พุทธศาสนาคืออะไร ? คุณโรสลองตอบสิ

คำสอนของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยธรรม ตลอดอนันตกาล
ไม่ใช่ผู้ไม่รู้หลับไหลตายแล้วเกิดอยู่รำ่ำไปด้วยความไม่รู้จร้า
รู้และเข้าใจได้เมื่อเป็นกุศลจิตที่ปราศจากความไม่รู้นะคร้า
มีแต่จิต เจตสิก รูป ที่ท่องเที่ยวในนิมิต 31 ภพภูมินะค๊า

ถามว่า คุณโรสไปไหนมาครับ ?

ถามคำถามแบบต้องตอบแบบกำปั้นทุบหินผาที่หนาแน่น
ถ้าคุณกรัชกายอ่านแล้วไม่เข้าใจก็ไปตลาดละมั๊งคะ
คงจะมีคนอยากซื้อมีมรรคผลนิพพานให้ช๊อปปิ้งไง
ทุกขณะที่กำลังมีที่ตัวเดี๋ยวนี้เป็นจิตเจตสิกรูป
ท่องเที่ยวในภพภูมิที่หลงสมมติตัวตนที่
เที่ยวไปรู้นอกตัวผ่านอายตนะ6
ติดข้องในมหาภูตรูปใช่ไหม
มหาภูตรูปคือธาตุไม่รู้
ธาตุรู้ก็คือจิตทุกดวง
ทุกอย่างเป็นธัมมะ
เป็นจิตเจตสิกรูป
เกิดดับทีละ1ขณะ
อยู่ในความว่างน๊า
เพราะดับคือไม่มีเหลือทุกอย่างเลย

ทุกขณะที่กำลังมีเป็นขันธ์ไหมคะ
แล้วขันธ์แปลว่าว่างเปล่าจากตัวตน
เข้าใจว่าสิ่งที่กำลังมีคือความว่างรึเปล่า
รูปขันธ์เวทนาขันธ์สัญญาขันธ์สังขารขันธ์
และวิญญาณขันธ์ทุกอย่างในขันธ์5ว่างเปล่า
ทุกขณะที่ว่างเปล่ารู้ผ่านอายตนะ6ถ้าไม่รู้เกิดอีก
เพราะจะรู้ความจริงก็ต้องรู้ตอนตื่นไม่ง่วงไม่หลับน๊า

ไปเอามาแต่ไหน ขันธ์แปลว่า ว่างเปล่า

กรัชกายปวดตับจริงๆนะ คิกๆๆ

ขันธ์แปลว่า กอง

คนหรือจะเรียกมนุษย์ก็ได้เอา ที่เดินส่ายไปส่วยมา แกว่งไปแกว่งมาอยู่นี่แหละ เมื่อจำแนกแล้ว ได้ ๕ ขันธ์ (๕ กอง)

1. รูปขันธ์ - กองแห่งรูป

2. เวทนาขันธ์ - กองแห่งเวทนา

3. สัญญาขันธ์ - กองแห่งสัญญา

4. สังขารขันธ์ - กองแห่งสังขาร

5. วิญญาณขันธ์ - กองแห่งวิญญาณ

(แปลทับศัพท์ไปก่อน ไม่งั้นยุ่งตาย 5)

เมื่อว่า โดยความหมายสูงสุด (ปรมัตถ์) แล้วที่สมมุติเรียกกันว่า คน มนุษย์เนี่ย ก็เป็นเพียงกองแห่งรูปกองแห่งนาม ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตนเราเขา

แยกสมมุติกับปรมัตถ์ให้ได้นะ ไม่ยังงั้นเดี๋ยวไปอำเภอทำบัตรประชาชนจะสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ไม่รู้เรื่อง (ปรมัตถ์สำหรับปัญญารู้ สมมุติสำหรับใช้สื่อสารกันรู้เรื่องว่า ใครทำไม ที่ไหนเมือไหร่)

เขียนมาให้อ่านน่ะก็คือคิดเอาน๊าไม่รู้ความจริงที่จิตกำลังมี
ขณะนี้ที่กำลังมีคือสภาพธัมมะที่เกิดดับตามเหตุตามปัจจัย
สนทนาเพื่อรู้สิ่งที่กำลังปรากฏทีละ1ขณะไม่ใช่เขียนเอาน๊า
จะเข้าใจขั้นฟังแล้วคิดได้ทีละอย่างทีละทางไม่ใช่คิดทุกคำ
เอาง่ายๆลองคิดคำว่าดีกับไม่ดีให้พร้อมกันสิทำได้ไหมก็ถ้าไม่
ทั้ง6ทางนั่นแหละไม่มีทางจะเข้าใจถ้าไม่ไตร่ตรองให้เข้าใจเช่น
ขณะนี้กำลังมีเห็นพระพุทธเจ้าแสดงให้รู้ว่าเห็นเพียงสีแล้วเห็นอะไร
ธัมมะไม่ใช่สัตว์บุคคลสิ่งของใช่รึเปล่าถ้าไม่ก็คือไม่รู้ความจริงเป็นอกุศลจิต

แค่คุณโรสมโนเรื่อง กา ขาว ขัน ด้าย มานั่นก็สาแก่ใจแล้ว หึๆๆ

ธัมมะเป็นปัญญารู้แล้วละตัวตนไม่ใช่มีตัวตนไปท่องทุกคำได้แล้วจดจำเอาไว้ตอบ
จะรู้ทางไหนก็รู้ได้ทางเดียวตอนที่กำลังมีเป็นปัจจุบันขณะทีึ่คิดทีลำ1คำจริงๆน๊าตะเอง

คุณอ่านนี่ นี่

https://www.facebook.com/permalink.php? ... ry_index=0

คุณโรสนี่เป็นอะไร ใช่ธรรมะธัมโมอย่างที่คุณโรสนึกมโนมั้ย

ที่กะพริบตาน่ะทั้ง6ทางดับแล้วรู้ไหมล่ะอะไรเกิดอะไรดับเรียงลำดับได้ไหม
ถ้าไม่คิดไตร่ตรองให้รู้ขั้นเข้าใจก่อนจะรู้ไหมว่าตะกี้ที่ดับไปพระพุทธเจ้ารู้จริงๆ
เรียงลำดับได้ว่าอะไรเกิดก่อนหลังทั้ง6ทางน่ะไม่มีแล้วมีแล้วก็หามีไม่เข้าใจรึเปล่า
และถ้าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเป็นปัจจุบันขณะก็เป็นคิดที่ไม่รู้ไปเรื่อยๆไม่รู้ปัจจุบันเลย
ก็หมายถึงไม่รู้อดีตและไม่รู้อนาคตที่จะได้ไปรับผลคือวิบากต่อไปเพราะไม่รู้ถึงได้เกิดมา
จะรู้ได้ยังไงในเมื่อกะพริบตายังไม่รู้เลยว่ากำลังสะสมความไม่รู้ตลอดเวลาเป็นกิเลสถมใจตน

อ้อ นั่งกระพริบตา กระพริบตาแล้วมันเกิดดับยังไงอ่ะ พอเล่าให้ฟังได้ไหม

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

เห็นพระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร โพสต์ข้อความว่า การที่รับกิจนิมนต์พิเศษของท่านนายกรัฐมนตรีอยู่แต่เพียงลำพังฝ่ายเดียว ในขณะที่อีกฝ่ายไม่หยุด ไม่เลิก ไม่ลดราวาศอก วิธีแบบนี้ไม่สามารถทำให้ปัญหายุติลงได้ ผู้นิมนต์ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกฝ่าย ควรใช้ทั้งกับฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายต่อต้านทุกกลุ่มเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันในสังคม

พระเมธีธรรมาจารย์ ตั้งคำถามว่า พวกเราจะทำอะไรต่อจากนี้ไป ถามแบบนี้คงตอบได้ยาก ถ้าจะตอบ ตอบได้แต่เพียงว่าพวกเราทั้งหมดพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อเดินไปข้างหน้าใน การแสวงหาความเป็นธรรมต่อไป

ต่อที่

http://www.lokwannee.com/web2013/?p=211293

ใครนึกเอาคะ...คุณกรัชกายก็มีใจ...มีตัวตนไปรู้ทุกเรื่องไหมล่ะ...ต้องตรงนะ...ไม่ตรงบาป
เพราะจิตคิดไปไกลกลับมาตั้งต้นคิดดีๆ...กำลังมีเห็น...กำลังมีคิด...กำลังรู้สึกกระทบสัมผัส
รู้ความจริงที่ตัวนะคะ...ไม่ต้องส่งออกไปกว้านเอาความรู้ของคนอื่นที่ไม่ได้กำลังเกิดดับอยู่
ที่จิตคุณกรัชกายกำลังอ่านเดี๋ยวนี้เองมีเห็นได้ยินกำลังรู้ผ่านอายตนะ6ที่กำลังคิดตามอยู่นี่ไง
จะไปยกเอาตัวอย่างที่นอกเหนือจากสิ่งที่กำลังปรากฏกับจิตตนสดๆร้อนๆเดี๋ยวนี้เป็นวิบากน๊า