วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 20:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 49, 50, 51, 52, 53, 54, 55 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2015, 13:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




dd143_resize.jpg
dd143_resize.jpg [ 45.95 KiB | เปิดดู 1528 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
สัตว์โลก...

มีกรรมเป็นเ่ผ่าพันธุ์..
มีกรรมเป็นแดนเกิด...

ทำบุญทำกรรมกับใครมา...ก็ต้องร่วมหัวจมท้ายกันไป...จนถึงที่สุดแห่งทุกข์.นั้นแหละ

:b4: :b12: :b13:
ไม่รู้ทำบุญหรือทำบาปกรรมร่วมกันมาตั้งหลายภพหลายชาติ ชาตินี้เลยยังมาได้เกิดแซววาทีกันอีก จนกว่าจะเกิดนิพพิททาอย่างแรงกล้า กระจัดกระจายหายกันไปคนละทิศละทาง หรือเข้าสู่สูญตรงกลางสิ้นภพชาติกันไป
s006
s004
:b38:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 05:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
จากเรื่องยาก 5 อย่างทำให้เราได้ฟังกระทู้แทรกเรื่องการเสวยผลสมาบัติของพระอริยเจ้าชั้นต่างๆมากันพอสมควร ต่อไปเรามาฟังเรื่องของทาง 5 เส้น

เมื่อไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกนี้ จิตวิญญาณของสัตว์โลกมีที่วนเวียนไปตายเกิดอยู่ในทาง 4 เส้น 7 ที่ นับจากต่ำมาสูงดังนี้คือ

1.ทางบาปอกุศล ได้แก่บุคคลที่ชอบสร้างเหตุทำบาปผิดศีล 5 ไม่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ตัดสินกระทำการสิ่งต่างๆด้วยอารมณ์ เป็นผลให้

ตายด้วยความโลภ ไปเกิดเป็นเปรต

ตายด้วยความโกรธ ไปเกิดเป็นสัตว์นรก

ตายด้วยความหลงโง่เขลา ไปเกิดเป็นอสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน

ผลบาปหรือที่ไปทั้ง 4 ที่นี้เรียกว่า "อบายภูมิ" คือภพภูมิที่ไม่มีความสบายทุกข์อยู่ตลอดเวลา

2.ทางบุญกุศล หรือ กามกุศล ได้แก่บุคคลที่ชอบสร้างเหตุบุญกุศล มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ไม่ล่วงศีล 5 ใช้สติปัญญาและเหตุผลตัดสินในการกระทำการต่างๆ ผลจึงได้

มาเกิดเป็นมนุษย์ มี 1 ชั้น อายุยืนนานประมาณ 80-100 ปี

ไปเกิดเป็นเทวดา มี 6 ชั้น อายุยืนนานมากน้อยไปตามระดับชั้น

2 ภพภูมินี้เป็นที่ปารถนาและเป็นที่ต้องการไปอยู่มากที่สุดของมนุษย์ทุกชาติศาสนา

3.ทางรูปกุศล ได้แก่บุคคลที่ปารถนาความสุขที่ละเอียดอ่อนยิ่งไปกว่าชั้นมนุษย์และสวรรค์ด้วยการทำเหตุสมถะภาวนาด้วยการเจริญภาวนารูปกรรมฐานต่างๆจนได้สมาธิได้ฌาณ ตายลงในฌาณแต่ละชั้นก็ได้ไปเกิดในภพภูมิแห่งรูปพรหม มี 16 ชั้น มีอายุยืนนานมากกว่าเทวดายิ่งๆขึ้นไปตามลำดับชั้นแห่งฌาณที่ได้

4.ทางอรูปกุศล ได้แก่บุคคลที่ปรารถนาความสุขที่ยิ่งกว่ารูปพรหมจึงไปเจริญ อรูปกุศลโดยใช้อรูปกรรมฐานเช่นเพ่งอากาศ ความว่าง วิญญาณ และสัญญา อันเป็นนามธรรมเป็นอารมณ์ ครั้นตายในอรูปฌาณนั้นๆก็ไปเสวยผลเกิดเป็นอรูปพรหมเสวยปีติสุขเป็นอาหารมีอายุยืนนานที่สุดตามชั้นของตนเอง อรูปพรหมชั้นสูงสุดนั้นมีอายุยืนถึง 86,000 กัปป์ซึ่งนานมากจนยากจะนับอ่านจำนวนปีได้จนคล้ายกับว่าชีวิตเป็นอมตะ อรูปพรหมมีอยู่ 4 ชั้น

ทางเดินทั้ง 4 เส้น อันมีภพภูมิให้ไปเวียนว่ายตายเกิดถึง 31 ภพภูมินี้ เรียกว่า "วัฏฏสงสาร" เมื่อจิตวิญญาณนั้นๆหมดบุญก็จะเวียนว่ายตายเกิดขึ้นลงอยู่ใน 31 ภพภูมินี้มิรู้สุดสิ้น

ยังเหลือทางเดินเส้นที่ 5 ไว้ติดตามกันอีกต่อไป โดยให้ดูรูปอุปมากันไปก่อนนะครับ

:b38:

:b37:
ทางเดินทั้ง 5 เส้นนั้นอุปมาเหมือนนิ้วทั้ง 5 นิ้ว เริ่มต้นจากต่ำสุดคือนิ้วก้อย อันได้ชื่อว่า ทางบาปอกุศล

ทางเดินทั้ง 4 เส้นที่กล่าวมานั้น เป็นทางแห่งความเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ ต่อเมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลกแล้ว ทางเดินเส้นที่ 5 ซึ่งเรียงว่า

ทางโลกุตรกุศล คือทางเดินเพื่อให้พ้นจากโลก

ทางโลกุตรกุศลนั้น ก็คือการทำเหตุวิปัสสนาภาวนา ผลคือไปนิพพาน อันเป็นที่สิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิด

วิปัสสนาภาวนาเป็นวิชชาของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน

"วิปัสสนาภาวนา" มาจากคำว่า " วิ" + คำว่า "ปัสสนา"

"วิ" ย่อมาจากคำว่า "วิเศษ" = เหนือธรรมดา หรือเหนือความสามารถที่จะรู้เห็นได้ด้วยตาปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส

"ปัสสนา" แผลงมาจากคำว่า "ทัศนา" = มอง เห็น รู้

"ภาวนา" = เจริญ ทำให้เกิดมีขึ้นมา

"วิปัสสนาภาวนา" จึงมีความหมายว่า เจริญความรู้ธรรมะเห็นสิ่งวิเศษ อันหมายถึง ธรรมะนั่นเอง

คำว่า "ธรรมะ " ในที่นี้นั้นต้องหมายถึงเฉพาะธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอนเท่านั้น ไม่ใช่ธรรมะเรื่องอื่น


ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอนเท่านั้น คืออะไร

ขอทิ้งคำถามนี้ไว้สักวันสองวันให้ทุกท่านถามตัวเองแล้วค้นหาคำตอบให้เจอนะครับ ???
s006
s004
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 05:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
จากเรื่องยาก 5 อย่างทำให้เราได้ฟังกระทู้แทรกเรื่องการเสวยผลสมาบัติของพระอริยเจ้าชั้นต่างๆมากันพอสมควร ต่อไปเรามาฟังเรื่องของทาง 5 เส้น

เมื่อไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกนี้ จิตวิญญาณของสัตว์โลกมีที่วนเวียนไปตายเกิดอยู่ในทาง 4 เส้น 7 ที่ นับจากต่ำมาสูงดังนี้คือ

1.ทางบาปอกุศล ได้แก่บุคคลที่ชอบสร้างเหตุทำบาปผิดศีล 5 ไม่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ตัดสินกระทำการสิ่งต่างๆด้วยอารมณ์ เป็นผลให้

ตายด้วยความโลภ ไปเกิดเป็นเปรต

ตายด้วยความโกรธ ไปเกิดเป็นสัตว์นรก

ตายด้วยความหลงโง่เขลา ไปเกิดเป็นอสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน

ผลบาปหรือที่ไปทั้ง 4 ที่นี้เรียกว่า "อบายภูมิ" คือภพภูมิที่ไม่มีความสบายทุกข์อยู่ตลอดเวลา

2.ทางบุญกุศล หรือ กามกุศล ได้แก่บุคคลที่ชอบสร้างเหตุบุญกุศล มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ไม่ล่วงศีล 5 ใช้สติปัญญาและเหตุผลตัดสินในการกระทำการต่างๆ ผลจึงได้

มาเกิดเป็นมนุษย์ มี 1 ชั้น อายุยืนนานประมาณ 80-100 ปี

ไปเกิดเป็นเทวดา มี 6 ชั้น อายุยืนนานมากน้อยไปตามระดับชั้น

2 ภพภูมินี้เป็นที่ปารถนาและเป็นที่ต้องการไปอยู่มากที่สุดของมนุษย์ทุกชาติศาสนา

3.ทางรูปกุศล ได้แก่บุคคลที่ปารถนาความสุขที่ละเอียดอ่อนยิ่งไปกว่าชั้นมนุษย์และสวรรค์ด้วยการทำเหตุสมถะภาวนาด้วยการเจริญภาวนารูปกรรมฐานต่างๆจนได้สมาธิได้ฌาณ ตายลงในฌาณแต่ละชั้นก็ได้ไปเกิดในภพภูมิแห่งรูปพรหม มี 16 ชั้น มีอายุยืนนานมากกว่าเทวดายิ่งๆขึ้นไปตามลำดับชั้นแห่งฌาณที่ได้

4.ทางอรูปกุศล ได้แก่บุคคลที่ปรารถนาความสุขที่ยิ่งกว่ารูปพรหมจึงไปเจริญ อรูปกุศลโดยใช้อรูปกรรมฐานเช่นเพ่งอากาศ ความว่าง วิญญาณ และสัญญา อันเป็นนามธรรมเป็นอารมณ์ ครั้นตายในอรูปฌาณนั้นๆก็ไปเสวยผลเกิดเป็นอรูปพรหมเสวยปีติสุขเป็นอาหารมีอายุยืนนานที่สุดตามชั้นของตนเอง อรูปพรหมชั้นสูงสุดนั้นมีอายุยืนถึง 86,000 กัปป์ซึ่งนานมากจนยากจะนับอ่านจำนวนปีได้จนคล้ายกับว่าชีวิตเป็นอมตะ อรูปพรหมมีอยู่ 4 ชั้น

ทางเดินทั้ง 4 เส้น อันมีภพภูมิให้ไปเวียนว่ายตายเกิดถึง 31 ภพภูมินี้ เรียกว่า "วัฏฏสงสาร" เมื่อจิตวิญญาณนั้นๆหมดบุญก็จะเวียนว่ายตายเกิดขึ้นลงอยู่ใน 31 ภพภูมินี้มิรู้สุดสิ้น

ยังเหลือทางเดินเส้นที่ 5 ไว้ติดตามกันอีกต่อไป โดยให้ดูรูปอุปมากันไปก่อนนะครับ

:b38:

:b37:
ทางเดินทั้ง 5 เส้นนั้นอุปมาเหมือนนิ้วทั้ง 5 นิ้ว เริ่มต้นจากต่ำสุดคือนิ้วก้อย อันได้ชื่อว่า ทางบาปอกุศล

ทางเดินทั้ง 4 เส้นที่กล่าวมานั้น เป็นทางแห่งความเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบ ต่อเมื่อมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลกแล้ว ทางเดินเส้นที่ 5 ซึ่งเรียงว่า

ทางโลกุตรกุศล คือทางเดินเพื่อให้พ้นจากโลก

ทางโลกุตรกุศลนั้น ก็คือการทำเหตุวิปัสสนาภาวนา ผลคือไปนิพพาน อันเป็นที่สิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิด

วิปัสสนาภาวนาเป็นวิชชาของพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน

"วิปัสสนาภาวนา" มาจากคำว่า " วิ" + คำว่า "ปัสสนา"

"วิ" ย่อมาจากคำว่า "วิเศษ" = เหนือธรรมดา หรือเหนือความสามารถที่จะรู้เห็นได้ด้วยตาปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลส

"ปัสสนา" แผลงมาจากคำว่า "ทัศนา" = มอง เห็น รู้

"ภาวนา" = เจริญ ทำให้เกิดมีขึ้นมา

"วิปัสสนาภาวนา" จึงมีความหมายว่า เจริญความรู้ธรรมะเห็นสิ่งวิเศษ อันหมายถึง ธรรมะนั่นเอง

คำว่า "ธรรมะ " ในที่นี้นั้นต้องหมายถึงเฉพาะธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอนเท่านั้น ไม่ใช่ธรรมะเรื่องอื่น


ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอนเท่านั้น คืออะไร

ขอทิ้งคำถามนี้ไว้สักวันสองวันให้ทุกท่านถามตัวเองแล้วค้นหาคำตอบให้เจอนะครับ ???
s006
s004
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 05:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ฌาน 4 มันไม่ได้หยุดสูดลมหายใจเข้าออกไปทุกกรณีหรอก..อโสกะ
:b9:

แม้อรูปฌาน..ก็ยังสูดลมหายใจอยู่เลย...

อโสกะเคยเข้าฌาน 4 อะป้าว...เนี้ย


เรื่องที่อโสกะ.....ยังไม่ได้ฟังมา..รึไม่ก็..หาคนพูดให้ฟังยังไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ย. 2015, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่อยู่หลายวันถึงบ้างอ้อ. กันบ้างยัง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2015, 12:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ฌาน 4 มันไม่ได้หยุดสูดลมหายใจเข้าออกไปทุกกรณีหรอก..อโสกะ
:b9:

แม้อรูปฌาน..ก็ยังสูดลมหายใจอยู่เลย...

อโสกะเคยเข้าฌาน 4 อะป้าว...เนี้ย


เรื่องที่อโสกะ.....ยังไม่ได้ฟังมา..รึไม่ก็..หาคนพูดให้ฟังยังไม่ได้

:b12: :b12: :b13: :b13:
อรูปฌาณเป็นเพียงแค่เปลี่ยนมาเพ่งอรูปกรรมฐาน มันเป็นคนละอันกับอัปปณาฌาณซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการได้รูปฌาณหรืออรูปฌาณเป็นเอกัคคตาจิต

กบเข้าใจเรื่องอย่างนี้บ่อ

อัปปณาฌาณ ลมหายใจหยุดทำงานไปชั่วคราว จึงจะได้ความสงบอย่างยิ่ง ได้ความนิ่งอย่างสนิท ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ทำให้ได้เร็วๆนะกบจะได้หมดสงสัยและถึงบางอ้อ เพราะ bigtoo กลับมาตามถามหาแล้วว่าไปถึงไหนกัน
:b20: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2015, 06:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha2_resize.gif
buddha2_resize.gif [ 37.14 KiB | เปิดดู 1462 ครั้ง ]
:b37:
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอนนั้น เป็นธรรมะเฉพาะเรื่อง หาได้เป็นความหมายรวมของธรรมะทั้งหมดไม่

มากคนจะตอบว่าธรรมะคือ ธรรมชาติ ก็ถูกต้องอยู่เมื่อเราไม่จำกัดความลงมา
แต่ถ้าเราจะจำกัดความลงมาดังบทสวดบรรทัดแรกของธรรมคุณ ที่ว่า

"สวากขาโต ภควตาธัมโม" พระธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้วนั้น

บรรทัดแรกนี้เหมือนกับจะให้เราทุกคนถามตัวเองว่า

"ธรรมะๆที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้วนั้น คืออะไร?"นั่นเอง

ทุกคนจึงต้องหาคำตอบที่ถูกต้องให้ได้จึงจะรู้ เข้าใจ และปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างถูกต้อง

คำตอบ อยู่ในบทสวดธรรมคุณบรรทัดที่ 2 นั้นเองถ้าแปลความหมายออกมาอย่างถูกต้อง

"สันทิฏฐิโก" แปลตามสำนวนสวนโมกข์หรือที่นิยมกันว่า "เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตัวเอง

ศึกษาเรื่องอะไรล่ะ?

ปฏิบัติอย่างไรล่ะ?

มีสิ่งที่เป็นปัญหาจะต้องถามต่อไปอีก

แต่ความจริงแล้ว สันทิฏฐิโกเมื่อแปลอีกสำนวนหนึ่งนั้นมันจะได้คำตอบว่า

ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอนนั้นคืออะไร มันเป็นคำตอบที่สั้นและสรุปรวมทั้งหมดไว้เลยทีเดียว คำตอบนั้นคืออะไร โปรดอดใจ และพากันค้นหากันไปอีกสัก 1 วันนะครับ

:b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2015, 07:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
มีแต่รูปธรรมนามธรรมที่เกิดดับ
เมื่อดับรูปธรรมได้ก็เหลือแต่นามธรรม
rolleyes rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2015, 06:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา
มีแต่รูปธรรมนามธรรมที่เกิดดับ
เมื่อดับรูปธรรมได้ก็เหลือแต่นามธรรม
rolleyes rolleyes rolleyes

:b8:
เก่งมากน้องรสริน
สาธุ


"สัพเพธัมมา อนัตตา"

นี่คือสุดยอด หัวใจ และสรุปของธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอน

ในธรรมคุณ 6 ประการบันทัดที่ 2 สันทิฏฐิโก นั้นคือคำตอบว่าธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอนคืออะไร?

"สันทิฏฐิโก" ทำความเห็นให้ตรงและถูกต้องแล้วย่อมเห็นเอง

เห็นตรงและถูกต้องก็คือเห็นว่าทุกสิ่งเป็นอนัตตา

ใครเห็นอนัตตาก็เห็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน

:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2015, 06:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




อริยสัจ 4_resize.jpg
อริยสัจ 4_resize.jpg [ 58.29 KiB | เปิดดู 1425 ครั้ง ]
:b44:
กระบวนการที่จะไปเห็นและยอมรับ อนัตตา นั้นสิจะต้องทำอย่างไร?

เรื่องนี้แหละที่จะต้องขยายความออกมาอีกนิดหนึ่งสู่ปริยัติธรรมอันมีกล่าวไว้ในพระสูตร

หัวใจการค้นพบและนำมาสอนของพระพุทธเจ้าคือ " อริยสัจ 4 "


ธรรมะทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ล้วนแล้วแต่เกิดและงอกเงยมาจากอริสัจ 4 ทั้งสิ้น เรื่องอริสัจ 4 นี้ได้วิเคราะห์สู่กันฟังค่อนข้างละเอียดแล้วในตอนต้นๆนะครับลองกลับไปอ่านดู

ที่มาเกี่ยวข้องกับทางเดิน 5 เส้นของสัตว์โลกนี่ซิครับที่จะต้องวิเคราะห์สู่กันฟังต่อไป
:b38:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2015, 07:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ฌาน 4 มันไม่ได้หยุดสูดลมหายใจเข้าออกไปทุกกรณีหรอก..อโสกะ
:b9:

แม้อรูปฌาน..ก็ยังสูดลมหายใจอยู่เลย...

อโสกะเคยเข้าฌาน 4 อะป้าว...เนี้ย


เรื่องที่อโสกะ.....ยังไม่ได้ฟังมา..รึไม่ก็..หาคนพูดให้ฟังยังไม่ได้


asoka เขียน:
:b12: :b12: :b13: :b13:
อรูปฌาณเป็นเพียงแค่เปลี่ยนมาเพ่งอรูปกรรมฐาน มันเป็นคนละอันกับอัปปณาฌาณซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการได้รูปฌาณหรืออรูปฌาณเป็นเอกัคคตาจิต

กบเข้าใจเรื่องอย่างนี้บ่อ

อัปปณาฌาณ ลมหายใจหยุดทำงานไปชั่วคราว จึงจะได้ความสงบอย่างยิ่ง ได้ความนิ่งอย่างสนิท ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ทำให้ได้เร็วๆนะกบจะได้หมดสงสัยและถึงบางอ้อ เพราะ bigtoo กลับมาตามถามหาแล้วว่าไปถึงไหนกัน
:b20: :b11:

:b5: :b5: :b5:
อ้อ...เลอะเทอะอย่างนี้นี้เอง...ถึงเข้ารกเข้าพง

Onion_R


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2015, 15:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ฌาน 4 มันไม่ได้หยุดสูดลมหายใจเข้าออกไปทุกกรณีหรอก..อโสกะ
:b9:

แม้อรูปฌาน..ก็ยังสูดลมหายใจอยู่เลย...

อโสกะเคยเข้าฌาน 4 อะป้าว...เนี้ย


เรื่องที่อโสกะ.....ยังไม่ได้ฟังมา..รึไม่ก็..หาคนพูดให้ฟังยังไม่ได้


asoka เขียน:
:b12: :b12: :b13: :b13:
อรูปฌาณเป็นเพียงแค่เปลี่ยนมาเพ่งอรูปกรรมฐาน มันเป็นคนละอันกับอัปปณาฌาณซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการได้รูปฌาณหรืออรูปฌาณเป็นเอกัคคตาจิต

กบเข้าใจเรื่องอย่างนี้บ่อ

อัปปณาฌาณ ลมหายใจหยุดทำงานไปชั่วคราว จึงจะได้ความสงบอย่างยิ่ง ได้ความนิ่งอย่างสนิท ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ทำให้ได้เร็วๆนะกบจะได้หมดสงสัยและถึงบางอ้อ เพราะ bigtoo กลับมาตามถามหาแล้วว่าไปถึงไหนกัน
:b20: :b11:

:b5: :b5: :b5:
อ้อ...เลอะเทอะอย่างนี้นี้เอง...ถึงเข้ารกเข้าพง

Onion_R

:b7:
เพราะกบไม่ตั้งใจภาวนาให้จริงจังจึงเอาสภาวะจริงๆมาเล่าให้ฟังไม่ได้ เลยไปประมาทว่าเลอะเทอะเข้ารกเข้าพง

แล้วความรู้ที่ออกรกออกพงของกบนั้นมันมีอย่างไรเอามาเล่าให้ฟังมั่งสิ

แต่ไม่ใช่ไปลอกตำรามาแปะนะ


เพราะทุกเรื่องในพระไตรปิฎกนั้นเขาใช่อยู่แล้ว เว้นแต่ผู้ศึกษาจะตีความมาผิดๆเท่านั้น

การคัดตำรามาแปะก็ดีอยู่ คนที่ไม่รู้ค้นตำราไม่เก่งจะได้อ่าน

แต่เรื่องประสบการณ์จริงที่ไม่มีสังคายนาบรรจุไว้ในตำรานี่สิน่าสนใจถ้ามันใช่และตรงตามธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน

:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2015, 21:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แต่เรื่องประสบการณ์จริงที่ไม่มีสังคายนาบรรจุไว้ในตำรานี่สิน่าสนใจถ้ามันใช่และตรงตามธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน


:b32: :b32: :b32:
เอาเข้าไป...

แม้แต่ผู้ที่ทำสังคายนา..ยังทำแบบอโสกะไม่ได้ซินะ...ถึงเขียนออกมาไม่ได้..
grin grin

ผมรู้แล้วละ...ว่าคุยเรื่องนี้กับอโสกะ ..คงไม่ได้ความอะไร

คุยเรื่องอื่นดีกว่า...มั้ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2015, 06:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
แต่เรื่องประสบการณ์จริงที่ไม่มีสังคายนาบรรจุไว้ในตำรานี่สิน่าสนใจถ้ามันใช่และตรงตามธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน


:b32: :b32: :b32:
เอาเข้าไป...

แม้แต่ผู้ที่ทำสังคายนา..ยังทำแบบอโสกะไม่ได้ซินะ...ถึงเขียนออกมาไม่ได้..
grin grin

ผมรู้แล้วละ...ว่าคุยเรื่องนี้กับอโสกะ ..คงไม่ได้ความอะไร

คุยเรื่องอื่นดีกว่า...มั้ง

:b12: :b16:
กบไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง หวังแต่อิงตำรามาสร้างคุณค่าให้กับตนเอง
คุยกันแบบคัดลอกตำรามาแปะอวดภูมิรู้กันนั้นมีเยอะแล้ว

คุยยธรรมะกันแบบเอาประสบการณ์จริงมาคุยกันเสียบ้างน่าจะเกิดคุณค่ามากยิ่งขึ้นนะกบนะ

ความที่จะได้ยังมีอยู่อีกเยอะแยะ ถ้ากบจะมีสติปัญญาจำแนกแยกแยะวิเคราะ์ห์วิจัยเลือกเฟ้นเอามาใช้

อย่ามาชักใบให้เรือเสียซิบาปกรรมนะโยมขวางธรรมนั่นหนะ
Onion_L


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2015, 07:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะครับ....

บัญญัติ..นั้นนะ..เขาใช้เพื่อให้การสื่อสาร..ให้เข้าใจตรงกัน..

อย่าง...ข้างล่างนี้ไทยเรียกช้าง...ใครเจอเจ้านี้ที่ไหน..แล้วมาบอกว่าไปเจออะไรมา..ก็ต้องบอกว่าเจอช้างมา
..คนก็เข้าใจตรงกัน
รูปภาพ

ช้าง...มันเป็นสมมุติบัญญัติ..ในภาษาไทย. ..ถ้าจะสื่อสารกันด้วยภาษาอื่น..ก็ดูว่าภาษานั้นเขาบัญญัติเรียกว่าอะไร..
อย่างอังกฤษเรียก elephant..ก็ต้องเรียก elephant
อย่างเขมรเรียก ตัม รัย ก็ต้องใช้คำว่า ตัม รัย พูดให้ถูกตามภาษานั้น.ๆ.เพื่อการสื่อสารที่ถูกต้องให้เข้าใจตรงกัน

จะพูดเรื่อง อัปปนาสมาธิ..หรือ..ว่าด้วยฌาน..เรียก..อัปปนาฌาน..ก็ต้องพูดด้วยบัญญัติเดียวกัน

นี้อโสกะเล่นอยากพูดอะไรก็พูด...อยากบัญญัติอะไรก็บัญญัติตามใจเจ้าของ...
แล้วมันจะคุยกันรู้เรื่องหรอคับ?

asoka เขียน:
:b12: :b12: :b13: :b13:
อรูปฌาณเป็นเพียงแค่เปลี่ยนมาเพ่งอรูปกรรมฐาน มันเป็นคนละอันกับอัปปณาฌาณซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการได้รูปฌาณหรืออรูปฌาณเป็นเอกัคคตาจิต


ผมถึงว่า..เลอะเทอะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 49, 50, 51, 52, 53, 54, 55 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร