การเจริญปัญญาความเข้าใจถูกความเห็นถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง
สิ่งที่มีจริงในภาษาบาลีใช้คำว่าธรรม(อ่านธัมมะ)สัจจะคือความจริงถูกไหมคะ
อริยสัจจธรรมเป็นความเข้าใจถูกความเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามคำสอนถูกไหมคะ
ถ้าขณะนี้ที่คุณเช่นนั้นกำลังเห็นกำลังรู้ความจริงของเห็นจริงๆที่กำลังเกิดแล้วดับหรือยัง
ถ้ายังแสดงว่าแค่ข้อรู้ทุกข์ก็ยังไม่ผ่านเพราะยังเห็นเป็นตัวตนคิดพูดทำปรากฏตามความเป็นจริง
การเจริญปัญญาตามลำดับที่เข้าถึงความจริงเป็นปัจจุบันขณะตรงลักษณะธัมมะเป็นกุศลจิตขั้นปะติปัตติ
เป็นการเจริญขึ้นของสติสัมปชัญญะความรู้ตัวทั่วพร้อมจากการละความเห็นผิดเป็นไปเองไม่ต้องกำหนดค่ะ
เรียกในภาษาบาลีว่ากิจญาณคือความเห็นถูกความเข้าใจถูกนำทางจิตถึงเฉพาะตนตามเหตุปัจจัยตลอดเวลา
คุณเช่นนั้นคิดว่าข้าพเจ้ามีความเห็นว่าคุณเช่นนั้นอยากรู้ว่าตัวตนข้าพเจ้ากำหนดอย่างไรจริงไหมคะ
คำตอบตัวตนของข้าพเจ้าไม่มีค่ะเพราะมีแต่สติตามรู้ในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏเป็นสติสัมปชัญญะทั่วตัว
การเจริญในมรรคนะคะหนทางที่ดำเนินถูกต้องเป็นกุศลธรรมที่กำลังปรากฏมีจริงๆค่ะไม่ได้กำหนดเพราะรู้ค่ะ

การเจริญในธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นความจริงที่กำลังเกิดับให้รู้ตลอดเวลา
แต่โลภะความติดข้องความอยากความต้องการมีมหาศาลด้วยโมหะหลงว่ามีเราทำทุกอย่างเลย
เพราะตัวตนมีเกิดจากความไม่รู้ความจริงที่มีจริงๆที่มารู้คือยึดมั่นถือมั่นชีวิตว่าเป็นตัวตนเราเขา
หลงพอใจไม่พอใจไปตามความไม่รู้ดังนั้นการที่จะรู้จึงเกิดจากการเริ่มฟังพระพุทธพจน์ให้เข้าใจ
ว่าพระองค์ทรงแสดงว่าสิ่งที่มีจริงๆคือมหาภูตรูปปรากฏให้รู้ตามการเกิด-ดับของจิตและเจตสิก
การจะรู้ต้องเกิดจากการสะสมการฟังความจริงให้เข้าใจจนจิตมั่นคงไม่ลืมว่าไม่มีตัวตนมีแต่ธัมมะ
ทุกอย่างเป็นธัมมะที่กำลังปรากฏทุกขณะกับจิตแต่ละดวงที่กำลังเห็นนี่แหละกำลังเกิดดับแต่ไม่รู้
ไม่พยายามเพื่อที่จะฟังว่าไม่มีตัวตนจึงมีแต่ตัวตนที่คิดว่าต้องไปกำหนดต้องไปทำอย่างอื่นทั้งนั้น
ขอย้ำพระพุทธเจ้าทรงแสดงปัญญาแรกที่จะเกิดมีได้คือสุตมยปัญญา=ความรู้เกิดจากการฟังค่ะ
ฟังให้รู้ชัดๆว่าพระองค์ตรัสคำที่ทำให้เข้าใจธัมมะว่าคือสิ่งที่กำลังมีจริงๆที่กำลังมีแล้วที่ตัวทุกคน
ควรเพียรที่จะตั้งใจฟังเพราะปัญญาแปลว่าความเข้าใจถูกความเห็นถูกต้องตรงคำสอนที่ควรรู้ยิ่ง
ความรู้จะทำให้ความไม่รู้ดับไปก่อนนะคะไม่ใช่ไปอ่านแล้วคิดว่ารู้ชัดเจนแล้วเอาไปทำไม่ใช่นะคะ
การจดจำเอามาท่องก็ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนแต่ทรงแสดงว่าสิ่งที่กำลังมีที่ตัวกำลังเกิดดับค่ะ
เพราะทรงแสดงว่าไม่มีใครเลยที่จะไปจัดการกับเห็นได้ยินได้กลิ่นรู้รสรับสัมผัสคิดนึกที่ตัวแต่ละคน
ที่ดับไปแล้วได้สะสมเป็นกรรมแล้วด้วยคือเป็นกิเลสอันใหม่ปรุงแต่งด้วยความไม่รู้ตามคำสอนเลยค่ะ
ควรหยุดการไปทำเพิ่มขึ้นมาใหม่เลยเพราะเอามาใช้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ดับไปไม่ได้เลยนะคะ
การคุ้นชินกับการเห็นภาพพระพุทธรูปนั่งสมาธิจึงหลงเข้าใจผิดว่าต้องไปทำการนั่งสมาธิจริงไหม
ก่อนตรัสรู้พระพุทธเจ้าอดอาหาร+นั่งสมาธิจนผอมเหลือแต่กระดูกถึง49วันจึงรู้ว่านั่นไม่ใช่หนทาง
ภาพที่คนทั่วโลกยังจำติดตาคือภาพพระพุทธเจ้านั่งสมาธิเลยแต่ไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร
ต้องสะสมการฟังจะยาวนานแค่ไหนก็ขาดการฟังไม่ได้แม้พระพุทธเจ้าก็ไม่ฟังในชาติสุดท้ายเท่านั้นค่ะ
ไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อแต่ค่อยๆฟังว่ามีความจริงให้รู้ตัวในคำที่กำลังฟังหรือไม่ต้องตั้งใจฟังให้เข้าใจ
เพราะการคิดเห็นเรื่องอื่นโดยไม่ไตร่ตรองตามคำที่กำลังได้ยินได้ฟังเป็นอกุศลจิตของผู้ฟังที่สะสมแล้วค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=ssG2JaIRvVQ

การเข้าใจสภาพธรรมตามเป็นจริงสะสมตามนิมิตของภพภูมิ
สิ่งที่กำลังปรากฏมีให้เข้าใจตามคำสอนได้ตอนลืมตาตื่นรู้ค่ะ
แต่การจะประจักษ์ความจริงแต่ละลักษณะยังเป็นไปตามนิมิต
รู้ได้ว่าคำสอนจริงแต่มีเราหรือมีแต่จิตเจตสิกทีละ1ทางที่ปรากฏ
ฟังจนกว่าจะไม่มีเรามีแต่ธัมมะที่ปรากฏตามเป็นจริงแต่ละทางค่ะ
และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยการฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีจริงๆ
ว่าแต่ละขณะที่ตนได้สะสมแล้วเป็นความรู้หรือความไม่รู้ตามเป็นจริง

https://www.youtube.com/watch?v=5xx640nzwSc

ฟังสะสมปัญญารู้และเข้าใจได้โดยไม่ต้องหวังอะไรเพราะหวังหรืออยากได้เป็นกิเลสความต้องการเป็นโลภะ
ขณะที่กำลังฟังไม่เข้าใจ/เบื่อ/ง่วง/ใส่ความรู้สึกชอบไม่ชอบให้รู้ว่าขณะนั้นเองอกุศลเกิดมากกว่ากุศลแล้วค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=KoqaVqK1HgY

รู้ว่าจิตตนสะสมกุศลหรืออกุศลแต่ละขณะอย่างไรได้ในขณะที่กำลังฟังจริงๆค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=VtbnXkcjtA8

จขกท.หายไปไหนคะ
คิดถึง

ขออนุญาตจขกท.โพสต์อีกหน่อยค่ะเกี่ยวกับยาพิษค่ะ

https://www.youtube.com/watch?v=LcjFEz0HIN4

ผิดหมดครับ คุณRosarin
ทบทวนใหม่ดีๆค่อยแสดงครับ

ความเห็นผิดของคุณเช่นนั้นที่ปรุงแต่งนี่คะ
ข้าพเจ้าไม่ได้ปรุงแต่งสิ่งที่รู้ที่กำลังมีนี่คะ
รู้ตรงปัจจุบันตามความจริงที่ปรากฏตรงๆ
รู้ว่าขณะไหนรู้คิดขณะไหนรู้กำลังทำเหตุ
ผลก็ย่อมตรงตามเหตุตามปัจจัยที่มีจริงๆ
คุณเช่นนั้นเห็นหรือคะว่าข้าพเจ้ากำลังทำ
กำลังนั่งหรือกำลังเคี้ยวอาหารหรือกำลังง่วง
จะรู้ก็รู้จิตตนว่าเข้าใจสิ่งที่คิดหรือทำรึเปล่า
ถามจริงๆเห็นได้ยินได้กลิ่นรู้รสรับสัมผัสที่
ข้าพเจ้ามีที่ดับไปตะกี้เรียงลำดับให้ทีสิว่า
อะไรดับก่อนหลังเรียงให้ถูกค่อยมาคุยกัน
เพราะสิ่งที่ตนมีไม่รู้เดาสิ่งที่คนอื่นเขียนน่ะ
เป็นปัญญาระดับไหนคะถึงอยากรู้จิตผู้อื่น
ถามจริงๆตรงๆจากใจเกิดแล้วตามเหตุปัจจัย

เช่นนั้นเพียงบอก คุณRosarin แสดงมาผิดหมด
อย่ามาเดาว่าเช่นนั้นปรุงแต่งหรือไม่ปรุงแต่ง ...
คุณ Rosarin ทบทวน ให้ดี ถึงบทธัมมจักรกัปปวัตนสูตรให้ดีๆ ครับ
ซึ่งเป็นการประกาศอริยสัจจธรรมครั้งแรกในโลกของพระพุทธองค์ครับ
สิ่งที่คุณRosarin เข้าใจเป็นเพียงการจำสำนวนการแสดงธรรม เท่านั้นเองครับ

ข้าพเจ้าก็จะบอกให้คุณเช่นนั้นทราบว่า
ข้าพเจ้าไม่ได้จำสำนวนอ.สุจินต์มาบอกต่อ
แต่มาบอกเล่าว่าเข้าใจคำสอนที่ตรงความจริง
ระดับหนึ่งที่สภาพธรรมที่จิตรู้อารมณ์ปัจจุบันอยู่
ไม่ได้รู้อดีตไม่ได้รู้อนาคตแต่รู้ตรงความจริงแท้จริง
ถึงจะสนทนาเรื่องอื่นใดธัมมะก็ปรากฏไม่ใช่จำแต่รู้ทั่ว
ตรงที่กำลังปรากฏรู้ชัดเป็นปัจุบันขณะทั้ง6ทางจะให้ว่าไง
สภาวะที่จิตรู้ความจริงที่ไม่ใช่การไตร่ตรองคือเข้าใจสิ่งที่มี
ไม่ได้จำคำรู้ปรมัตถธรรมและรู้สมมุติบัญญัติที่ปรากฏทุกอย่าง
สิ่งที่ข้าพเจ้ารู้ก็ปรากฏกับจิตเพราะรู้ละตัวตนเข้าใจจิตที่ไม่มีตัวตน
แล้วคุณเช่นนั้นจะมาเหมาว่าข้าพเจ้าท่องจำคำเอามาบอกต่อนั้นคิดผิด
คุณเช่นนั้นต้องละเอียดการสนทนาที่เกิดจากการอ่านเข้าใจเอาเองไม่ได้
ข้าพเจ้าจึงพยายามเตือนให้ทุกคนที่กำลังอ่านอยู่นี้เริ่มฟังเสียงที่ทำให้เข้าใจจิต
ไม่มีใครเลยแม้แต่ข้าพเจ้าแม้แต่คุณเช่นนั้นก็แค่จิตเกิดดับที่กำลังมีจริงทีละทาง
จิตเห็นมีจริงๆดับแล้วแต่ไม่ปรากฏการดับให้รู้แต่เข้าใจได้จากการรู้ชัดตรงที่ปรากฏ
ว่าขณะนั้นสิ่งที่ปรากฏให้รู้ว่ามีเช่นแข็ง/เย็น/ร้อน/คิดมีแน่ๆนั้นแค่คำเดียวที่รู้ชัดนั้นมี
สภาพรู้อื่นๆที่ไม่ปรากฏครบทั้ง6ทางดับไปทั้งหมดไม่ย้อนกลับมาให้รู้มีสิ่งใหม่เกิดดับตลอด
แล้วทำไม่ไม่สนใจที่จะรู้ความจริงที่กำลังเกิดดับที่กำลังมีต่อหน้าของคุณเช่นนั้นล่ะคะไม่คิดเองค่ะ
คำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงทุกคำไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาปัญญารู้เมื่อใดจริงเมื่อนั้น

ต้องวกมาในคำถามเดิม
"การเห็นสภาพธรรมตามเป็นจริง เป็นกิจใดในอริยสัจจ์"
มโนไปเรื่อยเปื่อยนะ
ในกระทู้นี้ พูดถึงหัวข้อกิจในอริยสัจจ์
มาแสดงมโนสาเร่อะไรกัน เลื่อนๆ ลอยๆ
ดันมาแสดงถึงยถาภูตญานทัสสนะ อันเป็นผลสุดหนึ่งของกิจในอริยสัจจ์
ไปจำถ้อยคำพิรี้พิไรของ คุณสุจินต์ต่อเพียงกิจหนึ่ง เสี้ยวหนึ่งในกิจอริยสัจจ์ ก็เหมารวมว่าสามารถแทงตลอดทุกกิจในอริยสัจจ์
สิ่งที่คุณ Rosarin แสดงออกมา
หากไม่ทำความกระจ่างให้เกิดปัญญา
สิ่งที่คุณ Rosarin เห็นก็เหมือนนั่งมองเมฆในอากาศ
เห็นจริง เห็นสภาพจริง แต่ทำอะไรไม่ได้ เท่านั้นเอง

คุณเช่นนั้นคิดว่าพระพุทธทำเหาะเหินเดินอากาศให้เข้าใจความจริง
หรือว่าทรงแสดงธรรมด้วยการนั่งพูดคุยความจริงให้รู้ได้ตามปกติคะ

จะต้องพูดคำที่เป็นภาษาบาลีรึเปล่าพูดไม่ถูกค่ะ
ปัญญาแปลว่าความเห็นความเข้าใจถูกไหม
อยากอธิบายข้าพเจ้าไม่รู้ในอะไรบ้าง
กรุณาแปลเป็นภาษาที่เข้าใจได้
ก็อยากรู้นะว่าปัญญาอะไร
ที่คุณเช่นนั้นเข้าใจ
อยากถ่ายทอด
ว่ารู้จริงๆ
เรื่องนั่งสมาธิหลับตามโนไม่ต้องนะคะ
เอาเนื้อๆที่กำลังลืมตาตื่นไม่ง่วงไม่หลับ
คุณเช่นนั้นเข้าใจอย่างไรแสดงปัญญามาค่ะ
ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงนะคะสำหรับข้าพเจ้า
ปัญญาระดับฌานจิตไม่ต้องการคำสอนค่ะเพราะรู้แล้ว
เอาความรู้ที่คุณเช่นนั้นคิดว่าข้าพเจ้าไม่รู้มาแสดงได้เลยค่ะ

ปัญญา ตามที่คุณRosarin แปลมา ไม่ถูกต้องครับ
ส่วนเรื่อง สมาธิ คุณRosarin มโนว่านั่งหลับตา ก็ไม่ใช่อีกเช่นกันครับ
ปัญญา ในระดับฌานจิต หากคุณ Rosarin รู้แล้วก็คงไม่แสดงเรือง กิจในอริยสัจจ์4 ว่าเป็นเพียงความเห็นความเข้าใจหรอกครับ
ไปไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ทำความเข้าใจให้เกิดความรู้นะครับ
ปัญญา ญาณ ที่พระพุทธองค์แสดงใน ธัมมจักรกัปปวัตนสูตร 12 ครั้ง เป็นปัญญา ญาณ อย่างไร แตกต่างกันอย่างไร

ไม่ใช่ปัญญาเลื่อนๆ ลอยๆ ที่คุณ Rosarin พูดแสดงออกมา
ส่วนเรื่อง สมาธิ ฌานจิต ....จะไม่ขอพูดถึงในกระทู้นี้ครับ นอกประเด็น
คุณ Rosarin มีปัญญาตรองตามพระสูตรไหม
คุณ Rosarin ขณะอ่านพระสูตร ตรองตามพระสูตร เห็นอมตะธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับไหม
คุณ Rosarin ขณะลืมตาอ่านพระสูตร เห็นสภาวะธรรมในจิต หรือไตร่ตรองตามสิ่งที่เห็นในพระสูตร
คุณ Rosarin รู้จักสัจจะญาณ กิจญาณ กตญาณ ตามพระสูตรก่อนไหม หรือตรัสรู้เองถึงสัจจะญาณ กิจญาณ กตญาณ
การเห็นสภาวธรรมตามเป็นจริง แทงตลอดด้วยปัญญา ถูกต้องด้วยนามกาย
แต่ละวรรค ล้วนเป็นปัญญาทั้งนั้น
"ตามเป็นจริง" อะไรรับรองสภาวะนั้นว่าจริง
รู้ได้อย่างไรว่าจริง > ????? เว้นจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เองโดยชอบแล้ว
เราๆท่านๆ ได้แต่รู้ตามสิ่งที่พระองค์ชี้แนะและแสดงเป็นมรรควิธีให้รู้ตามที่พระองค์รู้เท่านั้น ว่า สภาวะอย่างนี้ๆ ล่ะจริง
ใช่หรือไม่ใช่ ....ปัญญาในการเข้าใจสิ่งที่พระองค์แสดงต้องมาก่อนจริงหรือไม่จริง ...หรือว่าคุณ Rosarin ตรัสรู้เองโดยชอบ .....
กิจในอริยสัจจ์ 4 จึงไม่ใช่สิ่งที่คุณRosarin แสดงออกมาอย่างเลื่อนๆลอยๆ
สภาวะธรรมที่คุณRosarinบรรยายออกมาเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ซึ่งต้องมีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไป การเข้าใจสภาวะธรรมตามเป็นจริงในปัจจุบันขณะจึงไม่เป็นหมัน...