วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 17:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 224 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 15  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:

ธรรมของพระพุทธองค์ไม่ใช่พระไตรปิฎก ธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสสอนเรียกเรียกว่า พระธรรมวินัย
"พระไตรปิฎก"เป็นคำที่เหล่าสาวกที่ทำการสังคายนาธรรมะของพระพุทธองค์ แล้วจึงกำหนดให้เรียกว่าพระไตรปิฎก

คำสอนของพระพุทธองค์เรียก....ธรรมวินัย....

อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว
บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดา
ของพวกเธอทั้งหลาย
โดยกาล ล่วงไปแห่งเรา


มหาปรินิพพานสูตร มหา.ที. ๑๐ / ๑๕๙ / ๑๒๘

Rosarin เขียน:
ทรงค่อยๆแสดงความจริงทีละคำแล้วอธิบายขยายความให้เข้าใจทีละคำ
และการอธิบายทีละคำมีใครรู้ล่วงหน้าไหมว่าคำต่อไปจะแสดงคำไหนต่อไป
เพื่อที่จะทำให้ผู้ฟังค่อยๆคิดแล้วเข้าใจสิ่งที่ทุกคนที่กำลังฟังค่อยๆเข้าใจความจริง

ธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไม่ใช่แสดงที่ละคำอย่างที่คุณโรสมั่ว
พระพุทธองค์จะสอนเหล่าสาวกด้วยพระธรรมที่เป็นเรื่องๆไป
นั้นก็คือกล่าวธรรมของมาทั้งบท
อันเป็นบทที่พระพุทธองค์ต้องการสอน....ตัวอย่างเช่น ทรงแสดงบทธัมมจักกัปปวัตนสูตรให้เหล่าปัญจวัคคีย์ฟัง
พระองค์ก็ทรงแสดงทั้งบท จนทำให้ปัจจวัคคีย์เกิดดวงตาเห็นธรรม


Rosarin เขียน:
แล้วที่ทุกวันนี้แต่ละคนไปอ่านหรือเรียนพระไตรปิฎกแล้วจำได้ทั้งหมดคิดว่ารู้คิดถูกไหม
มีแต่ความจำคำทั้งหมดเอาไว้ตอบคนอื่นแบบที่คิดว่าตนรู้จริงแต่จริงคือจำคำไม่เข้าใจจิตจริงๆ
จะเริ่มเข้าใจจิตตนว่าจิตตนกำลังสะสมจิตอย่างไรต้องฟังเสียงอธิบายแล้วคิดตามจึงจะรู้จิตที่สะสม

ไอ้ที่กรัชกายต้องการคำตอบของคุณคือ คำอธิบายให้ตรงกับสิ่งที่เขาถาม
คุณจะตอบอย่างไรก็ได้ตามความเห็นของคุณ.....แต่ไอ้สิ่งที่คุณตอบ มันเป็นลักษณะเพ้อเจ้อ
พูดจาแบบไปไหนมาสามวาสองศอก

เขาถามสิ่งที่เป็นสมมติสัจจะ คุณก็ไปเพ้อเรื่องจิตดวงนั้นดวงนี้
แถมตอบผิดๆถูกๆ ไม่รู้จักแยกแยะ ว่าไรเป็นสมมติ อะไรเป็นปรมัตถ์
และที่สำคัญ จิตมันเป็นอนิจจัง(ไม่เที่ยง) ยังเพ้อพพูดจิตดวงนั้นดวงนี้
:b32:

:b32: :b32: :b32:
อ้างคำพูด:
ธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไม่ใช่แสดงที่ละคำอย่างที่คุณโรสมั่ว
พระพุทธองค์จะสอนเหล่าสาวกด้วยพระธรรมที่เป็นเรื่องๆไป

...เก่งกว่าพระพุทธเจ้าผู้เลิศด้วยปัญญาจริงๆ...ถึงได้คิดว่าพระพุทธเจ้าพูดเป็นเรื่องน่ะ...นั่งฟังนานไหม...
...ถามว่าเวลาพูดคนพูด...พูดทีละคำไหม...กว่าจะเป็นเรื่องยาวๆที่อ่านให้คิดเป็นเรื่องได้...ไม่รู้จักจิตเลย...
:b32: :b32: :b32:


คนบ้าเท่านั้นแหล่ะที่พูดที่ละคำ การสื่อสารกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เขาพูดกันเป็นประโยค :b32:


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:

คนบ้าเท่านั้นแหล่ะที่พูดที่ละคำการสื่อสารกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เขาพูดกันเป็นประโยค


คิกๆๆ ก็ว่าแล้ว อ่านพระสูตรไปอ่านพระสูตรมา คิดไปคิดมา ศรัทธาล้ำปัญญา จะสื่อสารกับคนร่วมสมัยไม่เข้าใจ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นักธรรมะบ้านเรา อ่านพระสูตรไป อ่านพระสูตรมา อ่านไปอ่านมา คิดไปคิดมา เดี๋ยวเหอะสื่อกับคนร่วมสมัยไม่รู้เรื่อง ไปดาวอังคารจนได้ คิกๆๆ


พิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่คิดหน่อยนะว่าคิดถูกไหม
อกุศลจิตตนไม่รู้ยังไปปรุงแต่งความไม่รู้เพิ่มขึ้น
สะสมเข้าไปทับถมกิเลสอันเก่าให้ไม่รู้เพิ่มขึ้น
ละความไม่รู้ด้วยความรู้เข้าใจความหมาย
ในพระพุทธพจน์ทีละคำไม่ใช่จำนิยาม

อ.สุจินต์เป็นบุุคคลสำคัญในวิกีพีเดีย
กรัชกายสำคัญตนว่าเก่งเหลือเกิน
ไม่เชื่อว่าประมาทแม้คำว่าธัมมะ


ชาวพุทธน่าจะเริ่มต้นจากศึกษาธรรมพื้นๆ (โลกียธรรม,โลกียสัมมาทิฏฐิ) เช่น หลักคำสอนในสิงคาลกสูตร เรื่องทิศ ๖ เรื่องการทำหน้าที่ให้เข้าใจก่อน

เมื่อเข้าใจเบื้องต้นแล้ว ก็ขยับขึ้นไปโลกุตรธรรม,โลกุตรสัมมาทิฏฐิ

นี่เบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แต่โดดขึ้นไปยอดเลย ทีนี้มันก็เลือนลอย จะลงก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่ถูก :b32:

ที่คุณโรสพูดนะกรัชกายเข้าใจ :b32: ก็อย่างที่บอกน่าครับว่า อ.สุจินต์ พูดตามนัยในอภิธรรม อภิธรรมก็สอน จิต เจตสิก รูป นิพพาน แล้ว จิต เจตสิก ก็แยกเป็นเป็นกุศล อกุศล ... แล้วทั้งกุศลจิต อกุศลจิต มันก็เกิดขึ้น ตั้้งอยู่แล้วก็ดับไป (อุปาทะ ฐีติ ภังคะ) บลาๆๆ

ในพระพุทธพจน์ทีละคำไม่ใช่จำนิยาม


เอาชัดๆสิครับ ยังไง พุทธพจน์ทีละคำๆ (ไม่ใช่นิยาม) คำไหนครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 10:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นักธรรมะบ้านเรา อ่านพระสูตรไป อ่านพระสูตรมา อ่านไปอ่านมา คิดไปคิดมา เดี๋ยวเหอะสื่อกับคนร่วมสมัยไม่รู้เรื่อง ไปดาวอังคารจนได้ คิกๆๆ


พิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่คิดหน่อยนะว่าคิดถูกไหม
อกุศลจิตตนไม่รู้ยังไปปรุงแต่งความไม่รู้เพิ่มขึ้น
สะสมเข้าไปทับถมกิเลสอันเก่าให้ไม่รู้เพิ่มขึ้น
ละความไม่รู้ด้วยความรู้เข้าใจความหมาย
ในพระพุทธพจน์ทีละคำไม่ใช่จำนิยาม

อ.สุจินต์เป็นบุุคคลสำคัญในวิกีพีเดีย
กรัชกายสำคัญตนว่าเก่งเหลือเกิน
ไม่เชื่อว่าประมาทแม้คำว่าธัมมะ


ชาวพุทธน่าจะเริ่มต้นจากศึกษาธรรมพื้นๆ (โลกียธรรม,โลกียสัมมาทิฏฐิ) เช่น หลักคำสอนในสิงคาลกสูตร เรื่องทิศ ๖ เรื่องการทำหน้าที่ให้เข้าใจก่อน

เมื่อเข้าใจเบื้องต้นแล้ว ก็ขยับขึ้นไปโลกุตรธรรม,โลกุตรสัมมาทิฏฐิ

นี่เบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แต่โดดขึ้นไปยอดเลย ทีนี้มันก็เลือนลอย จะลงก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่ถูก :b32:

ที่คุณโรสพูดนะกรัชกายเข้าใจ :b32: ก็อย่างที่บอกน่าครับว่า อ.สุจินต์ พูดตามนัยในอภิธรรม อภิธรรมก็สอน จิต เจตสิก รูป นิพพาน แล้ว จิต เจตสิก ก็แยกเป็นเป็นกุศล อกุศล ... แล้วทั้งกุศลจิต อกุศลจิต มันก็เกิดขึ้น ตั้้งอยู่แล้วก็ดับไป (อุปาทะ ฐีติ ภังคะ) บลาๆๆ

ในพระพุทธพจน์ทีละคำไม่ใช่จำนิยาม


เอาชัดๆสิครับ ยังไง พุทธพจน์ทีละคำๆ (ไม่ใช่นิยาม) คำไหนครับ

Kiss
:b32:
...คิดนะ...ดี...ไม่ดี...ให้พร้อมกันสิทำได้ไหม...บังคับบัญชาให้พร้อมกันสิได้ไหม...ทีละ1ขณะจิต...
...แล้วขณะที่คิดว่าดี...กระพริบตาทั้ง6ทางดับแล้ว...คำว่าดับแล้วคือดับทุกอย่างที่คิดว่ามีไม่เหลือ...
...ดับตัวตนตับปอดหัวใจ...ดับที่ดินบ้านรถยนต์...ดับวงศาคณาญาติเพื่อนฝูง...ดับไปนับครั้งไม่ถ้วน...
...ตะกี้นี้ที่ดับไป...ดับด้วยความรู้ความจริงไหม...หรือว่าไม่รู้...ไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกเลยรู้ปัจจุบันทีละคำ...
:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 11:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
การพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏกับจิตตนที่คิดว่ายาวๆเพราะคิดยาวด้วยการไม่รู้ความจริงที่จิตเกิดดับคิดถูกไหม
การฟังจะทำให้เริ่มเข้าใจจิตจริงๆที่กำลังมี ณ ฐานที่ตั้ง กายกับจิตตน เป็นคำจริงรู้ตรงๆ คิดได้รึยังว่าจะฟังไหม
https://m.youtube.com/watch?v=xUHviSH5w-0
:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:

ธรรมของพระพุทธองค์ไม่ใช่พระไตรปิฎก ธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสสอนเรียกเรียกว่า พระธรรมวินัย
"พระไตรปิฎก"เป็นคำที่เหล่าสาวกที่ทำการสังคายนาธรรมะของพระพุทธองค์ แล้วจึงกำหนดให้เรียกว่าพระไตรปิฎก

คำสอนของพระพุทธองค์เรียก....ธรรมวินัย....

อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว
บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดา
ของพวกเธอทั้งหลาย
โดยกาล ล่วงไปแห่งเรา


มหาปรินิพพานสูตร มหา.ที. ๑๐ / ๑๕๙ / ๑๒๘

Rosarin เขียน:
ทรงค่อยๆแสดงความจริงทีละคำแล้วอธิบายขยายความให้เข้าใจทีละคำ
และการอธิบายทีละคำมีใครรู้ล่วงหน้าไหมว่าคำต่อไปจะแสดงคำไหนต่อไป
เพื่อที่จะทำให้ผู้ฟังค่อยๆคิดแล้วเข้าใจสิ่งที่ทุกคนที่กำลังฟังค่อยๆเข้าใจความจริง

ธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไม่ใช่แสดงที่ละคำอย่างที่คุณโรสมั่ว
พระพุทธองค์จะสอนเหล่าสาวกด้วยพระธรรมที่เป็นเรื่องๆไป
นั้นก็คือกล่าวธรรมของมาทั้งบท
อันเป็นบทที่พระพุทธองค์ต้องการสอน....ตัวอย่างเช่น ทรงแสดงบทธัมมจักกัปปวัตนสูตรให้เหล่าปัญจวัคคีย์ฟัง
พระองค์ก็ทรงแสดงทั้งบท จนทำให้ปัจจวัคคีย์เกิดดวงตาเห็นธรรม


Rosarin เขียน:
แล้วที่ทุกวันนี้แต่ละคนไปอ่านหรือเรียนพระไตรปิฎกแล้วจำได้ทั้งหมดคิดว่ารู้คิดถูกไหม
มีแต่ความจำคำทั้งหมดเอาไว้ตอบคนอื่นแบบที่คิดว่าตนรู้จริงแต่จริงคือจำคำไม่เข้าใจจิตจริงๆ
จะเริ่มเข้าใจจิตตนว่าจิตตนกำลังสะสมจิตอย่างไรต้องฟังเสียงอธิบายแล้วคิดตามจึงจะรู้จิตที่สะสม

ไอ้ที่กรัชกายต้องการคำตอบของคุณคือ คำอธิบายให้ตรงกับสิ่งที่เขาถาม
คุณจะตอบอย่างไรก็ได้ตามความเห็นของคุณ.....แต่ไอ้สิ่งที่คุณตอบ มันเป็นลักษณะเพ้อเจ้อ
พูดจาแบบไปไหนมาสามวาสองศอก

เขาถามสิ่งที่เป็นสมมติสัจจะ คุณก็ไปเพ้อเรื่องจิตดวงนั้นดวงนี้
แถมตอบผิดๆถูกๆ ไม่รู้จักแยกแยะ ว่าไรเป็นสมมติ อะไรเป็นปรมัตถ์
และที่สำคัญ จิตมันเป็นอนิจจัง(ไม่เที่ยง) ยังเพ้อพพูดจิตดวงนั้นดวงนี้
:b32:

:b32: :b32: :b32:
อ้างคำพูด:
ธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไม่ใช่แสดงที่ละคำอย่างที่คุณโรสมั่ว
พระพุทธองค์จะสอนเหล่าสาวกด้วยพระธรรมที่เป็นเรื่องๆไป

...เก่งกว่าพระพุทธเจ้าผู้เลิศด้วยปัญญาจริงๆ...ถึงได้คิดว่าพระพุทธเจ้าพูดเป็นเรื่องน่ะ...นั่งฟังนานไหม...
...ถามว่าเวลาพูดคนพูด...พูดทีละคำไหม...กว่าจะเป็นเรื่องยาวๆที่อ่านให้คิดเป็นเรื่องได้...ไม่รู้จักจิตเลย...
:b32: :b32: :b32:


คนบ้าเท่านั้นแหล่ะที่พูดที่ละคำ การสื่อสารกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เขาพูดกันเป็นประโยค :b32:

Kiss
:b12:
...กิเลสแปลว่าความไม่รู้...ขยายต่อว่าไม่รู้ทุกอย่างที่กำลังมี...อกุศลจิตของตนมากขนาดนี้ไม่รู๊...
...ยังคิดคำปรุงแต่งที่เป็นอกุศลขึ้นมาเพ่งโทษผู้อื่นแล้วก็สะสมอกุศลจิตเป็นของๆตน...ของตนน๊า...
...เรามีกรรมเป็นของๆตน...มีกรรมเป็นทายาท...มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์...มีกรรมที่รอให้ผลอกุศลตนด้วย...
:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
โฮฮับ เขียน:

ธรรมของพระพุทธองค์ไม่ใช่พระไตรปิฎก ธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสสอนเรียกเรียกว่า พระธรรมวินัย
"พระไตรปิฎก"เป็นคำที่เหล่าสาวกที่ทำการสังคายนาธรรมะของพระพุทธองค์ แล้วจึงกำหนดให้เรียกว่าพระไตรปิฎก

คำสอนของพระพุทธองค์เรียก....ธรรมวินัย....

อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว
บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย
ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดา
ของพวกเธอทั้งหลาย
โดยกาล ล่วงไปแห่งเรา


มหาปรินิพพานสูตร มหา.ที. ๑๐ / ๑๕๙ / ๑๒๘

Rosarin เขียน:
ทรงค่อยๆแสดงความจริงทีละคำแล้วอธิบายขยายความให้เข้าใจทีละคำ
และการอธิบายทีละคำมีใครรู้ล่วงหน้าไหมว่าคำต่อไปจะแสดงคำไหนต่อไป
เพื่อที่จะทำให้ผู้ฟังค่อยๆคิดแล้วเข้าใจสิ่งที่ทุกคนที่กำลังฟังค่อยๆเข้าใจความจริง

ธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไม่ใช่แสดงที่ละคำอย่างที่คุณโรสมั่ว
พระพุทธองค์จะสอนเหล่าสาวกด้วยพระธรรมที่เป็นเรื่องๆไป
นั้นก็คือกล่าวธรรมของมาทั้งบท
อันเป็นบทที่พระพุทธองค์ต้องการสอน....ตัวอย่างเช่น ทรงแสดงบทธัมมจักกัปปวัตนสูตรให้เหล่าปัญจวัคคีย์ฟัง
พระองค์ก็ทรงแสดงทั้งบท จนทำให้ปัจจวัคคีย์เกิดดวงตาเห็นธรรม


Rosarin เขียน:
แล้วที่ทุกวันนี้แต่ละคนไปอ่านหรือเรียนพระไตรปิฎกแล้วจำได้ทั้งหมดคิดว่ารู้คิดถูกไหม
มีแต่ความจำคำทั้งหมดเอาไว้ตอบคนอื่นแบบที่คิดว่าตนรู้จริงแต่จริงคือจำคำไม่เข้าใจจิตจริงๆ
จะเริ่มเข้าใจจิตตนว่าจิตตนกำลังสะสมจิตอย่างไรต้องฟังเสียงอธิบายแล้วคิดตามจึงจะรู้จิตที่สะสม

ไอ้ที่กรัชกายต้องการคำตอบของคุณคือ คำอธิบายให้ตรงกับสิ่งที่เขาถาม
คุณจะตอบอย่างไรก็ได้ตามความเห็นของคุณ.....แต่ไอ้สิ่งที่คุณตอบ มันเป็นลักษณะเพ้อเจ้อ
พูดจาแบบไปไหนมาสามวาสองศอก

เขาถามสิ่งที่เป็นสมมติสัจจะ คุณก็ไปเพ้อเรื่องจิตดวงนั้นดวงนี้
แถมตอบผิดๆถูกๆ ไม่รู้จักแยกแยะ ว่าไรเป็นสมมติ อะไรเป็นปรมัตถ์
และที่สำคัญ จิตมันเป็นอนิจจัง(ไม่เที่ยง) ยังเพ้อพพูดจิตดวงนั้นดวงนี้
:b32:

:b32: :b32: :b32:
อ้างคำพูด:
ธรรมที่พระพุทธองค์แสดงไม่ใช่แสดงที่ละคำอย่างที่คุณโรสมั่ว
พระพุทธองค์จะสอนเหล่าสาวกด้วยพระธรรมที่เป็นเรื่องๆไป

...เก่งกว่าพระพุทธเจ้าผู้เลิศด้วยปัญญาจริงๆ...ถึงได้คิดว่าพระพุทธเจ้าพูดเป็นเรื่องน่ะ...นั่งฟังนานไหม...
...ถามว่าเวลาพูดคนพูด...พูดทีละคำไหม...กว่าจะเป็นเรื่องยาวๆที่อ่านให้คิดเป็นเรื่องได้...ไม่รู้จักจิตเลย...
:b32: :b32: :b32:


คนบ้าเท่านั้นแหล่ะที่พูดที่ละคำ การสื่อสารกันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เขาพูดกันเป็นประโยค :b32:

Kiss
:b12:
...กิเลสแปลว่าความไม่รู้...ขยายต่อว่าไม่รู้ทุกอย่างที่กำลังมี...อกุศลจิตของตนมากขนาดนี้ไม่รู๊...
...ยังคิดคำปรุงแต่งที่เป็นอกุศลขึ้นมาเพ่งโทษผู้อื่นแล้วก็สะสมอกุศลจิตเป็นของๆตน...ของตนน๊า...
...เรามีกรรมเป็นของๆตน...มีกรรมเป็นทายาท...มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์...มีกรรมที่รอให้ผลอกุศลตนด้วย...
:b32: :b32: :b32:

:b12:
...คุณโฮฮับเข้าใจความเกิด-ดับของจิตไหมคะ...พิจารณาอ้างอิงข้างล่างนะคะ...
อ้างคำพูด:
เอาชัดๆสิครับ ยังไง พุทธพจน์ทีละคำๆ (ไม่ใช่นิยาม) คำไหนครับ

คำตอบ :b1:
อ้างคำพูด:
...คิดนะ...ดี...ไม่ดี...ให้พร้อมกันสิทำได้ไหม...บังคับบัญชาให้พร้อมกันสิได้ไหม...ทีละ1ขณะจิต...
...แล้วขณะที่คิดว่าดี...กระพริบตาทั้ง6ทางดับแล้ว...คำว่าดับแล้วคือดับทุกอย่างที่คิดว่ามีไม่เหลือ...
...ดับตัวตนตับปอดหัวใจ...ดับที่ดินบ้านรถยนต์...ดับวงศาคณาญาติเพื่อนฝูง...ดับไปนับครั้งไม่ถ้วน...
...ตะกี้นี้ที่ดับไป...ดับด้วยความรู้ความจริงไหม...หรือว่าไม่รู้...ไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกเลยรู้ปัจจุบันทีละคำ...

:b16:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
การพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏกับจิตตนที่คิดว่ายาวๆเพราะคิดยาวด้วยการไม่รู้ความจริงที่จิตเกิดดับคิดถูกไหม
การฟังจะทำให้เริ่มเข้าใจจิตจริงๆที่กำลังมี ณ ฐานที่ตั้ง กายกับจิตตน เป็นคำจริงรู้ตรงๆ คิดได้รึยังว่าจะฟังไหม
https://m.youtube.com/watch?v=xUHviSH5w-0
:b32: :b32: :b32:

onion onion onion


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

...กิเลสแปลว่าความไม่รู้...:


คุณโรสมั่วแล้วครับ! กิเลสก็อย่างความไม่รู้ก็อย่าง เล่นเอามาผสมปนเปกันซะเละ :b32:

ความไม่รู้โดยภาษาธรรมท่านเรียก อวิชชา
อวิชชาเป็นกฎของธรรมธรรมชาติอย่างหนึ่งในปฏิจจสมุบาท (อิทัปปจยตา)

ส่วนกิเลสเป็นภาษาธรรมเรียกว่า...สังโยชน์
สังโยญชน์เป็นตัวเหนี่ยวรั้งสัตว์โลกให้วนเวียนอยู่ในวัฏฏสงสาร

ไม่รู้ไม่มีใครว่า ขออย่างเดียวอย่ามั่วครับ :b32:


Rosarin เขียน:
.ขยายต่อว่าไม่รู้ทุกอย่างที่กำลังมี...อกุศลจิตของตนมากขนาดนี้ไม่รู๊...
:


รักจะสนทนาธรรมก็ควรเอาเหตุผลทางธรรมมาพูด ไม่ใช่ดีแต่พูดจาประชดประชัน
มิหน่ำซ้ำเอาคำมาใช่แบบผิดๆ.....อยากจะสอนให้ก่อนที่จะโหนธรรมของพุทธองค์
ก็ควรจะรู้ว่า......พระพุทธองค์เน้นสอนว่า บุคคลควรละสิ่งที่เป็นกุศลและอกุศล
เพราะกุศลและอกุศลล้วนมีปัจจัยมาจากสังโยชน์(กิเลส)


Rosarin เขียน:
.เรามีกรรมเป็นของๆตน...มีกรรมเป็นทายาท...มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์...มีกรรมที่รอให้ผลอกุศลตนด้วย...
:

สงสัยเป็นพวกหมอผีสแกนกรรม ประโยคนี้เป็นประโยคหากินของเขาล่ะ :b13:


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
:b12:
...คุณโฮฮับเข้าใจความเกิด-ดับของจิตไหมคะ...พิจารณาอ้างอิงข้างล่างนะคะ...
อ้างคำพูด:
เอาชัดๆสิครับ ยังไง พุทธพจน์ทีละคำๆ (ไม่ใช่นิยาม) คำไหนครับ

คำตอบ :b1:
อ้างคำพูด:
...คิดนะ...ดี...ไม่ดี...ให้พร้อมกันสิทำได้ไหม...บังคับบัญชาให้พร้อมกันสิได้ไหม...ทีละ1ขณะจิต...
...แล้วขณะที่คิดว่าดี...กระพริบตาทั้ง6ทางดับแล้ว...คำว่าดับแล้วคือดับทุกอย่างที่คิดว่ามีไม่เหลือ...
...ดับตัวตนตับปอดหัวใจ...ดับที่ดินบ้านรถยนต์...ดับวงศาคณาญาติเพื่อนฝูง...ดับไปนับครั้งไม่ถ้วน...
...ตะกี้นี้ที่ดับไป...ดับด้วยความรู้ความจริงไหม...หรือว่าไม่รู้...ไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกเลยรู้ปัจจุบันทีละคำ...

:b16:


ไอ้ที่คุณเอามาพูดมันมั่วธรรม เหมือนคนเมากัญชาร้องลิเกผิดเนื้อผิดคีย์
ความหมายของจิต จิตเป็นบัญญัติที่ใช้เรียก กระบวนการของขันธ์ห้า
ในกระบวนการที่ทำให้เกิดขันธ์ห้า มีทั้งที่เกิดดับ(อนัตตา) มีทั้งที่เป็นความยึดมั่น(อัตตา)
มีทั้งที่เป็นไม่เที่ยง(อนิจจัง)และมีทั้งกองขันธ์(ทุกข์)

Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
การพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏกับจิตตนที่คิดว่ายาวๆเพราะคิดยาวด้วยการไม่รู้ความจริงที่จิตเกิดดับคิดถูกไหม
การฟังจะทำให้เริ่มเข้าใจจิตจริงๆที่กำลังมี ณ ฐานที่ตั้ง กายกับจิตตน เป็นคำจริงรู้ตรงๆ คิดได้รึยังว่าจะฟังไหม


ความคิดไม่ใช่จิต ความคิดหรือธัมมารมณ์เป็นอายตนะภายนอกที่มากระทบมโนทวาร
จิตหรือขันธ์ห้าจะเกิดก็ต่อเมื่อกายใจของบุคคลเข้าไปยึดมั่นต่อธัมมารมณ์นั้น

ส่วนการที่เอายูทูบมาให้ฟัง ทางที่ดีคุณควรถอดคำพูดของป้าสุจินต์มาเป็นตัวอักษร
แล้วผมจะสอนให้ว่า ป้าสุจินต์แกสอนทำผิดถูกตรงไหนอย่างไร

มันตลกดีอ้างว่าสอนอภิธรรม แต่พูดจาไม่มีเรื่องอภิธรรมเลยสักนิด
ฟุ้งสมมติไปเรื่อยๆ :b32:


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wink

โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
...คุณโฮฮับเข้าใจความเกิด-ดับของจิตไหมคะ...พิจารณาอ้างอิงข้างล่างนะคะ...
อ้างคำพูด:
เอาชัดๆสิครับ ยังไง พุทธพจน์ทีละคำๆ (ไม่ใช่นิยาม) คำไหนครับ

คำตอบ :b1:
อ้างคำพูด:
...คิดนะ...ดี...ไม่ดี...ให้พร้อมกันสิทำได้ไหม...บังคับบัญชาให้พร้อมกันสิได้ไหม...ทีละ1ขณะจิต...
...แล้วขณะที่คิดว่าดี...กระพริบตาทั้ง6ทางดับแล้ว...คำว่าดับแล้วคือดับทุกอย่างที่คิดว่ามีไม่เหลือ...
...ดับตัวตนตับปอดหัวใจ...ดับที่ดินบ้านรถยนต์...ดับวงศาคณาญาติเพื่อนฝูง...ดับไปนับครั้งไม่ถ้วน...
...ตะกี้นี้ที่ดับไป...ดับด้วยความรู้ความจริงไหม...หรือว่าไม่รู้...ไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกเลยรู้ปัจจุบันทีละคำ...

:b16:


ไอ้ที่คุณเอามาพูดมันมั่วธรรม เหมือนคนเมากัญชาร้องลิเกผิดเนื้อผิดคีย์
ความหมายของจิต จิตเป็นบัญญัติที่ใช้เรียก กระบวนการของขันธ์ห้า
ในกระบวนการที่ทำให้เกิดขันธ์ห้า มีทั้งที่เกิดดับ(อนัตตา) มีทั้งที่เป็นความยึดมั่น(อัตตา)
มีทั้งที่เป็นไม่เที่ยง(อนิจจัง)และมีทั้งกองขันธ์(ทุกข์)

Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
การพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏกับจิตตนที่คิดว่ายาวๆเพราะคิดยาวด้วยการไม่รู้ความจริงที่จิตเกิดดับคิดถูกไหม
การฟังจะทำให้เริ่มเข้าใจจิตจริงๆที่กำลังมี ณ ฐานที่ตั้ง กายกับจิตตน เป็นคำจริงรู้ตรงๆ คิดได้รึยังว่าจะฟังไหม


ความคิดไม่ใช่จิต ความคิดหรือธัมมารมณ์เป็นอายตนะภายนอกที่มากระทบมโนทวาร
จิตหรือขันธ์ห้าจะเกิดก็ต่อเมื่อกายใจของบุคคลเข้าไปยึดมั่นต่อธัมมารมณ์นั้น

ส่วนการที่เอายูทูบมาให้ฟัง ทางที่ดีคุณควรถอดคำพูดของป้าสุจินต์มาเป็นตัวอักษร
แล้วผมจะสอนให้ว่า ป้าสุจินต์แกสอนทำผิดถูกตรงไหนอย่างไร

มันตลกดีอ้างว่าสอนอภิธรรม แต่พูดจาไม่มีเรื่องอภิธรรมเลยสักนิด
ฟุ้งสมมติไปเรื่อยๆ :b32:

Kiss
:b1:
...ไม่ต้องอ.สุจินต์หรอกค่ะ...ที่จะอ่านต่อไปนี้ให้ผู้ที่อ่านคิดตามนะคะ...
...สมมติว่านั่งอยู่คนเดียว...ไม่มีคนอื่นไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เลย...
...พระไตรปิฎกเป็นบันทึกเรื่องราว...แต่การจะเข้าใจสัจจธรรมต้องเข้าใจทีละ1ทาง...
...การฟังจะรู้พร้อมกันทีเดียวทั้ง6ทางที่ผ่านอายตนะ6แต่ละขณะที่ผ่านไปมันไม่ทันจิตตน...
...ให้ค่อยๆคิดตามแล้วค่อยๆเข้าใจขึ้นก่อนว่าจิตเกิดดับที่จิตตนกำลังมีหมายถึง1ขณะจิตจริงๆ...
...แต่ละทางไม่พร้อมกันจิตเห็น...จิตได้ยิน...จิตได้กลิ่น...จิตรู้รส...จิตกระทบสัมผัส...จิตคิดนึก...
...แต่ละทางต่างแสดงความจริงให้รู้ไม่พร้อมกันเกิดดับทีละ1ทางสั้นมากเช่นเสียงเกิดดับ1ขณะจิต...
...มีได้แค่1เสียงแล้วดับจึงจะเกิดเสียงต่อไปได้...และขณะที่มีเสียง1เสียงที่สั้นมากต้องไม่มีอย่างอื่นปน...
...โลกของเสียงเป็นสภาพจิตรู้เสียง1เสียงในความมืดที่มีแต่เสียงสูงๆต่ำๆ...
...ที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-แล้วดับไป-ไม่กลับมาเกิดอีก...และเป็นโลกแต่ละทางทีละ1ขณะจิตไม่ซ้ำเดิมทุกทาง...
...และในการเกิดดับแต่ละขณะมีช่องว่างเกิดขึ้นแทรกคั่นแต่ละ1ขณะจิตทุกทาง...
...และเป็นการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปทีละ1โลกทีละ1ขณะจิตสลับกันทั้ง6โลกไม่ซ้ำในแต่ละ1ดวงจิต...
...เป็นการเกิด-ดับสืบต่อที่รวดเร็วที่สั้นแสนสั้น...แล้วลักษณะที่เกิดดับในคนเดียวทีละ1ขณะจิตเนี่ย...
...เฉพาะใน1ดวงจิตก็ไม่สามารถเกิดซ้ำกันและมีการสืบต่อตั้งแต่จุติจิตจากชาติก่อนมาปฏิสนธิจิตในร่างใหม่...
...เป็นบุคคลคนนี้และสืบต่อจิตดวงนี้ที่กำลังเกิด-ดับแต่ละขณะไม่ซ้ำเดิมไปจนกว่าจะถึงแก่กรรมสิ้นสุด...
...คือตายจากความเป็นบุคคลคนนี้(คนตาย)เสมือนการหลับตาแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ต่อไป...
...โดยเลือกไม่ได้ว่าจะเกิดเป็นสัตว์นรก/คน/เทวดา...เฉพาะใน1จิตของคุณโฮฮับตั้งแต่เกิดจนตายไม่ซ้ำ...
...และทุกสัตว์บุคคลตัวตน...ไม่ว่าจะเป็นภพภูมิใดก็เป็นจิตเกิดดับแต่ละ1ขณะที่ไม่ซ้ำที่ไม่ใช่ตัวตน...
...พอจะเข้าใจไหมคะว่าถ้าตายจากโฮฮับในชาตินี้ก็ไปปฏิสนธิจิตใหม่แล้วหาโฮฮับคนเก่าไม่เจอทั้งจักรวาล...
...ทุกดวงจิตเลยค่ะทั้ง 31 ภพภูมิเป็นจิตแต่ละดวงท่องเที่ยวดวงเดียวทีละ1ขณะจิตไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน...
...จะรู้จักจิตทีละ1ขณะด้วยการฟังทีละคำ...หรือจะคิดเองต่อไปด้วยการสะสมความไม่รู้ต่อไปคะ...
:b12:
สนใจศึกษาเพื่อสะสมปัญญาที่รู้จิตตนจริงๆได้ตอนที่กำลังฟังเสียงเท่านั้นต้องไม่ง่วงและไม่หลับก่อนสิ้นชาตินี้ค่ะ
http://www.dhammahome.com
onion onion onion


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 18 มี.ค. 2016, 19:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 18:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
พุทธศาสนาไม่เคยเสื่อมจากความจริงเลย
แต่เสื่อมจากจิตดวงไม่รู้ไม่เข้าใจต่างหากค่ะ
ลองเปรียบเทียบสิ่งที่คิดว่ารู้กับสิ่งที่ฟังดูนะคะ
:b4: :b4:
https://m.youtube.com/watch?v=yQxaDk-jllQ
onion onion onion


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wink
กรัชกาย เขียน:
นักธรรมะบ้านเรา อ่านพระสูตรไป อ่านพระสูตรมา อ่านไปอ่านมา คิดไปคิดมา เดี๋ยวเหอะสื่อกับคนร่วมสมัยไม่รู้เรื่อง ไปดาวอังคารจนได้ คิกๆๆ

โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
:b12:
...คุณโฮฮับเข้าใจความเกิด-ดับของจิตไหมคะ...พิจารณาอ้างอิงข้างล่างนะคะ...
อ้างคำพูด:
เอาชัดๆสิครับ ยังไง พุทธพจน์ทีละคำๆ (ไม่ใช่นิยาม) คำไหนครับ

คำตอบ :b1:
อ้างคำพูด:
...คิดนะ...ดี...ไม่ดี...ให้พร้อมกันสิทำได้ไหม...บังคับบัญชาให้พร้อมกันสิได้ไหม...ทีละ1ขณะจิต...
...แล้วขณะที่คิดว่าดี...กระพริบตาทั้ง6ทางดับแล้ว...คำว่าดับแล้วคือดับทุกอย่างที่คิดว่ามีไม่เหลือ...
...ดับตัวตนตับปอดหัวใจ...ดับที่ดินบ้านรถยนต์...ดับวงศาคณาญาติเพื่อนฝูง...ดับไปนับครั้งไม่ถ้วน...
...ตะกี้นี้ที่ดับไป...ดับด้วยความรู้ความจริงไหม...หรือว่าไม่รู้...ไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกเลยรู้ปัจจุบันทีละคำ...

:b16:


ไอ้ที่คุณเอามาพูดมันมั่วธรรม เหมือนคนเมากัญชาร้องลิเกผิดเนื้อผิดคีย์
ความหมายของจิต จิตเป็นบัญญัติที่ใช้เรียก กระบวนการของขันธ์ห้า
ในกระบวนการที่ทำให้เกิดขันธ์ห้า มีทั้งที่เกิดดับ(อนัตตา) มีทั้งที่เป็นความยึดมั่น(อัตตา)
มีทั้งที่เป็นไม่เที่ยง(อนิจจัง)และมีทั้งกองขันธ์(ทุกข์)

Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b12:
การพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฏกับจิตตนที่คิดว่ายาวๆเพราะคิดยาวด้วยการไม่รู้ความจริงที่จิตเกิดดับคิดถูกไหม
การฟังจะทำให้เริ่มเข้าใจจิตจริงๆที่กำลังมี ณ ฐานที่ตั้ง กายกับจิตตน เป็นคำจริงรู้ตรงๆ คิดได้รึยังว่าจะฟังไหม


ความคิดไม่ใช่จิต ความคิดหรือธัมมารมณ์เป็นอายตนะภายนอกที่มากระทบมโนทวาร
จิตหรือขันธ์ห้าจะเกิดก็ต่อเมื่อกายใจของบุคคลเข้าไปยึดมั่นต่อธัมมารมณ์นั้น

ส่วนการที่เอายูทูบมาให้ฟัง ทางที่ดีคุณควรถอดคำพูดของป้าสุจินต์มาเป็นตัวอักษร
แล้วผมจะสอนให้ว่า ป้าสุจินต์แกสอนทำผิดถูกตรงไหนอย่างไร

มันตลกดีอ้างว่าสอนอภิธรรม แต่พูดจาไม่มีเรื่องอภิธรรมเลยสักนิด
ฟุ้งสมมติไปเรื่อยๆ :b32:

tongue
คุณกรัชกายลองพิจารณาคำถามอ้างอิงข้างบนดูที
และอ่านคำตอบตามอ้างอิงข้างล่างคิดว่าเป็นยังไงคะ
เพราะเวลาอ่านเป็นกุศลจิตและอกุศลจิตของผู้อ่านค่ะ
:b12:
อ้างคำพูด:
:b1:
...ไม่ต้องอ.สุจินต์หรอกค่ะ...ที่จะอ่านต่อไปนี้ให้ผู้ที่อ่านคิดตามนะคะ...
...สมมติว่านั่งอยู่คนเดียว...ไม่มีคนอื่นไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เลย...
...พระไตรปิฎกเป็นบันทึกเรื่องราว...แต่การจะเข้าใจสัจจธรรมต้องเข้าใจทีละ1ทาง...
...การฟังจะรู้พร้อมกันทีเดียวทั้ง6ทางที่ผ่านอายตนะ6แต่ละขณะที่ผ่านไปมันไม่ทันจิตตน...
...ให้ค่อยๆคิดตามแล้วค่อยๆเข้าใจขึ้นก่อนว่าจิตเกิดดับที่จิตตนกำลังมีหมายถึง1ขณะจิตจริงๆ...
...แต่ละทางไม่พร้อมกันจิตเห็น...จิตได้ยิน...จิตได้กลิ่น...จิตรู้รส...จิตกระทบสัมผัส...จิตคิดนึก...
...แต่ละทางต่างแสดงความจริงให้รู้ไม่พร้อมกันเกิดดับทีละ1ทางสั้นมากเช่นเสียงเกิดดับ1ขณะจิต...
...มีได้แค่1เสียงแล้วดับจึงจะเกิดเสียงต่อไปได้...และขณะที่มีเสียง1เสียงที่สั้นมากต้องไม่มีอย่างอื่นปน...
...โลกของเสียงเป็นสภาพจิตรู้เสียง1เสียงในความมืดที่มีแต่เสียงสูงๆต่ำๆ...
...ที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-แล้วดับไป-ไม่กลับมาเกิดอีก...และเป็นโลกแต่ละทางทีละ1ขณะจิตไม่ซ้ำเดิมทุกทาง...
...และในการเกิดดับแต่ละขณะมีช่องว่างเกิดขึ้นแทรกคั่นแต่ละ1ขณะจิตทุกทางมีอากาศธาตุแทรกคั่น...
...และเป็นการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปทีละ1โลกทีละ1ขณะจิตสลับกันทั้ง6โลกไม่ซ้ำในแต่ละ1ดวงจิต...
...เป็นการเกิด-ดับสืบต่อที่รวดเร็วที่สั้นแสนสั้น...แล้วลักษณะที่เกิดดับในคนเดียวทีละ1ขณะจิตเนี่ย...
...เฉพาะใน1ดวงจิตก็ไม่สามารถเกิดซ้ำกันและมีการสืบต่อตั้งแต่จุติจิตจากชาติก่อนมาปฏิสนธิจิตในร่างใหม่...
...เป็นบุคคลคนนี้และสืบต่อจิตดวงนี้ที่กำลังเกิด-ดับแต่ละขณะไม่ซ้ำเดิมไปจนกว่าจะถึงแก่กรรมสิ้นสุด...
...คือตายจากความเป็นบุคคลคนนี้(คนตาย)เสมือนการหลับตาแล้วลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ต่อไป...
...โดยเลือกไม่ได้ว่าจะเกิดเป็นสัตว์นรก/คน/เทวดา...เฉพาะใน1จิตของคุณโฮฮับตั้งแต่เกิดจนตายไม่ซ้ำ...
...และทุกสัตว์บุคคลตัวตน...ไม่ว่าจะเป็นภพภูมิใดก็เป็นจิตเกิดดับแต่ละ1ขณะที่ไม่ซ้ำที่ไม่ใช่ตัวตน...
...พอจะเข้าใจไหมคะว่าถ้าตายจากโฮฮับในชาตินี้ก็ไปปฏิสนธิจิตใหม่แล้วหาโฮฮับคนเก่าไม่เจอทั้งจักรวาล...
...ทุกดวงจิตเลยค่ะทั้ง 31 ภพภูมิเป็นจิตแต่ละดวงท่องเที่ยวดวงเดียวทีละ1ขณะจิตไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน...
...จะรู้จักจิตทีละ1ขณะด้วยการฟังทีละคำ...หรือจะคิดเองต่อไปด้วยการสะสมความไม่รู้ต่อไปคะ...
:b12:
สนใจศึกษาเพื่อสะสมปัญญาที่รู้จิตตนจริงๆได้ตอนที่กำลังฟังเสียงเท่านั้นต้องไม่ง่วงและไม่หลับก่อนสิ้นชาตินี้ค่ะ
http://www.dhammahome.com
onion onion onion

...และที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง...ก็คือถ้าเป็นคนที่เกิดมาอ่านก็ยังไม่มีปัญญา...
...ถ้ามีความเกิดอยู่แปลว่ายังไม่มีปัญญา...ที่ยังเกิดเพราะยังโง่อยู่ทุกคน...
:b13:
:b31: :b31: :b31:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 19 มี.ค. 2016, 00:12, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.

โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
นักธรรมะบ้านเรา อ่านพระสูตรไป อ่านพระสูตรมา อ่านไปอ่านมา คิดไปคิดมา เดี๋ยวเหอะสื่อกับคนร่วมสมัยไม่รู้เรื่อง ไปดาวอังคารจนได้ คิกๆๆ


พิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่คิดหน่อยนะว่าคิดถูกไหม
อกุศลจิตตนไม่รู้ยังไปปรุงแต่งความไม่รู้เพิ่มขึ้น
สะสมเข้าไปทับถมกิเลสอันเก่าให้ไม่รู้เพิ่มขึ้น
ละความไม่รู้ด้วยความรู้เข้าใจความหมาย
ในพระพุทธพจน์ทีละคำไม่ใช่จำนิยาม

อ.สุจินต์เป็นบุุคคลสำคัญในวิกีพีเดีย
กรัชกายสำคัญตนว่าเก่งเหลือเกิน
ไม่เชื่อว่าประมาทแม้คำว่าธัมมะ


ชาวพุทธน่าจะเริ่มต้นจากศึกษาธรรมพื้นๆ (โลกียธรรม,โลกียสัมมาทิฏฐิ) เช่น หลักคำสอนในสิงคาลกสูตร เรื่องทิศ ๖ เรื่องการทำหน้าที่ให้เข้าใจก่อน

เมื่อเข้าใจเบื้องต้นแล้ว ก็ขยับขึ้นไปโลกุตรธรรม,โลกุตรสัมมาทิฏฐิ

นี่เบื้องต้นยังไม่เข้าใจ แต่โดดขึ้นไปยอดเลย ทีนี้มันก็เลือนลอย จะลงก็ไม่ได้ จะไปก็ไม่ถูก :b32:

ที่คุณโรสพูดนะกรัชกายเข้าใจ :b32: ก็อย่างที่บอกน่าครับว่า อ.สุจินต์ พูดตามนัยในอภิธรรม อภิธรรมก็สอน จิต เจตสิก รูป นิพพาน แล้ว จิต เจตสิก ก็แยกเป็นเป็นกุศล อกุศล ... แล้วทั้งกุศลจิต อกุศลจิต มันก็เกิดขึ้น ตั้้งอยู่แล้วก็ดับไป (อุปาทะ ฐีติ ภังคะ) บลาๆๆ

ในพระพุทธพจน์ทีละคำไม่ใช่จำนิยาม


เอาชัดๆสิครับ ยังไง พุทธพจน์ทีละคำๆ (ไม่ใช่นิยาม) คำไหนครับ

Kiss
:b32:
...คิดนะ...ดี...ไม่ดี...ให้พร้อมกันสิทำได้ไหม...บังคับบัญชาให้พร้อมกันสิได้ไหม...ทีละ1ขณะจิต...
...แล้วขณะที่คิดว่าดี...กระพริบตาทั้ง6ทางดับแล้ว...คำว่าดับแล้วคือดับทุกอย่างที่คิดว่ามีไม่เหลือ...
...ดับตัวตนตับปอดหัวใจ...ดับที่ดินบ้านรถยนต์...ดับวงศาคณาญาติเพื่อนฝูง...ดับไปนับครั้งไม่ถ้วน...
...ตะกี้นี้ที่ดับไป...ดับด้วยความรู้ความจริงไหม...หรือว่าไม่รู้...ไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกเลยรู้ปัจจุบันทีละคำ...


แม่จ้าว คุณโรส ดับตับ ดับปอด ดับหัวใจ ดับที่ดิน ดับรถยนต์ ดับวงศ์วานหว่านเครือเพื่อนฝูง คิกๆๆๆ

https://www.youtube.com/watch?v=ng7ZfJBYoEQ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสต์ เมื่อ: 18 มี.ค. 2016, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
:b12:
ขออนุโมทนากับกุศลจิตของจิตทุกดวงที่ได้ปัญญาเข้าใจจริงๆค่ะ
แล้วก็น่าเห็นใจความไม่รู้และอกุศลจิตของจิตทุกดวงเช่นกันนะคะ
สัพเพ ธัมมา อนัตตา สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ ตามเหตุปัจจัย
:b8:
onion onion onion


โพสต์ เมื่อ: 19 มี.ค. 2016, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอากันเข้าไป :b5:

http://www.komchadluek.net/detail/20160318/224356.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 224 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 15  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร