วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 06:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2016, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ถามว่าบวชแล้วไม่สละพ้นไหมยังยินดีในสมมุติในนิมิตชั่วคราวในของไม่มีแล้วต้องทุกข์อีกตายแน่ๆ
:b13:
อ้างคำพูด:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลรากมาจากตัณหา อุปาทาน ความทะยานอยากดิ้นรน และความยึดมั่นเป็นเราเป็นของเรา รวมถึงความเพลินในอารมณ์ต่างๆ สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยวยึดถือไว้โดยความเป็นตน เป็นของตนที่จะไม่ก่อทุกข์ก่อโทษให้นั้นเป็นไม่มี หาไม่ได้ในโลกนี้ เมื่อใด บุคคลมาเห็นสักแต่ว่าเห็น ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง รู้สึกสักแต่ว่าได้รู้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เพียงสักว่าๆ ไม่หลงใหลพัวพันมัวเมา เมื่อนั้น จิตก็จะว่างจากความยึดถือต่างๆ ปลอดโปร่งแจ่มใสเบิกบานอยู่"

ท่องพุทโธเข้าไว้ถามว่าไฟสุมขอนลุกลามแท้แน่ๆมีเวลาเย็นไม่ถึง100ปีเย็นใจคิดว่าทำได้ ตายแน่ๆ
onion onion onion


ตัณหาเป็นทั้งความอยากและความไม่อยาก ...
ความทะยานอยากเพื่อให้ภาวะที่ชอบใจคงอยู่เรียกว่า .....ภวตัณหา
ความทะยานอยากเพื่อให้ภาวะที่ตนไม่ชอบใจดับสูญเรียกว่า...วิภวตัณหา

รสรินจะอ้างพระสูตรควรมีความรู้ในพระอภิธรรมบ้างไม่มากก็น้อย
การพูดจาเรื่อยเปื่อยอาจทำให้พระสูตรคลาดเคลื่อน
ไม่รู้ไม่พูดก็ไม่มีใครเขาว่า :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2016, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
มีแต่คำจริงความจริงตรงๆมีชีวิตเกินร้อยปีได้กี่คน
พูดจาเรื่อยเปื่อยน่ะตัวเองรับนะโฮฮับก็ไม่รู้เลย
ความจริงที่ควรเพ่งโทษติเตียนบวชทำไม
เพราะไม่ว่ายุคไหนก็มีแต่ภิกษุในธรรมวินัย
ถ้าเป็นพระวาจาที่เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์
ประพฤติลามกผิดวินัยถึงกระอักเลือดเชียวน๊า
คุณโฮฮับต้องกลับไปอ่านแล้วล่ะลาสิกขากันเพียบ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2016, 00:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
เรื่องยาน

ก็โดยสมัยนั้นแล พระฉัพพัคคียี์ขี่ยานซึ่งเทียมด้วยโคตัวเมีย มีบุรุษเป็นสารถีบ้าง เทียมด้วยโคตัวผู้ มีสตรีเป็นสารถีบ้าง ประชาชนจึง เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า เหมือนชายหนุ่มหญิงสาวไปเล่นน้ำในแม่น้า คงคาและแม่น้ำมหี ฉะนั้น ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ทรงบัญญัติห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงไปด้วยยาน รูปใดไปต้องอาบัติทุกกฏ.

สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งไปพระนครสาวัตถีในโกศลชนบทเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่อาพาธเสียกลางทาง และได้หลีกจากทางนั่งอยู่ ณ โคนไม้แห่งหนึ่งประชาชนพบภิกษุนั้น จึงเรียนถามว่า พระคุณเจ้าจะไปไหนขอรับ ?

ภิกษุนั้นตอบว่า อาตมาจะไปพระนครสาวัตถุ เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า.

ป. นิมนต์มา ไปด้วยกันเถิด ขอรับ.

ภิ. อาตมาไม่อาจ เพราะกำลังอาพาธ.

ป. นิมนต์มาขึ้นยานเถิด ขอรับ.

ภิ. ไม่ได้ เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามยาน.

ภิกษุนั้นรังเกียจอยู่ ดังนั้นจึงไม่ยอมขึ้นยาน ครั้นไปถึงพระนครสาวัตถีแล้วจึงแจ้งเรื่องนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย ๆ กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเราอนุญาตยานแก่ภิกษุผู้อาพาธ.

ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายได้คิดกันว่า ยานที่ทรงอนุญาตนั้นเทียมด้วยโคตัวเมีย หรือเทียมด้วยโคตัวผู้ แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆทรงอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตยานที่เทียมด้วยโคตัวผู้และยานที่ใช้มือลาก.

สมัยต่อมา ภิกษุรูปหนึ่งไม่ผาสุกอย่างแรง เพราะความกระเทือนแห่งยาน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ๆ ทรงอนุญาตเก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตยานหามมีตั่งนั่ง และเปลผ้าที่เขาผูกติดกับไม้คาน.


จากห้ามเลย...พอมีเหตุ..ก็มีอนุญาตให้ภิกษุอาพาธได้

พอมีเหตุแห่งการสงสัยในหมู่ภิกษุ...ก็มีการกำหนดละเอียดขึ้นว่า..ต้องลากด้วยโคตัวผู้และลากด้วยมือ
(หากพระองค์ยังทรงอยู่..ก็อาจมีคนสงสัยว่า..ลากด้วยลา..ม้า..กระบือ...ฯลฯ..ได้มั้ย?)

พอมีเหตุ..เกิดการไม่ผาสุกเนื่องจากแรงกระเทือน...ก็กำหนดละเอียดขึ้นไปอีกว่า..ยานหามมีตั่งนั่ง..และเปลผ้าผูกใว้ที่ไม้คาน...

จะสังเกตเห็นได้ว่า...ห้ามนั่งยาน..มีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดเพิ่มขึ้นได้เรื่อย ๆตามความเหมาะสม...แต่ยังอยู่ในเรื่องภิกษุอาพาธ....หากพระองค์ทรงพระชนชีพอยู่ถึงปัจจุบัน..ก็อาจมีผู้ทูลถามเหตุมากขึ้นนอกจากการอาพาธแล้วจะขึ้นยานเพื่อการอื่นได้มั้ย..เช่น..หนีภัยซึนามิ...หนีภัยแผ่นดินไหว..น้ำท่วม..ไฟไหม้...พายุ...แล้วยานก็อาจจะเพิ่มชนิดมากขึ้นจากแค่เทียมสัตว์..ยานหาม..ผูกเปลผ้า..ว่าจะเป็นรถยนต์..เรือยนต์..เครื่องบิน..ได้มั้ย...อย่างนี้เป็นต้น..

หากพระองค์มีพระชนชีพได้ยาวนาน..ก็เชื่อว่า..รายละเอียดปลีกย่อยเรื่องการห้ามยานก็คงมีมากกว่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ...เช่น
การหนีภัย...

รับกิจนิมนต์กี่กิโลเมตรจึงจะขึ้นยานได้..

ขับยานยนต์เองได้มั้ยเพราะลูกศิษย์วัดหายากขึ้นทุกวัน(ยานเทียมสัตว์คงไม่เหมาะแน่)...

มีชื่อเป็นเจ้าของยานเองได้มั้ย(เพราะทุกวันนี้หาคนซื่อสัตย์ยากขึ้นทุกวัน...ยานก็ซื้อมาจากเงินบริจาคหากถูกโกงไปก็เท่ากับไม่ได้รักษาศาสนสมบัตินะซิ...ว่ามั้ย :b32: )...

ในความเห็นของผม...จะเห็นว่า..อาการการนั่งยาน..ไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการบรรลุธรรม..(หากเป็นอุปสรรค...พระองค์คงไม่อนุญาตให้ผู้อาพาธหรอก)...แต่กิเลสความอยากสะดวกสะบายต่างหากที่เป็นอุปสรรคแห่งมรรคผล...


เราจะคิดเองทึกทักเองไม่ได้หรอกครับว่าหากพระผู้มีพระภาคเจ้ายังดำรงพระชนชีพอยู่จะบัญญัติอย่างนั้น
เรื่องภิกษุนั่งยาน เป็นอาบัติทุกกฎครับ เป็นอาบัติเบา แต่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าบัญญัติแล้วครับว่าพระภิกษุไม่ควรทำ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดี แล้วอาบัติข้อนี้ผมว่าภิกษุบางรูปก็คงไม่ทราบ ถ้าภิกษุที่ท่านทราบแล้วมีความเคารพในพระศาสดาท่านก็คงไม่ทำ


แก้ไขล่าสุดโดย ปฤษฎี เมื่อ 22 เม.ย. 2016, 00:56, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2016, 00:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
เหนือใต้ออกตก ถ้าไม่ได้ป่วยก็ต้องเดินครับ หรือถ้ารูปใดมีฤทธิ์ จะเหาะเหิน เดินอากาศ ดำดินไปก็ได้ แต่ก็ต้องไม่ให้ชาวบ้านคฤหัสถ์เห็นครับ


คิกๆๆ จะเหาะไปทางไหน เดี๋ยวนี้บ้านเรือนเต็มไปหมด เหาะไปอาจะมีเสียงวี๊ดๆๆวิ้วๆๆคนก็แหงนดู



ฤทธิ์เป็นเรื่องละเอียด เหาะไปแบบไม่ให้คนเห็นก็ได้ อธิษฐานไม่ให้ใครเห็นก็ได้ แต่สมัยนี้จะหาพระที่มีฤทธิ์อย่างนี้ได้รึเปล่า ถ้ามีคงมีน้อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2016, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
เหนือใต้ออกตก ถ้าไม่ได้ป่วยก็ต้องเดินครับ หรือถ้ารูปใดมีฤทธิ์ จะเหาะเหิน เดินอากาศ ดำดินไปก็ได้ แต่ก็ต้องไม่ให้ชาวบ้านคฤหัสถ์เห็นครับ


คิกๆๆ จะเหาะไปทางไหน เดี๋ยวนี้บ้านเรือนเต็มไปหมด เหาะไปอาจะมีเสียงวี๊ดๆๆวิ้วๆๆคนก็แหงนดู



ฤทธิ์เป็นเรื่องละเอียด เหาะไปแบบไม่ให้คนเห็นก็ได้ อธิษฐานไม่ให้ใครเห็นก็ได้ แต่สมัยนี้จะหาพระที่มีฤทธิ์อย่างนี้ได้รึเปล่า ถ้ามีคงมีน้อย


:b21:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2016, 17:09 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2946


 ข้อมูลส่วนตัว


onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร