วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 04:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 47, 48, 49, 50, 51, 52, 53 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2015, 05:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
คุณเช่นนั้นรู้มากไป คิดมากไป เลยทำของง่ายให้เป็นของยาก ทำของน้อยให้เป็นของมาก

วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นก็เพื่อทำลายเหตุทุกข์แล้วได้รับผลสุขเป็นรางวัล

ผลสุขจะเป็นแค่อารมณ์นิพพาน หรือนิพพานตัวจริงอะไรอย่างที่คุณเช่นนั้นยกรายละเอียดในคัมภีร์มาอ้างจนลายหูลานตานั้นก็อาจจะจริงอาจจะใช่ตามทางของคุณเช่นนั้น แต่มันเข้าใจยาก รู้และจดจำยากสำหรับคนทั่วไป

ทำไมคุณเช่นนั้นจะต้องมาทำให้คนทุกคนต้องมารู้ละเอียดลึกซึ้งเสียจนขนาดนั้นก่อนแล้วจึงจะยอมรับว่าใช่

ทำไม่ไม่มาทำให้ง่ายดังตัวอย่างการสอนสรุปเรื่องญาณ 16 ของหลวงพ่อโชดก
ท่านก็สรุปลงมาเป็นข้อๆให้เห็นง่ายดังเช่นว่า

ใครที่ได้โสดาปัตติมรรคเข้าถึงโสดาปัตติผลแล้วย่อมสามารถเข้าไปเสวยผลสมาบัติในอารมณ์นิพพานที่ว่าได้ด้วยตนเอง มรรคและผลที่สูงขึ้นไปก็เช่นกัน
เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นกำลังใจให้ผู้เจริญธรรมทั้งหลายได้เกิดวิริยะความเพียรทำมรรคทำผลให้เกิดให้ได้เป็นชั้นๆโดยรู้ว่ามีรางวัลแห่งความเพียรรอมอบให้อยู่ทุกชั้น


เอาเป็นว่าคุณเช่นนั้นก็ยึดอย่างที่คุณเห็นนั้นไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงวันที่คุณเช่นนั้นเป็นอรหันต์ โดยไม่ไปเบรคไปเบรมท่านที่เจริญมาทางญาณ 16 หรือทางอื่นที่ไม่เหมือนคุณเช่นนั้น การไปสบประมาทเหมือนกับว่าทางของญาณ 16 นั้นไม่น่าจะใช่ ดูไม่ดีเท่าไหร่นะครับเพราะทางสายนี้กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายกันไปทั่วโลกอยู่ ให้ความสุข ร่มเย็นเป็นชีวิตใหม่แก่ผู้คนมากมายอยู่ไม่แพ้ทางวิชาการอันแสนจะรู้ยากเข็ญที่คุณเช่นนั้นกำลังผลักดัน

ตอนนี้ควรจะสรุปได้ขั้นหนึ่งแล้วว่าต่างคนต่างเดิน พิสูจน์ธรรมตามแนวทางที่ตนถนัดไป จนกว่าจะได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นด้วยตนเองจริงๆอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนะครับ

คงไม่ต้องมาเพียรพยายามเอาชนะคะคานเอาผิดเอาถูกกันด้วยบัญญัติอันพิศดารลึกล้ำวิเศษกว่ากันอยู่นะครับ
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2015, 06:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
จึงไม่มีสังโยชน์ตัวใดมากั้นขวางโสดาปัตติมรรคได้ เมื่อโสดาปัตติมรรคเกิดขึ้นแล้วสังโยชน์ตัวแรกคือ สักกายทิฏฐิตาย หลังปัจจเวกขณญาณเกิด วิจิกิจฉาและสีลัพพัตปรามาสตาย เป็นเหตุเป็นผลสนับสนุนเรียงกันไปตามลำดับ

เรื่องนี้คิดเอาไม่ได้ตามตรรกะแต่รู้ได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา และธรรมวิจัยสัมโพชงค์ครับ

จิตที่เป็นนิพพานไม่มีเจตสิกเพราะนิพพานเป็นธรรมธาตุ เหนือจิต เจตสิก รูป
ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ต่อเมื่อปัจจเวกหรือธรรมวิจัยภายหลังครับ
:b36:


ถ้าไม่มีสังโยชน์ใดมาขวาง จะทะลุไปอรหันต์จิตได้

คุณจะ Touching จิตอรหันต์ รู้วาระอารมณ์จิตอรหันต์
แล้วกลายเป็นตกมาอยู่เป็นผู้เดินอยู่ในกระแสได้ไง

เหมือนกับว่าถ้าคุณเคยไปสัมผัสทะเลตรังแล้ว
เมื่อต้องระลึกถึงอารมณ์ที่ได้สัมผัสทะเลตรังมาแล้วนั้น คุณย่อมทำได้

แล้วกลับมาเดินอยู่ในอารมณ์ทะเลประจวบได้อย่างไร

:b1:

นี่เอกอนไม่ได้ใช้หลักอะไรซับซ้อนเลยนะ
แค่ใช้หลัก ผู้รู้ กับ สิ่งที่ถูกรู้ แค่นั้น

ซึ่งสิ่งที่ถูกรู้ กับ เจตสิก จะมีความสืบเนื่องสัมพันธ์กัน

:b1:


:b12:
5555
นั่นเป็นการนั่งคิดเอาตามมโนของเอก้อน
มันมีอะไรลึกซึ้งกว่าที่เอก้อนจะคิดเอาได้ทั้งหมด

:b8:


:b32: :b32: :b32:

มันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนักหรอกท่าน มันเป็นเรื่องราวที่สัมพันธ์กัน

กิเลส ความชัดเจนของนิพพาน ทัศนะที่ปรากฏ การรับรู้ถึงการเข้าสู่กระแสนิพพาน
และการ หมายเอาอารมณ์นิพพาน

ดังนั้น นิพพานเหมือนกันก็จริง แต่คุณภาพต่างกัน ผลออกมาก็ต่าง
ทัศนะออกมาก็ต่าง วิมุตติก็ต่าง

:b1: :b1: :b1:

:b12: 5555555555
อ้อ! คุณเอก้อนกับคุณเช่นนั้นกำลังมาพยายามคัดเอาเฉพาะนิพพานเกรด A มามอบให้ผู้คนอยู่หรือครับ

อนุโมทนาสาธุในกุศลเจตนา

ในส่วนของอโศกะนั้นไม่ได้กำหนดว่าทุกคนจะต้องได้นิพพานเกรด A
เพียงแต่ขอให้ทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้ผู้คนเกิดกำลังใจเร่งความเพียรปฏิบัติธรรมเพื่อปิดประตูอบายให้ได้ทันในปัจจุบันชาตินี้

จะเป็นเพียงแค่อารมณ์นิพพาน หรือผลสมาบัติน้อยๆ ก็ขอให้ทำให้ได้ก่อน นั่งแท่นให้ได้ก่อน ฆ่า กู ให้ตายก่อนโดยเร็วที่สุดในชาตินี้ ที่เหลือที่จะให้ถึงอรหันต์เพื่อไปรับนิพพานเกรด A นั้นมันจะเป็นไปเองตามธรรมไม่ต้องไปห่วงท่านหรือห่วงใครนะครับ

:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2015, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b9: :b9:

นิพพาน 2-3 ขณะจิต..พอไปไม่เป็น...ก็มาเป็น..มีนิพพานเป็นอารมณ์..นะครับ

ไหนจะมาเพิ่ม นิพพานเกรด A เกรด B อีก

เอาเข้าไป...
:b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2015, 17:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
eragon_joe เขียน:
asoka เขียน:
:b38:
จึงไม่มีสังโยชน์ตัวใดมากั้นขวางโสดาปัตติมรรคได้ เมื่อโสดาปัตติมรรคเกิดขึ้นแล้วสังโยชน์ตัวแรกคือ สักกายทิฏฐิตาย หลังปัจจเวกขณญาณเกิด วิจิกิจฉาและสีลัพพัตปรามาสตาย เป็นเหตุเป็นผลสนับสนุนเรียงกันไปตามลำดับ

เรื่องนี้คิดเอาไม่ได้ตามตรรกะแต่รู้ได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา และธรรมวิจัยสัมโพชงค์ครับ

จิตที่เป็นนิพพานไม่มีเจตสิกเพราะนิพพานเป็นธรรมธาตุ เหนือจิต เจตสิก รูป
ผู้ปฏิบัติจะรู้ได้ต่อเมื่อปัจจเวกหรือธรรมวิจัยภายหลังครับ
:b36:


ถ้าไม่มีสังโยชน์ใดมาขวาง จะทะลุไปอรหันต์จิตได้

คุณจะ Touching จิตอรหันต์ รู้วาระอารมณ์จิตอรหันต์
แล้วกลายเป็นตกมาอยู่เป็นผู้เดินอยู่ในกระแสได้ไง

เหมือนกับว่าถ้าคุณเคยไปสัมผัสทะเลตรังแล้ว
เมื่อต้องระลึกถึงอารมณ์ที่ได้สัมผัสทะเลตรังมาแล้วนั้น คุณย่อมทำได้

แล้วกลับมาเดินอยู่ในอารมณ์ทะเลประจวบได้อย่างไร

:b1:

นี่เอกอนไม่ได้ใช้หลักอะไรซับซ้อนเลยนะ
แค่ใช้หลัก ผู้รู้ กับ สิ่งที่ถูกรู้ แค่นั้น

ซึ่งสิ่งที่ถูกรู้ กับ เจตสิก จะมีความสืบเนื่องสัมพันธ์กัน

:b1:


:b12:
5555
นั่นเป็นการนั่งคิดเอาตามมโนของเอก้อน
มันมีอะไรลึกซึ้งกว่าที่เอก้อนจะคิดเอาได้ทั้งหมด

:b8:


:b32: :b32: :b32:

มันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนักหรอกท่าน มันเป็นเรื่องราวที่สัมพันธ์กัน

กิเลส ความชัดเจนของนิพพาน ทัศนะที่ปรากฏ การรับรู้ถึงการเข้าสู่กระแสนิพพาน
และการ หมายเอาอารมณ์นิพพาน

ดังนั้น นิพพานเหมือนกันก็จริง แต่คุณภาพต่างกัน ผลออกมาก็ต่าง
ทัศนะออกมาก็ต่าง วิมุตติก็ต่าง

:b1: :b1: :b1:

:b12: 5555555555
อ้อ! คุณเอก้อนกับคุณเช่นนั้นกำลังมาพยายามคัดเอาเฉพาะนิพพานเกรด A มามอบให้ผู้คนอยู่หรือครับ

อนุโมทนาสาธุในกุศลเจตนา

ในส่วนของอโศกะนั้นไม่ได้กำหนดว่าทุกคนจะต้องได้นิพพานเกรด A
เพียงแต่ขอให้ทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้ผู้คนเกิดกำลังใจเร่งความเพียรปฏิบัติธรรมเพื่อปิดประตูอบายให้ได้ทันในปัจจุบันชาตินี้

จะเป็นเพียงแค่อารมณ์นิพพาน หรือผลสมาบัติน้อยๆ ก็ขอให้ทำให้ได้ก่อน นั่งแท่นให้ได้ก่อน ฆ่า กู ให้ตายก่อนโดยเร็วที่สุดในชาตินี้ ที่เหลือที่จะให้ถึงอรหันต์เพื่อไปรับนิพพานเกรด A นั้นมันจะเป็นไปเองตามธรรมไม่ต้องไปห่วงท่านหรือห่วงใครนะครับ

:b11:

:b1: ...

มันก็ดีไม่ใช่หรือท่าน อย่างการอธิบายของอาจารย์สุจินต์ เอกอนชอบนะ
ท่านอธิบายในแบบของท่านได้อย่าง ลุ่มลึก ลึกซึ้ง ชัดเจน จับประเด็นง่าย น่าฟังทีเดียว

การสนทนาในเรื่องอันว่าด้วย นิพพาน การมีนิพพานเป็นอารมณ์
สุดท้าย เราก็ได้บทสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ติดตาม จริงมั๊ย

ใครที่เคยมีการหมายมั่น เข้าใจแบบคับแคบ ก็มีมุมมองให้ได้เห็นสภาวะที่กว้างขึ้น ลึกขึ้น

อย่างน้อย ๆ เอกอนก็รู้สึกว่า ได้ประโยชน์นะ
เพราะ ก่อนหน้านี้เอกอนก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจในเรื่อง นิพพาน อารมณ์นิพพาน การมีนิพพานเป็นอารมณ์
ดังนั้น ก่อนหน้านี้ถ้ามีใครมาถามเอกอน เอกอนก็คงจะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

แต่การสนทนานี้ ทำให้เอกอนได้เข้าไปทำการสืบค้นเพื่อพยายามพิจารณาประเด็น
พยายามทำความเข้าใจในประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นไป

ตอนนี้ ใครมาถามเอกอนเกี่ยวกับเรื่องนี้
เอกอนก็พอจะมีหลักที่จะสามารถตอบเขาไปได้อย่างไม่เก้อเขินแล้ว
เนื่องจากว่า ได้มีการกระทำความเพียรพยายามศึกษาค้นคว้ารับฟังความเห็นของผู้อื่นด้วยดี
มาแล้วระดับหนึ่ง... :b4:
และเชื่อว่าใครที่ได้พยายามติดตามการสนทนามาอย่างอดทน... :b32:
ก็พลอยได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง นิพพาน และการมีนิพพานเป็นอารมณ์มากขึ้น... :b13:

บางครั้งการสนทนามันก็ต้องมีปาด มีเชือด มีเฉือน มีแหย่กันบ้าง แต่... :b16:
สุดท้าย ก็สรุปประเด็นลงได้อย่างสวยง่าม เอ้ย...! สวยงาม :b32: :b32:

:b8: ...ต้องขอบคุณท่านเช่นนั้น และท่านอโศกะ ที่ทำเกิดประเด็นเด็ด ๆ อย่างนี้ขึ้นมา

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2015, 05:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b9: :b9: :b9:

นิพพาน 2-3 ขณะจิต..พอไปไม่เป็น...ก็มาเป็น..มีนิพพานเป็นอารมณ์..นะครับ

ไหนจะมาเพิ่ม นิพพานเกรด A เกรด B อีก

เอาเข้าไป...
:b9:

:b13: :b13: :b13:
กบยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่องตามไม่ทันก็สังเกตการณ์ไปก่อนเรื่อยๆนะครับ

เรื่องของผลและนิพพานในเชิงของนักปฏิบัตินี้ ไม่ค่อยได้ฟังกันบ่อยๆ ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยทำให้ต้องพูด

เรื่องของผล และนิพพาน เป็นเรื่องพ้นวิสัยที่ปุถุชนจะฟังกันรู้เรื่องและเข้าใจ จะเป็นได้ก็เพียงแต่เออออห่อหมกไปตามเขาเท่านั้นเองเพราะตนเองยังมิได้สัมผัสผลและนิพพาน ก็วิจารณ์คาดเดากันเอาเองตามระดับความรู้ความเห็นที่ตนเองมี

แต่สิ่งที่จะได้ก็คือเรื่องราวที่เป็นประสบการณ์จริงของครูบาอาจารย์ต่างๆที่ท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังถึงการบรรลุธรรมของท่าน ซึ่งหาฟังได้ยากมากท่านจะไม่ค่อยแสดงกันเพราะมันเสี่ยงอันตรายทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ที่ผมเคยประสบการณ์ได้ยินได้ฟังมามี หลวงตามหาบัว หลวงปูชา หลวงพ่อธี เจ้าเสี่ยหลอยฮาง พระอาจารย์อริยวังโส(ไทยใหญ่) และใหม่ๆสดๆนี่ก็ของหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเรื่องอย่างนี้ถ้าใครโชคดีมีโอกาสได้ยินได้ฟังได้รู้ ก็นำมาเล่าสู่กันฟังให้เป็นกำลังใจแก่นักปฏิบัติธรรมทั้งหลายก็น่าจะดีนะครับ

แต่ได้ฟังเรื่องอย่างนี้แล้วต้องระวังอันตรายจากข้อ อริยุวาตันตรายหรือการประมาทจ้วงจาบพระอริยเจ้าให้มากๆ เพราะมันสามารถกั้นการปฏิบัติ กั้นมรรค ผล นิพพาน ได้เลยทีเดียวถ้าแก้ไขไม่เป็น ระวังจิตหรือมโนกรรมของตนเองให้มากๆ


ต้องขอบคุณคุณเช่นนั้นและเอก้อนที่ทำให้ต้องคุยกันเรื่องนี้ครับ

อนุโมทนากับกุศลเจตนาและท่าทีอันสุภาพ นิ่มนวล ออมชอม ทำให้บรรยากาศการสนทนาอบอุ่นเปี่ยมไปด้วยกระแสแห่งพรหมวิหารไม่ใช่น้อย

:b8:
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2015, 13:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ทาง 5 เส้น_resize.jpg
ทาง 5 เส้น_resize.jpg [ 45.59 KiB | เปิดดู 1473 ครั้ง ]
:b38:
จากเรื่องยาก 5 อย่างทำให้เราได้ฟังกระทู้แทรกเรื่องการเสวยผลสมาบัติของพระอริยเจ้าชั้นต่างๆมากันพอสมควร ต่อไปเรามาฟังเรื่องของทาง 5 เส้น

เมื่อไม่มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกนี้ จิตวิญญาณของสัตว์โลกมีที่วนเวียนไปตายเกิดอยู่ในทาง 4 เส้น 7 ที่ นับจากต่ำมาสูงดังนี้คือ

1.ทางบาปอกุศล ได้แก่บุคคลที่ชอบสร้างเหตุทำบาปผิดศีล 5 ไม่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ตัดสินกระทำการสิ่งต่างๆด้วยอารมณ์ เป็นผลให้

ตายด้วยความโลภ ไปเกิดเป็นเปรต

ตายด้วยความโกรธ ไปเกิดเป็นสัตว์นรก

ตายด้วยความหลงโง่เขลา ไปเกิดเป็นอสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน

ผลบาปหรือที่ไปทั้ง 4 ที่นี้เรียกว่า "อบายภูมิ" คือภพภูมิที่ไม่มีความสบายทุกข์อยู่ตลอดเวลา

2.ทางบุญกุศล หรือ กามกุศล ได้แก่บุคคลที่ชอบสร้างเหตุบุญกุศล มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ไม่ล่วงศีล 5 ใช้สติปัญญาและเหตุผลตัดสินในการกระทำการต่างๆ ผลจึงได้

มาเกิดเป็นมนุษย์ มี 1 ชั้น อายุยืนนานประมาณ 80-100 ปี

ไปเกิดเป็นเทวดา มี 6 ชั้น อายุยืนนานมากน้อยไปตามระดับชั้น

2 ภพภูมินี้เป็นที่ปารถนาและเป็นที่ต้องการไปอยู่มากที่สุดของมนุษย์ทุกชาติศาสนา

3.ทางรูปกุศล ได้แก่บุคคลที่ปารถนาความสุขที่ละเอียดอ่อนยิ่งไปกว่าชั้นมนุษย์และสวรรค์ด้วยการทำเหตุสมถะภาวนาด้วยการเจริญภาวนารูปกรรมฐานต่างๆจนได้สมาธิได้ฌาณ ตายลงในฌาณแต่ละชั้นก็ได้ไปเกิดในภพภูมิแห่งรูปพรหม มี 16 ชั้น มีอายุยืนนานมากกว่าเทวดายิ่งๆขึ้นไปตามลำดับชั้นแห่งฌาณที่ได้

4.ทางอรูปกุศล ได้แก่บุคคลที่ปรารถนาความสุขที่ยิ่งกว่ารูปพรหมจึงไปเจริญ อรูปกุศลโดยใช้อรูปกรรมฐานเช่นเพ่งอากาศ ความว่าง วิญญาณ และสัญญา อันเป็นนามธรรมเป็นอารมณ์ ครั้นตายในอรูปฌาณนั้นๆก็ไปเสวยผลเกิดเป็นอรูปพรหมเสวยปีติสุขเป็นอาหารมีอายุยืนนานที่สุดตามชั้นของตนเอง อรูปพรหมชั้นสูงสุดนั้นมีอายุยืนถึง 86,000 กัปป์ซึ่งนานมากจนยากจะนับอ่านจำนวนปีได้จนคล้ายกับว่าชีวิตเป็นอมตะ อรูปพรหมมีอยู่ 4 ชั้น

ทางเดินทั้ง 4 เส้น อันมีภพภูมิให้ไปเวียนว่ายตายเกิดถึง 31 ภพภูมินี้ เรียกว่า "วัฏฏสงสาร" เมื่อจิตวิญญาณนั้นๆหมดบุญก็จะเวียนว่ายตายเกิดขึ้นลงอยู่ใน 31 ภพภูมินี้มิรู้สุดสิ้น

ยังเหลือทางเดินเส้นที่ 5 ไว้ติดตามกันอีกต่อไป โดยให้ดูรูปอุปมากันไปก่อนนะครับ

:b38:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 05:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ปาติโมกข์ 45.3 kb.jpg
ปาติโมกข์ 45.3 kb.jpg [ 45.34 KiB | เปิดดู 1453 ครั้ง ]
smiley

เมื่อคืนวานนี้ผมมีโอกาสได้ไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่สำคัญรูปหนึ่งท่านพูดอธิบายธรรมตอนหนึ่งว่า

"วิญญาณ" อันที่แปลว่าใจรู้นี้มันมาจากคำว่า "วิญ" + "ญาณ"

"วิญ"อุปมาเหมือนลมหายใจเข้า ออก ไปตรงกับคำว่า "wind" ของฝรั่งที่แปลว่าลม

วิญนี่แหละที่มันไปบัง "ญาณ" คือปัญญาหรือใจรู้ไว้

ถ้าหยุด วิญ คือลมหายใจเสียได้ ก็จะเหลือแต่ญาณ คือผู้รู้บริสุทธิ์ ที่รู้อยู่กับปรมัตถธรรม

เวลาจะตายก็ถ้าตายตรงที่มีแต่ "ญาณ" มันก็ไม่ไปอบายแล้ว

ดังนั้นท่านที่เจริญอานาปานสติทั้งหลาย ท่านกำลังไปกำหนดรู้ลมหายใจ ทำสติตั้งมั่นอยู่กับลมหายใจ ทุกวันเวลานาทีวินาทีที่ระลึกได้และมีโอกาส ท่านจะได้พบว่าลมหายนี้ละเอียด แผ่วเบาเหลือน้อยลงไปทุกทีๆ จนในที่สุดหยุดหายใจไปชั่วคราวที่เรียกว่า อัปปณาฌาณ หรือฌาณ 4 หรือ สัมมาสมาธิ

ณ ที่ตรงนั้น วิญ ที่บัง ญาณ จะหลบหายไปชั่วคราว ญาณนั้นจึงเป็นญาณที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง รู้อยู่กับปรมัตถ์ เตรียมเข้าสู่ปรมัตถ์แล้วในที่สุดก็เข้าถึงปรมัตถ์ อนัตตา นิพพาน
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 16:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
อโศกะ
เมื่อยกพุทธวจนะมาวินิจฉัยความถูกต้องต่อสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาไม่ได้ และยังถือปฏิบัติอย่างผิดๆ ก็ควรยอมรับความจริง อย่าดันทุรังแสดงนู่นนั่นนี่เรื่อยเปื่อยไป
หากคิดว่าถูกต้อง
เอาคำพระศาสดามายืนยันครับ

s004
ยึดแน่นอยู่แค่นั้นจนไม่ยอมเชื่อฟังคำสอนหลวงปู่ครูบาอาจารย์จะเชื่อแต่ที่มีในคัมภีร์ซึ่งบางทีอาจแปลหรือตีความมาผิด จึงหมดโอกาสที่จะได้พบธรรมจริงจากประสบการณ์จริงของคนในยุคปัจจุบัน

แค่เรื่องลมหายใจบังปรมัตถธรรมก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งยังมีปมาทะต่อครูบาอาจารย์อีก ช่างน่าสงสารยิ่งนัก

เคยได้ยินไหมคำว่า "บัญญัติบังธรรม"

ความติดยึดในบัญญัติจนแน่นเกินไปนั้นมันบังสัจจธรรมไว้เสียหมด
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2015, 21:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทีชอบบัญญัติคำใหม่ๆเอง..แล้วติดบัญญัติตัวเอง...ไม่ยักกะรู้ตัว..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2015, 07:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทีชอบบัญญัติคำใหม่ๆเอง..แล้วติดบัญญัติตัวเอง...ไม่ยักกะรู้ตัว..

s004
บัญญัติบังธรรม หรือบัญญัติบังปรมัตถ์นี้หรือเป็นบัญญัติใหม่ เขามีกันมานานมากแล้ว เป็นธรรมดา รู้และเข้าใจกันได้ง่ายในหมู่นักปฏิบัติ

กบเข้าใจผิด รู้ผิด เห็นผิดเสียแล้วยังไม่พอยังมาให้ร้ายผู้อื่นด้วยความเห็นผิดของตนเองอีกด้วย

กบปฏิบัติธรรมน้อยไปและมากปริยัติหรือทฤษฎีเกินไป จนความรู้ท่วมหัวจึงไม่ได้สัมผัสความจริงอันนี้

เพิ่มภาวนาให้เยอะๆนะครับ ภาวนาให้ถูกวิธีด้วย

:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2015, 07:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
บัญญัติบังธรรม หรือบัญญัติบังปรมัตถ์นี้หรือเป็นบัญญัติใหม่ เขามีกันมานานมากแล้ว เป็นธรรมดา รู้และเข้าใจกันได้ง่ายในหมู่นักปฏิบัติ

กบเข้าใจผิด รู้ผิด เห็นผิดเสียแล้วยังไม่พอยังมาให้ร้ายผู้อื่นด้วยความเห็นผิดของตนเองอีกด้วย

กบปฏิบัติธรรมน้อยไปและมากปริยัติหรือทฤษฎีเกินไป จนความรู้ท่วมหัวจึงไม่ได้สัมผัสความจริงอันนี้

เพิ่มภาวนาให้เยอะๆนะครับ ภาวนาให้ถูกวิธีด้วย


คนแก่นี้ลืมง่าย..จัง

มาดูใกล้ ๆ ก็ได้...เช่น

อะไรนะ..วิญญาณ..วิญ...ตรงกับ..wind ที่แปลว่าลมในภาษาอื่น...ลมจึงบังญาณ..วิญบังญาณ..หยุดลมหายใจก็พบญาณ.
(ผมบอกแล้ว..ว่าฟังพอขำขำ...ให้สนุกกับการฟัง...ผมก็ชอบนะ...แต่ความหมายนะ..ผมรู้เขาหมายถึงอะไร..ไม่ใช่หมายถึงตรงๆตามคำพูด..)

อโสกะมีอะไรทำนองนี้..เยอะ... :b9: ..ยังไม่รู้ตัวอีก...

แหละมันจึงเป็นที่มาของมิจฉาทิฏฐิ....ที่ว่าดังนี้...


asoka เขียน:
smiley

เมื่อคืนวานนี้ผมมีโอกาสได้ไปสนทนาธรรมกับหลวงปู่ครูบาอาจารย์ที่สำคัญรูปหนึ่งท่านพูดอธิบายธรรมตอนหนึ่งว่า

"วิญญาณ" อันที่แปลว่าใจรู้นี้มันมาจากคำว่า "วิญ" + "ญาณ"

"วิญ"อุปมาเหมือนลมหายใจเข้า ออก ไปตรงกับคำว่า "wind" ของฝรั่งที่แปลว่าลม

วิญนี่แหละที่มันไปบัง "ญาณ" คือปัญญาหรือใจรู้ไว้

ถ้าหยุด วิญ คือลมหายใจเสียได้ ก็จะเหลือแต่ญาณ คือผู้รู้บริสุทธิ์ ที่รู้อยู่กับปรมัตถธรรม

เวลาจะตายก็ถ้าตายตรงที่มีแต่ "ญาณ" มันก็ไม่ไปอบายแล้ว

ดังนั้นท่านที่เจริญอานาปานสติทั้งหลาย ท่านกำลังไปกำหนดรู้ลมหายใจ ทำสติตั้งมั่นอยู่กับลมหายใจ ทุกวันเวลานาทีวินาทีที่ระลึกได้และมีโอกาส ท่านจะได้พบว่าลมหายนี้ละเอียด แผ่วเบาเหลือน้อยลงไปทุกทีๆ [color=#FF0000]จนในที่สุดหยุดหายใจไปชั่วคราวที่เรียกว่า อัปปณาฌาณ หรือฌาณ 4 หรือ สัมมาสมาธิ


ณ ที่ตรงนั้น วิญ ที่บัง ญาณ จะหลบหายไปชั่วคราว ญาณนั้นจึงเป็นญาณที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง รู้อยู่กับปรมัตถ์ เตรียมเข้าสู่ปรมัตถ์แล้วในที่สุดก็เข้าถึงปรมัตถ์ อนัตตา นิพพาน
[/color]


อัปปณาสมาธิ....หยุดหายใจหรือ?...อโสกะ :b32:

ระหว่าง..ลมหายใจหยุด..กับ...ไม่รับรู้การหายใจ..จิตกลับมารู้อยู่กับตัวจิตเอง?

นี้..อโสกะเชื่อแบบไหน?..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 04:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ลมหายใจทางจมูกหยุดไปครับ เป็นการสันดาปตรงตามรูขุมขนหรืออาศัยอ๊อกซิเจนที่เหลือค้างอยูในเซลหรือการบริโภคอ๊อกซิเจนของเซลเหลือน้อยมากจึงไม่มีความจำเป็นต้องสูดเอาอ๊อกซิเจนใหม่เข้าไปทางจมูกครับ

วิญ+ญาณ ลมหยุดเหลือแต่ญาณ หรือผู้รู้บริสุทธิ์ อัตตาไม่ทำงาน

:b38:
ลองไปศึกษาเรื่องกบจำศีลหรือหมีเมืองหนาวจำศีลนะครับคล้ายกันมาก
:b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 05:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฌาน 4 มันไม่ได้หยุดสูดลมหายใจเข้าออกไปทุกกรณีหรอก..อโสกะ
:b9:

แม้อรูปฌาน..ก็ยังสูดลมหายใจอยู่เลย...

อโสกะเคยเข้าฌาน 4 อะป้าว...เนี้ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 05:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ฌาน 4 มันไม่ได้หยุดสูดลมหายใจเข้าออกไปทุกกรณีหรอก..อโสกะ
:b9:

แม้อรูปฌาน..ก็ยังสูดลมหายใจอยู่เลย...

อโสกะเคยเข้าฌาน 4 อะป้าว...เนี้ย

:b12:
ฌาณ 4 แบบที่กบว่านั่นหนะมันฌาณ 4 แบบคิดเอา

ฌาณ 4 จริงๆเขาจะส่งต่อให้เข้าอัปปณาฌาณ โดยธรรม

อัปปณา = อะปาณะ ไม่มีลมปราณ

ไม่เคยจะมาคุยทำไม!

:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2015, 11:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ฌาน 4 มันไม่ได้หยุดสูดลมหายใจเข้าออกไปทุกกรณีหรอก..อโสกะ
:b9:

แม้อรูปฌาน..ก็ยังสูดลมหายใจอยู่เลย...

อโสกะเคยเข้าฌาน 4 อะป้าว...เนี้ย


asoka เขียน:

:b12:
ฌาณ 4 แบบที่กบว่านั่นหนะมันฌาณ 4 แบบคิดเอา

ฌาณ 4 จริงๆเขาจะส่งต่อให้เข้าอัปปณาฌาณ โดยธรรม

อัปปณา = อะปาณะ ไม่มีลมปราณ

ไม่เคยจะมาคุยทำไม!
:b16:


นี้คือนิสัย..อย่างหนึ่งของอโสกะ...คือ..ชอบบัญญัติศัพท์ใหม่ๆ..แปลกๆ..
ถ้ามีคนหลงว่าอัปปนา..แปลว่า..อะปานะ..อะปราณ..ไม่มีลม...จริงๆ
อโสกะก็เข้าข่ายทำสัทธรรมปฏิรูป..ได้เลย

และถ้าอาจารย์อโสกะ..ก็ชอบแปลแบบทำนองนี้ให้กับลูกศิษย์...ก็ทำสัทธรรมปฏิรูปไปอีกคน

มรรคผลที่หลงว่าได้แล้ว....มิเป็นของปลอมไปดอกหรือ..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 47, 48, 49, 50, 51, 52, 53 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร