วันเวลาปัจจุบัน 19 พ.ค. 2025, 05:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 286 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 20  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ดับวจีสังขาร ดับกายสังขาร. ดับจิตสังขาร. จบเรื่อง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 08:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ดับวจีสังขาร ดับกายสังขาร. ดับจิตสังขาร. จบเรื่อง


:b8:

:b1:

:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 21:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
bigtoo เขียน:
ดับวจีสังขาร ดับกายสังขาร. ดับจิตสังขาร. จบเรื่อง


:b8:

:b1:

:b32:

ดับจิตสังขารหรือมโนกรรมก่อนจึงจะถูกตามลำดับขั้นแห่งธรรมครับ

แต่ถ้าดับ กู ได้ ทุกอย่างดับหมดครับ อย่างนี้น่าจะดีที่สุด

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 21:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
eragon_joe เขียน:
bigtoo เขียน:
ดับวจีสังขาร ดับกายสังขาร. ดับจิตสังขาร. จบเรื่อง


:b8:

:b1:

:b32:


ดับจิตสังขารหรือมโนกรรมก่อนจึงจะถูกตามลำดับขั้นแห่งธรรมครับ

onion


:b32: ... ก่อนจิตจะดับลงได้ อะไรมันรำงับดับลงก่อนล่ะ

:b32: :b32: :b32:

ท่านนั่งสมาธิ สิ่งใดระงับลงได้ก่อน และอะไรที่ตามมากันแน่

:b32: :b32: :b32:

ลืมไปแล้วเหร๋อ ลำดับความละเอียดของท่านที่วัดกันที่ หัวใจเต้นตอด ๆ น่ะ :b32:
ระหว่างจิต กับ อาการต๊อด ๆ ของท่านนะ อะไรดับได้ก่อนกัน

:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2015, 22:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: ...ชอบลอกตำราจัง...

Quote Tipitaka:
กามภูสูตรที่ ๒

[๕๖๐] สมัยหนึ่ง ท่านพระกามภูอยู่ที่อัมพาฏกวัน ใกล้ราวป่ามัจฉิกาสณฑ์
ครั้งนั้นแล จิตตคฤหบดีได้เข้าไปหาท่านพระกามภูถึงที่อยู่ ไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่านพระกามภูว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ สังขารมี
เท่าไรหนอแล ท่านพระกามภูตอบว่า ดูกรคฤหบดี สังขารมี ๓ คือ กายสังขาร
วจีสังขาร จิตตสังขาร

[๕๖๑] จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ดีละ ท่านผู้เจริญ ดังนี้แล้ว ชื่นชม
อนุโมทนาภาษิตของท่านพระกามภู แล้วได้ถามปัญหายิ่งขึ้นไปอีกว่า ข้าแต่ท่าน
ผู้เจริญ ก็กายสังขารเป็นไฉน วจีสังขารเป็นไฉน จิตตสังขารเป็นไฉน ฯ

กา. ดูกรคฤหบดี ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกแลชื่อว่ากายสังขาร
วิตกวิจารชื่อว่าวจีสังขาร สัญญาและเวทนาชื่อว่าจิตตสังขาร ฯ
[๕๖๒] จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ดีละ ท่านผู้เจริญ ดังนี้แล้ว ได้ถามปัญหา
ยิ่งขึ้นไปอีกว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็เพราะเหตุไร ลมหายใจเข้าและลมหายใจออก
จึงชื่อว่ากายสังขาร วิตกวิจารจึงชื่อว่าวจีสังขาร สัญญาและเวทนาจึงชื่อว่าจิตต-
*สังขาร ฯ

กา. ดูกรคฤหบดี ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเป็นของเกิดที่กาย
ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยกาย ฉะนั้น ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกจึงชื่อว่ากาย
สังขาร บุคคลย่อมตรึกตรองก่อนแล้ว จึงเปล่งวาจาภายหลัง ฉะนั้น วิตกวิจาร
จึงชื่อว่าวจีสังขาร สัญญาและเวทนาเป็นของเกิดที่จิต ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิต
ฉะนั้น สัญญาและเวทนาจึงชื่อว่าจิตตสังขาร ฯ

[๕๖๓] จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ดีละ ท่านผู้เจริญ ดังนี้แล้ว ได้ถามปัญหา
ยิ่งขึ้นไปอีกว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติเกิดมีได้อย่างไร ฯ

กา. ดูกรคฤหบดี ภิกษุเมื่อจะเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ไม่ได้คิด
อย่างนี้ว่า เราจักเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธบ้าง เรากำลังเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธบ้าง
เราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธแล้วบ้าง โดยที่ถูกก่อนแต่จะเข้า ท่านได้อบรมจิตที่
จะน้อมไปเพื่อความเป็นจิตแท้ (จิตดั้งเดิม) ฯ

[๕๖๔] จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ดีละ ท่านผู้เจริญ ดังนี้แล้ว ได้ถามปัญหา
ยิ่งขึ้นไปอีกว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ธรรม
เหล่าไหนดับก่อน คือ กายสังขาร วจีสังขาร หรือจิตตสังขารดับก่อน ฯ

กา. ดูกรคฤหบดี เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ วจีสังขารดับก่อน
ต่อจากนั้นกายสังขารดับ ต่อจากนั้นจิตตสังขารจึงดับ ฯ


....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2015, 06:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ขอบคุณครับ

ขออภัยผมรีบไปเลยเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องดับกรรม ซึ่งเรียงลำดับมาจาก มโน วจี แล้วจึงจะเกิดกายกรรม

แต่ที่คุยกันนี้เป็นการดับสังขาร
:b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 06:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s005
ได้เห็นความพลั้งเผลอของตนเองอย่างนี้แล้วจึงเกิดความคิดที่จะขยายกระทู้นี้ให้มีประโยชน์เพิ่มขึ้นต่อไปอีกเพราะหัวกระทู้ก็เปิดกว้างเผื่อไว้อยู่ว่า

"เครื่องมือตรวจวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม"

เครื่องมือชุดที่ 2 ก็คือ สติสัมปชัญญะ


สติ กับสัมปชัญญะ เวลาเอาไปใช้ทำงานต้องเอาไปใช้พร้อมๆกันจึงจะเกิดประสิทธิภาพและดุลยภาพ เพราะ สติกับสัมปชัญญะเปรียบเหมือนหน้าเหรียญกับหลังเหรียญ หรือหัวกับก้อย ไปไหนเขาก็ไปด้วยกันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
(มีต่อ)
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


สติเกิดโดยไม่มีสัมปชัญญะก็ได้. แต่ถ้าสัมปชัญญะเกิดจำเป็นต้องมีสติเกิดร่วมด้วย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2015, 18:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
สติเกิดโดยไม่มีสัมปชัญญะก็ได้. แต่ถ้าสัมปชัญญะเกิดจำเป็นต้องมีสติเกิดร่วมด้วย

:b27:
ในสมัยก่อนจะเกิดมีพระพุทธเจ้ามีผู้เจริญสติโดยไม่มีสัมปชัญญะมากมายเต็มไปหมดทั่วเมืองอินเดียได้แก่บรรดาฤาษีชีไพร อเจลกะ ปริพาชกทั้งหลาย
ได้สมาธิและฌาณเป็นผล

เมื่อมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกพระองค์ได้ทรงค้นพบว่าหากเอาสัมปชัญญะมาเจริญควบคู่กับสติหรือต่อยอดจากสติสมาธิขึ้นไปจักได้เข้าถึงสภาวะที่เห็นธรรมตามความเป็นจริงจนละอุปทานอันฝังแน่นมาชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ให้ขาดสะบั้นจากใจแล้วได้รับผลเป็นความสุขนิรันดรสิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิด

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2015, 05:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
เคยสังเกตและสะกิดใจกันบ้างไหมครับว่าพระบรมศาสดา ทรงเอาสัมปชัญะนำหน้าสติเสมอดังปรากฏในสติปัฏฐานสูตร

"อาตาปี สัมปฌาโน สติมา"
s004
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2015, 06:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นี้แหละที่ผมว่าก่อนจะนิ่งสังเกตุรู้....ต้องรู้ก่อนว่าจะรู้อะไรเพื่ออะไรเพราะอะไร....จนตั้งเจตนาอย่างใดอย่างหนึ่งใว้ที่ใจ...เช่น..ตั้งรู้เวทนา...ว่าสุขเวทนาหรือทุกข์เวทนาที่เกิดหลังผัสสะ...เพื่อไม่ปรุงแต่งต่อตัญหาเพราะรู้ว่าตัญหาจะเป็นบ่อเกิดของทุกข์ก้อนใหญ่...จึงตั้งเจตนาใว้ที่การไม่ปรุ่ง...พอเห็นการเกิดการดับก็เพียงปรากฏการณ์ที่ปรากฎให้รู้แค่นั้น....โดยมีเจตนาใหญ่คือการพ้นทุกข์..เจตนาท่านว่านี้แหละเป็นกรรม

นี้แหละถึงต้องมีการศึกษาหาความรู้...ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร..และจะตั้งเจตนาอย่างไรในการปฏิบัติ

แล้วเมื่อมาปฏิบัติการนิ่งรู้แล้ว...ก็ต้องรู้อีกว่าที่รู้นั้นนะรู้อะไร..ย้ำเจตนา

ไม่ใช่..พอเห็นเกิดแล้วดับไปตอหน้าตอตา...ก็พากันดีใจกันใหญ่...ว่าฉานสำเร็จแล้ว..เธอสำเร็จแล้ว..เธอบรรลุแล้ว...อย่างที่บางท่านรีบไปอวยกัน

.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2015, 15:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
นี้แหละที่ผมว่าก่อนจะนิ่งสังเกตุรู้....ต้องรู้ก่อนว่าจะรู้อะไรเพื่ออะไรเพราะอะไร....จนตั้งเจตนาอย่างใดอย่างหนึ่งใว้ที่ใจ...เช่น..ตั้งรู้เวทนา...ว่าสุขเวทนาหรือทุกข์เวทนาที่เกิดหลังผัสสะ...เพื่อไม่ปรุงแต่งต่อตัญหาเพราะรู้ว่าตัญหาจะเป็นบ่อเกิดของทุกข์ก้อนใหญ่...จึงตั้งเจตนาใว้ที่การไม่ปรุ่ง...พอเห็นการเกิดการดับก็เพียงปรากฏการณ์ที่ปรากฎให้รู้แค่นั้น....โดยมีเจตนาใหญ่คือการพ้นทุกข์..เจตนาท่านว่านี้แหละเป็นกรรม

นี้แหละถึงต้องมีการศึกษาหาความรู้...ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร..และจะตั้งเจตนาอย่างไรในการปฏิบัติ

แล้วเมื่อมาปฏิบัติการนิ่งรู้แล้ว...ก็ต้องรู้อีกว่าที่รู้นั้นนะรู้อะไร..ย้ำเจตนา

ไม่ใช่..พอเห็นเกิดแล้วดับไปตอหน้าตอตา...ก็พากันดีใจกันใหญ่...ว่าฉานสำเร็จแล้ว..เธอสำเร็จแล้ว..เธอบรรลุแล้ว...อย่างที่บางท่านรีบไปอวยกัน

.

smiley
ขอบใจในคำชี้แนะของคุณกบ
:b4:
คำสรุปหลักและวิธีการเจริญวิปัสสนาภาวนานั้นผมได้ระบุชัดแล้วถึงวัตถุประสงค์ว่าจะรู้อะไร เพื่ออะไร เพราะอะไรลองสังเกตใหม่นะครับ

อย่างย่อ "สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนดับไปต่อหน้าต่อตา"

อย่างยาว "สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนละความเห็นผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกูพอกพูนความเห็นถูกต้องว่ากายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกูของกู

ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส"




อันความเห็นเกิดดับจนซาบซึ้งในไตรลักษณ์นั้นมันจะเป็นผลพลอยได้เกิดตามมาภายหลัง

การเห็นเกิดดับนั้นไม่ใช่ประเด็นเพื่อบรรลุธรรมกบเข้าใจผิดไป

ความเห็นผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตาตัวกู ของกูหรือสักกายทิฏฐิดับสนิท ตายไปเมื่อไหร่นั่นแหละการบรรลุธรรมจึงจะเกิดขึ้น. ขอให้กบเข้าใจเสียใหม่ให้ถูกต้องนะครับ


ต่อไปการอ่านข้อความอะไรที่ถูกกลั่นกรองมาดีแล้ว กบต้องต้องใคร่ครวญและพิจารณาตามอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะทุกคำพูดมีความหมายในเชิงปฏิบัติลึกซึ้งทั้งสิ้น
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2015, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
อย่างย่อ "สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนดับไปต่อหน้าต่อตา"

อย่างยาว "สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนละความเห็นผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกูพอกพูนความเห็นถูกต้องว่ากายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกูของกู

ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส"


อย่างย่อ เหมือนการสำรวมกายใจ นิ่งสังเกตุปัจจุบันอารมณ์ จนดับไปต่อหน้าต่อตา ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เหมือนนั่งมองเปลวเที่ยนที่ดับๆติดๆ อยู่อย่างนั้น อย่างไร้ปัญญาไร้ความรู้สึกระลึกถึงโทษแห่งความอยากความไม่อยากที่เกิดในจิต.....

พอได้คิดว่าตัวกู ของกูนี้มิใช่ ตัวมึง ของมึงจะเกิดแทน ....... ^ ^

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2015, 17:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
asoka เขียน:
อย่างย่อ "สำรวมกายใจมานิ่งรู้ นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนดับไปต่อหน้าต่อตา"

อย่างยาว "สำรวมกายใจมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนละความเห็นผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกู ของกูพอกพูนความเห็นถูกต้องว่ากายใจนี้เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกูของกู

ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส"


อย่างย่อ เหมือนการสำรวมกายใจ นิ่งสังเกตุปัจจุบันอารมณ์ จนดับไปต่อหน้าต่อตา ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เหมือนนั่งมองเปลวเที่ยนที่ดับๆติดๆ อยู่อย่างนั้น อย่างไร้ปัญญาไร้ความรู้สึกระลึกถึงโทษแห่งความอยากความไม่อยากที่เกิดในจิต.....

พอได้คิดว่าตัวกู ของกูนี้มิใช่ ตัวมึง ของมึงจะเกิดแทน ....... ^ ^

:b7:
คุณเช่นนั้นยังไม่ได้ลองลงมือทำและพิสูจน์ตามคำแนะนำที่บอกแล้วด่วนตัดสินความโดยคิดเอาเองตามระดับสติปัญญาของตน

การที่จะมีสติ ปัญญา วิริยะ อุตสาหะมานิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ได้จนตลอดสายนั้นมิใช่เรื่องง่ายๆ ปัจจุบันอารมณ์นั้นจะเกิดขึ้นดับไปหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปบนฐานทั้ง4 คือ กาย เวทนา จิต ธรรม จึงเป็นการเจริญสติปัฏฐาน 4 ไปโดยอัตโนมัติ ทักษะหรือการเรียนรู้ปฏิกิริยาการทำงานภายในกายและจิตจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยภาวนามยปัญญามิใช่จินตมยปัญญาอย่างที่คุณเช่นนั้นคิดและทำ จะเกิดการเรียนรู้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาขึ้นโดยธรรมชาติ จะเรียนรู้และพบเห็นการเป็นอัตตา อนัตตาภายในจิตใจอย่างชัดเจนตลอดเวลา จะเกิดการต่อสู้กันระหว่างความเห็นผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตาตัวกูของกู กับความเห็นถูกต้องว่ากายใจนี้เป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา

สติปัญญาที่ถูกอบรมมาจากที่ปรึกษาหรือกัลยาณมิตรว่าถ้าความเห็นถูกต้องชนะความเห็นผิดสักกายทิฏฐิหรืออัตตาเหตุทุกข์ตัวแรกก็จะตายดับ มรรค ผล นิพพานก็จะเกิดมาเป็นผลให้ผู้ปฏิบัติได้รับเป็นรางวัล

ที่สำคัญคุณเช่นนั้นชนะนิวรณ์ง่ายทรงฌาณได้ดี ลองอยู่ทีฌาณ 1. นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ให้ได้ดีๆ คุณเช่นนั้นจะได้เห็นความเห็นผิดเป็นกูเป็นเราอย่างชัดเจนภายในเวลาไม่กี่นาที ถ้าเอาสติปัญญามาตั้งสู้ความเป็นกูนั้นดีๆไม่กีนาทีกูก็จะถอยหรือดับให้เห็นถ้าสู้จริงๆ คุณเช่นนั้นจะได้สัมผัสหรือชิมรสแห่งจิตไร้กูหรืออนัตตา

การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาตามคำแนะนำนี้ไม่ใช่การบอกวิธีทำแล้วปล่อยให้ผู้ปฏิบัติทำกันไปเองโดยไร้ที่ปรึกษา จะมีที่ปรึกษาคอยชี้แนะนำทางเป็นระยะๆอย่างสัมพันธ์กับสภาวะที่เจริญขึ้นภายในกายและจิตของผู้ปฏิบัติ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2015, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าถึงกายสังขารดับเมื่อไหร่ก็จะเห็นชัดเจน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 286 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 20  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร