วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 16:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 128 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 06:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เพื่อน ๆ..คิดยังงัยคับ..

สุขเวทนา(เวทนา)..กับ..สุข..(ตย. เช่นสุขที่เกิดจากสมาธิ..สุขที่เกิดจากปีติ)

:b13:
กบนี่ไม่รู้ตัว ที่เขาเรียกว่าขาดสัมปชัญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อม

บอกหลายครั้งแล้วว่านี่คือแบบฝึกหัดเพื่อลัดเข้าไปดูตัวอย่างธรรม

นิโรธะที่เกิดหลังจากทุกดับนั้นมันช่วงต่อระหว่างกลาง

ทุกข์ดับ......ดับ(นิโรธะ)......สุขเกิด

นิโรธะที่เกิดชั่วพริบตาเดียวถ้าไม่สังเกตดีๆก็ไม่เห็นไม่รู้ จิตหยาบอย่างกบมันเลยไม่ทันเห็นไม่ทันรู้ เข้าใจหรือเปล่า

นิโรธะในแบบฝึกหัดนี้เป็นนิโรธะตัวอย่าง นิโรธะชั่วคราว

แต่ถ้าหากตอนที่อัตตาหรือกูปล่อยคำสั่งบังคับลมหายใจ ตัวอัตตาหรือความเห็นผิดเป็นกูเป็นเรามันตายดับไปด้วยมันจึงจะเกิดนิโรธะถาวร คือเข้าไปเสวยนิพพาน 2-3 ขณะจิตแล้วปัจเวก ซึ่งอันนั้นมันต้องเป็นไปหลังจากการที่ได้เจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างจริงจังจนญาณต่างๆเกิดขึ้นจนครบ 16 ญาณ

กบพยายามเถียงอย่างเด็กๆคือเพื่อเอาชนะไม่ใช่เพื่อเอาข้อสังเกตความรู้สติปัญญาใหม่ๆจึงไปพยายามเน้นย้ำอยู่แต่เรื่องที่เข้าใจว่าอโศกะผิดเช่นเรื่อง สุขะ ทุกขะเวทนาที่พูด ไอ้เรื่องเวทนา 3 นั้นนะมันพื้นๆเด็กๆในทางธรรมเขาก็รู้กันทั่ว
แต่เรื่องช่วงต่อระหว่างของเวทนาเหล่านี่นั่นสิไม่ค่อยจะมีใครมาวิเคราะให้ฟังหรอกนะ

ความจริงเรื่องทุกข์ สุข เฉย นิโรธ นิพพาน นั้นมันมีอยู่พร้อมแล้วในกายในจิตของเรานี้ ความเห็นผิดยึดผิดอวิชชามันบังไว้เท่านั้น ใครรู้เทคนิคที่พระพุทธเจ้าทรงสอนสามารถนำมาเปิดเผยมันออกมาได้ นิโรธ นิพพานนี้มันก็มิได้อยู่ไกลที่ไหนเลยอยู่ในจิตของเจ้าของทุกดวงนี่แหละนะกบ อย่าทำตัวเองให้สับสนเพราะความรู้ที่มากเกินไปจนเฝือ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 06:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เพื่อน ๆ..คิดยังงัยคับ..

สุขเวทนา(เวทนา)..กับ..สุข..(ตย. เช่นสุขที่เกิดจากสมาธิ..สุขที่เกิดจากปีติ)

:b13:
กบนี่ไม่รู้ตัว ที่เขาเรียกว่าขาดสัมปชัญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อม

บอกหลายครั้งแล้วว่านี่คือแบบฝึกหัดเพื่อลัดเข้าไปดูตัวอย่างธรรม

นิโรธะที่เกิดหลังจากทุกดับนั้นมันช่วงต่อระหว่างกลาง

ทุกข์ดับ......ดับ(นิโรธะ)......สุขเกิด

นิโรธะที่เกิดชั่วพริบตาเดียวถ้าไม่สังเกตดีๆก็ไม่เห็นไม่รู้ จิตหยาบอย่างกบมันเลยไม่ทันเห็นไม่ทันรู้ เข้าใจหรือเปล่า

นิโรธะในแบบฝึกหัดนี้เป็นนิโรธะตัวอย่าง นิโรธะชั่วคราว

แต่ถ้าหากตอนที่อัตตาหรือกูปล่อยคำสั่งบังคับลมหายใจ ตัวอัตตาหรือความเห็นผิดเป็นกูเป็นเรามันตายดับไปด้วยมันจึงจะเกิดนิโรธะถาวร คือเข้าไปเสวยนิพพาน 2-3 ขณะจิตแล้วปัจเวก ซึ่งอันนั้นมันต้องเป็นไปหลังจากการที่ได้เจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างจริงจังจนญาณต่างๆเกิดขึ้นจนครบ 16 ญาณ

กบพยายามเถียงอย่างเด็กๆคือเพื่อเอาชนะไม่ใช่เพื่อเอาข้อสังเกตความรู้สติปัญญาใหม่ๆจึงไปพยายามเน้นย้ำอยู่แต่เรื่องที่เข้าใจว่าอโศกะผิดเช่นเรื่อง สุขะ ทุกขะเวทนาที่พูด ไอ้เรื่องเวทนา 3 นั้นนะมันพื้นๆเด็กๆในทางธรรมเขาก็รู้กันทั่ว
แต่เรื่องช่วงต่อระหว่างของเวทนาเหล่านี่นั่นสิไม่ค่อยจะมีใครมาวิเคราะให้ฟังหรอกนะ

ความจริงเรื่องทุกข์ สุข เฉย นิโรธ นิพพาน นั้นมันมีอยู่พร้อมแล้วในกายในจิตของเรานี้ ความเห็นผิดยึดผิดอวิชชามันบังไว้เท่านั้น ใครรู้เทคนิคที่พระพุทธเจ้าทรงสอนสามารถนำมาเปิดเผยมันออกมาได้ นิโรธ นิพพานนี้มันก็มิได้อยู่ไกลที่ไหนเลยอยู่ในจิตของเจ้าของทุกดวงนี่แหละนะกบ อย่าทำตัวเองให้สับสนเพราะความรู้ที่มากเกินไปจนเฝือ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 21:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:

คนบ้าอะไร..โพสต์ถึงสองครั้ง...
สติแตกรึงัย?.. :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 21:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะ..ถาม..
asoka เขียน:
s004
อืม!.....กบนี่ก็วิเคราะห์ได้เก่งเข้าเค้าอยู่นะที่เห็นการภาวนาแบบไร้กู

:b4:
ถามว่าตอนที่กลั้นหายใจนั้นทุกขสัจจะเกิดขึ้นใช่ไหม? = ทุกข์เกิด เกิดขึ้นที่กายก่อนพอรุนแรงมากขึ้นๆก็เกิดขึ้นที่ใจ
..........
พอถึงจุดวิกฤตสุดขีดสุดทนที่จะกลั้นไว้ได้นั่นเป็น ทุกขัง จริง ใช่ไหม? ลองทำดูจริงๆหรือยังหรือนั่งคิดนั่งเทียนเอาเดาเอา

ปล่อยลมหายใจออก(โซ่......)ปั๊บ ทุกข์ดับ ทุกขสัจจะทั้งในกายในใจดับ
ตอนที่ทุกดับนี้เป็น นิโรธะสัจจะ ใช่ไหม? ใช่ไม่ใช่ ตอบมา


ผมก็ตอบกลับ
กบนอกกะลา เขียน:
เข้ารกเข้าพง...

ปล่อยลมออก...ทุกข์เวทนา..ดับไป...สุขเวทนาทางกายเกิด...มันก็แค่นั้นเอง...ทั้งหมดมันก็ล้วนแต่ทุกข์

ทุกขสัจจะดับ..นิโรธสัจจะเกิด..ที่ไหนละ...อโสกะ
ก็ดูอโสกะซิ....ยังเป็นปุถุชนอยู่ไม่ใช่รึ??


ทัศนะของอโสกะ...ก็ชัดว่า..อโสกะคิดว่า..สุขเวทนาเป็นผลพลอยได้จากการที่นิโรธ..
asoka เขียน:
หลังจากนั้น สุขเกิด ที่กบเรียกว่า "สุขเวทนา"นั้นใช่แล้ว สุขเวทนาเป็นผลพลอยได้จากการที่ นิโรธ หรือ ทุกข์ดับ มันเกิดแต่เกิดชั่วพริบตาเดียว สติปัญญาหยาบกร้านอย่างกบและกรัชกายมองไม่ทันเห็นหรอก ต้องมาฝึกทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนาอย่างจริงจังด้วยกันสักครั้งจนสติปัญญาคมกล้าจึงจะเห็นทันได้

onion onion onion


กระผมก็เลยแสดงความเห็นไปว่า..
กบนอกกะลา เขียน:
อีตาอโสกะ....แยกสุขเวทนา...กับ..สุข..ไม่ออก... :b32: :b32: :b32:


แล้วก็มาถามเพื่อน ๆ..ว่าคิดยังงัย..สุขเวทนา..กับ..สุข..นี้นะ

กบนอกกะลา เขียน:
เพื่อน ๆ..คิดยังงัยคับ..

สุขเวทนา(เวทนา)..กับ..สุข..(ตย. เช่นสุขที่เกิดจากสมาธิ..สุขที่เกิดจากปีติ)


:b32: :b32: :b32:

สติแตก...เลย

เลยเขียนตัวโตโต..แก้ตัว..ปน..กล่าวหา..ดูถูก..อิอิ :b32: :b32:

asoka เขียน:
:b13:
กบนี่ไม่รู้ตัว ที่เขาเรียกว่าขาดสัมปชัญะ ความรู้ตัวทั่วพร้อม

บอกหลายครั้งแล้วว่านี่คือแบบฝึกหัดเพื่อลัดเข้าไปดูตัวอย่างธรรม

นิโรธะที่เกิดหลังจากทุกดับนั้นมันช่วงต่อระหว่างกลาง

ทุกข์ดับ......ดับ(นิโรธะ)......สุขเกิด

นิโรธะที่เกิดชั่วพริบตาเดียวถ้าไม่สังเกตดีๆก็ไม่เห็นไม่รู้ จิตหยาบอย่างกบมันเลยไม่ทันเห็นไม่ทันรู้ เข้าใจหรือเปล่า

นิโรธะในแบบฝึกหัดนี้เป็นนิโรธะตัวอย่าง นิโรธะชั่วคราว

แต่ถ้าหากตอนที่อัตตาหรือกูปล่อยคำสั่งบังคับลมหายใจ ตัวอัตตาหรือความเห็นผิดเป็นกูเป็นเรามันตายดับไปด้วยมันจึงจะเกิดนิโรธะถาวร คือเข้าไปเสวยนิพพาน 2-3 ขณะจิตแล้วปัจเวก ซึ่งอันนั้นมันต้องเป็นไปหลังจากการที่ได้เจริญวิปัสสนาภาวนาอย่างจริงจังจนญาณต่างๆเกิดขึ้นจนครบ 16 ญาณ

กบพยายามเถียงอย่างเด็กๆคือเพื่อเอาชนะไม่ใช่เพื่อเอาข้อสังเกตความรู้สติปัญญาใหม่ๆจึงไปพยายามเน้นย้ำอยู่แต่เรื่องที่เข้าใจว่าอโศกะผิดเช่นเรื่อง สุขะ ทุกขะเวทนาที่พูด ไอ้เรื่องเวทนา 3 นั้นนะมันพื้นๆเด็กๆในทางธรรมเขาก็รู้กันทั่ว
แต่เรื่องช่วงต่อระหว่างของเวทนาเหล่านี่นั่นสิไม่ค่อยจะมีใครมาวิเคราะให้ฟังหรอกนะ

ความจริงเรื่องทุกข์ สุข เฉย นิโรธ นิพพาน นั้นมันมีอยู่พร้อมแล้วในกายในจิตของเรานี้ ความเห็นผิดยึดผิดอวิชชามันบังไว้เท่านั้น ใครรู้เทคนิคที่พระพุทธเจ้าทรงสอนสามารถนำมาเปิดเผยมันออกมาได้ นิโรธ นิพพานนี้มันก็มิได้อยู่ไกลที่ไหนเลยอยู่ในจิตของเจ้าของทุกดวงนี่แหละนะกบ อย่าทำตัวเองให้สับสนเพราะความรู้ที่มากเกินไปจนเฝือ

onion


มีนิโรธแบบฝึกหัด..นิโรธชั่วคราว.. :b32: :b32:

ก็ถามมาเองแท้แท้...
อ้างคำพูด:
ปล่อยลมหายใจออก(โซ่......)ปั๊บ ทุกข์ดับ ทุกขสัจจะทั้งในกายในใจดับ
ตอนที่ทุกดับนี้เป็น นิโรธะสัจจะ ใช่ไหม? ใช่ไม่ใช่ ตอบมา


ต่อไปก็ไม่รู้ว่า..จะมีอะไรอีก..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 21:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สุขเวทนา..กับ..สุข...นี้..มันเป้นงัยรึ??


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2016, 15:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สุขเวทนา..กับ..สุข...นี้..มันเป้นงัยรึ??

:b12:
มันเป็นอันเดียวกัน สภาวะเดียวกันคือสภาวะที่ทุกข์ดับไป เฉยดับไป

อันหนึ่งอธิบายในแง่เวทนา อันหนึ่งอธิบายในแง่ธัมมารมณ์

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2016, 20:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สุขเวทนา..กับ..สุข...นี้..มันเป้นงัยรึ??

:b12:
มันเป็นอันเดียวกัน สภาวะเดียวกันคือสภาวะที่ทุกข์ดับไป เฉยดับไป

อันหนึ่งอธิบายในแง่เวทนา อันหนึ่งอธิบายในแง่ธัมมารมณ์


onion


วิตก..วิจารณ์..ปิติ..สุข..เอกัคคตา

:b32: :b32: :b32:

ส่วน..
เวทนา..ทั้งสาม...สุขเวทนา..ทุกขเวทนา..อทุกขมสุขเวทนา..ล้วนเป็นทุกข์ทั้งหมด...

อโสกะ....ไม่เห็นความแตกต่างจริงๆ..รึ?

สิ่งที่ถูกสร้าง...กับ...???


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 08:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สุขเวทนา..กับ..สุข...นี้..มันเป้นงัยรึ??

:b12:
มันเป็นอันเดียวกัน สภาวะเดียวกันคือสภาวะที่ทุกข์ดับไป เฉยดับไป

อันหนึ่งอธิบายในแง่เวทนา อันหนึ่งอธิบายในแง่ธัมมารมณ์


onion


วิตก..วิจารณ์..ปิติ..สุข..เอกัคคตา

:b32: :b32: :b32:

ส่วน..
เวทนา..ทั้งสาม...สุขเวทนา..ทุกขเวทนา..อทุกขมสุขเวทนา..ล้วนเป็นทุกข์ทั้งหมด...

อโสกะ....ไม่เห็นความแตกต่างจริงๆ..รึ?

สิ่งที่ถูกสร้าง...กับ...???

:b13:
ฌาณสุข ก็สุขเวทนา

แต่สุขที่แท้จริงไม่ใช่เวทนา มันเป็นความคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้จนหมดปฏิกิริยาที่จะทำให้เกิดกรรม ตัวอย่างเช่น นิพพานสุข บอกชื่อได้แต่ไม่สามารถอธิบายความหมายต้องสัมผัสรู้เอาเองที่ใจเจ้าของ

:b38:
สภาวะ "ปกติ" นี่ใกล้กับนิพพานสุขมากแต่มันไม่ถาวร
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สุขเวทนา..กับ..สุข...นี้..มันเป้นงัยรึ??

:b12:
มันเป็นอันเดียวกัน สภาวะเดียวกันคือสภาวะที่ทุกข์ดับไป เฉยดับไป

อันหนึ่งอธิบายในแง่เวทนา อันหนึ่งอธิบายในแง่ธัมมารมณ์


onion


วิตก..วิจารณ์..ปิติ..สุข..เอกัคคตา

:b32: :b32: :b32:

ส่วน..
เวทนา..ทั้งสาม...สุขเวทนา..ทุกขเวทนา..อทุกขมสุขเวทนา..ล้วนเป็นทุกข์ทั้งหมด...

อโสกะ....ไม่เห็นความแตกต่างจริงๆ..รึ?

สิ่งที่ถูกสร้าง...กับ...???

:b13:
ฌาณสุข ก็สุขเวทนา

แต่สุขที่แท้จริงไม่ใช่เวทนา มันเป็นความคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้จนหมดปฏิกิริยาที่จะทำให้เกิดกรรม ตัวอย่างเช่น นิพพานสุข บอกชื่อได้แต่ไม่สามารถอธิบายความหมายต้องสัมผัสรู้เอาเองที่ใจเจ้าของ

:b38:
สภาวะ "ปกติ" นี่ใกล้กับนิพพานสุขมากแต่มันไม่ถาวร
onion



นิพพานสุข ซึ่งเป็นสุขเหนือสุข ที่มิใช่สุขเวทนา แต่เป็นสุขที่ไม่มีผู้ใดเข้าไปเสวยสุขนั้น
นิพพานเป็น สันติสุข (ถ้ายังมีเวทนาด้วยก็ต้องมีผู้เสวย)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 20:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
สุขเวทนา..กับ..สุข...นี้..มันเป้นงัยรึ??

:b12:
มันเป็นอันเดียวกัน สภาวะเดียวกันคือสภาวะที่ทุกข์ดับไป เฉยดับไป

อันหนึ่งอธิบายในแง่เวทนา อันหนึ่งอธิบายในแง่ธัมมารมณ์


onion


วิตก..วิจารณ์..ปิติ..สุข..เอกัคคตา

:b32: :b32: :b32:

ส่วน..
เวทนา..ทั้งสาม...สุขเวทนา..ทุกขเวทนา..อทุกขมสุขเวทนา..ล้วนเป็นทุกข์ทั้งหมด...

อโสกะ....ไม่เห็นความแตกต่างจริงๆ..รึ?

สิ่งที่ถูกสร้าง...กับ...???


asoka เขียน:
:b13:
ฌาณสุข ก็สุขเวทนา

แต่สุขที่แท้จริงไม่ใช่เวทนา มันเป็นความคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้จนหมดปฏิกิริยาที่จะทำให้เกิดกรรม ตัวอย่างเช่น นิพพานสุข บอกชื่อได้แต่ไม่สามารถอธิบายความหมายต้องสัมผัสรู้เอาเองที่ใจเจ้าของ
:b38:
สภาวะ "ปกติ" นี่ใกล้กับนิพพานสุขมากแต่มันไม่ถาวร
onion


อโสกะ..ว่า...สุข..จากสมาธิ..ก็เป็นสุขเวทนา..

:b32: :b32:

อโสกะคราบ.....เวทนาเกิดจากผัสสะเป็นปัจจัย

สุข..จากสมาธิ...อะไร..ผัสสะ..อะไร..หรอ?

อิอิ..

เวทนา...เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น..ทั้ง..สุข..ทุกข์..อทุกขมสุข..

เวทนาจึงชื่อว่าเป็นทุกข์ทั้งสิ้น...

ปราโมทย์..ปีติ..ปัสสัทธิ...สุข..สงบ...
สุข..ตัวนี้..ไม่ได้ถูกสร้าง...ต่างจากเวทนา..

ถ้าอโสกะ...อยู่กับปัจจุบันจริง...จะต้องเห็นสิ่งที่ถูกสร้างนี้...เวทนาเป็นสิ่งที่ถูกสร้าง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2016, 20:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s006
กบสำคัญผิดแล้ว

ปีติ ปัสสัทธิ สุข อุเบกขา อย่าไปเข้าใจว่าเป็นผลของฌาณแล้วไม่ใช่เวทนา มันก็
คือเวทนาอยู่ดีนั่นแหละเพราะยังมีผู้เสวยอารมณ์

แต่การที่จิตเข้าถึงปกติโดยสมบูรณ์นั้นมันเป็นยิ่งกว่าสุข แต่สมมุติบัญญัติบอกได้แค่คำว่า "สุข"

เหมือนที่พูดกันว่า "นิพพานสุข" นิพพานสุขไม่ใช่เวทนา แต่เป็นความหมดปฏิกิริยาทั้งปวง สมมุติบัญญัติก็จะพูดได้แค่ว่า มันเป็นสุขยิ่งกว่าสุข
คนจะรู้จักสุขยิ่งกว่าสุขนี้ได้ต้องทำนิพพานให้แจ้งด้วยตัวเองจึงจะรู้จริงที่ใจตัวเอง


onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2016, 06:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s006
กบสำคัญผิดแล้ว

ปีติ ปัสสัทธิ สุข อุเบกขา อย่าไปเข้าใจว่าเป็นผลของฌาณแล้วไม่ใช่เวทนา
มันก็คือเวทนาอยู่ดีนั่นแหละเพราะยังมีผู้เสวยอารมณ์



onion


:b32: :b32: :b32:

เวทนา...เกิดจากผัสสะ...
จะสุขเวทนา..รึ..ทุกข์เวทนา....ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่สะสมมา..

ผัสสะ...สิ่งเดียวกัน..เวทนาของแต่และคนเกิดต่างกันได้...นี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่แสดงว่า..เวทนาเป็นสิ่งที่ถูกสร้าง...การจะสร้างไปในแบบไหน..ขึ้นอยู่กับการสะสมมาของแต่ละคน

ถ้าอโสกะ....อยู่กับปัจจุบันจริง...เมื่อผัสสะ...จะเห็นการก่อขึ้นของเวทนาของจิต...ชอบ..ไม่ชอบ...ตามเงื่อนไขของตน..แล้วจะเห็นเวทนาของกายที่แสดงออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นตอบสนองเวทนาของจิต..ต่อการชอบ..ไม่ชอบ....หน้าแดง...หูร้อน...คอแห้ง..ใจเต้น...เมื่อยตามข้อกระดูก..เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว..เป็นต้น

ถ้าสติหย่อนไม่ทันเห็นเวทนาของจิต...จะเห็นเวทนาของกายซึ่งหยาบกว่าก่อน...ดูดูกายไปจนสติดีขึ้น..ก็จะเห็นว่าเวทนาทางกายอย่างนี้เกิดจากเวทนาทางจิตอย่างไหน...ฝึกสติจึงขึ้นต้นด้วยการดูกาย

ไม่เหมือน...สุข..ที่มาจาก...ปราโมทย์..ปีติ...ปัสสัทธิ..สุข..สงบ
สุขตัวนี้...เป็นสากล..ไม่ว่าใครจะมีความเป็นมายังงัย...สะสมมาต่างกันอย่างไรก็ตาม..เมื่อมาพบสภาพธรรม..มี..ปราโมทย์..ปีติ..ปัสสัทธฺิ...แล้วย่อมพบ..สุข...เสมอกันไม่เว้น


การที่อโสกะ..กล่าวว่า...สุขจากสมาธิก็เป็นเวทนา..นั้น...มาจากความเข้าใจผิด..อย่างน้อย..สามประเด็น

1. อโสกะเข้าใจว่า..ความรู้สึกทั้งหมดเป็นเวทนา(ไปแปลเวทนาว่าเป็นความรู้สึก)...อโสกะจึงมักสรรเสริญ...ความไม่รู้สึก..การเฉยๆ..รึแม้แต่เข้าภวังค์

2. อโสกะเข้าใจผิดในอัตตา...เข้าใจว่าต้องไม่รู้สึก..หากรู้สึกได้ย่อมมีผู้เสวย..มีอัตตา..

3. อโสกะมีสติไม่ทันเห็นการก่อเกิดของเวทนาจากผัสสะ...ทั้งนี้ก็เพราะทิฏฐิที่เห็นว่า..ไม่รู้สึกจึงดี...ตั้งจิตใว้ผิด...จึงกั้นจิตตน..จึงไม่เห็นการเกิดของเวทนา..นี้ก็เพราะทิฏฐิที่ตั้งใว้ผิด..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 17:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
ปีติ ปัสสัทธิ สุข อุเบกขา เป็นเวทนาทางจิตโดยตรง
แล้วใครเป็นผู้เสวยอารมณ์เหล่านี้ล่ะกบ

ไม่มีผู้เสวยอารมณ์ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิด

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
ปีติ ปัสสัทธิ สุข อุเบกขา เป็นเวทนาทางจิตโดยตรง
แล้วใครเป็นผู้เสวยอารมณ์เหล่านี้ล่ะกบ

ไม่มีผู้เสวยอารมณ์ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เกิด

onion


นั่นๆ มีผู้เสพผู้เสวยอีก มิจฉาทิฏฐิแหง๋มๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านอโศก กลับมาที่จุดเริ่มเถอะขอรับ ท่านแล่นเลยไปสุดกู่แล้วล่ะ มองไม่เห็นฝุ่นแล้ว กลับมาๆ ก่อนที่จะสายเกินไป



อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นทีพึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 128 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร