วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 20:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 43, 44, 45, 46, 47, 48, 49 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 04:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
:b32: :b32: ปลง กับ อโสกะ
สรุปกลายเป็นว่า คุนน้องไปดูถูกคนชาติเดียวกัน ยกย่องฝรั่งซะงั้น.. :b14: :b14: คุนน้องอุตส่าชี้จุดบกพร่องของคนไทย ว่าทำไมปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า แต่ทำไมแตกต่างจากชาวตะวันตกที่ไม่รู้จัก อริยสัจสี่ ด้วยซ้ำ อโสกะโลกแคบ แถมจิตใจคับแคบ ประเมินคุนธรรมผู้อื่นด้วยจิตหยาบ กล่าวติเตือน การแสดงธรรมพี่เอกอนว่า
ปริยัติมาก ปฏิบัติน้อย คุนน้องอุตส่าเข้ามาเสริม
เพราะคุนน้องรู้ว่า อโสกะผิดพลาด เพราะไม่รู้..
แบบนี้ไงถึงได้มีสำนวนาภาษิต ไม้แก่ดัดยาก ไม้อ่อนดัดง่าย :b32: :b32:
อโสกะไม่รู้หรอก คุนน้องมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับประเทศและสังคมไทย..ประเทศเรา เหนือกว่าชาวตะวันตกในเรื่อง ภูมิประเทศ พืชพันธ์ ธรรมชาติงดงาม อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ คนไทยมีน้ำใจ..ทำไมฝรั่งถึงชอบมาเที่ยวไทย..ประเทศเราสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ เท่าเทียมกับชาวตะวันตก ประเทศเราตามความจริงแล้ว เป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลกล่ะ..ต่างชาติบางคนเค้าท่องเที่ยวมาครึ่งค่อนโลก..แต่เค้าเลือกที่จะอยู่เมืองไทย..ถ้าเราดึงศักยภาพของคนในสังคม พัฒนาความรู้ สติปัญญา มากกว่าปลูกฝังความเชื่อประเทศเราตะหาก คือประเทศมหาอำนาจ ตัวจริง

:b12: :b12: :b31:

ได้อารมณ์ทันทีเชียวนะคุณน้อง

อ้างคำพูด:
ว่าทำไมปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า แต่ทำไมแตกต่างจากชาวตะวันตกที่ไม่รู้จัก อริยสัจสี่ ด้วยซ้ำ


คนไทยทำไมปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าเมื่อเทียบกับฝรั่งชาติตะวันตก?????

คำพูดนี้น้องตีเหมารวมเกินไปจึงเหมือนดูถูกคนไทย


เพราะตามความเป็นจริงเมื่อเทียบกับอัตราส่วนประชากรผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว
ฝรั่งที่น้องหรือเอก้อนว่าแน่ในทางธรรมนั้นมันเพียงแค่หยิบมือเดียวเมื่อมาเทียบกับจำนวนคนไทยที่ปฏิบัติธรรมกันอย่างจริงจังจนได้เข้าถึงธรรม กำลังจะเข้าถึงธรรม อยู่ตามป่าตามเขา บ้านนอกชนบทหรือแม้แต่ในเมืองหลวงนี้มีมากมายเพียงแต่เราไม่ได้จดนับทำสถิติกันไว้

แล้วนี่พอโดนเตือนหน่อยก็ได้สติ สัมปชัญญะก็กลับมามองเห็นมุมบวกมุมดีของเมืองไทยดังบรรยายมาเสียยาวยืด

ถึงว่า คนโบราณท่านถึงว่า "ผู้หญิงนี่เป็นเพศที่เข้าใจยากยิ่งนัก"

ยังไงๆก็อย่ามายกฝรั่งเกินไปให้ได้เห็นต่อสาธารณะชน พยายามมองมุมบวกค้นหาสิ่งดีๆของนักปฏิบัติธรรมเมืองไทยให้พบเจอเยอะๆนะครับ
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 04:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ง่าย... :b12:

ท่านอโศกะดับไปได้แล้วกี่ข้อล่ะ...

:b12: :b12: :b12:

:b13: :b13: :b13:
ดับไปหมดทุกข้อแล้วครับอดีตอารมณ์ทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือ

ถ้าจะถามโดยหมายถึงสังโยชน์ 10 ก็คงต้องไปถามกันในที่รโหฐานนะครับ ไม่เหมาะกับต่อหน้าสาธารณชนอย่างนี้ และคำถามอย่างนี้ท่านผู้รู้ก็ไม่ค่อยถามกันง่ายๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมันเป็นปัจจัตตังเวฯ

ขณะนี้ผมมีชีวิตเป็นสุขอยูกับปัจจุบันขณะ ปัจจุบันอารมณ์เสียเป็นส่วนใหญ่
อาจมีเผลอไผลบ้างเพราะยังไม่เต็มยังไม่โตถึงที่ๆควรจะถึง ทุกวันๆก็หมั่นเจริญเหตุสุข ละเหตุทุกข์ให้เบาบางน้อยไปๆอยู่ ทุกวัน เวลา นาที วินาทีที่ระลึกได้และมีโอกาส


แล้วคุณเอก้อนล่ะ

:b13: :b12: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 05:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
eragon_joe เขียน:
อ้างคำพูด:

สัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้คววามจริงในอริยสัจ 4 เช่น รู้ว่านี้ทุกข์ รู้ด้วยปัญญา ด้วยความมั่นคงว่า ทุกข์ คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงความปวดเมื่อยเท่านั้น แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป ปัญญาที่รู้ความจริงในความเป็นทุกข์อริยสัจ เป็นสัจจญาณ แต่สัจจญาณจะมีได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม จนปัญญามั่นคง เห็นถูกว่า สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เองที่เป็นทุกข์ นี่คือสัจจญาณในทุกขอริยสัจ และปัญญที่รู้ความจริงในสมุทัยสัจจะ ว่าเป็นอย่างนี้ คือ รู้ตัณหา โลภะ ตามความเป็นจริงว่าเป็นอย่างนี้ โดยสัจจะอื่นๆก็โดยนัยเดียว คือรู้ในพระนิพพานในขั้นการฟัง ตามความเป็นจริงและรู้ในหนทางดับทุกข์ คือ อริยมรรค ตามความเป็นจริงครับ นี่คือสัจญาณ ปัญญา ในอริยสัจ 4 ซึ่งสัจจญาณก็มีหลายระดับ ตามระดับปัญญา

*****

สัจจญาณ
สจฺจ ( ความจริง ) + ญาณ ( ความรู้ )ญาณคือความรู้ในสิ่งที่มีจริง หมายถึง ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงเริ่มต้นจากการศึกษาในขั้นปริยัติ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่านามธรรมและรูปธรรมเท่านั้นเป็นสิ่งที่มีจริง และเป็นสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา หาใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนไม่เป็นสัจจญาณในขั้นปริยัติ จนกว่าสติปัฏฐานเริ่มเกิด ความรู้ในลักษณะของนามธรรมรูปธรรมที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ รู้เพิ่มขึ้น จนเป็นปัญญาที่สมบูรณ์เป็นวิปัสสนาญาณเป็นการประจักษ์แจ้งนามรูปที่แยกขาดจากกัน รู้ว่าเป็นเพียงนามรูปเท่านั้น ที่เป็นอนัตตา ตรงกับที่ได้ศึกษาในขั้นปริยัติ และความรู้ที่เจริญขึ้นจากการอบรมเป็นวิปัสส-นาญาณขั้นสูงขึ้นไป ความรู้เหล่านี้เป็นสัจจญาณในขั้นปฏิบัติ จนกว่ามัคคจิตจะเกิดขึ้นประหารกิเลส ๔ ครั้ง สัจจญาณจึงถึงความสมบรูณ์


:b16: :b16: :b16:

http://www.dhammahome.com/webboard/topic/24220


:b13: :b13: :b13:

:b16:
เป็นปริยัติที่สวยหรูใกล้กับสภาวความเป็นจริงมาก

แล้วทำไมไม่เร่งทำ กิจจญาณ ให้จนเกิด กตญาณ จริงๆจัง จนได้เสวยผลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเสียทีล่ะครับ มัวลังเล ลุ่มหลงอะไรอยู่กับบัญญัติอันดูเหมือนพิเศษ พิสดารทั้งหลายเหล่านี้

เร่งมือๆๆๆ

เร่งสติปัญญา วิริยะ ตบะ ขันติ ให้มากขึ้นๆยิ่งกว่านี้สิจะได้ถึงฝั่งทันก่อนตะวันตกดิน
:b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2015, 21:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
eragon_joe เขียน:
ง่าย... :b12:

ท่านอโศกะดับไปได้แล้วกี่ข้อล่ะ...

:b12: :b12: :b12:

:b13: :b13: :b13:
ดับไปหมดทุกข้อแล้วครับอดีตอารมณ์ทั้งหมด ไม่มีอะไรเหลือ

ถ้าจะถามโดยหมายถึงสังโยชน์ 10 ก็คงต้องไปถามกันในที่รโหฐานนะครับ ไม่เหมาะกับต่อหน้าสาธารณชนอย่างนี้ และคำถามอย่างนี้ท่านผู้รู้ก็ไม่ค่อยถามกันง่ายๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมันเป็นปัจจัตตังเวฯ

ขณะนี้ผมมีชีวิตเป็นสุขอยูกับปัจจุบันขณะ ปัจจุบันอารมณ์เสียเป็นส่วนใหญ่
อาจมีเผลอไผลบ้างเพราะยังไม่เต็มยังไม่โตถึงที่ๆควรจะถึง ทุกวันๆก็หมั่นเจริญเหตุสุข ละเหตุทุกข์ให้เบาบางน้อยไปๆอยู่ ทุกวัน เวลา นาที วินาทีที่ระลึกได้และมีโอกาส


แล้วคุณเอก้อนล่ะ

:b13: :b12: :b45:


ช่างหัวเอกอนมันเถอะ จะไปอะไรกับมันนักหนา

:b6: :b6: :b6:

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2015, 19:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


55555555

ชั่งหัวมัน
:b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2015, 21:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 06:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg
ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg [ 50.12 KiB | เปิดดู 1626 ครั้ง ]
:b39:
:b11:
:b4:
:b27:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 06:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อโสกะ....ว่า

ในสังโยชน์ 3 ข้อต้น..นี้..อะไรละได้ง่ายที่สุด...อะไรละยากที่สุด?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 07:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ....ว่า

ในสังโยชน์ 3 ข้อต้น..นี้..อะไรละได้ง่ายที่สุด...อะไรละยากที่สุด?
กบว่าอันไหนเหรอ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 12:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




เหตุ ปัจจัย นิพพาน_82kb_resize.jpg
เหตุ ปัจจัย นิพพาน_82kb_resize.jpg [ 35.2 KiB | เปิดดู 1614 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
อโสกะ....ว่า

ในสังโยชน์ 3 ข้อต้น..นี้..อะไรละได้ง่ายที่สุด...อะไรละยากที่สุด?

:b12:
ก็ สักกายทิฏฐินั่นแหละละได้ง่ายที่สุด ถ้าทำถูกวิธี

แล้วก็อีกแหละ สักกายทิฏฐินั่นแหละละได้ยากที่สุด ถ้าทำผิดวิธี

:b13: :b31: :b11:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2015, 22:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


สังโยชน์3ไม่มีอะไรยากง่ายกว่ากัน ทั้ง3ถูกทำลายลงโดยพร้อมกัน เมื่อบรรลุโสดาปฎิผลจิต

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2015, 05:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
สังโยชน์3ไม่มีอะไรยากง่ายกว่ากัน ทั้ง3ถูกทำลายลงโดยพร้อมกัน เมื่อบรรลุโสดาปฎิผลจิต

:b8:
เวลาโสดาปัตติมรรคทำงานนั้นมันไวมาก ชั่วพริบตาเดียวจึงดูเหมือนว่าสังโยชน์ทั้งหลายถูกทำลายพร้อมกันอย่างที่คุณ bigtoo ว่า อนุโมทนา

แต่โดยลำดับแห่งธรรมแล้ว สักกายทิฏฐิจะดับขาดก่อน จิตจะเข้าถึงอนัตตาโดยสมบูรณ์เป็นผลส่งเข้าถึงนิพพาน 2-3 ขณะจิต พอกลับรู้ตัวขึ้นมาเป็นชีวิตใหม่

ปัจจเวกขณญาณเกิดขึ้น

ความรู้ชัดปฏิจจสมุปบาทอย่างซาบซึ้งโดยภาวนามยปัญญาเกิดขึ้น

ความรู้คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างซาบซึ้งเกิดขึ้น

วิจิกิจฉาดับขาด

ได้สีลัพพัตปรามาสเป็นผลสุดท้าย

หลังจากนั้นกายใจจะสงบสู่สังขารุเปกขาญาณ ทะลุถึงนิพพานอีกครั้งเสวยวิมุติสุขตามกำลังบารมีของใครของมัน จะเป็นชั่วขณะเท่าแมลงปอโฉบวางไข่ ไปจนถึง หลายนาที หลายชั่วโมงก็แล้วแต่ฐานการสร้างสมมาของแต่ละท่านแต่ละคน


นี่เป็นธรรมทัศนะ เป็นตัวอย่างจากท่านที่ปิดประตูอบายได้บางท่านบางคนที่ได้รู้ได้ยินมาเอามาเล่าสู่กันฟัง เพราะมีเหตุปัจจัยจากคุณ bigtoo ทำให้ระลึกได้แล้วนำมาแบ่งปันกันฟังนะครับ
:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2015, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าถึงนิพพาน 2-3 ขณะจิต
พอออกจากนิพพาน กิเลสก็เกาะกุมต่อได้ จนต้องรีบทำ สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตมรรค
หรือครับ อโศกะ

ไปรู้มาจากไหน วิธีการเข้าออกนิพพาน

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2015, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg
ประตูทางออกสู่นิพพาน_.jpg [ 50.12 KiB | เปิดดู 1586 ครั้ง ]
ไปเอามาจากไหน
อนิจจัง >อนิมิตตนิพาน
ทุกขัง >อัปปนิหิตนิพพาน
อนัตตา > สุญญตนิพพาน

รู้มาจากพระสูตรไหน พระวินัยไหนครับ อโศกะ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2015, 04:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ไปเอามาจากไหน
อนิจจัง >อนิมิตตนิพาน
ทุกขัง >อัปปนิหิตนิพพาน
อนัตตา > สุญญตนิพพาน

รู้มาจากพระสูตรไหน พระวินัยไหนครับ อโศกะ

:b12:
รู้มาจากคำสอนคำบอกเล่าของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เขียนเป็นภาพให้เข้าใจง่ายภายใต้การดูแลของครูบาอาจารย์ครับ ไปสอบกับคัมภีร์ภายหลังก็คล้องจองลงตัวกัน
:b38:
คุณเช่นนั้นคงจะพยายามบอกว่าที่สุดก็มาจากตำราหรือเปล่าครับ

ดูเหมือนผมจะเคยบอกว่าผมไม่ปฏิเสธตำราผมเชื่อพระพุทธเจ้าถึงลำดับของการเรียนรู้และบรรลุธรรม ผมก็เดินมาตามทางสายนี้ เห็นทั้งประโยชน์และโทษของตำราแล้ว

ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวท

แต่ผมสะกิดสะเกาคนที่บรรลุธรรมโดยการคิดเอาตามตำราเพื่อให้เขาเฉลียวใจบ้างว่า นิพพานคิดเอา กับนิพพานปฏิบัติเอานั้นมันต่างกันลิบลับ

อีกประการหนึ่งก็เพื่อเตือนบอกว่าตำรานั้นอย่าเอามาก อย่ายึดตำราแน่นเกินไป ให้รู้จักหยิบมาใช้และวางลงไปให้เหมาะสมตามสถานการณ์จริง

คนที่จะปฏิบัติธรรมจนได้ถึงผลนั้น วันเวลาที่ลงมือปฏิบัติจริงต้องทิ้งตำราเอาตำรามากองไว้ข้างนอกใจให้หมดก่อนจึงจะเห็นความจริง

:b38:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 43, 44, 45, 46, 47, 48, 49 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร