วันเวลาปัจจุบัน 22 มิ.ย. 2025, 03:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21 ... 27  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2015, 20:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มารอบนี้เรื่อยๆ
ถือว่ามีโอกาสได้เก็บอารมณ์ต่อเนื่องเป็นหลัก..เพราะที่บ้านวุ่นวาย
และรอบก่อนๆปกติยังต้องกลับไปนอนบ้าน
มาคราวนี้หอบกระเป๋ามาเลย :b12: เพราะมีลูกสาวมาด้วย
แต่..ทุกเช้าที่เขาพักกินข้าวกัน..ก็ยังแว๊บกลับบ้านไปสั่งงาน..เคลียงาน
:b9: :b9: :b9:
ความเจ็บปวดโดยเฉพาะปวดขาเวลานั่ง..เริ่มไม่เป็นปัญหา
มาคราวนี้ยังได้เห็นอาการที่รู้แค่มันปวด..กลับอาการช่วงที่เริ่มไปยึดมัน
เห็นอาการทางจิตที่มันไหลไปปรุงแต่ง..ปวดอะไร..ยังไง..แค่ไหน
วันที่1,2เห็นแต่มันแยกกันนะ____กายปวดแต่ใจไม่ปวด
ได้เห็นแบบนี้วันที่3...ตอนนั้นคิดว่ากำลังมันถอยเหรอ
แต่ไม่ค่อยติดใจ ไม่สงสัย มันก็ไปได้ของมันเรื่อยๆ
ความเบื่อหน่าย..ความกระวนกระวาย..ทั้งทางกายและใจมีน้อยลง
เมื่อไม่ไปฝืนสภาวะธรรม..ไม่ไปพยายามแทรกแทรง..มันก็เริ่ม..ปกติขึ้น

ที่พอจะเล่า..ก็เหมือนเดิม
ทำๆเข้า..เวลาเดิน
จะก้าวมันไม่ยอมก้าว..ต้องสั่งให้มันก้าว..เอาใจลงไปรับรู้
มันขึ้น-มันลงจริงๆนะ..จิตหน่ะ..รู้สึกอย่างนั้น
จากไม่ยอมก้าวขา..ต้องสั่งก่อน2,3ที
จากสั่งก่อน2,3ทีจึงก้าวขา..เหมือนต้องดึงใจลงมารับรู้ก่อน
จากดึงใจมารับรู้ก่อน..ก็เห็นว่าใจมันไม่ยอมลงมารับรู้
รู้สึกนะ..รู้สึกจริงๆ..ดึงลงมาที่เท้ามันก็..วืดขึ้นไปๆๆ..ขึ้นๆลงๆได้นะจิต
มันเห็นอย่างนี้อ่ะ..มันเข้าใจอย่างนี้

ทั่วร่างกายเจ็บปวดอยู่3วันตั้งแต่วันแรก..ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั้งตัวเหมือน
ออกกำลังกายมาอย่างหนัก..แต่3วันหายไปเป็นปลิดทิ้ง
พอวันที่หาย..เป็นความเจ็บปวดตามร่างกายแขนขาขึ้นมาอีกแบบ
ก็..เฮ้อ!!...อะไรนี่..มันสับสน..ทรมานใจมาก..
หดหู่บ้าง..เหนื่อยหน่ายบ้าง..ทอดถอนใจเองบ้าง
อารมณ์มันบอกไม่ถูก..มันอัดอั้นรวมๆอยู่..ไม่ได้เอาทุกข์ที่กาย
มันเบื่อ..มันปลงๆ..
มันเหมือนคิดแบบ..ชั่วขณะจิต
มันไม่ได้คิดแบบเป็นประโยค..มันแว๊บขึ้นมาชั่วขณะ
คือ..เบื่อร่างกายนี้
แค่แว๊บคิด..เข่ามันอ่อนยวบ..ค้างท่าย่อ
สั่งมันขึ้นเป็น4,5รอบ..เหมือนจิตมันจะไม่เอากาย
ต้องพยุงมันขึ้น
:b55: :b43: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2015, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็อยากแสดงความเห็นในฐานะคนศึกษาธรรม

บางทีพระอาจจะมีความเห็นแตกต่างกับผมก็ได้หากได้รับคำตอบ

จากการอธิบายปรากฎการณ์พอจะมองได้ว่าคือ จิตตานุปัสสนากรรมฐาน คือ การเอาจิตเข้าไปดู

แต่ในที่นี้คือธาตุดิน คือใจจดจ่ออยู่ที่ธาตุดิน แต่จิตที่รู้เร็วกว่า อาจจะเป็นเพราะอำนาจสมาธิ

จึงดูเหมือนจิตไปแล้วแต่ธาตุดินยังไม่ไป ที่ไม่อยากจะพูดแขนขา เพราะแขนขาตามบัญญัตินั้นคือสมมุติ ถ้าเข้าระดับนาม-รูป แล้วคงเข้าใจกันดีว่าธาตุดินมีความหมายว่าปรมัตถธรรม เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่กล่าวคือ จิตไปเร็วกว่าธาตุดิน แต่ไม่อาจพ้นสภาวะของอนัตตาไปได้ คือ แม้รับรู้แข็งอ่อน แต่ ธาตุอื่นยังประชุมกันแต่จิตไม่ได้ไปรับรู้เพราะไม่ได้ตั้งจิตไว้ตั้งแต่แรก

ก็มีอารมณ์เข้ามาบ้างเช่นความเบื่อหน่าย เวลาไม่ได้ดั่งใจมันก็เกิดความเบื่อหน่าย แต่ถ้าไม่ใช่อารมณ์ของวิปัสสนา คือ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ก็ยังต้องผ่านให้ได้ก่อนนั่นเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2015, 14:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะคุณstudent
พระอ...ท่านไม่ค่อยพูดหรอกค่ะ
ว่าอะไรเป็นอะไร..คืออะไร..เรียกว่าอะไร..จะน้อยครั้งค่ะ
เวลาเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะยิ้มๆ
หลักๆให้กำหนดรู้แค่นั้น
:b20: :b20:
:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2015, 15:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดถึงเวลาเดินต่ออีกนิด..
เวลาเดินนี่มักจะได้เห็นอะไรๆ
บางทีเดินอยู่ดีๆ ในช่วงกลับตัวได้ครึ่งเดียว
ความจำมันหาย..สัญญามันดับกระมัง :b12:
ก็เหมือนรู้สึกถึงตัวตนร่างกายอยู่..แต่มันคิดไม่ออก
เวลาธรรมแสดงให้เห็นชัดๆนี่..มันเหมือนชั่วขณะ..
อธิบายเป็นคำพูดอาจจะยาว..แต่เวลามันเกิดมันเหมือนแป๊ปเดียว
ทุกความรู้สึกมันรวมๆกันตอนนั้นทีเดียว
มันลืมหมด..นึกอะไรไม่ออก..เคว้ง
พื้นที่เหยียบมันเหมือนไม่เป็นพื้น..
รู้ว่าจะยกเท้า..แต่เท้าคืออะไร..อยู่ตรงไหน..ทำยังไงมันลืมหมด
มันเคว้งอยู่ชั่วขณะ :b9: อธิบายยาก..ผ่านดีกว่า :b12:
หรือบางทีเดินอยู่ดีๆ..มือที่กุมกันไว้ตรงหน้าท้อง..
ลอยขึ้นมาระดับอก..จากที่รู้สึกมันเป็นมือ..ขยับขึ้นมา
มันกลายเป็นความรู้สึกแข็งทื่อเหมือนว่ามันกลายเป็นท่อนไม้ที่ไร้ความรู้สึก
เห็นด้วยตาด้วย..จากความรู้สึกด้วย
อารมณ์กลัวเกิดขึ้นมาชั่วแว๊บ..แล้วทุกอย่างก็คลายทันที

คืนสุดท้าย..ระหว่างเดินอีก
ออ..บอกก่อนนะ..คืนที่3ที่อดนอน..ไม่ง่วงเลย..ชิวๆ
คนเดียวด้วยมั้ง..มันมีอยู่ครั้งเหมือนกัน..ความรู้สึกที่มันง่วงเข้ามาครอบงำ
ก็เดินๆอยู่..ไม่ได้กำหนดหรอก..แต่ก็สังเกตุอยู่..ตามมันด้วย :b14: :b14:
เห็นมันมากขึ้นๆๆๆจนทรุดนั่งลง
ความรู้สึกคือ..ไม่ไหวแล้ว..มันอ่อน..มันฝืนที่ไม่ให้ตาปิด..เพราะร่วงแน่
จึงกลับมาดูที่จิต..อันนี้คิดว่านะ..อธิบายไม่ได้..ไม่ทันเห็น
มันชั่ววินาที..จิตมันปรับ..สว่าง..เป็นหน้ามือหลังมือ
เท้าที่เจ็บระบมจนต้องเดินไปตามสภาพมัน
{ตรงนี้แค่รู้สึกแต่ไม่ได้เป็นทุกข์อะไรกับมันนักเหมือนครั้งก่อนๆ}
กลับกลายเป็นเดิน6ระดับได้อย่างสวยงาม.. :b9: :b9: ..ไม่รู้สึกเจ็บสักนิด

เราไม่ง่วงอีกเลย..รู้สึกก็แค่เหมือนเห็นร่างกายมันเพลียๆแต่ใจ..สบาย..
แต่ก็อีก..คอยสงสารอีก..เห็นเพื่อนๆ..นั่งหลับและโซซัดโซเซ
ก็คอยให้กำลังใจ..เดินไปคุยบ้าง :b9: ..ก็จะเช้าแล้วเนาะ..จะจบแล้ว :b3:

ตอนนั่งรอบสุดท้ายก่อนทำวัตรเช้า..ฟุบหลับกันหมด
พระเลยให้พักแค่นี้..ปกติต้องมีรอบหลังทำวัตรเช้าอีกรอบ
:b16: :b16:
แต่ไอเดีย..ตาใสแป๋วเลย..อิอิ^^..ชิวๆ..5555..แค่รอบนี้นะรอบนี้ :b22: :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2015, 22:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงมีโอกาส..ปฏิบัติต่อเนื่อง..
ตอนเดิน..วันท้ายๆ..จะเจอสภาพที่..กายมันไม่เหมือนเป็นกาย
รอบแล้วฝืน :b9: มันเลยกลายเป็นความอึดอัดทรมาน..คิดแล้วยังเข็ด
แต่ก็จำได้ถึงความโง่ของตัวเอง :b14:
มาคราวนี้เวลาเกิดสภาวะขึ้นมา..ก็เหมือนวางใจได้
ดูมันไป..ดูจนเพลิน :b12: :b9: :b9: ดูจนเผลอ :b32:
ความเจ็บปวดเป็นเหมือนความร้อนผ่าวๆกลางลำตัว
ร้อนเย็นอ่อนแข็ง..ลมหมุนๆวน..ความไหว
จากเดินในช่วงประมาณ3เมตร..ชักอยากจะเดินไปเรื่อยๆ :b14:
มันเพลินนะ..แต่รอบนี้ไม่ตัดสินใจเอง..หยุดแล้วเดินไปถามพระอ.
ถามสั้นๆตอบสั้นๆ.......ไปตามดูมันก็จะละเอียดขึ้นเรื่อยๆ.....ค่ะ......
กลับมาเดินยก..ย่าง..เหยียบ..เคลื่อนไหวรู้ไปตามนั้น
ร้อนกลางตัว..แน่นหนักตรงไหน..จิตเคลื่อนไปรู้
ก็สบายดีไปอีกแบบ..ทำความเข้าใจเองว่า
แบบแรกมันจะกลายเป็นเพ่งไป..เพราะมันเดินไปแบบไม่รู้ตัว
คือไม่อยากจะรู้ตัว..มันเพลิน..แต่ก็เพลินแบบไม่รู้ว่าเพลินนะตอนที่เดิน
ถ้าอยู่คนเดียวคง..สนุก..ไปเรื่อยอีก :b9:
แต่แบบที่2..มีสติรู้ตัวชัดทั้ง..รู้กาย..รู้ใจ..
ทบทวนดู..แบบนี้มันเป็นปกติ..ไม่เห็นความเพลิน

อิอิ..ได้เพิ่มมาอีกคำ..ความเพลิน..อารมณ์ตรงนี้สำคัญนะนี่
เวลามันเพลินๆในอาการที่..ไม่ใข่ทุกข์...ไม่ใช่สุข...ที่สังเกตุเข้าใจได้ง่าย
ชอบไม่ชอบ..ดีไม่ดี..มันก็แสดงของมันชัด
แต่อาการไปได้เรื่อยๆ..มันเพลิน..มันติดได้โดยรู้ไม่ทันเนาะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2015, 09:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s005 รอบนี้มีความจริงมาสารภาพด้วยนะ.. :b5: :b3: :b9:
ดูเหมือนมันไม่อยากเล่าเลย..ความจริงบางอย่างนี่..
ปล่อยขาดช่วงซะหลายวัน :b32: :b32:
แต่มันเป็นความผิดพลั้งที่ควรจะเปิดเผย

มีสภาวะบางอย่างเกิดขึ้น..
เป็นสภาวะที่เราคอยจ้องมาตั้งแต่หลายรอบที่เข้าปฏิบัติมา
และทำให้กลายเป็นคนติดสภาวะแบบจ้องสังเกตุอย่างแรง
ซึ่งทำให้สภาวะธรรมไปต่อไม่ได้
ปกติจะเป็นคนปฏิบัติต่อเนื่องสัก2-3วันจะจับ..การเคลื่อนของจิตได้เร็ว
อาจจะอธิบายไม่ค่อยเป็นนะ..ลองดู..
คือ.. จริงๆมันก็เป็นเรื่องปกติเนาะ
เช่น..ถ้านั่งหลับตาปุ๊บจะจับลักษณะอาการเกิดที่
ตา,หู,จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ...มันจะเคลื่อนการรับรู้แบบรวดเร็วมาก..ชั่ววินาที
ก็ไม่รู้นะเขาเรียกว่าอะไร
ถ้าแบบนี้จะถือว่าเป็นสภาวะอาการทั่วไป..จะ..รู้อย่างเดียว
ถ้าไม่ใช่สภาวะใหม่ที่ไม่เคยเกิดจะไม่สงสัย..ถือว่าปกติ
สงสัยก็แบบอยากจะรู้เรียกว่าอะไรแค่นั้น :b9: :b9:

แต่ด้วยความที่รู้เร็ว..
พอเกิดสภาวะแนวเดียวกันคือ..ความรู้สึกที่จะขาดหายไป
แบบความรู้สึกเบาบางลงบ้าง..
เหมือนชาว็าบถูกทาบเข้ามาเหมือนจะถูกกลืนทั้งหมดไปบ้าง..ฯลฯ
จะคอยจ้องทันทีแบบตามติด
แต่เข้าใจนะ..ว่ากึ่งๆฝืนด้วย
อยากรู้ด้วย..จะมี..คำว่าเราเข้าไปเป็นตลอด
ไม่สามารถที่จะคอยแค่รู้อย่างที่ผ่านมาได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2015, 09:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวะแบบนี้..ติดนะ..ติดมากๆ
หรือจะเรียกว่า..ความดับไปนี่แหละ..ดับนี้แหละ..สงสัยตัวนี้แหละ
คือ..เคยเล่าไปแล้วว่า..เราเคยทำด้านนั่งสมาธิมาอย่างเดียว
จนมาสายนี้ให้เจริญสติไปเลย{ไม่รู้จัก}
เราก็เอ้..แล้วปัญญามันจะเกิดขึ้นได้ยังไง..
ถนัดที่จะใช้ความคิดพิจารณาประกอบมาตลอด
อันนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างนี้..คือมันเหมือนตั้งใจคิดนำบ้าง
หรือออกจากความสงบมันเหมือนคิดเองบ้าง
มันเหมือนความเคยชินที่เป็นอย่างนี้เอง
เพราะไม่เคยมีครูอ._หาอ่านอะไรก็ไม่ค่อยละเอียด..ขี้เกียจ :b3:

แต่ด้วยฉวยเป็นโอกาสที่สถานธรรมอยู่ใกล้บ้าน
ก็เอานะ..สายไหนก็เหมือนกัน..
พระอ.ให้คอยรู้ปัจจุบันก็เอา......ทำไป......
จนรอบที่2หรือ3นี่จำไม่ได้........จู่มันดับไปในขณะนั่ง
และเมื่อรู้สึกขึ้นมาก็ออกตามหาเหตุผลอยู่3วัน :b12:
..เอ้า..ผ่านไปนะ^^เคยเล่าไปแล้ว

ถึงขนาดนั้นแล้ว..ก็ยังหลงอยู่
หันมาจ้องรูปแบบการปฏิบัติ... :b24: จริงๆไม่อยากพูดนะเรื่องนี้ :b24:
แต่อยากจะแชร์มุมมองกว้างๆ
เห็นพูดกันเยอะเรื่องสายปฏิบัติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2015, 10:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราได้เห็น..ความดับ..ไปก่อนที่จะมีการเข้าอธิษฐานเหมือนคนอื่น
พอได้เข้าบ้าง..
..อธิษฐานดับสงบ..คืออะไร?..
มันตั้งใจให้เกิดขึ้นได้ด้วยเหรอ?..พวกเขาดับอะไร?..ดับยังไง?
ต้องดับทุกคนเหรอ?..มันง่ายไปมั้ย?..มันเป็นความเชื่อมั้ย?..

บอกตัวเองมาตลอด..สายไหนก็เหมือนกัน..รูปแบบอาจแตกต่างกัน
แต่จุดหมายเดียวกัน..
แต่ลึกๆแล้วคอยจับจ้องมาตลอด..สงสัยอ่ะ..มีแอบถามๆเพื่อนๆ :b9:
คนนั้นก็ว่าดับอย่างนั้น..คนนี้ก็ว่าดับอย่างนี้
ดับแล้วมันรู้สึกเหมือนอย่างนี้ :b9:
ก็อ้าว!!!!!..ดับ..แล้วยังรู้สึกได้ยังไง..
ก็เอามาคิดเอง..เอ้_พากันนั่งดับแล้วจะมาเรียกว่านิพพานเหรอ.......งงมากกก
ก็มาคิดอีก..แล้วพระอ.จะเอาดับอะไร..แบบไหน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2015, 11:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่..ติดตรงนี้..สงสัยเรื่องความดับนี่แหละ
ออกตามหาความดับ..พยายามทำความเข้าใจ
มากี่รอบๆถึงได้ถามตัวเอง..จะมาเอาอะไร
ปล่อยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปที่ละเรื่องๆๆ
แล้วก็ยังต้องถามตัวเองอีกซ้ำๆ..ว่าจะมาเอาอะไร..
จนมารอบที่แล้ว..มันเลยพูดมาก..มีคำถาม..ถามๆๆๆๆไปหมด
จนเหนื่อยยยยยย..จนเบื่ออออออ..
มารอบนี้จึงปล่อย..แบบพยายามปล่อย
เวลามันเกิดสภาวะ..ที่เหมือนมันจะคลายความรู้ตัว
{หรือแค่คิดว่าจะเป็นไปทางนั้น}
เมื่อตั้งเค้าที่จะจับจ้อง..ก็จะคอยรู้ทัน
มันไม่ใช่..รู้แล้ว..มันจะไม่มีอีกหรอก..มันยังรู้ไม่จริง..มันสั่งสมมามากแล้ว
แต่มันจะรู้ทันเร็วขึ้น..รอบนี้ก็คอยรู้ทันตัวนี้..
ตัวคอยจดจ้องหรือความจะเอาให้มันเกิดขึ้นเป็นตัวเป็นตน
เริ่มยอมรับที่มันจะต้องมีการสลายเป็นธรรมดา

รอบนี้จึงรู้สึกตัว..เมื่อตอนที่ก่อนจะเข้าอธิษฐาน
คราวนี้พระอ.ให้..ทำพิธีขอขมาครูบาอาจารย์ก่อน
..ซึ่งปกติจะตอนพิธีวันลากลับ..แค่นั้น
แถมยังต่อยาวด้วยบทสวดเกี่ยวกับขอขมานี่แหละ
:b53: รู้สึกตัวอะไรเหรอ..รู้สึกหมายถึงตัวเราเองหน่ะ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2015, 20:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มารอบนี้การนั่งสมาธิ..เจอสภาวะที่แปลกไปบ้าง..
เล่าแบบย่อๆเนาะ..เบื่อนะนี่555..

วันแรกก็เป็นสมาธิแหละ..ขั้นต้นๆ..ปิติ,สุขฯ
วันที่2..นั่งก็เฉย..เฉยเป็นหลักเลย..เฉยหนอหน่ะ^^
แต่แปลกที่บางทีมัน
เฉยแล้ว..วืด{ความรู้สึกมันเหมือนขาด..แบบสะดุดตกร่องเร็วๆ}
เฉยแล้ววืดๆๆๆ..เป็นซ้ำๆแบบนี้..เป็นจังหวะด้วยนะ

วันที่3..นี้แหละ...
คือก็สงสัยมาตั้งนานเป็นปีมั้ง..เวลานั่งสมาธิ
เกือบทุกครั้งทั้งเวลาที่ทำเองบ้านด้วยมันจะมีสภาวะหนึ่ง
ที่ก็สงสัยนะ..ว่ามันคืออะไร..แต่มาคราวนี้
ก็ไม่คิดว่าอยากจะรู้แล้วไง..ปล่อยแล้ว..มันกลับมาแสดงให้เห็นชัด :b9:
รอบก่อนๆ..เวลาสอบอารมณ์..พยายามบอกพระอ.
แต่อธิบายไม่ค่อยได้..แค่ว่า..
นั่งๆไปแล้วมันจะมีสภาวะหนึ่งที่รู้ไม่ชัด..และจู่ๆก็รู้ชัดขึ้นมา :b14:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2015, 20:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้ไม่ชัด..กับรู้ชัด ก็งงที่จะพูดเหมือนกันก็เลยไม่รู้จะอธิบายยังไงต่อ :b32:
แต่มันก็ติดใจนะ..เมื่อไหร่มันก็เป็นอย่างนี้..
แต่สังเกตุดูไม่ทัน..ก็รู้ไม่ชัดมันก็ไม่ชัด..มันเลยไม่รู้
รู้อีกที่มันก็รู้ชัดอันนี้ก็รู้ชัด..จิตมันแช่มชื่นแจ่มใสขึ้นมามันก็รู้ชัด
ก็ได้แต่บอกตัวเอง..อะไรยังไงก็ช่างมัน :b43:

ช่างมันแล้ว..มันกลับมาให้รู้ :b27: :b27: เหมือนแสดงให้ดูเลย555
ปกติในการนั่งรอบหนึ่งจะเกิดขึ้นยาวๆประมาน1รอบเหมือนกัน
ก็ภาวนาปกตินี่แหละ..ถึงจุดหนึ่งมันก็รู้ไม่ชัด..รู้อีกที..มันก็รู้ชัด
:b10: :b10: .. :b32: :b32: ..:b9: :b9:

คราวนี้เริ่มเห็น....มันมีเข้าๆออกๆ
เพราะนั่งรอบเดียวมันเป็นอยู่นั่นแหละ
วันนี้จะนิ่งเป็นหลัก :b15: นิ่งหนอ..
มันก็นิ่ง..แล้วก็เข้าสภาวะที่เรียกว่า..รู้ไม่ชัด..แล้วก็ออกมารู้ชัด
แล้วก็นิ่ง..เข้าไปรู้ไม่ชัด..ออกมารู้ชัด...วนอยู่แบบนี้ให้พอเข้าใจเอาเอง :b51:
มันเป็นลักษณะที่รู้คำสมมุติทันทีเลย..ว่ามันเข้าๆออกๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2015, 21:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในสภาวะที่..รู้ไม่ชัด..มันมีหลายลักษณะด้วย
ใน..รู้ไม่ชัด..มันมีสภาวะแตกต่างกันไป..
มันน่าจะเป็น..รู้แบบไม่ปรุงแต่งอะไรรึเปล่า..ตรงนี้ยังไม่เข้าใจ
ที่พอเข้าใจคือมันเข้าๆออกๆ
แต่หากไม่ปรุงแต่ง
ในสภาวะที่เรียกเองว่า..รู้ไม่ชัด..
บางทีในสภาวะนั้นมันมี..ความคิดไหลๆๆๆๆผ่านไปเรื่อยๆบ้าง
..ว่างอย่างเดียวบ้าง..ฯลฯ
แต่พอจะอธิบายได้คือ..ระหว่างนั้นเหมือนตัวรับรู้มันถูกหรี่ลง
แต่มันก็ตามรู้อยู่เรื่อยๆ..ยาวเลยในรอบนั้นๆ

:b39: จนกว่าจะออกมา..รู้ชัด..
ในสภาวะที่เรียกเองว่า..รู้ชัด..เริ่มเข้าใจว่า
เหมือนเราออกมาจากการ..รู้ไม่ขัด..
จิตมันแช่มชื่นแจ่มใส..
คือการกลับมารู้สึกตัวตามปกตินั่นเอง
เพียงแต่เวลาออกมา..จิตมันสว่างวาบขึ้นมาเลย..ก็เลยเรียกว่ารู้ชัด :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2015, 21:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่4..
นอกจากพองยุบ..ยังสลับกับการกำหนดนั่งด้วย
ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยชอบนัก..เพราะคิดว่า..
จิตมันไม่เป็นสมาธิง่ายๆหน่ะสิ..
ไหนจะคอยกำหนดรู้ไปตามสภาวะอารมณ์อีก
แม้มาปฏิบัติที่นี่มันจะชิน..
การเห็นจิตมันเคลื่อนไปรับรู้แต่ละจุดมันเร็วมาก..ไม่ยากด้วยที่จะทำ

แต่กลับบ้านนี้..มันหวงเหลือเกิน..สมาธิ..
ห่วงสมาธิจะเกิดยากถ้าทำแบบนั้น..
จึงพยายามกำหนดลมอย่างเดียวให้สงบก่อนค่อยเจริญสติ

และมาคราวนี้ก็คลายความติดข้องใจ
มันไม่ใช่สมาธิน้อยๆที่จะเกิด..มันปรับเปลี่ยนระดับของมันไปเรื่อย
เพียงแต่มันไม่ติดในระดับไหนอยู่นาน..
และแค่นึกจะให้มันเกิดก็ทำได้ด้วยถ้าเจริญสติต่อเนื่อง

เริ่มถนัดในแบบของตัวเอง..ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือสถานปฏิบัติ
คือปรับอินทรีย์5..และเริ่มจะคล่องขึ้นเรื่อยๆ
หมายถึงปรับในระดับที่มากขึ้นอีกนิดหนึ่ง :b9: :b9:

และอีกอย่าง..จะกำหนดแบบไหน..ถึงเวลาจิตมันจะหมุนเข้าสมาธิ
มันก็เป็นของมันเอง..มันปล่อยเอง..รวมเอง

ก็คิดว่ารู้นะข้อนี้..แต่มันหวงอ่ะ..จะเอาสมาธิก่อน
การปฏิบัติเลยติดนั่นนี่นู้นไปหมด
เดี๋ยวเอาอย่างนี่เดี๋ยวเอาอย่างนั้น
ยิ่งปฏิบัติไป..ยิ่งเห็นความอยากที่ซ่อนลึก..แกะออกๆๆๆๆ

ที่คิดว่ารู้....ก็รู้แล้วรู้อีก......ก็ยังไม่รู้..... :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2015, 09:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวะในวันนี้..เริ่มปล่อยง่าย..
ปล่อยอะไร? :b3: ..ปล่อยตัวจ้องจะจับ..
จะยึดเอาตัวสภาวะที่ทำให้ติด..ให้สะดุด..ที่ว่าเวลาอารมณ์มันพริ้วๆเบาลงๆ
คือจากที่ปล่อยมันรู้ไปตามธรรมชาติ..เรื่อยๆ
และพอถึงสภาวะนี้ทีไร..มันจะมีเราเข้าไปรู้
คือ..มันเห็นนะ..เวลามันโผล่ขึ้นมาจะยึด..และที่ว่าพยายามจะรู้ทัน
แต่มันรู้แล้วมันจะแบบฝืนให้มันปล่อย

จนวันนี้เริ่ม..รู้แล้วคลายๆๆ..ยังเกิดอยู่..
แต่เหมือนเห็นมันจะยึดก็คลายไปเอง..
มันจึงเห็นว่าเป็นสภาวะที่..อารมณ์เบาๆพริ้วๆแล้วจางสลายไป
เป็นความขาดช่วงของตัวรู้
มันหมุนวนซ้ำๆอยู่7เที่ยวมั้ง..ในการนั่งชม.นี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2015, 09:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาเล่าถึงสภาวะที่..แอบจ้องมานาน :b32:
รอบนี้มีถามพระอ...
เพราะความที่นั่งแล้วลืมความรู้ตัวหรือง่วง..มันแทบไม่มีเลยมั้งรอบนี้
แล้วทำไมรู้อาการนั่งแล้วสัปหงก
..อาการสัปหงกนี้มันไม่ใช่จะเกิดเฉพาะเวลาเราง่วงใช่ใหมคะพระอ...

จู่ๆมันก็วูบลงไป :b43: เราก็เอ๊ะอะไร?
ยืดตัวตรง..มันก็วูบลงอีก..
จนมากขึ้นๆๆๆๆแทบทุกวินาที..ทุกเสี้ยววินาทีเลยมั้ง..
และหลังๆมา..มันคงจะวูบแล้วขาดหายไปนาน

:b43: ก็คิดทบทวนเองทันทีเลย..นี่หรือเรียกกันว่าดับ..มันเป็นไปอย่างไร
พระอ.สอนให้ทำอะไร?...........
:b46: ก็แค่ให้ตามรู้ให้ทันปัจจุบันอารมณ์ ..
มีอะไรอีกใหม?....ไม่มี
แม้แต่เกิดสภาวะอะไรจะถามชื่อเรียกท่านยังไม่ให้ไปคำนึงถึงอดีต
ท่านไม่ได้สอนให้ยึดติดหรือเอาอะไรนอกจากกำหนดรู้ให้เป็นปัจจุบันแต่ละขณะ หลักมีแค่นี้

แล้วพระพุทธเจ้าสอนมั้ย?...สอน เจริญสติไง

Ok...อ๋อๆๆๆๆ ที่ว่าดับ..ก็แค่นี้เอง..จริงๆก็มีบ้างอยู่ละ..เวลาเผลอไม่ไปจ้อง
แหมจ้องมาตั้งนาน..กลัวมันจะดับ555..อยากจะเห็นตอนมันจะดับ
อยากจะรู้....

ไปยังไง..มายังไง??....ไปอยากจะรู้ทำไม
ถึงเวลามันจะไปก็ไป..มันจะมาก็มาของมันเอง..เป็นธรรมชาติ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21 ... 27  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร