วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 00:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 42, 43, 44, 45, 46, 47, 48 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
:b32: :b32:
ยังไงก็ยังมีคุนน้องคนนึง ที่เข้าไปเห็นธรรมอันละเอียดละออ ของพี่เอกอน ในการเอาเรื่อง จิต เจตสิก มาอุปมาอุปมัยในลักษณะ ชาวนักโต้คลื่น
(เห็นภาพชัดทีเลย :b14: )
นักโต้คลื่น เขารู้วิธีโต้และพริ้วไหวไปกับกระแสคลื่นและพยายามประคองไปให้สุดทาง เพื่อไม่ให้หัวขวิดคะมำตกลงไปในน้ำ..แน่นอนเขาต้องชำนาญและฝึกฝนมาจนเกิดความชิน...คุณสมบัติของจิต ก็เหมือนกัน ต้องฝึกฝน จนชำนาญ
การเข้าไปเห็น ผัสสะ รู้ชัดในสภาวะธรรมที่ปรากฏ ก็เหมือนกับ ชาวนักโต้คลื่นทั้งหลาย จะหัวคะมำ หัวขวิด รึพริ้วไหวไปกับกระแสคลื่น ก็เป็นเรื่องเฉพาะตนเนอะ... :b13: :b13: แต่คนที่เข้าไปเห็นธรรมอันละเอียดนั้น..สุดท้ายแล้วจะเห็นอนัตตาปรากฏ..เหมือนชาวนักโต้คลื่น เค้าสามารถเล่นกับคลื่นนั้นในช่วงเวลาที่คลื่นซัดมา..พอคลื่นดับไป..
เค้าก็ไม่สามารถจะโต้กับคลื่นได้..ถ้าคลื่นมาซัดมาอีกครั้ง..เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามเหตุปัจจัยอยู่ดี

คุณน้องช่วยอธิบายการเห็นผัสสะว่าเป็นอย่างไรถึงจะเกิดประโยชน์แก่การบรรลุธรรม

อธิบายไม่ถูกค่ะ บอกไม่ถูก คุนน้องฟรีสไตล์ :b32: :b32: คุนน้องไม่สามารถสอนให้ใครโต้คลื่นได้..เพราะคุนน้องเองก็ยังไม่เก่ง ถามคนอื่นแทนละกัน :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
อโสกะโลกแคบ ประเมินความรู้ สติปัญญา ชาวตะวันตก ว่าไม่รู้พุทธศาสนาเหมือน ชาวไทย :b32: :b32:
เพราะแบบนี้ไง คนไทยถึงย้ำอยู่กับที่..ไม่ไปไหน
จริตคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่ศรัทรา ประกอบโมหะ..คือความเชื่อที่สืบทอดตามๆกันมา
ประกอบกับความหลง คือเชื่อในสิ่งนั้นโดยขาดเหตุผล และไม่เคยจะค้นหาความจริงในสิ่งที่เชื่อ :b32: :b32: คือ พ่อแม่ ครูบา อาจารย์ บรรพบุรุษสอนมาไง หลับหูหลับตาเชื่อไว้ก่อน ห้ามเถียงผู้ใหญ่ ไม่ดี :b32: :b32: ทั้งที่ผิดจากหลัก กาลามาสูตร ที่พระพุทธองค์ทรงตรัส..
คุนน้อนสนใจ วิถีพุทธแบบ เซน คือเค้าคิดในเชิงปรัชญาของชีวิต..และส่วนใหญ่ ชาวตะวันตกจะนับถือพุทธ เซน คุนน้องมองว่า ชาวพุทธตะวันตก
เชื่อในหลักเหตุผล และลงมือปฏิบัติให้เกิดผลขึ้นจริง..สตีฟ จ๊อบ ก็นับถือพุทธ เซน :b13:
แล้วทำไมพี่ไทยเรา ถึงตามกระแส ไอโฟน ไอแพท จัง สิ่งที่เค้าสร้างสรรค์ขึ้น ก็เกิดจากพลังสติปัญญาที่เขาปฏิบัติ และนำมาพลิกแพลงสู่สายตาชาวโลก..ช่างมะรู้อะไรบ้างเลย
บางครั้งก็สงสัยและถามตนเองเหมือนกันนะ..
ทำไมถึงมีแต่ชาวตะวันตก ที่สร้างสรรค์ ประดิษโน้น นั่น นี่ ให้กับโลก..ทั้งที่ชาวไทยนับถือพุทธ
แต่ทำไมพวกเรา ไม่มีพลังแบบนั้นเหมือนขาวตะวันตก..อยากให้คนไทยมีชื่อเสียงประมาณว่า
คนไทยคือ ประเทศแรกของโลก สามารถ คิดค้นยา รักษามะเร็งได้ หรือ อะไรแนวทำนอง สร้างสรรค์โลก ให้ดีขึ้น..แต่เรากับไม่มีพรสงรรค์ จากพระเจ้า..แต่ประเทศที่ได้รับพรสวรรค์จากพระเจ้าเยอะที่สุด ทำอะไรสำเร็จที่สุด ประชากรมีศักยภาพ คือ เยอรมัน ทั้งที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริส :b13: แล้วคนไทยทำไมย่ำอยู่กับที่ ทั้งที่เราเหนือกว่าเขา มีพุทธศาสนา แต่ทำไมประเทศไทยถึงไม่เจริญ มีศักยภาพแบบชาวตะวันตก
คุณน้องอยากรู้ป่าว ก็ท่องคาถาเรียกเงิน รดน้ำมนต์ กราบไหว้ขอทุกอย่าง วิ่งหาอรหันต์ทั้งๆที่ตนเองก็ไม่มีทางรู้ไง. มันจึงมืดบอดอยู่จังซี่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
eragon_joe เขียน:
:b32: :b32: :b32:

เรามาดูชาวโลกธรรมดา ๆ ที่ ... :b20: :b17: :b4:

อ้างคำพูด:
.....
พยายามให้เจตนาในทุกระดับของแกนประสาทส่วนกลางของคุณพุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อได้สัมผัสกับความรู้สึกเข้มแข็ง ไม่ว่าคุณจะเรียกมันขึ้นมาด้วยความตั้งใจ
หรือมันเกิดขึ้นในใจของคุณเองแล้ว
ให้คุณตั้งใจรับมันเข้ามาด้วยสติ
เพื่อที่มันจะทิ้งร่องรอยที่ลึกขึ้นในความทรงจำแฝงเร้น

และเพื่อที่มันจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณ


:b8: คัดลอกบางส่วนมาจากหนังสือ Buddha's Brain
ซึ่งเขียนโดย ดร.ริค แฮนสัน และ นพ.ริชาร์ด แมนดิอัส
ดร.ณัชร สยามวาลา แปล

:b1: ...


นี่เป็น...นัยยะที่สะท้อนถึงการสร้างอุปนิสัยให้กับจิต... :b1:

การ โยนิโสมนสิการ ... อย่างมีประสิทธิภาพ-ประสิทธิผล

:b1: ...หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง
ที่น่าอ่านมากสำหรับชาวพุทธที่มีความรักการอ่านอยู่ในตัว
ยิ่งเป็นชาวพุทธที่ออกแนว หัวใหม่ หัววิทยาศาสตร์ กลุ่ม New age ไม่น่าพลาด

:b1: :b1: :b1:

คุนน้องมองว่า ชาวตะวันตกเค้าวิเคราะห์ธรรม ในลักษณะใช้คำศัพท์ท์ธรรมด๊าๆ ในแบบชาวโลก..
ซึ่งตรงกับหัวข้อกระทู้นี้นะ..การอธิบายธรรมตามแบบชาวโลกธรรมดาๆ แต่ลึกซึ้ง :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
eragon_joe เขียน:
eragon_joe เขียน:
:b32: :b32: :b32:

เรามาดูชาวโลกธรรมดา ๆ ที่ ... :b20: :b17: :b4:

อ้างคำพูด:
.....
พยายามให้เจตนาในทุกระดับของแกนประสาทส่วนกลางของคุณพุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อได้สัมผัสกับความรู้สึกเข้มแข็ง ไม่ว่าคุณจะเรียกมันขึ้นมาด้วยความตั้งใจ
หรือมันเกิดขึ้นในใจของคุณเองแล้ว
ให้คุณตั้งใจรับมันเข้ามาด้วยสติ
เพื่อที่มันจะทิ้งร่องรอยที่ลึกขึ้นในความทรงจำแฝงเร้น

และเพื่อที่มันจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณ


:b8: คัดลอกบางส่วนมาจากหนังสือ Buddha's Brain
ซึ่งเขียนโดย ดร.ริค แฮนสัน และ นพ.ริชาร์ด แมนดิอัส
ดร.ณัชร สยามวาลา แปล

:b1: ...


นี่เป็น...นัยยะที่สะท้อนถึงการสร้างอุปนิสัยให้กับจิต... :b1:

การ โยนิโสมนสิการ ... อย่างมีประสิทธิภาพ-ประสิทธิผล

:b1: ...หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง
ที่น่าอ่านมากสำหรับชาวพุทธที่มีความรักการอ่านอยู่ในตัว
ยิ่งเป็นชาวพุทธที่ออกแนว หัวใหม่ หัววิทยาศาสตร์ กลุ่ม New age ไม่น่าพลาด

:b1: :b1: :b1:

คุนน้องมองว่า ชาวตะวันตกเค้าวิเคราะห์ธรรม ในลักษณะใช้คำศัพท์ท์ธรรมด๊าๆ ในแบบชาวโลก..
ซึ่งตรงกับหัวข้อกระทู้นี้นะ..การอธิบายธรรมตามแบบชาวโลกธรรมดาๆ แต่ลึกซึ้ง :b1:


ผมกลับมองแบบนี้นะว่าพูดอะไรฟังอะไรอ่านอะไรคบกับใครถ้าทำให้เรามีศรัทธามากขึ้นในตัวพระองค์นั้นถือว่าเป็นสิ่งดีและยิ่งสิ่งไหนทำให้เราปล่อยวางความหลงผิดได้ถือว่าดีนะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 18:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004 s004

แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงคือเอก้อนบอกว่า

เรื่องการเข้าถึง อริยสัจ มรรค อนัตตา จึงเป็นเรื่องเข้าใจยากกว่าสิ่งที่เอกอนกล่าวอยู่ดี

เป็นชาวพุทธมานาน ยังไม่เข้าใจซาบซึ้งในอริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา แต่กลับไปซาบซ่านใจกับเรื่องของฝรั่งมังค่า อันน่าจะเป็นมิจฉาทิฏฐิพาเฉออกนอกทางนิพพาน จึงน่าเป็นห่วงยิ่งนัก

คุณเอก้อนเรียนปริยัติมากไป ปฏิบัติน้อยไปไม่สัมพันธ์กันหรือเปล่าจึงไม่ลึกล้ำด่ำดื่มเข้าไปในหัวใจของพระพุทธศาสนาคือ อริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา

:b12: :b13: :b17:


เป็นห่วงทำไม... :b6:

ท่านอโศกะอ่านใหม่ดี ๆ นะ :b32: :b32: :b32:

อ้างคำพูด:
อริยสัจ 4 มรรค อนัตตา เป็นเรื่องที่อ่าน เข้าใจง่าย คิดตาม เห็นภาพได้
แต่ในทางการปฏิบัติ การเข้าถึง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ดังนั้น เรื่องการเข้าถึง อริยสัจ มรรค อนัตตา จึงเป็นเรื่องเข้าใจยากกว่าสิ่งที่เอกอนกล่าวอยู่ดี

:b1:

สังโยชน์ 10 ... ท่านอโศกะ ไล่ไปทีละข้อ ๆ นะ

สังโยชน์แต่ละข้อ ท่านอโศกะดับมันลงด้วยอะไร...

:b1: เอกอนไม่เห็นเป็นเรื่องง่ายนั่นถูกแล้วล่ะ

ถ้าเอกอนเห็นเป็นเรื่องง่าย เห็นอย่างรู้ซึ้ง ทะลุปรุโปร่ง ...
นั่นแสดงว่า เอกอนต้องเป็นผู้ที่เห็นอริยสัจจ์ เข้าถึงอริยสัจจ์ รู้ซึ้งในอริยสัจจ์โดยลึกซึ้ง
โดยทั่วถึง และโดยรอบแล้ว .... เท่านั้น

:b13: :b13: :b13:

เอกอนยังคงเป็นเพียงผู้รู้ เข้าใจแต่เพียงบางส่วนเท่านั้น

:b1: :b13: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 20:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
อ้างคำพูด:
เรื่องการเข้าถึง อริยสัจ มรรค อนัตตา จึงเป็นเรื่องเข้าใจยากกว่าสิ่งที่เอกอนกล่าวอยู่ดี

:b13:
เพราะปฏิบัติน้อยเอก้อนจึงมีความเห็นไปอย่างนั้น

การได้ปฏิบัติ สัมผัสสภาวธรรมหรือความจริงภายในกายใจอยู่เสมอบ่อยๆหรือที่เรียกว่าเจริญวิปัสสนาภาวนาหรือเจริญมรรค 8. นั้นย่อมเห็นอริสัจ ย่อมชัดอนัตตาขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อโอปนยิโก พอกพูนความเห็นชัดอนัตตาให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ย่อมได้เสวยผลเป็นความสุขเย็นจากการที่ความโลภโกรธ หลงลดน้อยเบาบางลงไปเรื่อยๆจนเข้าสู่ผลอันใหญ่ตั้งแต่โสดาปัตติผลเป็นต้นไป รู้เองของใครของมัน

ยิ่งนานวันจิตใจยิ่งไม่บิดเบนไปสู่เรื่องราวหรือวิธีการอื่นใดที่นอกเหนือไปจากการเจริญวิปัสสนา เจริญมรรค 8. ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราคุ้นเคย
การจะได้รับผลเมื่อไหร่นั้นเป็นเรื่องของผล หน้าที่ของเราต้องทำเหตุๆให้ดีที่สุด


สำหรับเรื่องที่ว่าสังโยชน์10 นั้นเอาอะไรไปถอน นี่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะก็ยังคงใช้สติปัฏฐาน4 หรือวิปัสสนาภาวนาหรือที่เรียกว่าการเจริญมรรค 8 นั่นแหละเป็นอย่างเดียววิธีมาตรฐานวิธีเดียวที่ใช้ได้ตั้งแต่การทำโสดาปัตติมรรคขึ้นไปจนถึงอรหัตมรรค ไม่ต้องไปคิดมากยุ่งยากหาวิธีใดมาเพิ่มอีก

ส่วนเรื่องการจะไปสรรเสริญวิธีการของฝรั่งยกย่องฝรั่งเสียจนเกือบจะมองไม่เห็นหัวคนไทยอย่างที่น้องคงพูดนั้นผมว่ามันไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะครับทีมาดูถูกคนชาติเดียวกัน

คนดีของดีเมืองไทยที่ฝรั่งยังต้องทึ่งยังมีอีกเยอะที่น้องยังไม่ได้พบเจอเพราะตกความสังเกตดีๆไป ขาดความรู้รอบไปเพราะอยู่ในโลกแคบของสังคมเมือง

:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: ปลง กับ อโสกะ
สรุปกลายเป็นว่า คุนน้องไปดูถูกคนชาติเดียวกัน ยกย่องฝรั่งซะงั้น.. :b14: :b14: คุนน้องอุตส่าชี้จุดบกพร่องของคนไทย ว่าทำไมปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า แต่ทำไมแตกต่างจากชาวตะวันตกที่ไม่รู้จัก อริยสัจสี่ ด้วยซ้ำ อโสกะโลกแคบ แถมจิตใจคับแคบ ประเมินคุนธรรมผู้อื่นด้วยจิตหยาบ กล่าวติเตือน การแสดงธรรมพี่เอกอนว่า
ปริยัติมาก ปฏิบัติน้อย คุนน้องอุตส่าเข้ามาเสริม
เพราะคุนน้องรู้ว่า อโสกะผิดพลาด เพราะไม่รู้..
แบบนี้ไงถึงได้มีสำนวนาภาษิต ไม้แก่ดัดยาก ไม้อ่อนดัดง่าย :b32: :b32:
อโสกะไม่รู้หรอก คุนน้องมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับประเทศและสังคมไทย..ประเทศเรา เหนือกว่าชาวตะวันตกในเรื่อง ภูมิประเทศ พืชพันธ์ ธรรมชาติงดงาม อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ คนไทยมีน้ำใจ..ทำไมฝรั่งถึงชอบมาเที่ยวไทย..ประเทศเราสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ เท่าเทียมกับชาวตะวันตก ประเทศเราตามความจริงแล้ว เป็นประเทศที่โชคดีที่สุดในโลกล่ะ..ต่างชาติบางคนเค้าท่องเที่ยวมาครึ่งค่อนโลก..แต่เค้าเลือกที่จะอยู่เมืองไทย..ถ้าเราดึงศักยภาพของคนในสังคม พัฒนาความรู้ สติปัญญา มากกว่าปลูกฝังความเชื่อประเทศเราตะหาก คือประเทศมหาอำนาจ ตัวจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 21:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ง่าย... :b12:

ท่านอโศกะดับไปได้แล้วกี่ข้อล่ะ...

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 21:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
อ้างคำพูด:

สัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้คววามจริงในอริยสัจ 4 เช่น รู้ว่านี้ทุกข์ รู้ด้วยปัญญา ด้วยความมั่นคงว่า ทุกข์ คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงความปวดเมื่อยเท่านั้น แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป ปัญญาที่รู้ความจริงในความเป็นทุกข์อริยสัจ เป็นสัจจญาณ แต่สัจจญาณจะมีได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม จนปัญญามั่นคง เห็นถูกว่า สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เองที่เป็นทุกข์ นี่คือสัจจญาณในทุกขอริยสัจ และปัญญที่รู้ความจริงในสมุทัยสัจจะ ว่าเป็นอย่างนี้ คือ รู้ตัณหา โลภะ ตามความเป็นจริงว่าเป็นอย่างนี้ โดยสัจจะอื่นๆก็โดยนัยเดียว คือรู้ในพระนิพพานในขั้นการฟัง ตามความเป็นจริงและรู้ในหนทางดับทุกข์ คือ อริยมรรค ตามความเป็นจริงครับ นี่คือสัจญาณ ปัญญา ในอริยสัจ 4 ซึ่งสัจจญาณก็มีหลายระดับ ตามระดับปัญญา

*****

สัจจญาณ
สจฺจ ( ความจริง ) + ญาณ ( ความรู้ )ญาณคือความรู้ในสิ่งที่มีจริง หมายถึง ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงเริ่มต้นจากการศึกษาในขั้นปริยัติ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่านามธรรมและรูปธรรมเท่านั้นเป็นสิ่งที่มีจริง และเป็นสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา หาใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนไม่เป็นสัจจญาณในขั้นปริยัติ จนกว่าสติปัฏฐานเริ่มเกิด ความรู้ในลักษณะของนามธรรมรูปธรรมที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ รู้เพิ่มขึ้น จนเป็นปัญญาที่สมบูรณ์เป็นวิปัสสนาญาณเป็นการประจักษ์แจ้งนามรูปที่แยกขาดจากกัน รู้ว่าเป็นเพียงนามรูปเท่านั้น ที่เป็นอนัตตา ตรงกับที่ได้ศึกษาในขั้นปริยัติ และความรู้ที่เจริญขึ้นจากการอบรมเป็นวิปัสส-นาญาณขั้นสูงขึ้นไป ความรู้เหล่านี้เป็นสัจจญาณในขั้นปฏิบัติ จนกว่ามัคคจิตจะเกิดขึ้นประหารกิเลส ๔ ครั้ง สัจจญาณจึงถึงความสมบรูณ์


:b16: :b16: :b16:

http://www.dhammahome.com/webboard/topic/24220


:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 22:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


s002 s002 s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
eragon_joe เขียน:
อ้างคำพูด:

สัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้คววามจริงในอริยสัจ 4 เช่น รู้ว่านี้ทุกข์ รู้ด้วยปัญญา ด้วยความมั่นคงว่า ทุกข์ คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงความปวดเมื่อยเท่านั้น แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป ปัญญาที่รู้ความจริงในความเป็นทุกข์อริยสัจ เป็นสัจจญาณ แต่สัจจญาณจะมีได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม จนปัญญามั่นคง เห็นถูกว่า สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เองที่เป็นทุกข์ นี่คือสัจจญาณในทุกขอริยสัจ และปัญญที่รู้ความจริงในสมุทัยสัจจะ ว่าเป็นอย่างนี้ คือ รู้ตัณหา โลภะ ตามความเป็นจริงว่าเป็นอย่างนี้ โดยสัจจะอื่นๆก็โดยนัยเดียว คือรู้ในพระนิพพานในขั้นการฟัง ตามความเป็นจริงและรู้ในหนทางดับทุกข์ คือ อริยมรรค ตามความเป็นจริงครับ นี่คือสัจญาณ ปัญญา ในอริยสัจ 4 ซึ่งสัจจญาณก็มีหลายระดับ ตามระดับปัญญา

*****

สัจจญาณ
สจฺจ ( ความจริง ) + ญาณ ( ความรู้ )ญาณคือความรู้ในสิ่งที่มีจริง หมายถึง ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงเริ่มต้นจากการศึกษาในขั้นปริยัติ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่านามธรรมและรูปธรรมเท่านั้นเป็นสิ่งที่มีจริง และเป็นสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา หาใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนไม่เป็นสัจจญาณในขั้นปริยัติ จนกว่าสติปัฏฐานเริ่มเกิด ความรู้ในลักษณะของนามธรรมรูปธรรมที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ รู้เพิ่มขึ้น จนเป็นปัญญาที่สมบูรณ์เป็นวิปัสสนาญาณเป็นการประจักษ์แจ้งนามรูปที่แยกขาดจากกัน รู้ว่าเป็นเพียงนามรูปเท่านั้น ที่เป็นอนัตตา ตรงกับที่ได้ศึกษาในขั้นปริยัติ และความรู้ที่เจริญขึ้นจากการอบรมเป็นวิปัสส-นาญาณขั้นสูงขึ้นไป ความรู้เหล่านี้เป็นสัจจญาณในขั้นปฏิบัติ จนกว่ามัคคจิตจะเกิดขึ้นประหารกิเลส ๔ ครั้ง สัจจญาณจึงถึงความสมบรูณ์


:b16: :b16: :b16:

http://www.dhammahome.com/webboard/topic/24220


:b13: :b13: :b13:
มังกรน้อยก็สนใจฟัง. อจ.สุจิน นะนี่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 22:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

s002 s002 s002



:b6: :b6: :b6:

(ต่อ)

http://www.dhammahome.com/webboard/topic/24220

อ้างคำพูด:
เชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์ สุจินต์ได้ที่นี่ ครับ

กิมรส กราบนมัสการท่านอาจารย์ อยากถามที่ท่านอาจารย์พูดว่า ถ้าสัจญาณไม่มี กิจญาณก็มีไม่ได้ อยากจะถามว่า สัจญาณหมายความว่าอะไร

สุ. อริยสัจมี ๔ แต่มี ๓ รอบ เป็นอาการ ๑๒ ของอริยสัจ ๓ รอบ ก็คือ สัจญาณ ๑ กิจญาณ ๑ กตญาณ ๑ ในอริยสัจทั้ง ๔ เข้าใจหรือยังคะ

กิมรส เข้าใจชื่อ

สุ. เข้าใจชื่อนะคะ สัจญาณในอริยสัจ ๔ กิจญาณในอริยสัจ ๔ กตญาณในอริยสัจ ๔ รวมเป็น ๑๒ ซึ่งถ้าเราคิดถึงอริยสัจ ๔ เท่านั้น แล้วไม่รู้เรื่องสัจญาณ กิจญาณ กตญาณ เราหลงทาง คือ การที่จะหลงทางไม่ยาก ถ้าศึกษาไม่ละเอียด และประมาทและไม่รอบคอบ เราจะหลงทางง่ายที่สุด เพราะทุกคนคิดว่า อริยสัจ ๔ นี่ไม่ยาก ทำอะไรก็ได้ เดี๋ยวก็รู้ นี่คือไม่รู้เรื่องของอาการ ๑๒ คือ ขั้นแรกต้องมีสัจญาณ มีความเข้าใจในสัจจะ ๔ อย่างมั่นคงว่า ขณะนี้ทุกขสัจ คือ เดี๋ยวนี้ที่เห็น เดี๋ยวนี้ที่ได้ยิน ทุกขณะเกิดขึ้นแล้วดับไป

เพราะฉะนั้น ปัญญาที่จะรู้อริยสัจจะที่ ๑ คือ สามารถรู้ความเกิดดับของสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับ ไม่ใช่รู้อื่นเลย ขณะนี้อะไรที่ไม่ปรากฏ คุณกิมรสรู้ได้ไหมคะ อะไรที่ผ่านไปแล้ว หมดไปแล้ว คุณกิมรสรู้ได้ไหม

กิมรส ไม่ได้ค่ะ

สุ. ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏเพราะเกิดแล้วก็ดับทันที เร็วมาก แต่ปัญญาก็ยังสามารถที่จะรู้ ถ้ามีความเข้าใจถูกที่จะอบรมโดยสติปัฏฐาน ไม่มีหนทางอื่นค่ะ มีหนทางเดียว

เพราะฉะนั้นเราบังคับให้สติปัฏฐานเกิดไม่ได้ นี่คือความเข้าใจถูกในความเป็นอนัตตา เราทิ้งส่วนหนึ่งส่วนใดในพระไตรปิฎกไม่ได้เลย ต้องประกอบกัน ขณะนี้ถ้าสติปัฏฐานไม่เกิดขึ้น ก็คือไม่เกิด ผ่านไปแล้ว หมดไปแล้ว แต่การฟังแล้วมีความเข้าใจที่มั่นคงเพิ่มขึ้น จะทำให้สติปัฏฐานเกิดเมื่อไร ใครบอกได้คะ รู้อารมณ์อะไร ใครบอกได้ ก็บอกไม่ได้เลย แสดงความเป็นอนัตตาตั้งแต่ต้นจนตลอด

เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ว่า ขณะนี้สติปัฏฐานไม่เกิด แต่เราเข้าใจเรื่องสติปัฏฐานแล้วเรารู้ว่า สติระลึกลักษณะของสภาพธรรม เป็นสัมปชัญญะอย่างไร แค่ไหน เราก็จะไม่ไปทำสมาธิ เพราะว่า ๒ อย่างนี่ใกล้กันมาก เพราะว่าเกิดร่วมกัน ต้องสามารถที่จะรู้สติสัมปชัญญะ คือ ปกติอย่างไร แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่มีลักษณะของสภาพธรรมปรากฏ แล้วเราก็จะรู้ความต่างของขณะที่หลงลืมสติ กับขณะที่เป็นสติสัมปชัญญะ อันนี้ก็เป็นสัจญาณ

และเวลาที่สติปัฏฐานเกิดเมื่อไร นั่นคือกิจญาณ และเวลาที่รู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรมเป็นวิปัสสนาญาณจนถึงที่สุด คือ เป็นพระอริยบุคคล นั่นคือกตญาณ

นีน่า การคิดที่ถูกต้องเป็นสัจญาณ ใช่ไหมคะ ที่มั่นคง สติปัฏฐานเป็นทางเดียว เป็นสัจญาณด้วย ไม่ใช่ชื่อ

สุ. ไม่ใช่จำชื่อ แล้วก็บอกว่า อันนี้เป็นอริยสัจ

นีน่า แต่เราได้ยินเสมอตรงลักษณะอย่างไร โดยฟัง

สุ. เข้าใจว่ามีลักษณะอย่างนั้น และเวลาที่สติปัฏฐานระลึก ก็คือลักษณะตรงกับที่ได้เรียน



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 22:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ง่าย... :b12:

ท่านอโศกะดับไปได้แล้วกี่ข้อล่ะ...

:b12: :b12: :b12:


เหงื่อแตก..ตรงนี้..
s002 s002
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 22:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
eragon_joe เขียน:
eragon_joe เขียน:
อ้างคำพูด:

สัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้คววามจริงในอริยสัจ 4 เช่น รู้ว่านี้ทุกข์ รู้ด้วยปัญญา ด้วยความมั่นคงว่า ทุกข์ คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงความปวดเมื่อยเท่านั้น แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป ปัญญาที่รู้ความจริงในความเป็นทุกข์อริยสัจ เป็นสัจจญาณ แต่สัจจญาณจะมีได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม จนปัญญามั่นคง เห็นถูกว่า สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เองที่เป็นทุกข์ นี่คือสัจจญาณในทุกขอริยสัจ และปัญญที่รู้ความจริงในสมุทัยสัจจะ ว่าเป็นอย่างนี้ คือ รู้ตัณหา โลภะ ตามความเป็นจริงว่าเป็นอย่างนี้ โดยสัจจะอื่นๆก็โดยนัยเดียว คือรู้ในพระนิพพานในขั้นการฟัง ตามความเป็นจริงและรู้ในหนทางดับทุกข์ คือ อริยมรรค ตามความเป็นจริงครับ นี่คือสัจญาณ ปัญญา ในอริยสัจ 4 ซึ่งสัจจญาณก็มีหลายระดับ ตามระดับปัญญา

*****

สัจจญาณ
สจฺจ ( ความจริง ) + ญาณ ( ความรู้ )ญาณคือความรู้ในสิ่งที่มีจริง หมายถึง ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงเริ่มต้นจากการศึกษาในขั้นปริยัติ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่านามธรรมและรูปธรรมเท่านั้นเป็นสิ่งที่มีจริง และเป็นสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา หาใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนไม่เป็นสัจจญาณในขั้นปริยัติ จนกว่าสติปัฏฐานเริ่มเกิด ความรู้ในลักษณะของนามธรรมรูปธรรมที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ รู้เพิ่มขึ้น จนเป็นปัญญาที่สมบูรณ์เป็นวิปัสสนาญาณเป็นการประจักษ์แจ้งนามรูปที่แยกขาดจากกัน รู้ว่าเป็นเพียงนามรูปเท่านั้น ที่เป็นอนัตตา ตรงกับที่ได้ศึกษาในขั้นปริยัติ และความรู้ที่เจริญขึ้นจากการอบรมเป็นวิปัสส-นาญาณขั้นสูงขึ้นไป ความรู้เหล่านี้เป็นสัจจญาณในขั้นปฏิบัติ จนกว่ามัคคจิตจะเกิดขึ้นประหารกิเลส ๔ ครั้ง สัจจญาณจึงถึงความสมบรูณ์


:b16: :b16: :b16:

http://www.dhammahome.com/webboard/topic/24220


:b13: :b13: :b13:
มังกรน้อยก็สนใจฟัง. อจ.สุจิน นะนี่


จริง ๆ ไม่ค่อยได้ฟังจร้า

แต่ทุกครั้งที่ค้นหาข้อมูลไปเจอท่าน ก็มักจะพบว่า
ท่านเป็นผู้ที่อธิบายธรรมได้อย่างงดงามน่าฟัง

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ต.ค. 2015, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
eragon_joe เขียน:
bigtoo เขียน:
eragon_joe เขียน:
eragon_joe เขียน:
อ้างคำพูด:

สัจจญาณ คือ ปัญญาที่รู้คววามจริงในอริยสัจ 4 เช่น รู้ว่านี้ทุกข์ รู้ด้วยปัญญา ด้วยความมั่นคงว่า ทุกข์ คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงความปวดเมื่อยเท่านั้น แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ที่เกิดขึ้นและดับไป ปัญญาที่รู้ความจริงในความเป็นทุกข์อริยสัจ เป็นสัจจญาณ แต่สัจจญาณจะมีได้ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรม จนปัญญามั่นคง เห็นถูกว่า สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เองที่เป็นทุกข์ นี่คือสัจจญาณในทุกขอริยสัจ และปัญญที่รู้ความจริงในสมุทัยสัจจะ ว่าเป็นอย่างนี้ คือ รู้ตัณหา โลภะ ตามความเป็นจริงว่าเป็นอย่างนี้ โดยสัจจะอื่นๆก็โดยนัยเดียว คือรู้ในพระนิพพานในขั้นการฟัง ตามความเป็นจริงและรู้ในหนทางดับทุกข์ คือ อริยมรรค ตามความเป็นจริงครับ นี่คือสัจญาณ ปัญญา ในอริยสัจ 4 ซึ่งสัจจญาณก็มีหลายระดับ ตามระดับปัญญา

*****

สัจจญาณ
สจฺจ ( ความจริง ) + ญาณ ( ความรู้ )ญาณคือความรู้ในสิ่งที่มีจริง หมายถึง ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงเริ่มต้นจากการศึกษาในขั้นปริยัติ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องว่านามธรรมและรูปธรรมเท่านั้นเป็นสิ่งที่มีจริง และเป็นสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา หาใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนไม่เป็นสัจจญาณในขั้นปริยัติ จนกว่าสติปัฏฐานเริ่มเกิด ความรู้ในลักษณะของนามธรรมรูปธรรมที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ รู้เพิ่มขึ้น จนเป็นปัญญาที่สมบูรณ์เป็นวิปัสสนาญาณเป็นการประจักษ์แจ้งนามรูปที่แยกขาดจากกัน รู้ว่าเป็นเพียงนามรูปเท่านั้น ที่เป็นอนัตตา ตรงกับที่ได้ศึกษาในขั้นปริยัติ และความรู้ที่เจริญขึ้นจากการอบรมเป็นวิปัสส-นาญาณขั้นสูงขึ้นไป ความรู้เหล่านี้เป็นสัจจญาณในขั้นปฏิบัติ จนกว่ามัคคจิตจะเกิดขึ้นประหารกิเลส ๔ ครั้ง สัจจญาณจึงถึงความสมบรูณ์


:b16: :b16: :b16:

http://www.dhammahome.com/webboard/topic/24220


:b13: :b13: :b13:
มังกรน้อยก็สนใจฟัง. อจ.สุจิน นะนี่


จริง ๆ ไม่ค่อยได้ฟังจร้า

แต่ทุกครั้งที่ค้นหาข้อมูลไปเจอท่าน ก็มักจะพบว่า
ท่านเป็นผู้ที่อธิบายธรรมได้อย่างงดงามน่าฟัง

:b1: :b1: :b1:
:b53:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 42, 43, 44, 45, 46, 47, 48 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร