มันคือสมุทัยเป็นด่านแรกที่ทุกคนต้องผ่านให้ได้จริงๆ

อัตตา สักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ตัณหาหรืออวิชชาซึ่งจะถูกถอนทำลายเองโดยอัตโนมัติภายหลัง

ถ้าจะมาถกเถียงแบบศรีธนนชัยอย่างกบทำอยู่ตอนนี้ กบได้หลงทำปมาทะโดยไม่รู้ตัว

สมุทัยที่แท้จริง พระบรมศาสดาตรัสว่า ตัณหา ซึ่งเห็นง่ายรู้ง่ายฟังแล้วรู้ได้ทันที

แต่ที่ลึกลงไปในตัณหานั้นจะต้องทำวิปัสสนาภาวนาดูจึงจะเห็น อโศกะนำส่วนลึกนี่มาแสดงให้ท่านผู้ศึกษาทั้งหลายได้รู้และเข้าใจจะได้ปฏิบัติชี้ตรงไปที่ประด็นสำคัญของการปฏิบัติธรรม คือ ถอนทำลายสักกายทิฏฐิหรือ อัตตา หรือในทางกลับกัน พิสูจน์อนัตตา นี่เป็นการบรรยายธรรมตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงทำตัวอย่างไว้แต่แรกเริ่มเมื่อวันปฐมเทศนา พอวันที่ 2 พระองค์ก็ทรงแสดงเรื่อง
นัตตลักขณสูตร หรือบทว่าด้วยอนัตตา ซึ่งเป็นธรรมเพื่อสลายอัตตาโดยตรง

ท่านผู้ศึกษาทั้งหลายโปรดพิจารณา และอย่าได้หลงตามการชักใบให้เรือเสียของคุณกบ ซึ่งขวางอโศกะทุกวิถีทาง เพื่อให้เห็นว่าเชื่อกบแล้วจะแน่กว่าถูกต้องกว่า

มันคือสมุทัยเป็นด่านแรกที่ทุกคนต้องผ่านให้ได้จริงๆ

อัตตา สักกายทิฏฐิ ไม่ใช่ตัณหาหรืออวิชชาซึ่งจะถูกถอนทำลายเองโดยอัตโนมัติภายหลัง

ถ้าจะมาถกเถียงแบบศรีธนนชัยอย่างกบทำอยู่ตอนนี้ กบได้หลงทำปมาทะโดยไม่รู้ตัว

สมุทัยที่แท้จริง พระบรมศาสดาตรัสว่า ตัณหา ซึ่งเห็นง่ายรู้ง่ายฟังแล้วรู้ได้ทันที

แต่ที่ลึกลงไปในตัณหานั้นจะต้องทำวิปัสสนาภาวนาดูจึงจะเห็น อโศกะนำส่วนลึกนี่มาแสดงให้ท่านผู้ศึกษาทั้งหลายได้รู้และเข้าใจจะได้ปฏิบัติชี้ตรงไปที่ประด็นสำคัญของการปฏิบัติธรรม คือ ถอนทำลายสักกายทิฏฐิหรือ อัตตา หรือในทางกลับกัน พิสูจน์อนัตตา นี่เป็นการบรรยายธรรมตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าทรงทำตัวอย่างไว้แต่แรกเริ่มเมื่อวันปฐมเทศนา พอวันที่ 2 พระองค์ก็ทรงแสดงเรื่อง
นัตตลักขณสูตร หรือบทว่าด้วยอนัตตา ซึ่งเป็นธรรมเพื่อสลายอัตตาโดยตรง

ท่านผู้ศึกษาทั้งหลายโปรดพิจารณา และอย่าได้หลงตามการชักใบให้เรือเสียของคุณกบ ซึ่งขวางอโศกะทุกวิถีทาง เพื่อให้เห็นว่าเชื่อกบแล้วจะแน่กว่าถูกต้องกว่า

ผมเห็นด้วย..ที่สักกายทิฏฐิ...นี้สำคัญ...อันเป็นการเห็นผิดในตัวตนบุคคลเราเขา..เป็นที่ยืนที่อาศัยของกิเลสตัณหาอวิชชาทั้งหลายแหล่ตามมา...

แต่..การที่อโสกะ..ตรงดิ่งมาจัดการที่..สักกายทิฏฐิ..เลยนี้...อโสกะคงอ่านเกมแล้วว่า..จัดการที่เดียวก็กินรวบทั้งหมด...

คงคิดว่างาย...รึอาจชอบของง่าย ๆ...บ้านผมเขาเรียก..มักง่าย..

ดูไปแล้ว...ท่านจะจัดการกับสักกายทิฏฐิได้ยังงัยในเมื่อยังไม่เห็นเจ้าสักกายทิฏฐิ...

สักกายทิฏฐิ...ที่พูดๆเป็นนกแก้วไปนั้นนะ..ท่านอาจจะเป็นได้แค่ท่องคำแปลมาก็ได้...นะ

เด้ว..ได้รู้กัน (ที่จริงก็น่าจะรู้ไปแล้วละ)

ทำไม..นะรึ?....

ท่านอโสกะ...แยกสักกายทิฏฐิ..ตัณหา..อวิชชา...ออกจากกัน..เป็นคนละพวกกัน..จนถึงกับมีความเห็นว่า..

ท่านอโสกะ...สักกายทิฏฐิยังไม่รู้จักเลย...แล้วจะไปทำลายอะไรที่ไหนได้..




อโสกะ..คิดได้แค่นี้เองหรือ?

หลงตัวเองจัดมากขนาดนี้....หลงจนพร้อมจะมองคนอื่นว่ามาทำไม่ดีกับตน..ไปหมด..นี้...

หากคนประเภทนี้..พูดว่าตัวเองรู้ธรรมเห็นธรรม..จนกล่าวว่า..สร้างบ้านเสร็จแล้วเหลือแต่เฟอร์นิเจอร์..นี้..ใครบ้างเขาจะเชื่อ...

ดูภาพนี้ใหม่อีกทีด้วยความพินิจพิเคราะนะกบ จะได้รู้ว่าทำไมต้องมุ่งทำลายสักกายทิฏฐิก่อน

ยังไม่เห็นสักกายทิฏฐิเลย..แล้วจะไปทำลายอะไร?

สักกายทิฏฐิแค่เข้าใจความหมาย...ไม่ได้ช่วยอะไร

ที่พูดคุยตอบโต้ถกเถียงอยู่นี่ก็ด้วยสักกายทิฏฐิของกบ

ที่มีปฏิริยาเมื่อถูกดูหมิ่นดูแคลนนั่นก็สักกายทิฏฐิของกบ

กบ ซึ่งเป็นเพียงชื่อเล่นชื่อปลอมไม่ใช่ชื่อจริง แต่ก็ยังทำให้ขัดเคือง หวั่นไหว สั่นสะเทือน ตอบโต้ไปมาได้ นั่นไงสักกายทิฏฐิของกบ มองไม่เห็นหรือกบ

อโศกะรู้จักและรบมานานจนเห็นดำเห็นแดงกันแล้ว สักกายทิฏฐิ

ตอนนี้พูดจาสนทนาธรรมในลานนี้ด้วย เมตตา กรุณา พรหมวิหารธรรม ไม่ใช่สักกายทิฏฐิหรอกนะ

ที่เห็นเหมือนใส่อารมณ์มากกว่าเหตุผลนั้นก็คล้ายพ่อแม่ที่จำเป็นต้องดุด่าเฆี่ยนตีลูกด้วยเมตตาปารถนาดีมิอยากให้ลูกตกไปสูที่ชั่วหรอกนะ พิจารณาให้ดีๆ อย่าเข้าใจผิด

กบเหมือนลูกดื้อไม่ยอมเชื่อฟังง่ายๆ ก็ต้องตีต้องขนาบด้วยคำพูดกันบ้างอย่างนี้แหละ

คนอื่นพูด...ก็ว่าตอบโต้เพราะมีน้ำโมโหที่ถูกแหย่..

ตัวเองแต่ผู้เดียว..ที่มีเมตตา..กรุณา...ไม่ใช่สักกายทิฏฐิ.. ..

เห็นดำเห็นแดงของสักกายทิฏฐิแบบไหนยังงัย...ถึงแยกสักกายทิฏฐิอย่าง...ตัณหาอย่าง..อวิชชาอย่าง..ไม่เกี่ยวกัน.

...พูดไม่ออกละซิ...อโสกะ

บอกว่า
"ด่านแรกที่ต้องผ่าน"
"บันไดขั้นแรกที่ต้องเหยียบ"
"สิ่งแรกที่ต้องเอาชนะให้ได้"
"สังโยชน์ตัวแรกที่ต้องพิชิตให้ได้ก่อน"
"เหตุทุกข์ที่แท้จริงและสำคัญ"
คือสักกายทิฏฐิ

แล้วนี่กบมาสรุปเอาเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แบบสุดโต่ง
แสดงว่าไม่รูเรื่อง ฟังหรืออ่านภาษาไทยไม่เข้าใจจริงๆแล้วเนี้ย

อยากได้ความรู้มันต้องถ่อมตัวเข้าหาครููบาอาจารย์มันจึงจะสมควร
แต่กบเลือกใช้วิธีข่มขู่ บังคับเขาให้เขาตอบ และยังให้ดูตัวเองว่าดีกว่ามีความรู้สูงกว่า
มันเป็นลักษณะของพวกโจร

เรื่องด่านแรกต้องผ่าน..บันไดแรกต้องเหยียบ..สิ่งแรก้องเอาชนะ..สังโยชน์ตัวแรกที่้องพิชิต...นี้..ฝากใว้ก่อน

อโสกะครับ..ผมสรุปอะไรเอาเองอย่างสุดโต่ง..รึครับ?..บอกหน่อย

อโสกะบอกด้วยตัวเองแท้แท้..ว่า..


แล้วก็อโสกะ..ก็มาจัด...ตัณหา..สักกายทิฏฐิ..ให้มาอยู่ประเภทเดียวกัน...มีจัดลำดับก่อนหลังด้วย..เพื่อจะโยงว่า..ต้องแก้สักกายทิฏฐิก่อน..


มันจะมาจัดลำดับก่อนหลังได้ยังงัย..ในเมื่อมันเป็นการเรียกชื่อคนละความหมาย...คนละประเด็น
เรียกตัณหา...ต้องนึกถึงปฏิจจสมุปบาท..มีตัณหา 3...มีเวทนา..มีตัณหา..มีอุปาทาน..มีภพ
เรียกสักกายทิฏฐิ...ก็ต้องนึกถึงสังโยชน์10 กิเลสร้อยรัดให้วนเวียนในสงสารวัฏฏ์

ผมก็ได้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ดูแล้วว่า..ในสักกายทิฏฐิสังโยชน์ก็มีตัณหาในนั้นได้

ที่ว่า...ผมคิดเอาเอง...สุดโต่ง?..ก็แค่โวหารของอโสกะ..หวังหาทางเลี่ยงไปเรื่องอื่น..

อยากได้ความรู้..มันต้องถ่อมตัว..นั้นถูกแล้ว

แต่ลุงดูไม่ออกหรือ...ว่า..กำลังขอความรู้..หรือ..กำลังให้ความรู้..??

ส่วนวิธีการ...ก็ใช้วิธีเดียวกันกับคู่สนทนา..คับ..

ผมเป็นกระจก...

จะเป็นโจร..รึผู้ดี...มันเป็นสังขารของลุงเองครับ..ผมไม่เกี่ยว..

[/quote]จะมาจัดลำดับก่อนหลังได้ยังงัย..ในเมื่อมันเป็นการเรียกชื่อคนละความหมาย...คนละประเด็น
เรียกตัณหา...ต้องนึกถึงปฏิจจสมุปบาท..มีตัณหา 3...มีเวทนา..มีตัณหา..มีอุปาทาน..มีภพ
เรียกสักกายทิฏฐิ...ก็ต้องนึกถึงสังโยชน์10 กิเลสร้อยรัดให้วนเวียนในสงสารวัฏฏ์

ผมก็ได้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ดูแล้วว่า..ในสักกายทิฏฐิสังโยชน์ก็มีตัณหาในนั้นได้

ที่ว่า...ผมคิดเอาเอง...สุดโต่ง?..ก็แค่โวหารของอโสกะ..หวังหาทางเลี่ยงไปเรื่องอื่น..[quote]


นี่หละน้า คนที่กอดตำรามาตอบแก้ปัญหาธรรม
พยายามจะเอาเรื่องตัณหาไปรวมในปฏิจจสมุปบาท แล้วเอาเรื่องสักกายทิฏฐิมารวมในเรื่องสังโยชน์ 10

ไปนั่งภาวนาสังเกตสภาวธรรมจริงๆให้ดี ตัณหา แปลว่า ความอยาก ใช่ไหม?

ตอนที่อยากนั้นนะตอบด้วยสามัญสำนึกได้ไหมว่าใครอยาก

เอ้าลองไปค้นคว้าแล้วตอบมาให้ได้ว่า "ใครอยาก"

ตอบได้แล้วจะได้คุยต่อแล้วจะได้รู้ว่าคนที่รู้ธรรมจริงมีประสบการณ์จริงเขาจะไม่กอดตำราแน่นเปรี้ยะอย่างที่กบทำนี้หรอกนะ

ตัวอย่างง่ายๆให้ลองเทียบดูระหว่างเจ้าสัวซีพี กับ ดอกเตอร์ทางด้านบริหารธุรกิจ ใครจะทำการค้าเก่งกว่ากัน
เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น

เรื่องด่านแรก....ต้องทำ..ต้องพิชิต..ตามโวหารของอโสกะ..นั้นนะ

ถ้ายังอุดมไปด้วยตัณหา...อยากมี..อยากรวย...มียศ..มีลาภฯ...อย่างคนที่ใช้ชีวิตทั่วๆไปแล้วละก้อ...การที่จะพูดว่า..ต้องมาทำลายสักกายทิฏฐิ(สำนวนอโสกะ)..นั้น...จะไปทำลายอะไรได้เมื่อตัวมองไม่เห็น...มันเกินกำลังจะเห็น

พระองค์จึงสอนให้ทำจากเรื่องพื้น ๆ ค่อย ๆเป็น.ค่อยๆไป...ให้ทำทาน..รักษาศีล..

ลดตัณหาหยาบๆให้เบาบางลงมาซักหน่อย...มีภาวนาเพิ่มเข้ามา..ตั้งจิตจะนิพพานในชาตินี้ให้ได้..น่านแหละ...จึงจะเริ่มเห็นตัวปัญหาสักกายทิฏฐิ

ไม่อย่างนั้นนะ..สักกายทิฏฐิก็เป็นแค่คำที่ท่องจำได้ว่าแปลว่าอะไร

กบเอยกบ ปัจจุบันปัญหาเผชิญอยู่ข้างหน้า กลับต้องถอยหลังไปเริ่มต้นที่ทาน ศีล ภาวนา แล้วมันจะทันกินรื้อ?

ถามว่า "ใครอยาก"

ถ้าตอบได้ถูกต้องจริงๆก็เจอหน้าสมุทัย พบคำตอบว่าทำไมต้องเอาชนะสักกายทิฏฐิให้ได้ก่อนทันที

ตอบมาให้ได้ให้ถูกก่อนสิว่า "ใครอยาก"

ถามย้ำ 2 ครั้งแล้วนะ ยังตอบไม่ได้ ถ้าให้ต้องถามถึง 3 ครั้งระวังศรีษะของกบอาจต้องแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงนะ

ตลกอยู่ดี...

บอกคนอื่นกอดตำรา...แต่ตัวเองก็มาเล่นคำ...ฉันอยาก..ใครอยาก..
คำว่า..ฉัน..มาก่อน..อยาก..เล่นคำนี้นะ...

ถามจริง.อโสกะ..ตอนอโสกะอยากอะไรนี้..มันมีคำว่า..ฉันอยากนั้น..ฉันอยากนี้..มั้ย?

ยิ่งตลกเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นความเห็นอันนี้ของอโสกะ..