วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 19:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 56, 57, 58, 59, 60, 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2016, 21:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทนงตน..ซะจริงนะ
:b9:

อ่าน..ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ

กลับเข้าใจ..ว่าคนอื่น..แยกแยะไม่ออก..

:b9: :b32:

onion
กบต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบ พิจารณาซ้ำหลายๆครั้ง รวมทั้งรูปที่ให้มาด้วย จะพบว่ามันกลางตรงไหน ผมอุปไว้ไม่บอกเพราะอยากเห็นภูมิปัญญาภาคปฏิบัติของกบ แต่กบกลับตอบและอธิบายไม่ได้เสียนี่ น่าสงสารและน่าเห็นใจคนที่เอาแต่ศึกษาตำราแต่ไม่ยอมปฏิบัติอย่างจริงจังต่อเนื่องนานๆเสียที
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2016, 05:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทนงตน..ซะจริงนะ
:b9:

อ่าน..ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ

กลับเข้าใจ..ว่าคนอื่น..แยกแยะไม่ออก..

:b9: :b32:

onion
กบต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบ พิจารณาซ้ำหลายๆครั้ง รวมทั้งรูปที่ให้มาด้วย จะพบว่ามันกลางตรงไหน ผมอุปไว้ไม่บอกเพราะอยากเห็นภูมิปัญญาภาคปฏิบัติของกบ แต่กบกลับตอบและอธิบายไม่ได้เสียนี่ น่าสงสารและน่าเห็นใจคนที่เอาแต่ศึกษาตำราแต่ไม่ยอมปฏิบัติอย่างจริงจังต่อเนื่องนานๆเสียที
:b7:


พูดเรื่องกลาง...หรือสายกลาง...คงเมากระทู้โน้นมา..เป็นแน่แท้..

555...

ผมพูดไปแล้ว.....แต่ชอบพูดสั้น ๆ...
เพื่อดูอะไรบ้างอย่าง....ดูสัญญาณบางอย่าง..

โดยทั่วไป...
คนที่เข้าใจอะไรที่สั้น ๆ..มี 2 ประเภท...คือคนที่เคยผ่าน..กับ...คนที่ฉลาด

คนที่ไม่เข้าใจ...แต่อ่อนน้อมถ่อมตน...ยังมีโอกาสได้รับการอธิบาย

ส่วน..คนที่ไม่เข้าใจแล้วยังทนงตนสูง...มันก็จบ...

:b16: :b16: :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 05 ก.พ. 2016, 06:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2016, 06:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2016, 06:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทนงตน..ซะจริงนะ
:b9:

อ่าน..ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ

กลับเข้าใจ..ว่าคนอื่น..แยกแยะไม่ออก..

:b9: :b32:

onion
กบต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบ พิจารณาซ้ำหลายๆครั้ง รวมทั้งรูปที่ให้มาด้วย จะพบว่ามันกลางตรงไหน ผมอุปไว้ไม่บอกเพราะอยากเห็นภูมิปัญญาภาคปฏิบัติของกบ แต่กบกลับตอบและอธิบายไม่ได้เสียนี่ น่าสงสารและน่าเห็นใจคนที่เอาแต่ศึกษาตำราแต่ไม่ยอมปฏิบัติอย่างจริงจังต่อเนื่องนานๆเสียที
:b7:


พูดเรื่องกลาง...หรือสายกลาง...คงเมากระทู้โน้นมา..เป็นแน่แท้..

555...

ผมพูดไปแล้ว.....แต่ชอบพูดสั้น ๆ...
เพื่อดูอะไรบ้างอย่าง....ดูสัญญาณบางอย่าง..

โดยทั่วไป...
คนที่เข้าใจอะไรที่สั้น ๆ..มี 2 ประเภท...คือคนที่เคยผ่าน..กับ...คนที่ฉลาด

คนที่ไม่เข้าใจ...แต่อ่อนน้อมถ่อมตน...ยังมีโอกาสได้รับการอธิบาย

ส่วน..คนที่ไม่เข้าใจแล้วยังทนงตนสูง...มันก็จบ...

:b16: :b16: :b16:

:b7:
เป็นวิธีการของกบ ที่จะดูวินิจฉัยอะไร ตามระดับสติปัญญาและความเห็นของกบ ตามสบาย พอได้แล้วใช่ไหม สะใจสมใจแล้วนี่ ผมจะได้ไปต่อตามหัวข้อกระทู้
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2016, 20:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b7:
เป็นวิธีการของกบ ที่จะดูวินิจฉัยอะไร ตามระดับสติปัญญาและความเห็นของกบ ตามสบาย พอได้แล้วใช่ไหม สะใจสมใจแล้วนี่ ผมจะได้ไปต่อตามหัวข้อกระทู้
:b38:


วิธีการนึกคิด..จนกระทั้งเขียนออกมาได้...แบบนี้...จะพบเจอเสมอๆ ในอโสกะ...

แทบจะไม่ต้องใช้ญาณวิเศษ..ไปดูจิตดูใจ..อะไรให้ลำบากเล้ย...

:b15: :b15: :b15:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 05 ก.พ. 2016, 20:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2016, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กลับมาที่ที่ควร..ดีกว่า

เรื่องศีล....คงเป็นบทเรียน..ให้อโสกะได้เรียนรู้ไปบ้าง...

มาดู..อริยะสัจ4 ของอโสกะ


กบนอกกะลา:เขียน

มาที่จุดเริ่มต้น...เหตุที่มาพูดเรื่องศีล...ดีกว่
อโสกะว่า..

asoka เขียน:
:b12:


ทุกขัง คือสภาวะแห่งการ ทนอยู่ไม่ได้

ใครพบเห็นสภาวะที่ทนอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นในกายและจิต ตัดสินได้เลยว่า เขาผู้นั้นกำลังพบและเห็น ทุกขสัจจะ

ยังคงไม่จำเป็นต้องไปค้นหาสมุทัยเสียก่อนว่าสิ่งนี้เกิดมาจากอะไรจึงจะวินิจฉัยว่าเป็นทุกขสัจจะหรือไม่


smiley
onion


กระผมก็เลยพูดเปรย ๆ..ว่า
กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ..ติดอาการคิด..นะ...ต้องค้นหา..ต้องวินิจฉัย


แต่อโสกะ...ไม่เข้าใจ

ตรงนี้..อโสกะเข้าใกล้แล้ว..
อ้างคำพูด:
ทุกขัง คือสภาวะแห่งการ ทนอยู่ไม่ได้

ใครพบเห็นสภาวะที่ทนอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นในกายและจิต ตัดสินได้เลยว่า เขาผู้นั้นกำลังพบและเห็น ทุกขสัจจะ


แต่...กลับไม่ก้าวต่อ..
อ้างคำพูด:
ยังคงไม่จำเป็นต้องไปค้นหาสมุทัยเสียก่อนว่าสิ่งนี้เกิดมาจากอะไรจึงจะวินิจฉัยว่าเป็นทุกขสัจจะหรือไม่


กลับมองว่า..ต้องค้นหา...ต้องวินิจฉัย(คิด)

ไอ้ภาวะทนอยู่ไม่ได้....ดูมันดีดี...ดูมันสักพัก...เดียวจะเห็นปลามันโผมาหุบเหยื่อ

ไม่ต้องค้นหา...ไม่ต้องวินิจฉัย....เดียวจิตเขาจะเห็น..จะประมวลผลของเขาเอง...เห็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์นั้น..เอง...ถ้าเห็นโดยธรรมแล้ว..อาการปราโมทย์..ปีติ..ปัสสันธิ...สุข..สงบ...จะเกิดตาม ดีไม่ดีก็อาจมีอาการรู้สึกอื่น ๆ ตามมาเป็นหางว่าว..

ไปเห็น...ทุกข์อริยะสัจแล้ว...ใกล้จะเห็นสมทัยอยู่แล้ว....แล้วใยอโสกะจึงถอยหลังมา..ใช้ธัมมวิจัย..

แสดงว่า...ยังไม่เคยเข้าจุด

ผมจึงเปรย ๆ ว่า..อโสกะชอบค้นหา...ชอบวินิจฉัย...นะ..

เว้นแต่ว่า...มันไม่มีอาการไปต่อ...เห็นทุกข์แล้ว(ตนเองคิดว่าเห็นแล้ว)...มันตื่อ ๆ...ไม่มีอะไรตามมา..อย่างนี้จึงต้องใช้ธัมมวิจัย..เป็นการสอนจิต...(เป็นขั้นการศึกษา)...สะสมบุญบารมีจนกว่าจิตจะเต็ม

.....................

น่าแปลกมาก....อโสกะ..มักยืนยันเรื่องการนิ่ง..สังเกต...จน..เฉย

พอผมบอกว่า...เห็นทุกข์....จะเห็นเหตุแห่งทุกข์นั้นๆ ด้วย...จึงจะเป็นการเห็นทุกข์จริง ๆ

แต่อโสกะ..กลับ...ไม่จำเป็นต้องไปค้นหาอะไรเป็นเหตุจึงวินิจฉัยว่า...เห็นทุกข์จริง

กระผมก็เปรย ๆ ว่า...อโสกะชอบค้นหา..ชอบวินิจฉัย..เน๊าะ

อโสกะสวนกลับเรื่อง...ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์...

:b32: :b32: :b32:

เอ้ะ...ยังงัย..อิอิ

จะนิ่ง..จนเฉย....หรือจะใช้..ธัมมวิจัย...

ปล. ผมบอกไปแล้วนะครับอโสกะว่า...ธัมมวิจัย..ใช้ตอนไหน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2016, 23:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
สมุทัย เหตุทุกข์ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "สมุทัย ควรละ"

อะไรเป็นเหตุทุกข์?

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ตัณหา เป็นเหตุทุกข์" ตัณหา แปลว่า ความอยาก ความอยาก เป็นสิ่งที่รู้เห็นได้ง่าย แต่ที่มาของตัณหา ซึ่งเป็นเหตุต้นจริงๆแห่งทุกข์นั้นซ่อนลึกอยู่เบื้องหลัง พระบรมศาสดาไม่ทรงบอกไว้ตรงๆในเรื่องสมุทัยเพราะทรงทิ้งไว้ให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้ค้นพบเอาเอง

เราสามารถค้นหาเหตุทุกข์ที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่หลังตัณหาได้ เพียงแต่ค้นหาหรือถามให้ลึกเข้าไป

ตัณหา แปลว่า ความอยาก ถามต่อไปว่า เวลาอยากขึ้นมานี่

"ใครเป็นผู้อยาก?"

มากคนจะตอบว่า "ใจ เป็นผู้อยาก"
ถ้าตอบอย่างนี้เราก็สามารถถามต่อไปได้อีกว่า

ใจใครล่ะ?ที่อยาก

ส่วนใหญ่จะตอบว่า "ใจเรา"

คำนี้ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเพราะ "เรา" ยังไม่ใช่ผู้ร้ายหรือต้นเหตุแห่งทุกข์ตัวจริง เพราะคำว่า "เรา" มันเป็นพหูพจน์ แปลว่า 2 คนขึ้นไป จึงมีเหตุต้องพิสูจน์ต่อว่าใครหรืออะไร?คือสมุทัย หรือเหตุทุกข์ตัวจริง

"ใจ "ฉัน" เป็นผู้อยาก คำตอบนี้จึงจะตรงและถูกต้องกว่าเพราะเหลือผู้ร้ายตัวจริงเพียงหนึ่งเดียว

แต่ "ฉัน สุภาพเกินไป ไม่เห็นชัด ไม่สะใจ ต้องใช้ภาษาพ่อขุนฯจึงจะชัดและจำง่าย

"กู" คือผู้อยาก

กู = อัตตา คือผู้อยาก

กู จึงเป็นเหตุทุกข์ตัวจริง สมุทัยตัวจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ตัณหา

การละเหตุทุกข์ก็จึงหมายถึงการละ กู

กู คืออะไร?

กู คืออุปาทาน ความเห็นผิด ยึดผิด คือเห็นผิดว่าขันธ์ 5 รูป นาม กาย ใจนี้เป็น อัตตา ตัวกูของกู หรือที่บาลีเรียกว่า "สักกายทิฏฐิ"

ส่วนความยึดผิด คือยึดกาย ยึดใจ นี้ว่าเป็นตัวกูของกูนั้น ท่านเรียกว่า
"มานะทิฏฐิ" ซึ่งฆ่า ทำลายได้ยากกว่า สักกายทิฏฐิ

ดังนั้นจึงอาจสรุปได้ว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์ ความเวียนว่ายตายเกิด เป้าหมายแรกคือต้องทำลาย สักกายทิฏฐิ ความเห็นผิด ให้ได้เสียก่อนซึ่งก็ไปตรงกับประเด็นของเหตุทุกข์หรือสมุทัยควรละ

ละเหตุทุกข์ได้ ผลทุกข์ก็ดับ สิ่งที่เหลือคือ ผลสุข (นิโรธะ)กับเหตุสุข คือ มรรค

นี่คือสาระสำคัญของอริยสัจ 4 และงานของมรรค 8



onion
:b39:

s004
กบไปคัดลอกอะไรมาผิดๆหรือเปล่า
ดูที่อ้างอิงมาให้อ่านนี้หน่อยอย่าเพิ่งไปโวยวาย ตีโพยตีพายว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เสียก่อนมันจะไปเข้าทำนองที่ว่า

"ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับมากระเดียด"

กบมักจะมาทำของดีๆให้เสียหายบ่อยๆ ตามคำพังเพยที่ว่า

"ชักใบให้เรือเสีย"

อโศกะมีเมตตาและปารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ จึงมาสนทนาแบ่งปันธรรมะได้ทุกวัน ถ้ากบใจเย็นๆ อ่านไปศึกษาไปด้วยความพินิจพิเคราะห์ กระทู้นี้มีเรื่องดีๆในเชิงปฏิบัติอีกเยอะเลย
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2016, 06:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
กบไปคัดลอกอะไรมาผิดๆหรือเปล่า
ดูที่อ้างอิงมาให้อ่านนี้หน่อยอย่าเพิ่งไปโวยวาย ตีโพยตีพายว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เสียก่อนมันจะไปเข้าทำนองที่ว่า

"ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับมากระเดียด

กบมักจะมาทำของดีๆให้เสียหายบ่อยๆ ตามคำพังเพยที่ว่า

"ชักใบให้เรือเสีย"

อโศกะมีเมตตาและปารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ จึงมาสนทนาแบ่งปันธรรมะได้ทุกวัน ถ้ากบใจเย็นๆ อ่านไปศึกษาไปด้วยความพินิจพิเคราะห์ กระทู้นี้มีเรื่องดีๆในเชิงปฏิบัติอีกเยอะเลย
onion


อโสกะ..จำที่ตนเขียนมาไม่ได้รึคับ...

ในอ้างอิงนั้น..เป็นคำที่อโสกะเขียนเอง...ไม่มีแก้ไขแปลี่ยนอะไร

ทำเป็นมาโวยวาย...

ไม่แมน..เลยคับ

เอ้า..ดูอีกที...ใครี่เขียนว่า..ใช้ธัมมวิจัย..นะ

asoka เขียน:
:b13: :b13:
ทำอย่างกบนี่แหละเขาเรียกว่า "คิดตอบ"

แต่ทำอย่างอโศกะนี้ท่านเรียกว่า "ปฏิบัติหรือ พิสูจน์แล้วตอบ"

การวิเคราะห์เพื่อวินิจฉัยนั้นเป็นองค์ธรรมเพื่อการตรัสรู้ที่ท่านเรียกว่า

"ธัมมวิจัย สัมโภชฌงค์"


กบล่ะใช้หลักธรรมอะไรมาวินิจฉัย

เมตตาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ เผื่อกัลยาณมิตรทั้งหลายจะได้วิธีการดีๆใหม่ๆจากข้อชี้แนะของอาจารย์กบ
ขอบพระคุณ

smiley


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 06 ก.พ. 2016, 06:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2016, 06:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ซ้ำ...สรุปสั้น ๆ อีกที

กบนอกกะลา เขียน:

.....................

น่าแปลกมาก....อโสกะ..มักยืนยันเรื่องการนิ่ง..สังเกต...จน..เฉย

พอผมบอกว่า...เห็นทุกข์....จะเห็นเหตุแห่งทุกข์นั้นๆ ด้วย...จึงจะเป็นการเห็นทุกข์จริง ๆ

แต่อโสกะ..กลับ...ไม่จำเป็นต้องไปค้นหาอะไรเป็นเหตุจึงวินิจฉัยว่า...เห็นทุกข์จริง

กระผมก็เปรย ๆ ว่า...อโสกะชอบค้นหา..ชอบวินิจฉัย..เน๊าะ

อโสกะสวนกลับเรื่อง...ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์...

:b32: :b32: :b32:

เอ้ะ...ยังงัย..อิอิ

จะนิ่ง..จนเฉย....หรือจะใช้..ธัมมวิจัย...

ปล. ผมบอกไปแล้วนะครับอโสกะว่า...ธัมมวิจัย..ใช้ตอนไหน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2016, 05:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ทางออกสู่นิพพาน2_resize.jpg
ทางออกสู่นิพพาน2_resize.jpg [ 41.02 KiB | เปิดดู 1959 ครั้ง ]
กระบวนการทำงานของมรรค 8_100.1 Kb_resize.jpg
กระบวนการทำงานของมรรค 8_100.1 Kb_resize.jpg [ 45.99 KiB | เปิดดู 1959 ครั้ง ]
onion
บทสรุปอยู่ในภาพที่แนบมาให้ดูนี้ ตีความให้ออก อ่านแผนภูมิภาพให้เป็นจะประหยัดสมองและคำพูดได้มากครับ
:b36:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2016, 06:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จากแผนภาพ..
ตรง...ปัจจุบันอารมณ์...ก็ไม่ใช่..การนิ่งเฉย....อย่างที่อโสกะเข้าใจ

นิ่งเฉยของอโสกะ..ก็ไม่ใช่..สังขารุเปกขาญาณ...อย่างที่อโสกะพยายามเข้าข้างตัวเอง

อยากจะบอกว่า..อโสกะเองก็ไม่เข้าใจแผนภาพตัวเอง...และคิดว่าเข้าใจก็เข้าใจผิด..


ถ้าเอ้ะใจ..และ..อ่อนน้อมสักนิด..ก็ถามผู้ที่เขารู้...ปะเดียวคนที่เขารู้ตรงนี้ก็จะมาบอกเอง...ในนี้คนรู้ตรงนี้คิดว่ามีนะ..

แต่ถ้า..มานะกล้า...ข้าเก่งกว่า...ข้าแน่กว่า..ใคร ๆ...คนรู้คงไม่กล้ามาบอกหรอกนะคับ

นี้พูดจากใจ..นะ
:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2016, 18:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จากแผนภาพ..
ตรง...ปัจจุบันอารมณ์...ก็ไม่ใช่..การนิ่งเฉย....อย่างที่อโสกะเข้าใจ

นิ่งเฉยของอโสกะ..ก็ไม่ใช่..สังขารุเปกขาญาณ...อย่างที่อโสกะพยายามเข้าข้างตัวเอง

อยากจะบอกว่า..อโสกะเองก็ไม่เข้าใจแผนภาพตัวเอง...และคิดว่าเข้าใจก็เข้าใจผิด..


ถ้าเอ้ะใจ..และ..อ่อนน้อมสักนิด..ก็ถามผู้ที่เขารู้...ปะเดียวคนที่เขารู้ตรงนี้ก็จะมาบอกเอง...ในนี้คนรู้ตรงนี้คิดว่ามีนะ..

แต่ถ้า..มานะกล้า...ข้าเก่งกว่า...ข้าแน่กว่า..ใคร ๆ...คนรู้คงไม่กล้ามาบอกหรอกนะคับ

นี้พูดจากใจ..นะ
:b9: :b9:

:b34:
อวดรู้เกินคนเขียน
:b16:
ไปติดบัญญัติอยู่แค่ตอนเขาอธิบายเรื่อความนิ่งเฉย ย้ำคิดย้ำพูดได้อยู่แค่นั้นเลยสำคัญผิด

แต่ที่มาก่อนจะถึงความนิ่งเฉยเคยอธิบายแล้วแต่กบไม่สนใจไม่สังเกตเอง

สมัยก่อนนั้นอีกนิดเคยบอกเรื่องนิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์กบก็ยังไม่เคยเข้าใจ วิพากษ์วิจารณ์ บ่นบ้าไปเรื่อยตามความเห็นผิดของตนเอง

ทีหลังให้ดูดีๆ ลำดับเรื่องดีๆนะกบ จะได้ประโยชน์กับการปฏิบัติของตนเองมากขึ้น
onion
แล้วที่ว่ามีคนรู้ก็เรียนเชิญเลยสิครับ อย่าทำอุบอู้อี่อย่างคุณกบที่ไม่เคยตอบคำถามตรงๆของผมสักที มีแต่เลี่ยงบาลีแฉลบไปโน่นไปนี่อยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ

อย่างเคยถามว่า เฉยไร้เหตุ.....เหตุที่ว่านั้นคืออะไรก็ตอบไม่ได้หรือไม่กล้าตอบกลัวผิดแล้วอายขายหน้า สู้อมอุบภูมิปัญญาไว้ดีกว่า คิดเสียอย่างนั้นเลยคุยกันไม่รู้เรื่องสักที

อ้างคำพูด:
อ่อนน้อมสักนิด..ก็ถามผู้ที่เขารู้...ปะเดียวคนที่เขารู้ตรงนี้ก็จะมาบอกเอง...ในนี้คนรู้ตรงนี้คิดว่ามีนะ


คำพูดนี้กบควรจะเอามาใช้สอนตัวเองเสียก่อนว่าทำได้ไหม
grin
Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2016, 20:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
จากแผนภาพ..
ตรง...ปัจจุบันอารมณ์...ก็ไม่ใช่..การนิ่งเฉย....อย่างที่อโสกะเข้าใจ

นิ่งเฉยของอโสกะ..ก็ไม่ใช่..สังขารุเปกขาญาณ...อย่างที่อโสกะพยายามเข้าข้างตัวเอง

อยากจะบอกว่า..อโสกะเองก็ไม่เข้าใจแผนภาพตัวเอง...และคิดว่าเข้าใจก็เข้าใจผิด..


ถ้าเอ้ะใจ..และ..อ่อนน้อมสักนิด..ก็ถามผู้ที่เขารู้...ปะเดียวคนที่เขารู้ตรงนี้ก็จะมาบอกเอง...ในนี้คนรู้ตรงนี้คิดว่ามีนะ..

แต่ถ้า..มานะกล้า...ข้าเก่งกว่า...ข้าแน่กว่า..ใคร ๆ...คนรู้คงไม่กล้ามาบอกหรอกนะคับ

นี้พูดจากใจ..นะ
:b9: :b9:

:b34:
อวดรู้เกินคนเขียน
:b16:
ไปติดบัญญัติอยู่แค่ตอนเขาอธิบายเรื่อความนิ่งเฉย ย้ำคิดย้ำพูดได้อยู่แค่นั้นเลยสำคัญผิด

แต่ที่มาก่อนจะถึงความนิ่งเฉยเคยอธิบายแล้วแต่กบไม่สนใจไม่สังเกตเอง

สมัยก่อนนั้นอีกนิดเคยบอกเรื่องนิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์กบก็ยังไม่เคยเข้าใจ วิพากษ์วิจารณ์ บ่นบ้าไปเรื่อยตามความเห็นผิดของตนเอง

ทีหลังให้ดูดีๆ ลำดับเรื่องดีๆนะกบ จะได้ประโยชน์กับการปฏิบัติของตนเองมากขึ้น
onion
แล้วที่ว่ามีคนรู้ก็เรียนเชิญเลยสิครับ อย่าทำอุบอู้อี่อย่างคุณกบที่ไม่เคยตอบคำถามตรงๆของผมสักที มีแต่เลี่ยงบาลีแฉลบไปโน่นไปนี่อยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ

อย่างเคยถามว่า เฉยไร้เหตุ.....เหตุที่ว่านั้นคืออะไรก็ตอบไม่ได้หรือไม่กล้าตอบกลัวผิดแล้วอายขายหน้า สู้อมอุบภูมิปัญญาไว้ดีกว่า คิดเสียอย่างนั้นเลยคุยกันไม่รู้เรื่องสักที

อ้างคำพูด:
อ่อนน้อมสักนิด..ก็ถามผู้ที่เขารู้...ปะเดียวคนที่เขารู้ตรงนี้ก็จะมาบอกเอง...ในนี้คนรู้ตรงนี้คิดว่ามีนะ


คำพูดนี้กบควรจะเอามาใช้สอนตัวเองเสียก่อนว่าทำได้ไหม
grin
Kiss


asoka เขียน:

:b11:

จะจริงอะไรมากนักกับมายาการของชีวิตอันมีอายุอยู่เพียงแค่พยับแดด และน้ำค้างในยามเช้า เดี๋ยวๆก็ตายจากกัน

สนุกสุขไปวันๆกับงานโลกและงานธรรมไปจนกว่าอายุขัยจะสิ้นตามเหตุปัจจัยของมัน
:b47: :b48: :b53: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2016, 21:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b34:
อวดรู้เกินคนเขียน
:b16:
ไปติดบัญญัติอยู่แค่ตอนเขาอธิบายเรื่อความนิ่งเฉย ย้ำคิดย้ำพูดได้อยู่แค่นั้นเลยสำคัญผิด

แต่ที่มาก่อนจะถึงความนิ่งเฉยเคยอธิบายแล้วแต่กบไม่สนใจไม่สังเกตเอง

สมัยก่อนนั้นอีกนิดเคยบอกเรื่องนิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์กบก็ยังไม่เคยเข้าใจ วิพากษ์วิจารณ์ บ่นบ้าไปเรื่อยตามความเห็นผิดของตนเอง

ทีหลังให้ดูดีๆ ลำดับเรื่องดีๆนะกบ จะได้ประโยชน์กับการปฏิบัติของตนเองมากขึ้น
onion
แล้วที่ว่ามีคนรู้ก็เรียนเชิญเลยสิครับ อย่าทำอุบอู้อี่อย่างคุณกบที่ไม่เคยตอบคำถามตรงๆของผมสักที มีแต่เลี่ยงบาลีแฉลบไปโน่นไปนี่อยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ

อย่างเคยถามว่า เฉยไร้เหตุ.....เหตุที่ว่านั้นคืออะไรก็ตอบไม่ได้หรือไม่กล้าตอบกลัวผิดแล้วอายขายหน้า สู้อมอุบภูมิปัญญาไว้ดีกว่า คิดเสียอย่างนั้นเลยคุยกันไม่รู้เรื่องสักที



:b32: :b32: :b32:

ก็เพราะอโสกะ....ยังดึงดัน...ในเหตุของตัวเอง..ไม่ละไม่วาง...นะซิ
เลยไม่มีที่ว่าง..ให้เหตุทางธรรม..

เคยมีคนพูดไปเยอะแล้ว....แต่อโสกะหาฟังไม่

:b9: :b9:

ไร้เหตุ..ของอโสกะ...มันกดข่มเหต...นะ...จึงดูเหมือนไม่มีเหตุ...

พอยกอาการ..ไร้เหตุ..จริง ๆ ของพระพุทธเจ้า...อโสกะก็ว่า...มันสายกลางตรงไหน

จำได้มั้ยคับ...อโสกะ

และ..อาการเฉยแบบไร้เหตุของพระพุทธเจ้า..ยังไม่ได้ข้ามโคตรภู..นะ...ขั้นกำลังเรียนรู้อยู่

แล้วคนที่ตรงนี้ยังหลงเนี้ย...เป็นอะไรดีเอ้ย..
:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2016, 05:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
อ้างคำพูด:
ไร้เหตุ..ของอโสกะ...มันกดข่มเหต...นะ...จึงดูเหมือนไม่มีเหตุ...

พอยกอาการ..ไร้เหตุ..จริง ๆ ของพระพุทธเจ้า...อโสกะก็ว่า...มันสายกลางตรงไหน

จำได้มั้ยคับ...อโสกะ

และ..อาการเฉยแบบไร้เหตุของพระพุทธเจ้า..ยังไม่ได้ข้ามโคตรภู..นะ...ขั้นกำลังเรียนรู้อยู่

แล้วคนที่ตรงนี้ยังหลงเนี้ย...เป็นอะไรดีเอ้ย..

:b7:
แค่คำพูดของกบตามที่แถบสีแดงมาให้ดู ก็เห็นได้ชัดว่ากบรู้ไม่จริง จึงหลงพูดหลงแสดงความคิดเห็นแบบ

"โง่ๆ แต่อิงหรือโหนพระพุทธเจ้ามาพูดหลอกผู้คนให้เชื่อ"
:b7:
เฉยไร้เหตุจะเกิดขึ้นได้เมื่อเหตุนั้นถอยไปชั่วคราว จนกว่าจะถึงวันที่เหตุนั้นตาย
จึงจะถึงความเฉยไร้เหตุ โดยสมบูรณ์


กบไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงคำพูดอย่างนี้แน่ เพราะกบยังตอบเรื่องตัว เหตุ ที่ทำให้ไม่เฉยไม่ได้ ด้วยตัวเองจากผลปฏิบัติของตัวเองอย่างแท้จริง
จึงเลยพาลทำให้อ่านภาพแผนภูมิที่กลั่นกรองเขียนมาอย่างดีมากไม่เข้าใจ ตีความสรุปความพูดออกไปมั่วซั่ว
สร้างมิจฉาวาจาให้กับตัวเอง


:b29:
ยกมมาให้ดูอีกทีนะกบเฉยไร้เหตุของพระพุทธเจ้าที่เป็นทางสายกลางที่กบว่า มาเทียบกันดูสิว่าจะต่างกับเฉยไร้เหตุของอโศกะตรงไหน
s004


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 56, 57, 58, 59, 60, 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร