วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 22:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 246 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2016, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



ความลังเลสงสัยเป็นกิเลสไหมคะตรงกับคุณกรัชกายกำลังมีไหมคะ
:b1:
คนหรือมนุษย์เหมือนกันเลย...ถ้ายังมีกิเลสยังไม่บรรลุธรรมขั้นใดเลยก็คือปุถุชน
:b16:
คนหรือมนุษย์เหมือนกันถ้าบรรลุธรรมรู้ว่าไม่มีตัวตนย่อมมีกิเลสน้อยกว่าปุถุชนค่ะ
:b9:
คิดว่าพอจะแยกความต่างกันให้อ่านแล้วเข้าใจได้ต่างกันไหมคะสงสัยเป็นอกุศลน๊า



ดังว่านั่น กรัชกายสรุปยังงี้ เช่น เรียกว่า คน ก็ดี มนุษย์ ก็ดี แม้แต่คำพูดที่ว่า คนมีกิเลส (= ปุถุชน) มนุษย์มีกิเลส (= มมุษย์ปุถุชน) เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันโดยพยัญชนะ ถูกมั้ยครับ

ความหมายของคำที่นำไปใช้ก็แตกต่างตามความหมายของคำขยายความร่วมด้วยค่ะ
เช่นถ้าสำหรับการนำไปใช้นับจำนวนก็ได้ว่ามนุษย์เรียกว่า1คนไม่ใช่1มนุษย์หรือ1ตัว
และถ้าเอาไปแทนชื่อก็บอกว่าคนนี้คนโน้นคนนู้นคนนั้นก็เป็นคนละคนกันแยกคน
และถ้าบอกว่าคนนี้ดีคนนั้นร้ายคนนั้นหัวเสียคนโน้นหัวเราะก็แสดงถึงกิริยา
คุณกรัชกายคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของคำที่คิดเนี่ยหลากหลายไหม
ถ้าเป็นคำของพระพุทธเจ้าตรงๆไม่เปลี่ยนความหมายค่ะตรงมาก
คุณกรัชกายลองพิจารณาคำว่าจิตกับใจดูสิว่าต่างกันไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



จะออกแนวๆ คนบ้า เรียกคน คนไม่บ้า เรียกบุคคลมั้ยน้อ แต่เอาเถอะข้ามประเด็นนี้ไป

แล้วที่คุณโรสว่า การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ได้โดยยาก ยากยังไงอ่ะ

อ้างคำพูด:
คำว่าจิต กับ ใจ ดูสิว่าต่างกันไหมคะ


จิต -ใจ มีศัพท์ที่ใช้แทนกันได้ ทางธรรมเรียกว่าเป็นไวพจน์กัน (แต่ไม่ใช่ไวพจน์ นักร้อง อย่างโฮฮับว่านะ) มี 4-5 ศัพท์ด้วยกัน เอาเท่าที่พอนึกได้ตอนนี้นะครับ

จิต ใจ วิญญาณ มโน มนะ หทัย มานัส ใช้ตัวไหนก็ได้ ความหมายเดียวกัน

ที่บ้านเราใช้กันบ่อย จิต ใจ หรือเรียกควบกันว่า จิตใจ ส่วนวิญญาณใช้ในความหมายที่น่ากลัว (หมายถึงผี) หรือวิญญาณที่ล่องลอยไปไหนต่อไหน ไป

คุณโรสล่ะว่าไง จิต ใจ ต่างกันไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2016, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



ความลังเลสงสัยเป็นกิเลสไหมคะตรงกับคุณกรัชกายกำลังมีไหมคะ
:b1:
คนหรือมนุษย์เหมือนกันเลย...ถ้ายังมีกิเลสยังไม่บรรลุธรรมขั้นใดเลยก็คือปุถุชน
:b16:
คนหรือมนุษย์เหมือนกันถ้าบรรลุธรรมรู้ว่าไม่มีตัวตนย่อมมีกิเลสน้อยกว่าปุถุชนค่ะ
:b9:
คิดว่าพอจะแยกความต่างกันให้อ่านแล้วเข้าใจได้ต่างกันไหมคะสงสัยเป็นอกุศลน๊า



ดังว่านั่น กรัชกายสรุปยังงี้ เช่น เรียกว่า คน ก็ดี มนุษย์ ก็ดี แม้แต่คำพูดที่ว่า คนมีกิเลส (= ปุถุชน) มนุษย์มีกิเลส (= มมุษย์ปุถุชน) เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันโดยพยัญชนะ ถูกมั้ยครับ

ความหมายของคำที่นำไปใช้ก็แตกต่างตามความหมายของคำขยายความร่วมด้วยค่ะ
เช่นถ้าสำหรับการนำไปใช้นับจำนวนก็ได้ว่ามนุษย์เรียกว่า1คนไม่ใช่1มนุษย์หรือ1ตัว
และถ้าเอาไปแทนชื่อก็บอกว่าคนนี้คนโน้นคนนู้นคนนั้นก็เป็นคนละคนกันแยกคน
และถ้าบอกว่าคนนี้ดีคนนั้นร้ายคนนั้นหัวเสียคนโน้นหัวเราะก็แสดงถึงกิริยา
คุณกรัชกายคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของคำที่คิดเนี่ยหลากหลายไหม
ถ้าเป็นคำของพระพุทธเจ้าตรงๆไม่เปลี่ยนความหมายค่ะตรงมาก
คุณกรัชกายลองพิจารณาคำว่าจิตกับใจดูสิว่าต่างกันไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



จะออกแนวๆ คนบ้า เรียกคน คนไม่บ้า เรียกบุคคลมั้ยน้อ แต่เอาเถอะข้ามประเด็นนี้ไป

แล้วที่คุณโรสว่า การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ได้โดยยาก ยากยังไงอ่ะ

อ้างคำพูด:
คำว่าจิต กับ ใจ ดูสิว่าต่างกันไหมคะ


จิต -ใจ มีศัพท์ที่ใช้แทนกันได้ ทางธรรมเรียกว่าเป็นไวพจน์กัน (แต่ไม่ใช่ไวพจน์ นักร้อง อย่างโฮฮับว่านะ) มี 4-5 ศัพท์ด้วยกัน เอาเท่าที่พอนึกได้ตอนนี้นะครับ

จิต ใจ วิญญาณ มโน มนะ หทัย มานัส ใช้ตัวไหนก็ได้ ความหมายเดียวกัน

ที่บ้านเราใช้กันบ่อย จิต ใจ หรือเรียกควบกันว่า จิตใจ ส่วนวิญญาณใช้ในความหมายที่น่ากลัว (หมายถึงผี) หรือวิญญาณที่ล่องลอยไปไหนต่อไหน ไป

คุณโรสล่ะว่าไง จิต ใจ ต่างกันไหม

Kiss
:b32:
คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้นิยามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจิตวิปลาศเลยหรือคะ
ข้าพเจ้าพยายามขยายความเพื่อให้รู้ให้เข้าใจนำมาสู่การสนทนาธรรมอ่ะ
คุณกรัชกายไม่หยั่งรู้หรือว่าข้าพเจ้าจะสื่อสารอะไรให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆน่ะ
ทุกอย่างเป็นธัมมะและเป็นอนัตตาคุณกรัชกายเห็นตัวอักษรชัดเจนคำว่าจิต
พระพุทธเจ้าให้นิยามว่าจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นประธานในการรู้อารมณ์
ใจถ้าพูดว่าใจดีเป็นกุศลใจร้ายเป็นอกุศลดังนั้นใจจึงเป็นสภาพรู้แต่ไม่ใช่จิต
ดังนั้นถ้าบอกว่าคุณกรัชกายจิตใจโหดร้ายจึงอกุศลจิต(จิต+อกุศลเจตสิก+รูป)
:b16:
ภาษาบาลีสันสกฤตถูกนำมาใช้ในภาษาไทยแต่ตีความไม่ตรงต้นฉบับ
เวลาคนไทยพูดคุยกันตามปกติจึงจำคำพูดที่เพี้ยนไม่ตรงของจริง
ซึ่งทำให้ตีความพระพุทธพจน์โดยอ่านพระไตรปิฏกก็จริงอยู่
ในการใช้คำทับศัพท์แต่ไม่เข้าใจความหมายเพราะคิดเอง
ดังนั้นควรศึกษาโดยความเข้าใจตามรากศัพท์ดั้งเดิม
และจำเป็นต้องรอบคอบในการอ่านควรปรึกษาผู้รู้
ถ้าขอคำแนะนำก็แนะนำให้ศึกษาบ้านธัมมะชัดมาก
จะให้ชัดเจนไปสนทนากับอ.สุจินต์โดยตรงก็ดีค่ะ
จะได้เข้าใจว่าปัญญารู้ชัดเป็นอย่างไรพิสูจน์ได้
:b12:
:b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2016, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ถามว่า...การเกิดเป็นคนหรือมนุษย์เนี่ยได้โดยยากยังไง
ตอบว่า...ปะทะปะระมัตคือคนประเภทสุดท้ายที่สอนยาก
:b32:
ทุกคนเลยถ้ายังไม่รู้จักจิตใจตนเองว่ามีกิเลสแบบไหนบ้าง
ตายแล้วก็เกิดนับชาติไม่ถ้วนไปแบบไม่รู้ตัวไม่ปิดอบายภูมิ
จิต+เจตสิก+รูปมีการเกิด-ดับไม่ขาดสายแค่กะพริบตาก็เกิด
ก็ทุกขณะที่กำลังเห็นถ้ายังเป็นเราเห็นเป็นอกุศลก็สะสมกิเลส
ถ้าเข้าใจคำสอนแบบค่อยๆสะสมจากการฟังไปทีละน้อยดีที่สุด
เข้าใจไหมคะว่าขณะนี้ทุกอย่างดับไปหมดแล้วแต่หลงคิดว่ามีอยู่
จะละคลายลงได้ต้องค่อยๆรู้ค่อยๆเข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร
https://m.youtube.com/watch?v=fkadMxzWeec
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 00:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตายังไงลองฟังดูค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=dPa99L5Kvqc
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ขออนุญาตแทรกนิดหนึ่งนะครับ เรื่องจิตกับใจนี่กรัชกายรู้และเข้าใจโดยตีรวามจากตัวหนังสือในตำรา ไม่เคยภาวนาพิสูจน์ว่าทำไมหนอท่านจึงต้องบัญญัติสภาวธรรมเดียวกันออกเป็นตั้งหลายชื่อ จิต ใจ มโน วิญญาณ

ที่เขาแยกบัญยัติอย่างนั้นก็เพื่อชี้ชัดรายละเอียดปลีกย่อยในการทำงานของสภาวะธรรมอันนี้

ตอนที่เป็นจิตเป็นวิญญาณนั้นเขาจะทำหน้าที่ รู้ เฉยๆ ที่ว่า จิตเป็นธรรมชาติ รู้
มันเป็นนามธรรมล้วนๆเหมือนเป็นเรื่องพลังงานล้วนๆ

ส่วนตอนที่เป็นใจ มโน นั้นมันไปเกี่ยวกับหทัยวัตถุซึ่งเป็นที่รับรู้ทางด้านวัตถุ รูปธรรม หทัยวัตถุเป็นที่เกิดจิตนามธรรม เป็นที่รับความรู้สึกต่อจากจิตรู้ แล้วเอาไปเป็นเหตุปรุงแต่งต่อกลายเป็นเวทนา ยินดี ยินร้าย เฉยๆ เกิดมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมต่อเนื่องกันไปทางรูปธรรมตามลำดับ โดยเริ่มต้นจากจิตที่เป็นนามธรรม

เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่ลงมือภาวนาสังเกตสภาวธรรมจริงๆจะแจกแจงไม่ออกบอกไม่ถูกหรอกครับกรัชกาย มันก็เลยไปได้คำตอบแต่เฉพาะตามตัวหนังสือนั่นไงครับ
คำตอบตามตำราและตัวหนังสือมันที่อๆแข็งๆห้วนๆ ไม่หวานชื่นละมุนละไมลึกซึ้งเหมือนคำตอบจากผลการปฏิบัติจริงหรอกนะครับ

ครูที่สอนโดยจำตำราลอกตำรามาสอน มันฟังแล้วไม่ซาบซึ้งประทับใจเหมือนครูที่รู้จริงทำได้จริงปฏิจริงมาแล้วมาสอน รสชาดมันต่างกันเยอะเลย กรัชกายเคยรู้ซึ้งในเรื่องแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ

อนุโมทนากับสติปัญญาของคุณโรส
สนุกไปกับข้อโต้เถียงแบบกอดคำราของคุณกรัชกาย
ขอให้เจริญสุขเจริญธรรม ปิดประตูอบายได้ทันทั้งสองท่านพร้อมกับผู้ฟังผู้อ่านกระทู้ทุกคนด้วยครับ
สาธุ
:b8:
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 10:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



ความลังเลสงสัยเป็นกิเลสไหมคะตรงกับคุณกรัชกายกำลังมีไหมคะ
:b1:
คนหรือมนุษย์เหมือนกันเลย...ถ้ายังมีกิเลสยังไม่บรรลุธรรมขั้นใดเลยก็คือปุถุชน
:b16:
คนหรือมนุษย์เหมือนกันถ้าบรรลุธรรมรู้ว่าไม่มีตัวตนย่อมมีกิเลสน้อยกว่าปุถุชนค่ะ
:b9:
คิดว่าพอจะแยกความต่างกันให้อ่านแล้วเข้าใจได้ต่างกันไหมคะสงสัยเป็นอกุศลน๊า



ดังว่านั่น กรัชกายสรุปยังงี้ เช่น เรียกว่า คน ก็ดี มนุษย์ ก็ดี แม้แต่คำพูดที่ว่า คนมีกิเลส (= ปุถุชน) มนุษย์มีกิเลส (= มมุษย์ปุถุชน) เหมือนกันโดยอรรถ ต่างกันโดยพยัญชนะ ถูกมั้ยครับ

ความหมายของคำที่นำไปใช้ก็แตกต่างตามความหมายของคำขยายความร่วมด้วยค่ะ
เช่นถ้าสำหรับการนำไปใช้นับจำนวนก็ได้ว่ามนุษย์เรียกว่า1คนไม่ใช่1มนุษย์หรือ1ตัว
และถ้าเอาไปแทนชื่อก็บอกว่าคนนี้คนโน้นคนนู้นคนนั้นก็เป็นคนละคนกันแยกคน
และถ้าบอกว่าคนนี้ดีคนนั้นร้ายคนนั้นหัวเสียคนโน้นหัวเราะก็แสดงถึงกิริยา
คุณกรัชกายคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของคำที่คิดเนี่ยหลากหลายไหม
ถ้าเป็นคำของพระพุทธเจ้าตรงๆไม่เปลี่ยนความหมายค่ะตรงมาก
คุณกรัชกายลองพิจารณาคำว่าจิตกับใจดูสิว่าต่างกันไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:



จะออกแนวๆ คนบ้า เรียกคน คนไม่บ้า เรียกบุคคลมั้ยน้อ แต่เอาเถอะข้ามประเด็นนี้ไป

แล้วที่คุณโรสว่า การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ได้โดยยาก ยากยังไงอ่ะ

อ้างคำพูด:
คำว่าจิต กับ ใจ ดูสิว่าต่างกันไหมคะ


จิต -ใจ มีศัพท์ที่ใช้แทนกันได้ ทางธรรมเรียกว่าเป็นไวพจน์กัน (แต่ไม่ใช่ไวพจน์ นักร้อง อย่างโฮฮับว่านะ) มี 4-5 ศัพท์ด้วยกัน เอาเท่าที่พอนึกได้ตอนนี้นะครับ

จิต ใจ วิญญาณ มโน มนะ หทัย มานัส ใช้ตัวไหนก็ได้ ความหมายเดียวกัน

ที่บ้านเราใช้กันบ่อย จิต ใจ หรือเรียกควบกันว่า จิตใจ ส่วนวิญญาณใช้ในความหมายที่น่ากลัว (หมายถึงผี) หรือวิญญาณที่ล่องลอยไปไหนต่อไหน ไป

คุณโรสล่ะว่าไง จิต ใจ ต่างกันไหม

Kiss
:b32:
คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้นิยามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจิตวิปลาศเลยหรือคะ
ข้าพเจ้าพยายามขยายความเพื่อให้รู้ให้เข้าใจนำมาสู่การสนทนาธรรมอ่ะ
คุณกรัชกายไม่หยั่งรู้หรือว่าข้าพเจ้าจะสื่อสารอะไรให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆน่ะ
ทุกอย่างเป็นธัมมะและเป็นอนัตตาคุณกรัชกายเห็นตัวอักษรชัดเจนคำว่าจิต
พระพุทธเจ้าให้นิยามว่าจิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นประธานในการรู้อารมณ์
ใจถ้าพูดว่าใจดีเป็นกุศลใจร้ายเป็นอกุศลดังนั้นใจจึงเป็นสภาพรู้แต่ไม่ใช่จิต
ดังนั้นถ้าบอกว่าคุณกรัชกายจิตใจโหดร้ายจึงอกุศลจิต(จิต+อกุศลเจตสิก+รูป)
:b16:
ภาษาบาลีสันสกฤตถูกนำมาใช้ในภาษาไทยแต่ตีความไม่ตรงต้นฉบับ
เวลาคนไทยพูดคุยกันตามปกติจึงจำคำพูดที่เพี้ยนไม่ตรงของจริง
ซึ่งทำให้ตีความพระพุทธพจน์โดยอ่านพระไตรปิฏกก็จริงอยู่
ในการใช้คำทับศัพท์แต่ไม่เข้าใจความหมายเพราะคิดเอง
ดังนั้นควรศึกษาโดยความเข้าใจตามรากศัพท์ดั้งเดิม
และจำเป็นต้องรอบคอบในการอ่านควรปรึกษาผู้รู้
ถ้าขอคำแนะนำก็แนะนำให้ศึกษาบ้านธัมมะชัดมาก
จะให้ชัดเจนไปสนทนากับอ.สุจินต์โดยตรงก็ดีค่ะ
จะได้เข้าใจว่าปัญญารู้ชัดเป็นอย่างไรพิสูจน์ได้
:b12:
:b55: :b55:


ทุกที ถามอย่างตอบอย่าง

จิต กับ ใจ เหมือนกันหรือต่างกัน เอาชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ขออนุญาตแทรกนิดหนึ่งนะครับ เรื่องจิตกับใจนี่กรัชกายรู้และเข้าใจโดยตีรวามจากตัวหนังสือในตำรา ไม่เคยภาวนาพิสูจน์ว่าทำไมหนอท่านจึงต้องบัญญัติสภาวธรรมเดียวกันออกเป็นตั้งหลายชื่อ จิต ใจ มโน วิญญาณ

ที่เขาแยกบัญยัติอย่างนั้นก็เพื่อชี้ชัดรายละเอียดปลีกย่อยในการทำงานของสภาวะธรรมอันนี้

ตอนที่เป็นจิตเป็นวิญญาณนั้นเขาจะทำหน้าที่ รู้ เฉยๆ ที่ว่า จิตเป็นธรรมชาติ รู้
มันเป็นนามธรรมล้วนๆเหมือนเป็นเรื่องพลังงานล้วนๆ

ส่วนตอนที่เป็นใจ มโน นั้นมันไปเกี่ยวกับหทัยวัตถุซึ่งเป็นที่รับรู้ทางด้านวัตถุ รูปธรรม หทัยวัตถุเป็นที่เกิดจิตนามธรรม เป็นที่รับความรู้สึกต่อจากจิตรู้ แล้วเอาไปเป็นเหตุปรุงแต่งต่อกลายเป็นเวทนา ยินดี ยินร้าย เฉยๆ เกิดมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมต่อเนื่องกันไปทางรูปธรรมตามลำดับ โดยเริ่มต้นจากจิตที่เป็นนามธรรม

เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่ลงมือภาวนาสังเกตสภาวธรรมจริงๆจะแจกแจงไม่ออกบอกไม่ถูกหรอกครับกรัชกาย มันก็เลยไปได้คำตอบแต่เฉพาะตามตัวหนังสือนั่นไงครับ
คำตอบตามตำราและตัวหนังสือมันที่อๆแข็งๆห้วนๆ ไม่หวานชื่นละมุนละไมลึกซึ้งเหมือนคำตอบจากผลการปฏิบัติจริงหรอกนะครับ

ครูที่สอนโดยจำตำราลอกตำรามาสอน มันฟังแล้วไม่ซาบซึ้งประทับใจเหมือนครูที่รู้จริงทำได้จริงปฏิจริงมาแล้วมาสอน รสชาดมันต่างกันเยอะเลย กรัชกายเคยรู้ซึ้งในเรื่องแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ

อนุโมทนากับสติปัญญาของคุณโรส
สนุกไปกับข้อโต้เถียงแบบกอดคำราของคุณกรัชกาย
ขอให้เจริญสุขเจริญธรรม ปิดประตูอบายได้ทันทั้งสองท่านพร้อมกับผู้ฟังผู้อ่านกระทู้ทุกคนด้วยครับ
สาธุ
:b8:
smiley


อ้างคำพูด:
สนุกไปกับข้อโต้เถียงแบบกอดคำราของคุณกรัชกาย


ทั้งอโศก ทั้งคุณโรส ไม่มีอะไรกอด คือ ไม่มีทั้งตำรา คือปริยัติ ไม่มีทั้งปฏิบัติ คือลงมือทำ เห็นแต่มั่วๆไปตามอารมณ์ พูดเองเออเอง จำเออ คิกๆๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 10:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นพูดบ่อย ถามคุณโรสอีกที เจตสิก นี่มันอะไรครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นพูดบ่อย ถามคุณโรสอีกที เจตสิก นี่มันอะไรครับ

Kiss
:b12:
ศึกษามาเยอะแล้วก็ยังสงสัยโน่นนี่นั่นกำลังมีอกุศลจิตก็ไม่รู้
บอกแล้วเรียงลำดับทวารทั้งหกว่าแต่ละขณะทวารไหนปรากฎบ้าง
รู้ของตัวเองนะคุณกรัชกาบให้ทันตอนกำลังมีทวารนั้นกำลังปรากฏให้รู้
ได้รึเปล่าคะถ้าไม่ได้นะคะก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจตสิกคืออะไรดูจากความจริงที่มี
ถ้าอยากรู้ที่อ่านเป็นตัวหนังสือก็ไปนั่งท่องสิว่าเจตสิกมี52ประเภทแต่ไม่รู้ที่ตนมีตอนไหน
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นพูดบ่อย ถามคุณโรสอีกที เจตสิก นี่มันอะไรครับ

Kiss
:b12:
ศึกษามาเยอะแล้วก็ยังสงสัยโน่นนี่นั่นกำลังมีอกุศลจิตก็ไม่รู้
บอกแล้วเรียงลำดับทวารทั้งหกว่าแต่ละขณะทวารไหนปรากฎบ้าง
รู้ของตัวเองนะคุณกรัชกาบให้ทันตอนกำลังมีทวารนั้นกำลังปรากฏให้รู้
ได้รึเปล่าคะถ้าไม่ได้นะคะก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจตสิกคืออะไรดูจากความจริงที่มี
ถ้าอยากรู้ที่อ่านเป็นตัวหนังสือก็ไปนั่งท่องสิว่าเจตสิกมี52ประเภทแต่ไม่รู้ที่ตนมีตอนไหน
:b32: :b32:


ถามอย่างตอบอย่างอีก

ถามว่า เจตสิก น่ามันอะไร คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 12:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นพูดบ่อย ถามคุณโรสอีกที เจตสิก นี่มันอะไรครับ

Kiss
:b12:
ศึกษามาเยอะแล้วก็ยังสงสัยโน่นนี่นั่นกำลังมีอกุศลจิตก็ไม่รู้
บอกแล้วเรียงลำดับทวารทั้งหกว่าแต่ละขณะทวารไหนปรากฎบ้าง
รู้ของตัวเองนะคุณกรัชกาบให้ทันตอนกำลังมีทวารนั้นกำลังปรากฏให้รู้
ได้รึเปล่าคะถ้าไม่ได้นะคะก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจตสิกคืออะไรดูจากความจริงที่มี
ถ้าอยากรู้ที่อ่านเป็นตัวหนังสือก็ไปนั่งท่องสิว่าเจตสิกมี52ประเภทแต่ไม่รู้ที่ตนมีตอนไหน
:b32: :b32:


ถามอย่างตอบอย่างอีก

ถามว่า เจตสิก น่ามันอะไร คิกๆๆ

Kiss
รู้ดีรู้ชั่วตอนนี้ไงคะ...แค่นี้ก็ไม่รู้...แล้วจะดีได้เหรอ...ชั่วแล้วที่ไม่รู้นะคุณกรัชกาย...
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 12:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นพูดบ่อย ถามคุณโรสอีกที เจตสิก นี่มันอะไรครับ

Kiss
:b12:
ศึกษามาเยอะแล้วก็ยังสงสัยโน่นนี่นั่นกำลังมีอกุศลจิตก็ไม่รู้
บอกแล้วเรียงลำดับทวารทั้งหกว่าแต่ละขณะทวารไหนปรากฎบ้าง
รู้ของตัวเองนะคุณกรัชกาบให้ทันตอนกำลังมีทวารนั้นกำลังปรากฏให้รู้
ได้รึเปล่าคะถ้าไม่ได้นะคะก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจตสิกคืออะไรดูจากความจริงที่มี
ถ้าอยากรู้ที่อ่านเป็นตัวหนังสือก็ไปนั่งท่องสิว่าเจตสิกมี52ประเภทแต่ไม่รู้ที่ตนมีตอนไหน
:b32: :b32:


ถามอย่างตอบอย่างอีก

ถามว่า เจตสิก น่ามันอะไร คิกๆๆ

Kiss
รู้ดีรู้ชั่วตอนนี้ไงคะ...แค่นี้ก็ไม่รู้...แล้วจะดีได้เหรอ...ชั่วแล้วที่ไม่รู้นะคุณกรัชกาย...
:b32: :b32:



อ้อ นั่นน่าหรือเจตสิก ตามความเข้าใจคุณโรส :b1: นี่ไงพูดเองเออเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 12:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b8:
ขออนุญาตแทรกนิดหนึ่งนะครับ เรื่องจิตกับใจนี่กรัชกายรู้และเข้าใจโดยตีรวามจากตัวหนังสือในตำรา ไม่เคยภาวนาพิสูจน์ว่าทำไมหนอท่านจึงต้องบัญญัติสภาวธรรมเดียวกันออกเป็นตั้งหลายชื่อ จิต ใจ มโน วิญญาณ

ที่เขาแยกบัญยัติอย่างนั้นก็เพื่อชี้ชัดรายละเอียดปลีกย่อยในการทำงานของสภาวะธรรมอันนี้

ตอนที่เป็นจิตเป็นวิญญาณนั้นเขาจะทำหน้าที่ รู้ เฉยๆ ที่ว่า จิตเป็นธรรมชาติ รู้
มันเป็นนามธรรมล้วนๆเหมือนเป็นเรื่องพลังงานล้วนๆ

ส่วนตอนที่เป็นใจ มโน นั้นมันไปเกี่ยวกับหทัยวัตถุซึ่งเป็นที่รับรู้ทางด้านวัตถุ รูปธรรม หทัยวัตถุเป็นที่เกิดจิตนามธรรม เป็นที่รับความรู้สึกต่อจากจิตรู้ แล้วเอาไปเป็นเหตุปรุงแต่งต่อกลายเป็นเวทนา ยินดี ยินร้าย เฉยๆ เกิดมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมต่อเนื่องกันไปทางรูปธรรมตามลำดับ โดยเริ่มต้นจากจิตที่เป็นนามธรรม

เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่ลงมือภาวนาสังเกตสภาวธรรมจริงๆจะแจกแจงไม่ออกบอกไม่ถูกหรอกครับกรัชกาย มันก็เลยไปได้คำตอบแต่เฉพาะตามตัวหนังสือนั่นไงครับ
คำตอบตามตำราและตัวหนังสือมันที่อๆแข็งๆห้วนๆ ไม่หวานชื่นละมุนละไมลึกซึ้งเหมือนคำตอบจากผลการปฏิบัติจริงหรอกนะครับ

ครูที่สอนโดยจำตำราลอกตำรามาสอน มันฟังแล้วไม่ซาบซึ้งประทับใจเหมือนครูที่รู้จริงทำได้จริงปฏิจริงมาแล้วมาสอน รสชาดมันต่างกันเยอะเลย กรัชกายเคยรู้ซึ้งในเรื่องแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ

อนุโมทนากับสติปัญญาของคุณโรส
สนุกไปกับข้อโต้เถียงแบบกอดคำราของคุณกรัชกาย
ขอให้เจริญสุขเจริญธรรม ปิดประตูอบายได้ทันทั้งสองท่านพร้อมกับผู้ฟังผู้อ่านกระทู้ทุกคนด้วยครับ
สาธุ
:b8:
smiley


อ้างคำพูด:
สนุกไปกับข้อโต้เถียงแบบกอดคำราของคุณกรัชกาย


ทั้งอโศก ทั้งคุณโรส ไม่มีอะไรกอด คือ ไม่มีทั้งตำรา คือปริยัติ ไม่มีทั้งปฏิบัติ คือลงมือทำ เห็นแต่มั่วๆไปตามอารมณ์ พูดเองเออเอง จำเออ คิกๆๆ :b32:

Kiss
...ขออภัยนะคะการศึกษาพระธรรมจะประมาทกันไปก็เป็นทางแห่งความเสื่อมแล้วค่ะ...
...อ่านดูค่ะ...เพราะไม่รู้จึงเกิดมาในหล้าโลก...เพราะไม่รู้จึงเศร้าโศกในวัฏสงสาร...
...เพราะไม่รู้จึงเป็นเราเขลามานาน...เพราะไม่รู้จึงพบพาลผลผลาญตน...
...คิดออกไหมคะว่า...พาลไม่ได้อยู่ที่ข้างนอกเลย...อยู่ที่จิตที่รู้ๆค่ะ...
...ที่กำลังคิดว่ารู้นี่แหละคือกำลังไม่รู้ความจริงของจิตที่ไม่มีใคร...
...มีแค่3ประการที่กำลังสะสมคือกุศลจิต/อกุศลจิต/อัพยากตาจิต...
...เพราะเดี๋ยวนี้เองที่คิดด้วยอุปาทานยึดมั่นว่าเราดีเขาไม่ดีถูกไหม...
...ต่างอันต่างจริงต่างอันต่างสะสมอกุศลเป็นของตนแล้วเดี๋ยวนี้เองค่ะ...
...ก็ไม่รู้จริงไหม...ใครสอนให้เข้าใจสิ่งนี้ถ้าไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...
:b8:
:b32: :b32:
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นพูดบ่อย ถามคุณโรสอีกที เจตสิก นี่มันอะไรครับ

Kiss
:b12:
ศึกษามาเยอะแล้วก็ยังสงสัยโน่นนี่นั่นกำลังมีอกุศลจิตก็ไม่รู้
บอกแล้วเรียงลำดับทวารทั้งหกว่าแต่ละขณะทวารไหนปรากฎบ้าง
รู้ของตัวเองนะคุณกรัชกาบให้ทันตอนกำลังมีทวารนั้นกำลังปรากฏให้รู้
ได้รึเปล่าคะถ้าไม่ได้นะคะก็ไม่รู้หรอกนะว่าเจตสิกคืออะไรดูจากความจริงที่มี
ถ้าอยากรู้ที่อ่านเป็นตัวหนังสือก็ไปนั่งท่องสิว่าเจตสิกมี52ประเภทแต่ไม่รู้ที่ตนมีตอนไหน
:b32: :b32:


ถามอย่างตอบอย่างอีก

ถามว่า เจตสิก น่ามันอะไร คิกๆๆ

Kiss
รู้ดีรู้ชั่วตอนนี้ไงคะ...แค่นี้ก็ไม่รู้...แล้วจะดีได้เหรอ...ชั่วแล้วที่ไม่รู้นะคุณกรัชกาย...
:b32: :b32:



อ้อ นั่นน่าหรือเจตสิก ตามความเข้าใจคุณโรส :b1: นี่ไงพูดเองเออเอง

:b12:
โทษของตนที่ไม่มีปัญญาก็ไม่รู้
:b34: :b34:
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2016, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b8:
ขออนุญาตแทรกนิดหนึ่งนะครับ เรื่องจิตกับใจนี่กรัชกายรู้และเข้าใจโดยตีรวามจากตัวหนังสือในตำรา ไม่เคยภาวนาพิสูจน์ว่าทำไมหนอท่านจึงต้องบัญญัติสภาวธรรมเดียวกันออกเป็นตั้งหลายชื่อ จิต ใจ มโน วิญญาณ

ที่เขาแยกบัญยัติอย่างนั้นก็เพื่อชี้ชัดรายละเอียดปลีกย่อยในการทำงานของสภาวะธรรมอันนี้

ตอนที่เป็นจิตเป็นวิญญาณนั้นเขาจะทำหน้าที่ รู้ เฉยๆ ที่ว่า จิตเป็นธรรมชาติ รู้
มันเป็นนามธรรมล้วนๆเหมือนเป็นเรื่องพลังงานล้วนๆ

ส่วนตอนที่เป็นใจ มโน นั้นมันไปเกี่ยวกับหทัยวัตถุซึ่งเป็นที่รับรู้ทางด้านวัตถุ รูปธรรม หทัยวัตถุเป็นที่เกิดจิตนามธรรม เป็นที่รับความรู้สึกต่อจากจิตรู้ แล้วเอาไปเป็นเหตุปรุงแต่งต่อกลายเป็นเวทนา ยินดี ยินร้าย เฉยๆ เกิดมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมต่อเนื่องกันไปทางรูปธรรมตามลำดับ โดยเริ่มต้นจากจิตที่เป็นนามธรรม

เรื่องอย่างนี้ถ้าไม่ลงมือภาวนาสังเกตสภาวธรรมจริงๆจะแจกแจงไม่ออกบอกไม่ถูกหรอกครับกรัชกาย มันก็เลยไปได้คำตอบแต่เฉพาะตามตัวหนังสือนั่นไงครับ
คำตอบตามตำราและตัวหนังสือมันที่อๆแข็งๆห้วนๆ ไม่หวานชื่นละมุนละไมลึกซึ้งเหมือนคำตอบจากผลการปฏิบัติจริงหรอกนะครับ

ครูที่สอนโดยจำตำราลอกตำรามาสอน มันฟังแล้วไม่ซาบซึ้งประทับใจเหมือนครูที่รู้จริงทำได้จริงปฏิจริงมาแล้วมาสอน รสชาดมันต่างกันเยอะเลย กรัชกายเคยรู้ซึ้งในเรื่องแบบนี้บ้างหรือเปล่าครับ

อนุโมทนากับสติปัญญาของคุณโรส
สนุกไปกับข้อโต้เถียงแบบกอดคำราของคุณกรัชกาย
ขอให้เจริญสุขเจริญธรรม ปิดประตูอบายได้ทันทั้งสองท่านพร้อมกับผู้ฟังผู้อ่านกระทู้ทุกคนด้วยครับ
สาธุ
:b8:
smiley


อ้างคำพูด:
สนุกไปกับข้อโต้เถียงแบบกอดคำราของคุณกรัชกาย


ทั้งอโศก ทั้งคุณโรส ไม่มีอะไรกอด คือ ไม่มีทั้งตำรา คือปริยัติ ไม่มีทั้งปฏิบัติ คือลงมือทำ เห็นแต่มั่วๆไปตามอารมณ์ พูดเองเออเอง จำเออ คิกๆๆ :b32:

Kiss
...ขออภัยนะคะการศึกษาพระธรรมจะประมาทกันไปก็เป็นทางแห่งความเสื่อมแล้วค่ะ...
...อ่านดูค่ะ...เพราะไม่รู้จึงเกิดมาในหล้าโลก...เพราะไม่รู้จึงเศร้าโศกในวัฏสงสาร...
...เพราะไม่รู้จึงเป็นเราเขลามานาน...เพราะไม่รู้จึงพบพาลผลผลาญตน...
...คิดออกไหมคะว่า...พาลไม่ได้อยู่ที่ข้างนอกเลย...อยู่ที่จิตที่รู้ๆค่ะ...
...ที่กำลังคิดว่ารู้นี่แหละคือกำลังไม่รู้ความจริงของจิตที่ไม่มีใคร...
...มีแค่3ประการที่กำลังสะสมคือกุศลจิต/อกุศลจิต/อัพยากตาจิต...
...เพราะเดี๋ยวนี้เองที่คิดด้วยอุปาทานยึดมั่นว่าเราดีเขาไม่ดีถูกไหม...
...ต่างอันต่างจริงต่างอันต่างสะสมอกุศลเป็นของตนแล้วเดี๋ยวนี้เองค่ะ...
...ก็ไม่รู้จริงไหม...ใครสอนให้เข้าใจสิ่งนี้ถ้าไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...


พอๆกับอโศก นี่พูดจริงๆนะ :b32: เพ้อเจ้อ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 246 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร