วันเวลาปัจจุบัน 06 ต.ค. 2025, 23:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 246 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 17  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2016, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศาสนาพุทธเหมือนกันแต่ต่างกันที่ บุญกับกุศล

เป็นเพราะฆราวาสชอบเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของวัดหรือเปล่า


พระไทยเน้นบุญ พระจีนเน้นกุศล

ดร.ทวีวัฒน์ อธิบายความแตกต่างระหว่างพระจีนกับพระไทยว่า พระจีนส่วนใหญ่จะได้เงินมาจากการบริจาคของประชาชน และมักจะมีการตั้งมูลนิธิขึ้นมาทำเกี่ยวกับงานด้านสาธารณกุศล เมื่อประชาชนบริจาคเงินเข้าวัดนี้ วัดจะนำเงินนั้นมาเข้ามูลนิธิ เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ มูลนิธิเหล่านี้จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชน เช่น ทำข้าวต้มไปให้ นำผ้าห่มไปแจก เป็นต้น ฉะนั้นคนที่เข้ามาบริจาคเงินกับวัดจะเห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรมว่า เงินที่พวกเขาได้บริจาคไปนั้น ทางวัดนำไปสร้างประโยชน์สาธารณะจริง ทำให้คนศรัทธาและบริจาคมากขึ้น

ขณะที่พระไทยนั้น จะเน้นเรื่องการทำบุญ ประชาชนเข้าไปทำบุญบริจาคให้แก่วัด แต่ไม่ได้มีการจัดตั้งมูลนิธิขึ้น หรือมีก็ค่อนข้างน้อย และจะเห็นได้ชัดว่า วัดใดที่มีความมั่งคั่งสังเกตได้จากความสวยงาม ใหญ่โตอลังการของวัด แต่ชาวบ้านรอบๆ วัดก็ยังยากจนเช่นเคย จึงเป็นข้อแตกต่างที่ทำให้ประเทศที่นับถือเถรวาทที่เน้นด้านการทำบุญก็ยังเป็นประเทศที่ยากจน ขณะที่ประเทศมหายานสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ซึ่งส่วนหนึ่งคือเน้นเรื่องกุศลเอาเงินมาช่วยประชาชนผู้ประสบภัย


http://www.thairath.co.th/content/603085


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2016, 10:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ศาสนาพุทธเหมือนกันแต่ต่างกันที่ บุญกับกุศล

เป็นเพราะฆราวาสชอบเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของวัดหรือเปล่า


พระไทยเน้นบุญ พระจีนเน้นกุศล

ดร.ทวีวัฒน์ อธิบายความแตกต่างระหว่างพระจีนกับพระไทยว่า พระจีนส่วนใหญ่จะได้เงินมาจากการบริจาคของประชาชน และมักจะมีการตั้งมูลนิธิขึ้นมาทำเกี่ยวกับงานด้านสาธารณกุศล เมื่อประชาชนบริจาคเงินเข้าวัดนี้ วัดจะนำเงินนั้นมาเข้ามูลนิธิ เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ มูลนิธิเหล่านี้จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชน เช่น ทำข้าวต้มไปให้ นำผ้าห่มไปแจก เป็นต้น ฉะนั้นคนที่เข้ามาบริจาคเงินกับวัดจะเห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรมว่า เงินที่พวกเขาได้บริจาคไปนั้น ทางวัดนำไปสร้างประโยชน์สาธารณะจริง ทำให้คนศรัทธาและบริจาคมากขึ้น

ขณะที่พระไทยนั้น จะเน้นเรื่องการทำบุญ ประชาชนเข้าไปทำบุญบริจาคให้แก่วัด แต่ไม่ได้มีการจัดตั้งมูลนิธิขึ้น หรือมีก็ค่อนข้างน้อย และจะเห็นได้ชัดว่า วัดใดที่มีความมั่งคั่งสังเกตได้จากความสวยงาม ใหญ่โตอลังการของวัด [color=#FF0000]แต่ชาวบ้านรอบๆ วัดก็ยังยากจนเช่นเคย
จึงเป็นข้อแตกต่างที่ทำให้ประเทศที่นับถือเถรวาทที่เน้นด้านการทำบุญก็ยังเป็นประเทศที่ยากจน ขณะที่ประเทศมหายานสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ซึ่งส่วนหนึ่งคือเน้นเรื่องกุศลเอาเงินมาช่วยประชาชนผู้ประสบภัย[/color]

http://www.thairath.co.th/content/603085



บุญ กับ กุศล ใช้แทนกันได้

เรื่องยากจน ขาดการศึกษา รัฐบาลต้องจัดส่งเสริมการศึกษาให้เขามีวิชามีความรู้ แล้วขาวบ้านเขาก็นำความรู้จากการศึกษาไปประกอบอาชีพ พัฒนาตนพัฒนาครอบครัวเขา

ยังงั้น จะมี ก.ศึกษาไว้ทำแมวอะไร มี รบ. ไว้ทำ 5 อะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2016, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ดาวน์โหลด (3).jpg
ดาวน์โหลด (3).jpg [ 6.85 KiB | เปิดดู 2409 ครั้ง ]
พวกนี้ซิครับไม่ยึดบัญญัติ
โพสต์ เมื่อ: 17 เม.ย. 2016, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ศาสนาพุทธเหมือนกันแต่ต่างกันที่ บุญกับกุศล

เป็นเพราะฆราวาสชอบเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของวัดหรือเปล่า


พระไทยเน้นบุญ พระจีนเน้นกุศล

ดร.ทวีวัฒน์ อธิบายความแตกต่างระหว่างพระจีนกับพระไทยว่า พระจีนส่วนใหญ่จะได้เงินมาจากการบริจาคของประชาชน และมักจะมีการตั้งมูลนิธิขึ้นมาทำเกี่ยวกับงานด้านสาธารณกุศล เมื่อประชาชนบริจาคเงินเข้าวัดนี้ วัดจะนำเงินนั้นมาเข้ามูลนิธิ เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ มูลนิธิเหล่านี้จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชน เช่น ทำข้าวต้มไปให้ นำผ้าห่มไปแจก เป็นต้น ฉะนั้นคนที่เข้ามาบริจาคเงินกับวัดจะเห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรมว่า เงินที่พวกเขาได้บริจาคไปนั้น ทางวัดนำไปสร้างประโยชน์สาธารณะจริง ทำให้คนศรัทธาและบริจาคมากขึ้น

ขณะที่พระไทยนั้น จะเน้นเรื่องการทำบุญ ประชาชนเข้าไปทำบุญบริจาคให้แก่วัด แต่ไม่ได้มีการจัดตั้งมูลนิธิขึ้น หรือมีก็ค่อนข้างน้อย และจะเห็นได้ชัดว่า วัดใดที่มีความมั่งคั่งสังเกตได้จากความสวยงาม ใหญ่โตอลังการของวัด [color=#FF0000]แต่ชาวบ้านรอบๆ วัดก็ยังยากจนเช่นเคย
จึงเป็นข้อแตกต่างที่ทำให้ประเทศที่นับถือเถรวาทที่เน้นด้านการทำบุญก็ยังเป็นประเทศที่ยากจน ขณะที่ประเทศมหายานสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ซึ่งส่วนหนึ่งคือเน้นเรื่องกุศลเอาเงินมาช่วยประชาชนผู้ประสบภัย[/color]

http://www.thairath.co.th/content/603085



บุญ กับ กุศล ใช้แทนกันได้

เรื่องยากจน ขาดการศึกษา รัฐบาลต้องจัดส่งเสริมการศึกษาให้เขามีวิชามีความรู้ แล้วขาวบ้านเขาก็นำความรู้จากการศึกษาไปประกอบอาชีพ พัฒนาตนพัฒนาครอบครัวเขา

ยังงั้น จะมี ก.ศึกษาไว้ทำแมวอะไร มี รบ. ไว้ทำ 5 อะไร


เอาแต่ได้ไม่คิดที่จะให้มันก็เป็นแบบเสื้อแดงกรัชกาย และวัดเสื้อแดงทั้งหลายแหล่ เอวัง :b32:


โพสต์ เมื่อ: 18 เม.ย. 2016, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ศาสนาพุทธเหมือนกันแต่ต่างกันที่ บุญกับกุศล

เป็นเพราะฆราวาสชอบเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของวัดหรือเปล่า


พระไทยเน้นบุญ พระจีนเน้นกุศล

ดร.ทวีวัฒน์ อธิบายความแตกต่างระหว่างพระจีนกับพระไทยว่า พระจีนส่วนใหญ่จะได้เงินมาจากการบริจาคของประชาชน และมักจะมีการตั้งมูลนิธิขึ้นมาทำเกี่ยวกับงานด้านสาธารณกุศล เมื่อประชาชนบริจาคเงินเข้าวัดนี้ วัดจะนำเงินนั้นมาเข้ามูลนิธิ เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ มูลนิธิเหล่านี้จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชน เช่น ทำข้าวต้มไปให้ นำผ้าห่มไปแจก เป็นต้น ฉะนั้นคนที่เข้ามาบริจาคเงินกับวัดจะเห็นผลงานอย่างเป็นรูปธรรมว่า เงินที่พวกเขาได้บริจาคไปนั้น ทางวัดนำไปสร้างประโยชน์สาธารณะจริง ทำให้คนศรัทธาและบริจาคมากขึ้น

ขณะที่พระไทยนั้น จะเน้นเรื่องการทำบุญ ประชาชนเข้าไปทำบุญบริจาคให้แก่วัด แต่ไม่ได้มีการจัดตั้งมูลนิธิขึ้น หรือมีก็ค่อนข้างน้อย และจะเห็นได้ชัดว่า วัดใดที่มีความมั่งคั่งสังเกตได้จากความสวยงาม ใหญ่โตอลังการของวัด [color=#FF0000]แต่ชาวบ้านรอบๆ วัดก็ยังยากจนเช่นเคย
จึงเป็นข้อแตกต่างที่ทำให้ประเทศที่นับถือเถรวาทที่เน้นด้านการทำบุญก็ยังเป็นประเทศที่ยากจน ขณะที่ประเทศมหายานสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ซึ่งส่วนหนึ่งคือเน้นเรื่องกุศลเอาเงินมาช่วยประชาชนผู้ประสบภัย[/color]

http://www.thairath.co.th/content/603085



บุญ กับ กุศล ใช้แทนกันได้

เรื่องยากจน ขาดการศึกษา รัฐบาลต้องจัดส่งเสริมการศึกษาให้เขามีวิชามีความรู้ แล้วขาวบ้านเขาก็นำความรู้จากการศึกษาไปประกอบอาชีพ พัฒนาตนพัฒนาครอบครัวเขา

ยังงั้น จะมี ก.ศึกษาไว้ทำแมวอะไร มี รบ. ไว้ทำ 5 อะไร


เอาแต่ได้ไม่คิดที่จะให้มันก็เป็นแบบเสื้อแดงกรัชกาย และวัดเสื้อแดงทั้งหลายแหล่ เอวัง :b32:


กลวง :b13:
ออกมหาสมุทรไปแล้ว :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 เม.ย. 2016, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ธรรมมา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ท่านอโศก ก็ในเมื่อชีวิตมัน ว่างเปล่า สุญญตา อนัตตา แล้วจะชวนสร้างนั่นนี่ทำไมอ่ะ ขัดกันไปหมด หรือยังไง อธิบายสิครับ

ความสงสัยอันนี้แสดงว่ายังห่างไกลอีกมาก ที่ก๊อปปี้เขามาวางๆไม่เคยเข้าใจอะไรเลย น่าเป็นห่วง


ถ้ายังงั้นคุณตอบบ้างจะทำไง ว่าไปสิครับ :b13:

อโศกตอบแล้ว ว่ามีอะไรต้องรีบชำระทิ้งให้หมด :b1:

ส่วนโฮฮับออกทะเลไปแล้ว คิกๆๆ


ธรรมา ไม่ตอบหน่อยหรือครับ จะสละแบบอโศก คือ ถือกะลาขอทาน หรือให้เมียหาเลี้ยงหรือยังไง :b32:

หรือจะเอาอย่างโฮฮับ ข้างบน :b13:

download/file.php?id=79746

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 เม.ย. 2016, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ท่านอโศก ก็ในเมื่อชีวิตมัน ว่างเปล่า สุญญตา อนัตตา แล้วจะชวนสร้างนั่นนี่ทำไมอ่ะ ขัดกันไปหมด หรือยังไง อธิบายสิครับ

:b12: :b12: :b12:
นึกแล้วเชียวถ้าเอาเรื่องบริจาคมาแทรกจะได้เห็นปฏิกิริยาจากคนขี้ระแวงสงสัยทั้งหลาย

ท่านกรัชกาย เพื่อให้ถึงสุญญตาจริงๆก็พิสูจน์เริ่มต้นง่ายๆ จากการสละปัจจัยให้ทานนี้ก่อนเป็นปฐม จะได้เห็นหรือรู้ว่า อัตตา ตัวกูของกูมันยังมีเหลืออยู่มากสักเท่าไหร่ จะได้เร่งรัดชำระทิ้งให้หมดหรือลดน้อยลงได้ถูกต้อง
onion


อ้อ "ชีวิตที่ว่างเปล่า สุญญตา อนัตตา" หมายถึงมีอะไรต้องชำระทิ้งให้เกลี้ยง แล้วไปถือกะลาขอทานกิน นอนใต้ทางด่วน นอนตามชายคาบ้านเขายังงั้นหรอขอรับ หรือยังไง :b32:

s004
เอ้อมันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจนะที่คนศึกษาเผยแพร่ธรรมะมาอย่างโชกโชนเช่นคุณกรัชกายไม่เข้าใจวิธีชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

การชำระภาระทางโลกทิ้งให้หมดแล้วถือกะลาไปขอทานกินนั้นเป็นวิธีการของคนไม่ฉลาด(โง่)อย่างเช่นพวกอเจลกะ ชีเปลือย คนเสียจริตทั้งหลาย

งานละชั่ว ทำแต่ดี ชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ตามวิธีการของพระพุทธเจ้านั้นมันเป็นงานที่ทรงคุณและสูงค่าในตัว มันเป็นงานพัฒนาการทางกายวาจาใจให้เจริญสอดคล้องไปกับธรรมชาติและเหตุปัจจัยที่มนุษย์แต่ละคน จิตแต่ละดวงได้สร้างสมมา ภายนอกอาจแตกต่างกันเป็นพระราชา มหาเศรษฐี คนชั้นกลาง หรือยาจกขอทาน ก็มีชีวิตอยู่ไปตามฐานะ

แต่ภายในนั้นไม่ต่างกันเมื่อสามารถชำระความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตาตัวกูของกู

ชำระที่จิต สละที่จิต ละทิ้งความเห็นผิดยึดผิดนะครับคุณกรัชกาย

การฝึกหัดทดสอบตนเองด้วยการเสียสละสิ่งของภายนอกนั้นมันเป็นเพียงเครื่องทดสอบพิสูจน์ความเหลืออยู่มากหรือน้อยของความเห็นผิดยึดผิด เป็นเพียงทางผ่านสู่การหมดสิ้นความยึดถือทั้งปวงเท่านั้นครับ



ก็นั่นแหละ ถ้าอย่างนี้นะ พุทธศาสนิกชนเมืองไทยทำกันอยู่แล้ว บางรายชำระสละทิ้งจนหมดเนื้อหมดตัว สุดท้ายเฮินหมด ถูกทอดทิ้งไว้ตามศาลาวัด :b32:

ทาน = การให้ (ศีล ภาวนา) ควรรู้จักประมาณตน อย่าทำแบบคิดว่าฉันมีธรรมะ ฉันจะเอาธรรมะ จนสิ้นเนื้อประดาตัว เดี๋ยวจะทะเลาะกับลูกกับหลาน ลูกหลานเขาจะทิ้งเอานะ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 เม.ย. 2016, 10:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศกมีทรัพย์สินเฮินทอง เก็บไว้ใช้สอยประจำวันบ้าง เป็นเพื่อนตัวยามเจ็บป่วยบ้าง อย่าทำอย่างที่ว่าจนหมด เหลือแต่กางเกงในล่ะขอรับ ตายแล้วใครจะเอาไปก็ช่างเขา มีชีวิตอยู่สำคัญนะ

อ้างคำพูด:
ยายวัย 86 สุดช้ำ ลูกๆไม่เลี้ยงดู ทำร้าย-ไล่ออกจากบ้าน

คุณยายฝ้าย กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาว่า ตนมีลูกจำนวน 5 คน เป็นชาย 1 หญิง 4 และได้แบ่งทรัพย์สินซึ่งเป็นสวนปาล์ม สวนยางพารา และสวนผลไม้ ร่วม 50 ไร่ให้ลูกๆไปแล้ว ก่อนหน้านั้นอาศัยอยู่กับ ลูกสาวคนเล็ก อายุ 38 ปี ที่ในตำบลบ้านควน อ.หลังสวน และยังให้ไปเงินช่วยสร้างบ้านหลายแสนบาท เมื่อหลายเดือนก่อนได้ขอแบ่งเงินรายได้ที่เกิดจากการทำสวนที่เคยมอบให้ลูกสาวคนเล็ก เพื่อมายังชีพและเดินทางไปหาญาติและลูกๆ ที่อยู่ต่างจังหวัดตามประสาคนแก่ แต่กลับถูกปฏิเสธ จนเกิดระหองระแหงกันเรื่อยมา


ข่าว

http://news.sanook.com/1981162/


ใจพ่อใจแม่

https://www.youtube.com/watch?v=T_ZVvsxT4iE


"สงสัยเนื้อเพลงจัง ตกลง ลูกคนไหนตายคะ"

แน่ะๆ มีสงสัยว่า ลูกไหนตาย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 เม.ย. 2016, 05:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
กรัชกายนี่กลัวตายอดตายอยากเสียจนลนลานไปหมด

ถึงว่าถึงบวชไม่ได้เพราะใจไม่ถึง


เอาเรื่องของพระที่ท่านเป็นลูกเศรษฐีหมื่นล้านชาวมาเลเซีย มาวิตกวิจารณ์ดูเสียบ้างสิ จะได้มีจิตใจและสติปัญญาที่สมดุลย์

จะสละหมดทุกอย่าง หรือสละไปบางส่วนก่อนจนกว่าจะสละได้หมดในตอนสุดท้าย ก็เป็นเรื่อง สติ ปัญญา ความสามามารถและเหตุปัจจัยของแต่ละคน ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอกนะคุณกรัชกาย

ศีล 5 โสดาบันนะฉลาดคิดฉลาดทำ คบหากัลยาณมิตรที่ท่านปฏิบัติจริงถึงจริงให้มากกว่านี้นะครับ

onion
ส่วนโฮฮับนั้นเขาหลุดโลกไปแล้วอย่าไปสนใจเขาเลย ปล่อยเขาไปเถอะ

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
:b7:


โพสต์ เมื่อ: 21 เม.ย. 2016, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
กรัชกายนี่กลัวตายอดตายอยากเสียจนลนลานไปหมด

ถึงว่าถึงบวชไม่ได้เพราะใจไม่ถึง


เอาเรื่องของพระที่ท่านเป็นลูกเศรษฐีหมื่นล้านชาวมาเลเซีย มาวิตกวิจารณ์ดูเสียบ้างสิ จะได้มีจิตใจและสติปัญญาที่สมดุลย์

จะสละหมดทุกอย่าง หรือสละไปบางส่วนก่อนจนกว่าจะสละได้หมดในตอนสุดท้าย ก็เป็นเรื่อง สติ ปัญญา ความสามามารถและเหตุปัจจัยของแต่ละคน ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอกนะคุณกรัชกาย

ศีล 5 โสดาบันนะฉลาดคิดฉลาดทำ คบหากัลยาณมิตรที่ท่านปฏิบัติจริงถึงจริงให้มากกว่านี้นะครับ

onion
ส่วนโฮฮับนั้นเขาหลุดโลกไปแล้วอย่าไปสนใจเขาเลย ปล่อยเขาไปเถอะ

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
:b7:


แน่ะว่าโฮฮับหลุดโลก

ว่ากรัชกายใจไม่ถึง คิกๆๆ ว่าใจไม่ถึงนัดดวลกันมะ ปัาดโธ่

อย่าเพิ่งไปคิดแทนเขาว่า สละเฮินหมื่นล้านแล้วเป็นอริยบุคคล

บิลเกต สละทรัพย์ช่วยเด็กๆ เป็นล้านล้าน เพราะเขามีเยอะใช้เป็นร้อยชาติก็ไม่หมด

ที่พูดนี่หมายบางคนบ้านเรา ดัง ตย.

อโศก สละทรัพย์หมดหรือยัง หรือไม่มีติดตัวเลย นอนตามศาลาวัด เอาชัดๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 เม.ย. 2016, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อโศก ตย. คนไม่มีที่พึ่ง ไม่มีเฮิน

ถ้าอยู่ตัวคนเดียว หากมีเฮินสำหรับใช้จ่ายเลี้ยงชีวิต ใช้จ่ายยามเจ็บไข้ ก็ยังพอบรรเทาดีกว่าไม่มีอะไรเลย

อ้างคำพูด:
ใครเคยขออาศัยวัดอยู่บ้างค่ะ

ใช้ชีวิตตัวคนเดียวค่ะ ไม่มีที่พึ่งพิง ยอมรับเลยค่ะชีวิตตกอับมากตอนนี้ เรียกได้ว่าจุดต่ำสุดในชีวิตค่ะ จะไปขออาศัยวัดอยู่ ตั้งต้นชีวิตใหม่ซักพัก และใช้ธรรมะเข้าช่วยกับอาการป่วยที่เป็นอยู่ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ ใครเคยตกอับหรือชีวิตลำบากขนาดต้องไปขออาศัยวัดอยู่บ้างค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 21 เม.ย. 2016, 14:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
กรัชกายนี่กลัวตายอดตายอยากเสียจนลนลานไปหมด

ถึงว่าถึงบวชไม่ได้เพราะใจไม่ถึง


เอาเรื่องของพระที่ท่านเป็นลูกเศรษฐีหมื่นล้านชาวมาเลเซีย มาวิตกวิจารณ์ดูเสียบ้างสิ จะได้มีจิตใจและสติปัญญาที่สมดุลย์

จะสละหมดทุกอย่าง หรือสละไปบางส่วนก่อนจนกว่าจะสละได้หมดในตอนสุดท้าย ก็เป็นเรื่อง สติ ปัญญา ความสามามารถและเหตุปัจจัยของแต่ละคน ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอกนะคุณกรัชกาย

ศีล 5 โสดาบันนะฉลาดคิดฉลาดทำ คบหากัลยาณมิตรที่ท่านปฏิบัติจริงถึงจริงให้มากกว่านี้นะครับ

onion
ส่วนโฮฮับนั้นเขาหลุดโลกไปแล้วอย่าไปสนใจเขาเลย ปล่อยเขาไปเถอะ

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
:b7:


แน่ะว่าโฮฮับหลุดโลก

ว่ากรัชกายใจไม่ถึง คิกๆๆ ว่าใจไม่ถึงนัดดวลกันมะ ปัาดโธ่

อย่าเพิ่งไปคิดแทนเขาว่า สละเฮินหมื่นล้านแล้วเป็นอริยบุคคล

บิลเกต สละทรัพย์ช่วยเด็กๆ เป็นล้านล้าน เพราะเขามีเยอะใช้เป็นร้อยชาติก็ไม่หมด

ที่พูดนี่หมายบางคนบ้านเรา ดัง ตย.

อโศก สละทรัพย์หมดหรือยัง หรือไม่มีติดตัวเลย นอนตามศาลาวัด เอาชัดๆ :b32:

:b12:
5555555
บอกแล้วว่าให้ใช้สติปัญญา ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรมตามฐานะและเหตุปัจจัยของตนเอง

ศีล 5 โสดาบัน

อโศกะไม่ได้อดอยากยากจนเพราะกุศลผลบุญที่สร้างสมไว้มาส่งผลให้มีกินมีใช้ไม่อด ไม่รวยไม่จน ไปจนถึงวันตายยังพอมีเหลือกินเหลือใช้ให้คนดูแลเราอีกตอนตาย

การประพฤติปฏิบัติธรรมก็เป็นไปได้ด้วยดีมีเวลาเต็มที่ทุกวัน ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสละทุกสิ่งทุกอย่างไปถือกะลาขอทานบำเพ็ญธรรมอย่างที่กรัชกายคิดหรอกนะครับ

ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเป็นอะไรก็ได้แต่สามารถจะมีเวลาให้ตนเองได้ภาวนาชำระความเห็นผิดยึดผิดในใจให้ขาดสะบั้นได้ต้องคำนึงตรงนั้นนะครับ
onion


โพสต์ เมื่อ: 21 เม.ย. 2016, 16:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
กรัชกายนี่กลัวตายอดตายอยากเสียจนลนลานไปหมด

ถึงว่าถึงบวชไม่ได้เพราะใจไม่ถึง


เอาเรื่องของพระที่ท่านเป็นลูกเศรษฐีหมื่นล้านชาวมาเลเซีย มาวิตกวิจารณ์ดูเสียบ้างสิ จะได้มีจิตใจและสติปัญญาที่สมดุลย์

จะสละหมดทุกอย่าง หรือสละไปบางส่วนก่อนจนกว่าจะสละได้หมดในตอนสุดท้าย ก็เป็นเรื่อง สติ ปัญญา ความสามามารถและเหตุปัจจัยของแต่ละคน ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรอกนะคุณกรัชกาย

ศีล 5 โสดาบันนะฉลาดคิดฉลาดทำ คบหากัลยาณมิตรที่ท่านปฏิบัติจริงถึงจริงให้มากกว่านี้นะครับ

onion
ส่วนโฮฮับนั้นเขาหลุดโลกไปแล้วอย่าไปสนใจเขาเลย ปล่อยเขาไปเถอะ

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
:b7:


แน่ะว่าโฮฮับหลุดโลก

ว่ากรัชกายใจไม่ถึง คิกๆๆ ว่าใจไม่ถึงนัดดวลกันมะ ปัาดโธ่

อย่าเพิ่งไปคิดแทนเขาว่า สละเฮินหมื่นล้านแล้วเป็นอริยบุคคล

บิลเกต สละทรัพย์ช่วยเด็กๆ เป็นล้านล้าน เพราะเขามีเยอะใช้เป็นร้อยชาติก็ไม่หมด

ที่พูดนี่หมายบางคนบ้านเรา ดัง ตย.

อโศก สละทรัพย์หมดหรือยัง หรือไม่มีติดตัวเลย นอนตามศาลาวัด เอาชัดๆ :b32:

:b12:
5555555
บอกแล้วว่าให้ใช้สติปัญญา ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรมตามฐานะและเหตุปัจจัยของตนเอง

ศีล 5 โสดาบัน

อโศกะไม่ได้อดอยากยากจนเพราะกุศลผลบุญที่สร้างสมไว้มาส่งผลให้มีกินมีใช้ไม่อด ไม่รวยไม่จน ไปจนถึงวันตายยังพอมีเหลือกินเหลือใช้ให้คนดูแลเราอีกตอนตาย

การประพฤติปฏิบัติธรรมก็เป็นไปได้ด้วยดีมีเวลาเต็มที่ทุกวัน ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสละทุกสิ่งทุกอย่างไปถือกะลาขอทานบำเพ็ญธรรมอย่างที่กรัชกายคิดหรอกนะครับ

ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเป็นอะไรก็ได้แต่สามารถจะมีเวลาให้ตนเองได้ภาวนาชำระความเห็นผิดยึดผิดในใจให้ขาดสะบั้นได้ต้องคำนึงตรงนั้นนะครับ
onion



เมื่อเป็นเช่นว่านั้น ทำไมท่านอโศกจึงบอกเขาให้รีบสละเสียให้หมดเกลี้ยงล่ะ เขาหมดตูด กางเกงในก็ไม่เหลือ จะเอาอะไรกิน อะไรใช้ นอนที่ไหนล่ะคืนนี้ :b10: คนนะไม่ใช่นกขมิ้น จะได้เที่ยวเกาะตามกิ่งไม้นอนไปคืนๆ เออพิลึกคนจริงๆอโศกนี่

เมื่อท้องร้องหิวๆ หนูหิว จ๊อกๆๆ เขาจะเอากะจิตกะใจที่ไหนไปภาวนาล่ะ ท้องมันหิวนะ แม้แต่พระพุทธเจ้า ก่อนให้เขาฟังธรรม ยังบอกให้ไปกินอาหารให้อิ่มก่อนเลยนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2016, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ชืวิตนี้ว่างเปล่าทุกขณะจิตอยู่แล้วค่ะเพราะเป็นธัมมะและเป็นอนัตตา
ไม่มีใครสามารถบังคับให้อะไรเกิดแล้วไม่ดับได้และเปลี่ยนไม่ได้
เพราะธัมมะทั้งหลายเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำลังมีจริงๆ
อะไรรู้ไหม :b12: มีจิต มีเจตสิกและมีรูปเท่านั้นที่เกิดดับ
1ขณะจิตที่เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่มีใครทำร้ายจิตได้เลย
เพราะทุกอย่างเป็นธัมมะเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปธรรมดา
มีแค่2อย่างที่จิตแต่ละดวงมีคือรู้หรือไม่รู้น๊า
ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนคนสัตว์สิ่งของใดๆ
มีแต่จิตเสวยวิบากกรรมด้วยความไม่รู้
แล้วปรุงแต่งจิตด้วยความไม่รู้ขึ้นใหม่
ไปกว้านเอานิมิตตามภพภูมิที่ปรากฏ
ปรุงเป็นกุศลหรืออกุศลคือกิเลส
กิเลสของตนน๊าที่ทำร้ายจิต
ฝั่งนี้คือฝั่งไม่รู้ไกลกันนะ
กะฝั่งที่รู้ยังเดินทางไกล
เพราะไม่รู้เดี๋ยวนี้เอง
ว่างเปล่าจากตัวตน
ฟังไม่เข้าใจเป็น
อกุศลจิตแล้ว
รู้และเข้าใจ
เป็นปัญญา
:b1: :b16:
https://m.youtube.com/watch?v=WDr-zHO4vdg
onion onion onion


โพสต์ เมื่อ: 22 เม.ย. 2016, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ชืวิตนี้ว่างเปล่าทุกขณะจิตอยู่แล้วค่ะเพราะเป็นธัมมะและเป็นอนัตตา
ไม่มีใครสามารถบังคับให้อะไรเกิดแล้วไม่ดับได้และเปลี่ยนไม่ได้
เพราะธัมมะทั้งหลายเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำลังมีจริงๆ
อะไรรู้ไหม :b12: มีจิต มีเจตสิกและมีรูปเท่านั้นที่เกิดดับ
1ขณะจิตที่เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่มีใครทำร้ายจิตได้เลย
เพราะทุกอย่างเป็นธัมมะเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา
มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปธรรมดา
มีแค่2อย่างที่จิตแต่ละดวงมีคือรู้หรือไม่รู้น๊า
ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนคนสัตว์สิ่งของใดๆ
มีแต่จิตเสวยวิบากกรรมด้วยความไม่รู้
แล้วปรุงแต่งจิตด้วยความไม่รู้ขึ้นใหม่
ไปกว้านเอานิมิตตามภพภูมิที่ปรากฏ
ปรุงเป็นกุศลหรืออกุศลคือกิเลส
กิเลสของตนน๊าที่ทำร้ายจิต
ฝั่งนี้คือฝั่งไม่รู้ไกลกันนะ
กะฝั่งที่รู้ยังเดินทางไกล
เพราะไม่รู้เดี๋ยวนี้เอง
ว่างเปล่าจากตัวตน
ฟังไม่เข้าใจเป็น
อกุศลจิตแล้ว
รู้และเข้าใจ
เป็นปัญญา



ตอนนี้คุณโรสยังมีสมบัติอะไรอีกบ้าง ถ้าสละออกหมดแล้ว สาธุๆๆ ชีวิตว่างเปล่าเป็นอนิจจัง ทุกขังอนัตตา ตายก็เอาอะไรไปไม่ได้ แม้แต่เงินในปากสัปเหร่อยังควักเอาไป หากยังมีอะไรเหลืออยู่อีกควรรีบเร่งสละออกให้หมดโดยเร็ว :b15: :b1:

http://www.khaosod.co.th/view_newsonlin ... 1461312741

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 246 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 17  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร