัชกายนี่ยังแยกจิตออกจากกายไม่ได้ แยกรูปแยกนามไม่เป็น จึงพูดวิจารณ์อยู่ได้แค่นี้

วิปัสสนาภาวนาเมื่อถึงตอนที่สำคัญเข้าด้ายเข้าเข็มมันเป็นเรื่องของนามธรรมเรื่องของจิตทั้งนั้นนะกรัชกายลองไปทบทวนวิเคราะห์ดูจากญาณ 16 หรือญาณ 9 ดูให้ดีๆ ถ้าจะรู้ตามตำราไม่อาศัยภาคปฏิบัติ
onion


ท่านอโศกะ พอแยกรูปแยกนามออกแล้ว ไปแล้วไปเลย
ไม่กลับมาพิจารณาการปรากฎตั้งอยู่ของสิ่งที่ปรากฎ
และไม่กลับมาพิจารณาถึงสิ่งที่เคยปรากฎแล้วดับไป
และกระนั่นก็ยังไม่ตามพิจารณาสิ่งที่พบว่าไม่ปรากฎแล้ว แต่อยู่ ๆ มันก็กลับมาปรากฎอีกครั้ง
ดู ๆ ไปท่านก็เลยยังเป็นการตอบโจทย์การปรากฎแบบยังไม่ค่อยจะเท่าทันมันสักเท่าไร

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2016, 21:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

:b13:
กรัชกายนี่ยังแยกจิตออกจากกายไม่ได้ แยกรูปแยกนามไม่เป็น จึงพูดวิจารณ์อยู่ได้แค่นี้

วิปัสสนาภาวนาเมื่อถึงตอนที่สำคัญเข้าด้ายเข้าเข็มมันเป็นเรื่องของนามธรรมเรื่องของจิตทั้งนั้นนะกรัชกายลองไปทบทวนวิเคราะห์ดูจากญาณ 16 หรือญาณ 9 ดูให้ดีๆ ถ้าจะรู้ตามตำราไม่อาศัยภาคปฏิบัติ
onion


ว่าแต่เขา...พอมาถึงอิเหนา..อิเหนาแยกเวทนาก็ไม่ออก... :b32:

มาอานาปา.. 16 ขั้นตอน..ก็ว่าทำมาหมดแล้ว. :b5:..ถามว่า..กำหนดกองลมทั้งปวงทำยังงัย..ก็ไปไม่เป็น

แยกรูปแยกนาม....

จะไปทางไหนหน่อ :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 04:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
กาย เวทนา จิต ธรรม
ทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืน
กายคือรูปที่ไม่รู้อะไร
เวทนาธาตุรู้เป็นเจตสิก
ทั้งหมดคือจิตเจตสิกรูป
เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะจิต
ที่ผ่านไปไม่ย้อนกลับมาเกิดอีก
แค่หลับตาทุกอย่างที่ปรากฏทางตาไม่มี
ถ้าไม่มีจิตโลกทั้งใบก็ไม่มีที่มีเพราะจิตคิดนึก
มีแต่สิ่งที่รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ที่จากไปนิรันดรแค่เปลี่ยนร่าง
อกุศลจิต=จิตวิปลาศ+สัญญาเจตสิกวิปลาศ+ทิฐิวิปลาศเห็นผิด
ทุกขณะที่เป็นไปด้วยความไม่รู้สิ่งที่มีว่าเป็นธัมมะก็เป็นเราคิดพูดทำ
ไม่มีใครทำร้ายจิตแต่ละ1ขณะที่ดับไปแล้วได้มีแต่ธาตุรู้กับธาตุไม่รู้เกิดดับ
ศึกษาพระธรรมเพื่อให้เข้าใจว่ารอบรู้ในธาตุรู้ของตนมีจริงๆไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน
แต่ละขณะที่ดับไปแล้วมีทั้งกุศลธัมมา/อกุศลาธัมมา/อัพยากตาธัมมาคือจิต+เจตสิก+รูป
ถ้าไม่รู้ว่าธาตุรู้ที่กำลังมีคือเป็นขณะไหนก็สะสมแต่อกุศลคือจิต+อกุศลเจตสิกคือธาตุรู้ที่ไม่รู้ค่ะ

:b17: :b17:
:b44: :b44:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 147 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร