วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

จะตั้งต้นก็ต้องตั้งต้นที่การมีปัญญา
เพราะพุทธะคือผู้รู้/ผู้ตื่น/ผู้เบิกบานใจ
สภาพธรรมปรากฏให้รู้ได้ตลอดเวลาเลยค่ะ
แต่ไม่เคยคิดได้ว่าทุกอย่างมีจริงที่ว่าจริงมันยังไง
ที่เกิด-ดับตามเหตุตามปัจจัยของแต่ละบุคคลมีแล้วที่ตัว
กำลังเกิด-ดับที่กำลังเห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสรู้กระทบสัมผัส
คิดนึกเรื่องราวรู้สึกสุขทุกข์เป็นเราทำทุกอย่างในชีวิตประจำวันค่ะ
ความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั้นเป็นจิตแต่ละ1ดวงกำลังรับผล
คือมีวิบากกรรมที่ทำให้จิตทุกดวงที่กำลังมีนี้แหละไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน
แล้วเป็นอะไรรู้ไหมคะทรงแสดงไว้ละเอียดอย่างยิ่งว่าที่กำลังมีจริงๆแล้วนั้น
เป็นจิตแต่ละดวงคิดนึกท่องเที่ยวทางทวารทั้ง6แล้วจำผิดว่าเป็นตัวตนรับรู้ทุกสิ่ง
ที่เข้าใจผิดว่ามีคนมีชื่อมีเรื่องราวแต่ความละเอียดคือไม่มีอะไรเลยนอกจากจิตจริงๆ
ทุกอย่างมีแล้วที่กำลังปรากฏว่ากำลังเห็นตอนไม่ง่วงไม่หลับเป็นจิเจรุนิคือละเอียดมาก
รู้ได้ยากต้องอาศัยการฟังแล้วคิดตามก่อนว่ากำลังมีความจริงอะไรบ้างให้รู้ได้ตอนฟังน่ะค่ะ


อ้างคำพูด:
จะตั้งต้นก็ต้องตั้งต้นที่การมีปัญญา
เพราะพุทธะคือผู้รู้/ผู้ตื่น/ผู้เบิกบานใจ


พูดเหมือนสั่งได้ :b14:

คุณโรส เอาชัดๆฉบับกระเป๋าสิครับ ทำยังไงให้มีปัญญา หนึง สอง สาม

...คิดตามนะคะข้าพเจ้าเขียนว่าอะไร...1ฟัง2มีความเห็นตอนฟัง3รู้และเข้าใจตอนกำลังฟังเท่านั้น...
...วิธีฟังยังไง...เปิดคลิปเสียงบ้านธัมมะ...ให้หูได้ยินเสียงชัดๆ...เข้าใจสะสมสัมมาทิฐิคือปัญญาแล้ว...
...ปัญญาเกิดจากการฟังสะสมได้ทีละ1ขณะค่ะ...ไม่ใช่อ่านแล้วจำทั้งหมดคิดว่าเป็นปัญญาแล้วไม่ใช่น๊า...
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
...ลองฟังคลิปนี้ดูนะคะ...ขณะกำลังฟังก็มีขณิกสมาธิในการฟังแล้วด้วยค่ะ...
...เข้าใจทุกอย่างตามปกติก็คือมีศีลแล้วด้วย...ขณะกำลังฟังวอกแวก...
...คิดเรื่องอื่น...ไม่เข้าใจสิ่งที่ฟังก็กำลังสะสมอกุศลจิตไปแล้วค่ะ...
...ส่วนขณะที่กำลังเข้าใจ...1ขณะนั้นเองก็สะสมปัญญาแล้ว...
...กำลังฟังทำเหตุดีตามดูปัจจัยที่จิตตนเองกำลังมี...
...ว่ามีความเป็นลิงมากแค่ไหนมันตั้งใจฟังไหม...
...พึ่งคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้ตน
...ได้เข้าใจจิตตนไปตามเหตุตามปัจจัยว่า...
...แต่ละ1ขณะกำลังสะสมกุศลหรืออกุศล...
...รู้ให้ชัดๆเพื่อรู้จักกิเลสตนเองก่อนค่ะ...
https://www.youtube.com/watch?v=0v_FTmgLEVE
:b12:
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 02 มิ.ย. 2016, 14:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ดูตามรูปแล้ว เหมือนปฏิเสธกรรมฐานสี่สิบว่า ไม่ใช่แนวทางแห่งพุทธศาสนา


กรรมฐานสี่สิบเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา

- หมวดกสิน ๑๐ หมวดอรูปฌาณ ๔
เป็นการทำสมาธิโดยการเพ่งดู ไม่คิด ไม่พิจารณา คือไม่ใช้ปัญญา เรียกว่าสมถะ

- หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐ อนุสสติกรรมฐาน ๑๐ หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา
หมวดจตุธาตุววัฏฐาน หมวดพรหมวิหาร ๔
เป็นหมวดที่ใช้การคิด การพิจารณา การใช้ปัญญาแยกแยะ เรียกว่าวิปัสสนา

อย่าลืมว่า การพิจารณาจตุธาตุววัฏฐานและอสุภะกรรมฐานนั้น ตัดความยึดมั่นในกายและตัณหาราคะได้
ผู้ที่ปฏิบัติได้ดังกล่าว ย่อมเข้าถึงพระอริยะบุคคล ขั้นพระโสดาบันและพระอนาคามี ..

สติปัฏฐานสี่เป็นทางเอกจริง แต่คนเราจริตนิสสัยไม่เหมือนกัน เหตุนั้นพระองค์จึงแสดง
ธรรมไว้ถึง ๘๔๐๐๐ กอง ให้เหมาะกับจริตของคน ธรรมทุกหมวดที่พระองค์ตรัสไว้ ย่อมไหลไปสู่
มรรค ผล พระนิพพานทั้งสิ้น ..

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
รูปภาพ


ดูตามรูปแล้ว เหมือนปฏิเสธกรรมฐานสี่สิบว่า ไม่ใช่แนวทางแห่งพุทธศาสนา


กรรมฐานสี่สิบเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา

- หมวดกสิน ๑๐ หมวดอรูปฌาณ ๔
เป็นการทำสมาธิโดยการเพ่งดู ไม่คิด ไม่พิจารณา คือไม่ใช้ปัญญา เรียกว่าสมถะ

- หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐ อนุสสติกรรมฐาน ๑๐ หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา
หมวดจตุธาตุววัฏฐาน หมวดพรหมวิหาร ๔
เป็นหมวดที่ใช้การคิด การพิจารณา การใช้ปัญญาแยกแยะ เรียกว่าวิปัสสนา

อย่าลืมว่า การพิจารณาจตุธาตุววัฏฐานและอสุภะกรรมฐานนั้น ตัดความยึดมั่นในกายและตัณหาราคะได้
ผู้ที่ปฏิบัติได้ดังกล่าว ย่อมเข้าถึงพระอริยะบุคคล ขั้นพระโสดาบันและพระอนาคามี ..

สติปัฏฐานสี่เป็นทางเอกจริง แต่คนเราจริตนิสสัยไม่เหมือนกัน เหตุนั้นพระองค์จึงแสดง
ธรรมไว้ถึง ๘๔๐๐๐ กอง ให้เหมาะกับจริตของคน ธรรมทุกหมวดที่พระองค์ตรัสไว้ ย่อมไหลไปสู่
มรรค ผล พระนิพพานทั้งสิ้น ..

:b1:

Kiss
ข้าพเจ้าพิจารณาเห็นว่าแผนภาพแสดงตัวอักษรที่แยกเป็น2ฝั่งคือซ้ายและขวา
ฝั่งซ้ายพระอริยบุคคลแล้วเท่านั้นที่สามารถรวมทั้งซ้าย-ขวาแล้วปัญญาเจริญขึ้น
ในทางกลับกันหากเป็นปุถุชนเจริญขึ้นแต่ฝั่งขวาไม่มีฝั่งซ้ายไม่เกิดปัญญาเลยค่ะ
คุณวิริยะต้องเข้าใจนะคะว่าพระอริยบุคคลที่ฝึกจิตจนชำนาญในการเข้าฌานน่ะดี
เพราะปัญญาไม่เสื่อมถอยกลับไปกลายเป็นปุถุชนได้ไม่มีโมหะมีพื้นฐานเป็นกุศล
สำหรับผู้ที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลสเจริญฝั่งขวาแต่ฝั่งซ้ายไม่รู้เลยมีแต่ความหลงผิด
เป็นทางแห่งความเสื่อมถอยมีภพชาติตกต่ำเป็นธรรมดาที่หลงยึดถือในความไม่มี
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 17:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




cats.jpg
cats.jpg [ 46.52 KiB | เปิดดู 1751 ครั้ง ]
คุณวิริยะลองคิดให้ดีๆนะ ลดมานะและทิฏฐิที่มีอยู่ก่อนลงมาหน่อย แล้วค่อย ๆ พิจารณาตาม
ที่นี้จะพูดฝั่งขวามือบ้าง คือสมถะกรรมฐาน ที่มีกรรมฐาน ๔๐ ซึ่งมีต้นทางว่างั้นเถอะเป็นอารมณ์
ปลายทาง จะมีรูปภูมิ ๑๖ และอรูป ๔ ในสมถะกรรมฐานนี้ ซึ่งจะมีมาแล้วในศาสนาอื่นๆ และก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดเสียอีก เช่น พระพุทธเจ้าตอนที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ยังได้ไปร่ำเรียน กับอาจารย์
อุทกดาบส กับอาจารย์อาฬารดาบส จนได้สำเร็จวิชานี้ แต่พระโพธิสัตว์ตรวจสอบแล้วว่าหนทางนี้
ไม่ใช่เป็นหนทางที่หลุดพ้น ท่านจึงได้ล่ำลาอาจารย์ทั้งสองเพื่อค้นหาอาจารย์ใหม่อีก
ที่จะสอนถึงความหลุดพ้น เพราะมีเข้าใจว่า เมื่อมีความเกิด ความไม่เกิดอีก ย่อมมีแน่นอน
จึงมุ่งหน้าหาโมกขธรรมต่อไป จนถึงกับได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้า คงจะพอเห็นลาง ๆ แล้วนะ
ว่ามันไม่ใช่หนทางหลุดพ้นจริง

ดังนั้นลองมาตั้งคุยกันใหม่ คงเคยได้ยินนะว่าสมาธิเป็นบาทฐานของวิปัสสนา สามธิก็คือสมถะ
สมถะ ผลที่ได้รับก็คือฌาน ๔ ฌาน ๘ ที่ไปเกิดในรูปภูมิ และในอรูปภูมิใช่หรือไม่? ฉะนั้นท่านก็สอนผู้ที่ได้
ฌาน ๔ ถึงฌาน ๘ นี้ ที่ได้นี้ให้เอาพิจารณาดูกิเลสที่ละที่เหลือ คือเอามาเป็นบาทฐานของวิปัสสนานั่นเอง
สำหรับผู้ที่ได้ฌาน ให้เอาฌานมาพิจารณาให้เกิดมรรค ผล นิพพานมันจะง่ายและสะดวกขึ้น
เพราะกิเลสและนิวรณ์ถูกละไป ๕ ตัวแล้ว จริงไหม ? ผู้ที่เป็นปุถุชนที่ได้ฌานแล้วตายไปย่อมเกิด
ในรูปพรหม ย่อมเอาฌานที่ตนได้มาเจริญวิปัสสนาพิจารณาองค์ฌาน ย่อมได้เป็นพระโสดา พระสกทาคามี
พระอนาคามี จนถึงพระอรหันต์ ก็ย่อมทำได้ โดยที่ไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
เรียกว่าสำเร็จในชั้นพรหมกันเลยเดียว

สว่นปุถุชนที่ได้ฌาน ๕ ถึง ๘ ย่อมไปเกิดในในอรูปพรหม เขาเหล่านั้นจะหมดสิทธิที่จะบรรลุธรรมชั้นสูงได้
เช่น อุทกดาบส และอาฬารดาบส เป็นต้น เพราะเขาไม่มีหูที่จะฟังธรรม พระพุทธเจ้าจะไปโปรดก็ไม่ได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2016, 20:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
...สวัสดีค่ะคุณกบ...แล้วคุณกบคิดว่าเราและคนที่เข้ามาอ่านลานธรรมจักร...
...ทำบุญร่วมชาติมารึเปล่าล่ะคะ...ข้าพเจ้าเคยชอบฟังและร้องตามเสียงเพลง...
...สำหรับการฟังธรรมเป็นความรู้ที่คอยกล่อมเกลาให้จิตใจคิดอยู่ในกรอบความดี...
...แต่เสียงทุกเสียงเป็นเสียงที่ต้องเกิดและการจะได้ยินเสียงนั้นๆหรือไม่ขึ้นกับเหตุปัจจัย...
...ส่วนเสียงไหนล่ะที่เป็นเสียงที่ทำให้มีความเห็นตรงต่อความจริงที่กำลังรู้ชัดในคำสอนจริงๆ...
...จะฟังเสียงไหนก็ขึ้นกับเหตุปัจจัยไม่ขึ้นกับความชอบหรอกค่ะขึ้นกับความมุ่งมั่นจริงจังมากกว่า...
...สำหรับเหตุผลข้อสุดท้ายที่ข้าพเจ้าเลือกตัดการฟังทั้งหมดออกไปเหลือแต่เสียงที่เกิดความจริง...
...ไม่ได้ฟังเพราะชอบฟังอีกต่อไปเป็นเหตุผลเดียวจริงๆที่ฟังพระพุทธพจน์ให้เข้าใจจิตแท้จริงค่ะ...
onion onion onion


ตอนฟังธรรมะดีดี..เหมือนนิพพานอยู่แค่เอื้อม...
บางที..ก็คิดว่า..เราก็เก่งนี้นา..

555... :b12: :b12: :b12:

ฉันทะ....ฉันทะ...
เป็นสิ่งเริ่มต้นที่ดี..มากมาก.. :b16:

แต่ก็ยังมีอะไรรอเราอีกเยอะ...ข้างนอกนั้นนะ..
สุข..ทุกข์..ล้มลุกคลุกคลาน..น้ำตานองหน้า...หวานอมข่มกลืน...ไม่ได้อย่างที่หวัง..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 03:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss Kiss Kiss

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร