วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 05:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 246 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2016, 07:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:

คนหมดทั้งเนื้อทั้งตัวนี่แหละแผนภูมิ :b1: :b13:

อ้างคำพูด:
เหตุการณ์คือ พอผมนั่งสมาธิไปสักพักผมเริ่มได้ยินเสียงวิ้งๆๆ ในหู และรู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆ กับยืนข้างหลัง ผมคิดไปเองหรือว่ามันมีอะไรครับ



อ้างคำพูด:
ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่า มีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือน ไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้ว จิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ


แผนภูมิแบบท่านอโศก หากให้คนร้อยคนมาจินตนาการ ก็ได้ร้อยแผน :b32: เพิ่มความฟุ้งซ่าน

แต่แผนที่กรัชกายนำของเขามา ถ้าแก้ปัญหาได้แก้ปัญหาตก ก็เข้าใจอริยสัจ ก็พ้นทุกข์


กรัชกายยังไม่พ้นทุกข์..แปลว่า..กรัชกายเองก็ยังแก้ไม่ได้... :b32: :b32:

รึไม่ก็โม้เกินจริง...อวดอ้างว่าถ้าแก้ได้ก็เข้าใจอริยสัจ s002



เบื้องต้นโยคีต้องแยกแยะทุกข์ระหว่างสภาวทุกข์ กับ ทุกข์ที่คนเข้าไปยึดได้ก่อน จึงจะรู้เข้าใจทุกขอริยสัจ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2016, 07:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




อริยสัจ 4_resize.jpg
อริยสัจ 4_resize.jpg [ 58.29 KiB | เปิดดู 1798 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
อย่าเป็นอย่างกรัชกายเลยนะครับ ตีความจับประเด็นจากภาพแผนภูมิไม่เป็น



คนหมดทั้งเนื้อทั้งตัวนี่แหละแผนภูมิ :b1: :b13:

อ้างคำพูด:
เหตุการณ์คือ พอผมนั่งสมาธิไปสักพักผมเริ่มได้ยินเสียงวิ้งๆๆ ในหู และรู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆ กับยืนข้างหลัง ผมคิดไปเองหรือว่ามันมีอะไรครับ



อ้างคำพูด:
ขณะสวดมนต์แล้วได้เอนตัวลงนอนอย่างมีสติ...ได้บริกรรมพอง กับ ยุบ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดอะไร...จนหลับไปไม่รู้ตัว...ระยะหนึ่ง...จิตได้เกิดกลางดึก คือ มีสติรู้ขึ้นมาทันทีของการพองยุบของท้อง และรู้สึกว่า มีนิ้วมือมากดที่สะดือแรงมาก เวลาที่พองออก ท้องก็จะพองออกมาก มือที่กดก็จะแรงไปตามการพองและยุบ จนรู้สึกกลัวมากเหมือน ไส้จะหลุดออกมา.. แต่ผมก็พยายามดึงสติให้อยู่กับคำบริกรรมพอง ยุบอีก แต่พยายามแล้ว จิตก็ทนไม่ได้ จิตสั่นไปหมดเหมือนท้องจะแตก จิตคิดตอนนั้นครับ


แผนภูมิแบบท่านอโศก หากให้คนร้อยคนมาจินตนาการ ก็ได้ร้อยแผน :b32: เพิ่มความฟุ้งซ่าน

แต่แผนที่กรัชกายนำของเขามา ถ้าแก้ปัญหาได้แก้ปัญหาตก ก็เข้าใจอริยสัจ ก็พ้นทุกข์

grin
กรัชกายก็กลับมาเข้าล๊อคเดิมเหมือนเมื่อสองสามปีก่อน ยังไม่ไปถึงไหนเลย
การแก้อารมณ์ของผู้ปฏิบัติเป็นรายบุคคลนั้นเป็นสิ่งที่น่าเหน็ดเหนื่อยและยากเพราะ ร้อยคนก็ร้อยใจ ร้อยความคิดความเห็นและร้อยสภาวะ การไปคอยแก้อารมณ์ผู้คนไปเรื่อยโดยไม่สอนหลักที่ถูกต้องให้เขานั้นเป็นการไปแก้ที่ปลายเหตุ เป็นงานที่ทำแล้วไม่รู้จบ ยุ่งยากและเหนื่อยเปล่านะกรัชกาย

จงเอาคนทั้งหลายนั้นมาเข้าใจสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเช่นอริยสัจ 4 อย่างถูกต้องสมบูรณ์เสียก่อนแล้วจึงค่อยให้ไปลงมือปฏิบัติ จะตัดปัญหาปลีกย่อยทั้งหมดไปได้ในตัว และผู้ปฏิบัติทุกคนจะได้มีหลักใจใช้วินิจฉัยธรรมได้ด้วยตนเอง

อุปมาเหมือนคนที่จะต้องเดินทางไปสู่ที่ใหม่ที่ไม่เคยไปถึง

คนที่ 1 ถามทางได้นิดหน่อยก็ออกเดินไป ถามผู้คนตามข้างทางไปเรื่อยๆ ดั้นด้นไปตามคำบอกเล่าจนกว่าจะถึงปลายทาง

คนที่ 2 ศึกษาทาง กางแผนที่ สอบถามรายละเอียดการเดินทางจนเข้าใจดีแล้วจึงค่อยออกเดินทาง ระหว่างทางก็มี จีพีเอส แผนที่ เข็มทิศ ไว้คอยตรวจสอบการเดินทางโดยตลอด

คุณกรัชกายและผู้อ่านทั้งหลายลองคิด วินิจฉัย ตัดสินใจดูว่า คน 2 คนดังตัวอย่างที่ยกมานี้ ใครจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วและแม่นยำกว่ากัน
ใครจะมีโอกาสหลงทางได้มากกว่ากัน
s006
เอาแค่นี้ก่อนจะพอให้กรัชกายเข้าใจความหมายและวัตถุประสงค์ของการชี้บอกนี้ได้ไหม? จะคอยดูปฏิกิริยา

onion
:b38:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2016, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มรรค (ชื่อเต็ม ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสัจ) ได้แก่ ข้อปฏิบัติ การปฏิบัติ การลงมือทำ แล้วก็ทำอย่างถูกวิธี เมื่อทำถูกต้องถูกวิธีแล้ว ผลจากการปฏิบัติก็โยงถึงสามข้อที่เหลือ

แต่มัวแต่คิดๆๆ ยังไม่ได้ทำ จึงยังเป็นแค่จินตนาการเอาว่า ยังงี้ ยังงั้น ยังโง้น เหมือนคนแร่ร่อนนอนอยู่ใต้ทางด่วน มองเห็นตึกใบหยกแล้วคิดว่า สักวันเถอะกรูต้องเป็นเจ้าของตึกที่สูงกว่านี้ แค่นี้จิ๊บๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2016, 08:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ผังทางไปนิพพาน_0001_resize_resize.jpg
ผังทางไปนิพพาน_0001_resize_resize.jpg [ 39.93 KiB | เปิดดู 1795 ครั้ง ]
อริยสัจ 4_resize.jpg
อริยสัจ 4_resize.jpg [ 58.29 KiB | เปิดดู 1794 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
มรรค (ชื่อเต็ม ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสัจ) ได้แก่ ข้อปฏิบัติ การปฏิบัติ การลงมือทำ แล้วก็ทำอย่างถูกวิธี เมื่อทำถูกต้องถูกวิธีแล้ว ผลจากการปฏิบัติก็โยงถึงสามข้อที่เหลือ

แต่มัวแต่คิดๆๆ ยังไม่ได้ทำ จึงยังเป็นแค่จินตนาการเอาว่า ยังงี้ ยังงั้น ยังโง้น เหมือนคนแร่ร่อนนอนอยู่ใต้ทางด่วน มองเห็นตึกใบหยกแล้วคิดว่า สักวันเถอะกรูต้องเป็นเจ้าของตึกที่สูงกว่านี้ แค่นี้จิ๊บๆ :b32:

:b13:
คำพูดที่ว่ามาทั้งหมดนี้น่าจะเป็นของกรัชกายเสียมากกว่า เพราะเห็นมีแต่พูดได้แต่ทำไม่เป็น
:b7:
ส่วนอโศกะแล้วได้ศึกษา เข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งถ่องแท้ในอริยสัจ 4 พิสูจน์ด้วยการปฏิบัติจริงมาอย่างช่ำชองจนอาจหาญที่จะประกาศอริยสัจ 4 ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่มีติดขัด ดังตัวอย่างแผ่นภาพแผนภูมิอริยสัจ 4 ที่นำมาโพสต์ให้ดูให้ศึกษากันนี้ซึ่งมิอาจเขียนสรุปขึ้นมาได้ง่ายๆถ้าไม่ได้พิสูจน์ความจริงมาก่อน
onion
ทดสอบกรัชกายง่ายๆแค่นี้ว่าที่พูดว่า มรรค (ชื่อเต็ม ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสัจ) ได้แก่ ข้อปฏิบัติ การปฏิบัติ การลงมือทำ แล้วก็ทำอย่างถูกวิธี

ทำอย่างถูกวิธีนั้น ทำอย่างไรอธิบายหรือบอกมาให้ฟังหน่อยซิ ถ้าอธิบายได้ถูกต้องแล้วจะยอมฟัง แต่ถ้าไม่ถูกต้องจะสั่งสอน[/color]
onion wink
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2016, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
มรรค (ชื่อเต็ม ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสัจ) ได้แก่ ข้อปฏิบัติ การปฏิบัติ การลงมือทำ แล้วก็ทำอย่างถูกวิธี เมื่อทำถูกต้องถูกวิธีแล้ว ผลจากการปฏิบัติก็โยงถึงสามข้อที่เหลือ

แต่มัวแต่คิดๆๆ ยังไม่ได้ทำ จึงยังเป็นแค่จินตนาการเอาว่า ยังงี้ ยังงั้น ยังโง้น เหมือนคนแร่ร่อนนอนอยู่ใต้ทางด่วน มองเห็นตึกใบหยกแล้วคิดว่า สักวันเถอะกรูต้องเป็นเจ้าของตึกที่สูงกว่านี้ แค่นี้จิ๊บๆ :b32:

:b13:
คำพูดที่ว่ามาทั้งหมดนี้น่าจะเป็นของกรัชกายเสียมากกว่า เพราะเห็นมีแต่พูดได้แต่ทำไม่เป็น
:b7:
ส่วนอโศกะแล้วได้ศึกษา เข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งถ่องแท้ในอริยสัจ 4 พิสูจน์ด้วยการปฏิบัติจริงมาอย่างช่ำชองจนอาจหาญที่จะประกาศอริยสัจ 4 ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ไม่มีติดขัด ดังตัวอย่างแผ่นภาพแผนภูมิอริยสัจ 4 ที่นำมาโพสต์ให้ดูให้ศึกษากันนี้ซึ่งมิอาจเขียนสรุปขึ้นมาได้ง่ายๆถ้าไม่ได้พิสูจน์ความจริงมาก่อน
onion
ทดสอบกรัชกายง่ายๆแค่นี้ว่าที่พูดว่า มรรค (ชื่อเต็ม ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อริยสัจ) ได้แก่ ข้อปฏิบัติ การปฏิบัติ การลงมือทำ แล้วก็ทำอย่างถูกวิธี

ทำอย่างถูกวิธีนั้น ทำอย่างไรอธิบายหรือบอกมาให้ฟังหน่อยซิ ถ้าอธิบายได้ถูกต้องแล้วจะยอมฟัง แต่ถ้าไม่ถูกต้องจะสั่งสอน[/color]


ถามเป็นน้ำจิ้มหน่อยก่อนนะขอรับ

ทุกขอริยสัจ กับ ทุกขสภาวะ อันเดียวกันหรือต่างกัน :b1:

แผนผังใยแมงมุม ที่คิดวาดนั่นน่า (คิดไปได้) :b32:

รูปภาพ

เหมือนเคยพูดทีแล้วว่า เป็นธรรมปฏิรูป ธรรมปลอม ธรรมเทียม ธรรมมโน :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2016, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ท่านอโศกตั้งชื่อแผนผังทีวาดนั่น "แผนผังทางไปนิพพาน" อุต๊ะ ปัดติเถ เถนา :b32:

พูดเหมือนนิพพานเป็นเมืองแก้ว เมืองทอง เป็นเมืองใดเมืองหนึ่ง เหมือนนิพพานตั้งอยู่สถานที่ใดที่หนึ่งยังงั้นแหละ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2016, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




วิธีไปนิพพาน_0002_resize_resize.jpg
วิธีไปนิพพาน_0002_resize_resize.jpg [ 33.71 KiB | เปิดดู 1775 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
รูปภาพ

ท่านอโศกตั้งชื่อแผนผังทีวาดนั่น "แผนผังทางไปนิพพาน" อุต๊ะ ปัดติเถ เถนา :b32:

พูดเหมือนนิพพานเป็นเมืองแก้ว เมืองทอง เป็นเมืองใดเมืองหนึ่ง เหมือนนิพพานตั้งอยู่สถานที่ใดที่หนึ่งยังงั้นแหละ :b13:

:b11:
สร้างภาพบอกทางผู้คนก็ต้องใช้สมมุติบัญญัติที่พอเข้าใจได้นำไปก่อน จนกว่าเขาจะได้พบปรมัตถ์ด้วยตัวเขาเอง คุณกรัชกายลองมาเดินตามทางที่บอกไว้นี้สิ
จะได้พบเจอนิพพานโดยปรมัตถ์อย่างแน่นอน

onion onion onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2016, 05:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
รูปภาพ

ท่านอโศกตั้งชื่อแผนผังทีวาดนั่น "แผนผังทางไปนิพพาน" อุต๊ะ ปัดติเถ เถนา :b32:

พูดเหมือนนิพพานเป็นเมืองแก้ว เมืองทอง เป็นเมืองใดเมืองหนึ่ง เหมือนนิพพานตั้งอยู่สถานที่ใดที่หนึ่งยังงั้นแหละ :b13:


สร้างภาพบอกทางผู้คนก็ต้องใช้สมมุติบัญญัติที่พอเข้าใจได้นำไปก่อน จนกว่าเขาจะได้พบปรมัตถ์ด้วยตัวเขาเอง คุณกรัชกายลองมาเดินตามทางที่บอกไว้นี้สิ
จะได้พบเจอนิพพานโดยปรมัตถ์อย่างแน่นอน



ไม่เข้าใจ ยังไงนิพพานโดยปรมัตถ์ :b10: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2016, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอโศกหายไปไหน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2016, 06:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg
ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg [ 50.12 KiB | เปิดดู 1762 ครั้ง ]
กระบวนการทำงานของมรรค 8_100.1 Kb_resize.jpg
กระบวนการทำงานของมรรค 8_100.1 Kb_resize.jpg [ 45.99 KiB | เปิดดู 1762 ครั้ง ]
:b8:
ถ้าตาสติปัญญายังไม่คมกล้าย่อมจะเห็นแต่สิ่งที่เป็นบัญญัติ แต่เมื่อฝึกฝนจนนิวรณ์ 5 สงบรำงับ ดับความนึกคิดอันเป็นบัญญัติทั้งหลายได้ชั่วคราว
ตาสติปัญญาก็จะเห็นแต่สิ่งที่เป็นปรมัตถ์คือเหนือความนึกคิด รู้ตรงที่ใจ เมื่อนั้นจึงจะได้เห็นธรรมตามความเป็นจริงคืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จริงๆ
ทำความรู้ชัดในลักษณะ 3 อย่างใดอย่างหนึ่ง จนเกิดนิพพิทาญาณเจริญไปตามขั้นตอนแห่งญาณ 16 เข้าถึงมรรคผลนิพพาน

onion
คุณกรัชกายรู้เรื่องบัญญัติกับปรมัตถ์ในเชิงปฏิบัติแค่ไหนกันครับ
?????

s006
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2016, 10:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

คุณกรัชกายรู้เรื่องบัญญัติ กับ ปรมัตถ์ในเชิงปฏิบัติแค่ไหนกันครับ



ตัดเอาใยแมงมุมออก

ท่านอโศก ทำความเข้าใจความหมาย "บัญญัติ" "ปรมัตถ์" (ปรมัตถสัจจะ) "สมมติ" (สมมติสัจจะ) ให้ได้ก่อนเถอะนะขอรับ

บัญญัติ การตั้งขึ้น, ข้อที่ตั้งขึ้น, การกำหนดเรียก, การเรียกชื่อ , การวางเป็นกฎไว้, ข้อบังคับ

ปรมัตถ์ (- สัจจะ) ความจริงตามสภาวะของมัน

สมมุติ (- สัจจะ) ความจริงตามที่มนุษย์ตกลงกัน


ใยแมงมุมที่โยงไปนั่นมานี่เป็นบัญญัติ ซึ่งท่านอโศกยอมรับคนเดียว คือ คิดเองเออเอง

ส่วนปรมัตถ์ ท่านอโศกยังไม่พูด ยังไม่ทำอะไรเลย เห็นแต่จับศัพท์แสงทางธรรมวาดไปนี่มานั่น เพื่อให้ตนเองสบายใจ :b13: คือพอคิดว่าเป็นธรรมะ ก็อมยิ้ม ยิ้มแก้มตุ่ย ธรรมะๆๆ :b32:

กรัชกายจะเอาปรมัตถ์ให้ดู


อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วทำไมวูบไป เปลี่ยนเป็นอีกอารมณ์นึง แต่ไม่ได้ง่วงนะ

ผมสังเกตว่าเวลานั่งสมาธิ ก็ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ แล้วบางครั้งมันเกิดความเจ็บปวดที่ขาแสบๆปวดทรมานหรือบางครั้งเกิดความรู้สึกกดแน่นทึ่หัวกลัวเส้นเลือดจะแตกนะบางที แต่ก็นั่งต่อไปพอความปวดหรือความกดเป็นมากเข้าๆ มันดับวูบไปเป็นอีกอารมณ์นึง มันอาบความรู้สึกทุกข์ที่กายที่เป็นอยู่ตอนนั้นให้หายไป แล้วมันเจอว่างๆอ่ะกว้างๆโล่งๆ บางครั้งก็ยังเหลือร่างกายนิดๆ บางครั้งไม่เหลือร่างกาย เห็นแต่จิตที่ตื่นเต้น เป็นสองสามครั้งแล้ว มันคือไรครับ งง



ปรมัตถ์ ที่เป็นสภาวะนี่แหละ ถ้าคนไม่เข้าใจมัน รู้ไม่เท่าถึงเท่าทันมัน ทุกขสภาวะที่เป็นธรรมชาตินั้น ก็กลายกลับเป็นทุกข์ของคน คือ เป็นทุกขอริยสัจ

กำหนดดูลมหายใจเข้า-ออกก็ดี ดูอาการท้องพอง ท้องยุบเป็นต้นก็ดี เห็น/ตอบได้หมดทุกประเด็น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2016, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

มองคนหรือมนุษย์ ต้องมองสองชั้น คือ ชั้นนอก กับ ชั้นใน จึงจะเห็นธรรม

การดำเนินชีวิตในโลกแต่ละคนๆที่เป็นไปต่างๆกัน (ตามเจตนาที่เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นต้น) นี่เป็นชั้นนอก

ส่วนชั้นในที่เป็นฐาน คือสภาวะ มันไม่เป็นไปตามความยึดความอยากของใคร เป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน ตย. ความปลี่ยนแปลง ไม่คงที่ของชีวิต ไล่ตั้งแต่เป็นตัวชีวิตอ่อนๆ มาเป็นเบบี้ เป็นคนหนุ่มคนสาว เข้าสู่วัยชรา แล้วก็ลับดับสลายไป (มีเหมือนไม่มี) นี่มองขั้นหยาบๆ ที่คนเราพอเห็นได้

แต่ความเปลี่ยนแปลงไม่คงที่คงทน ไม่ใช่ตัวตนขั้นละเอียดลึกซึ้ง (อย่างตัวอย่าง คคห.บน) มันทั้งลึกทั้งซึ้ง จนตัวเองก็ไม่เข้าใจชีวิตตัวเอง

สรุปก็คือ ชีวิตชั้นนอกที่โลดแล่นอยู่ในสังคมตามบทบาทหน้าที่แต่ละคนๆ ด้านหนึ่ง ชีวิตด้านสังคมข้างนอกนี้ เหมือนซ้อนอยู่บนชีวิต ซึ่งเป็นธรรมชาติ (จริงๆก็ชีวิตเดียว แต่พูดแยกให้พอเห็นภาพ )

มองให้ทะลุ :b1:

หรือท่านอโศกจะค้าน ว่ามา :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2016, 05:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




มีแต่เหตุกับผล_resize_resize.jpg
มีแต่เหตุกับผล_resize_resize.jpg [ 40.89 KiB | เปิดดู 1740 ครั้ง ]
:b4:
กรัชกายนี่เก่งขึ้นไม่ใช่น้อยแต่อธิบายยากไป ยกตัวอย่างที่ขยายความไปได้เยอะ
:b13:
ปรมัตถ์=รู้ที่ใจ
หนาว ร้อน เจ็บ ปวด สุข ทุกข์

บัญญัติ=รู้ที่ความคิด
คน หมู หมา เป็ด ไก่ วัว ควาย

"เอาบัญญัติ หาบัญญัติ เห็นบัญญัติ ได้บัญญัติ เป็นบัญญัติ

เอาปรมัตถ์ หาปรมัตถ์ เห็นปรมัตถ์ ได้ปรมัตถ์ เป็นปรมัตถ์"

(หลวงพ่อธี ถ้ำวัวอนัตตาราม ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)
:b37:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2016, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b4:
กรัชกายนี่เก่งขึ้นไม่ใช่น้อยแต่อธิบายยากไป ยกตัวอย่างที่ขยายความไปได้เยอะ
:b13:
ปรมัตถ์=รู้ที่ใจ
หนาว ร้อน เจ็บ ปวด สุข ทุกข์

บัญญัติ=รู้ที่ความคิด
คน หมู หมา เป็ด ไก่ วัว ควาย

"เอาบัญญัติ หาบัญญัติ เห็นบัญญัติ ได้บัญญัติ เป็นบัญญัติ

เอาปรมัตถ์ หาปรมัตถ์ เห็นปรมัตถ์ ได้ปรมัตถ์ เป็นปรมัตถ์"

(หลวงพ่อธี ถ้ำวัวอนัตตาราม ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่)
:b37:


ไปจำผิดๆมาอีก มั่ว ต้องยังงี้ เอาบัญญัติ เช่น พองหนอ ยุบหนอ (นั่งหนอ ถูกหนอ)...ซ้าย ย่าง หนอ ขวา ย่างหนอ คิดหนอ รู้หนอ ฯลฯ หายใจเข้า พุท หายใจ ออก โธ ฯลฯ เพื่ออะไร ? เพื่อให้จิตตั้งมั่น สงบ หายฟุ้งซ่าน เมื่อจิตพอสะฮบๆแล้วก็จะรู้เห็นปรมัตถ์ คิกๆๆๆ ดังบาลีว่า สมาหิโต ยถาภูตัง ปชานาติ เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อมรู้ตามเป็นจริง หรือตามที่มันเป็น (รู้เห็นปรมัตถธรรมนั่นเองแล.)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2016, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่างนี้เป็นต้น

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วทำไมวูบไป เปลี่ยนเป็นอีกอารมณ์นึง แต่ไม่ได้ง่วงนะ

ผมสังเกตว่าเวลานั่งสมาธิ ก็ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ แล้วบางครั้ง มันเกิดความเจ็บปวดที่ขาแสบๆปวดทรมานหรือบางครั้งเกิดความรู้สึกกดแน่นทึ่หัวกลัวเส้นเลือดจะแตกนะบางที แต่ก็นั่งต่อไปพอความปวดหรือความกดเป็นมากเข้าๆ มันดับวูบไปเป็นอีกอารมณ์นึง มันอาบความรู้สึกทุกข์ที่กายที่เป็นอยู่ตอนนั้นให้หายไป แล้วมันเจอว่างๆอ่ะกว้างๆโล่งๆ บางครั้งก็ยังเหลือร่างกายนิดๆ บางครั้งไม่เหลือร่างกาย เห็นแต่จิตที่ตื่นเต้น เป็นสองสามครั้งแล้ว มันคือไรครับ งง


อธิบายหลักธรรมระดับปรมัตถสภาวะได้หมด

ชอบพูดอ้างกัน สติปัฏฐาน 4 กาย เวทนา จิต ธรรม แค่นี้แหละ ถ้าถามต่อว่าทำยังไง เห็นยังไง ร้อง อึ :b32:

นี่ใช้บัญญัติ คือ ลมหายใจเข้า-ออก (อาการท้องทีี่่พองกับอาการท้องยุบก็ได้) ที่เป็นกายสังขาร ว่าไปทำไปภาวนาไป พองหนอ ยุบหนอ เป็นวันเป็นอาทิตย์เป็นเดือน...จิตก็สงบ หายฟุ้ง มันเห็นหมด กาย เวทนา จิต ธรรม ดังตัวอย่างนี้ เขารู้ แต่เขาไม่รู้ (เอ๊ะพูดยังไง รู้แต่ไม่รู้)

กาย (กายานุปัสสนา) เขาก็เห็นว่าบางครั้งกายเหลือนิดๆ บางครั้งหายไป

เวทนา (เวทนานุปัสสนา) เขาก็รู้ก็เห็นความเจ็บปวดทรมาน

จิต (จิตตานุปัสสนา) เขาก็เห็น ตื่นเต้น แต่ข้อ

ธัมม์ (ธรรมนุปัสสนา) เขาไม่เข้าใจ ซึ่งก็คืออาการทั้งหมด เช่น อาการดับวูบไปแล้วเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง (เกิด-ดับ) นี่ก็เป็นธรรม ที่เราบังคับไม่ให้มันเป็นยังงั้นยังงี้ตามใจเราไม่ได้...ถึงว่าไงว่า มันเป็นของมัน เป็นไปตามสภาวะของมัน .... นี่ข้อหนึ่ง

อีกประเด็นหนึ่ง ที่เขาไม่รู้ เพราะเขายังคิดว่า เป็นเรา (มีเรา ตัวเรา มีกู ตัวกู) มีเราเป็นนั่นเป็นนี่อยู่ ถ้าโยคีกำหนดสภาวะเกิด-ดับนั่นๆ ให้ทันทุกๆขณะ ....จนเห็นชัดแน่ว่า อ้อ นี่ๆ มันเป็นยังงี้นี่เอง เดี๋ยวเจ็บ เดี่ยวหาย เดี๋ยวกลัวเส้นเลือดแตก เห็นบ่อยๆ ตามทันความเปลี่ยนแปรไปของนามรูป ก็ปล่อยวางได้ ไม่ยึดติดถือมั่นรูปนาม ขันธ์ ๕ ก็เท่านี้เองท่านอโศก (ไม่ยึดติดด้วยการรู้เห็นจริงๆ ไม่ใช่ไปตั้งท่าทำท่าไม่ยึดติดนะ คิกๆๆ)

ฝากโยคีผู้ปฏิบัติว่า คุณต้องกำหนดรู้ทุกๆสภาวะตามเป็นจริง ยังไงก็ยังงั้น ไม่บิดเบือน ไม่เลี่ยงหนีความจริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 246 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร