วันเวลาปัจจุบัน 24 ส.ค. 2025, 23:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 46 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 06:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
asoka เขียน:
Sodasa เขียน:
ศิริพงศ์ เขียน:
ทำอย่างไรครับ. เอาแบบคุณทำนะ. ตามตำราไม่ค่อยเข้าใจ.

ยากเจอคนจริงที่ทำได้นะ. มีมั้ยนี่คนที่เข้าฌาน4ได้ทุกวัน. อยากเจอๆสอนหน่อยครับ ทำอย่างไร

:b16:
สมัยหนุ่มๆทำได้ครับ ตอนนี้อายุมากโรคภัยเบียดเบียนจะทำได้ต้องใช้เวลานานพอสมควรครับ

หาคนเข้าฌาณ 4 ได้ทันทีทุกวันต้องไปหาในวัดป่าแถวอีสาณหรือภาคเหนือ มีเยอะครับ

วิธีท่องคาถาเป็นคาบๆนั้นพาเข้าถึงฌาณ ๔ ได้แบบลัดๆลองดูก่อนสิครับ
:b37:
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 10:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ถ้าคิดว่าสงบคือการเงียบไม่คิดอะไรก็เป็นมิจฉาทิฐิ
เพราะต้องคิดตลอดเวลาที่เกิดสฬานตนะก็มีผัสสะ
คือการประสานกันของอายตนะภายใน+ภายนอก
ถ้าไม่เข้าใจสภาพธัมมะที่ปรากฏเป็นธาตุรู้+ธาตุ4
ก็หมายถึงยังไม่เป็นผู้เป็นสัมมาทิฐิความเห็นถูก
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 16:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีทำให้จิตสงบ สังเกตที่ปลายจมูก พอลมหายใจเริ่มเข้าเรียกว่าต้นลม ขณะเข้ากลางลม พอสุดลมก็ใส่ดับ
ลมหายใจเริ่มเข้ากำหนดเข้าดับ พอออก กำหนดออกดับ สังเกตให้ต่อเนื่องกันโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร เพราะผู้ที่เห็นลมได้ จิตใจจะสงบได้รวดเร็ว ในเมื่อรู้ทันลมเข้าและลมออก ลมหายใจจะดับ เรียกว่าดับกายสังขาร สมคำที่พระพุทธเจ้าสอนไว้วา ผู้ใดรู้ทันลมหายใจเข้าออกได้ ทั้งกายและทั้งใจของผู้นั้นย่อมไม่หวั่นไหว ทั้งกายทั้ง จิตของผู้นั้นย่อมระงับ เป็นวิธีที่พิสูจน์ได้ เห็นผลได้ด้วยการสังเกตให้ต่อเนื่อง รู้ทันอยู่ตลอดเวลา สังเกตตรงปลายจมูกเฉยๆ ไม่ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกเหมือนยามเฝ้าประตู คนเข้ามากเข้าน้อยไม่ต้องไปตามดู แต่ดูตรงประตูเฉยๆ ก็รู อดีตได้ชื่อว่าดับไปแล้วไม่ควรคิดถึง อนาคตได้ชื่อว่ายังไม่ถึงไม่ควรไขว่ขว้า ขณะนี้คือปัจจุบันควรรู้ทันตลอดเวลา จะคิดดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


muisun เขียน:
วิธีทำให้จิตสงบ สังเกตที่ปลายจมูก พอลมหายใจเริ่มเข้าเรียกว่าต้นลม ขณะเข้ากลางลม พอสุดลมก็ใส่ดับ
ลมหายใจเริ่มเข้ากำหนดเข้าดับ พอออก กำหนดออกดับ สังเกตให้ต่อเนื่องกันโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร เพราะผู้ที่เห็นลมได้ จิตใจจะสงบได้รวดเร็ว ในเมื่อรู้ทันลมเข้าและลมออก ลมหายใจจะดับ เรียกว่าดับกายสังขาร สมคำที่พระพุทธเจ้าสอนไว้วา ผู้ใดรู้ทันลมหายใจเข้าออกได้ ทั้งกายและทั้งใจของผู้นั้นย่อมไม่หวั่นไหว ทั้งกายทั้ง จิตของผู้นั้นย่อมระงับ เป็นวิธีที่พิสูจน์ได้ เห็นผลได้ด้วยการสังเกตให้ต่อเนื่อง รู้ทันอยู่ตลอดเวลา สังเกตตรงปลายจมูกเฉยๆ ไม่ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกเหมือนยามเฝ้าประตู คนเข้ามากเข้าน้อยไม่ต้องไปตามดู แต่ดูตรงประตูเฉยๆ ก็รู อดีตได้ชื่อว่าดับไปแล้วไม่ควรคิดถึง อนาคตได้ชื่อว่ายังไม่ถึงไม่ควรไขว่ขว้า ขณะนี้คือปัจจุบันควรรู้ทันตลอดเวลา จะคิดดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์
ใจตรงกันเลย :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 19:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
กรรมฐานเป็นการรู้ ณ ฐานที่ตั้งแห่งกายตน
การกำหนดเพราะเข้าใจว่าแค่รู้ลมเข้าออกนั้น
ไม่เป็นการรู้ตัวทั่วพร้อมแต่ละธาตุกระทบสัมผัส
ยังมีที่ก้นวางกะเบาะที่มือวางที่ตักรู้ความอุ่นตึงๆ
ไหวๆและอ่อนหรือแข็งต้องรู้ตรงจุดที่จิตกระทบ
สังเกตุและพิจารณาให้จริงและเป็นผู้ตรงต่อการรู้
สติรู้ตัวทั่วพร้อมว่าแต่ละขณะที่ผ่านไปมิได้รู้แค่ลม
:b16:
:b31: :b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรรมฐานเป็นการรู้ ณ ฐานที่ตั้งแห่งกายตน
การกำหนดเพราะเข้าใจว่าแค่รู้ลมเข้าออกนั้น
ไม่เป็นการรู้ตัวทั่วพร้อมแต่ละธาตุกระทบสัมผัส
ยังมีที่ก้นวางกะเบาะที่มือวางที่ตักรู้ความอุ่นตึงๆ
ไหวๆและอ่อนหรือแข็งต้องรู้ตรงจุดที่จิตกระทบ
สังเกตุและพิจารณาให้จริงและเป็นผู้ตรงต่อการรู้
สติรู้ตัวทั่วพร้อมว่าแต่ละขณะที่ผ่านไปมิได้รู้แค่ลม
:b16:
:b31: :b31:
รู้ทั่วตัวเลยใช่มั้ยครับ. แล้วเคยอ่านเจอว่ากายดับๆแบบนี้ทำอย่างไรครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
Rosarin เขียน:
กรรมฐานเป็นการรู้ ณ ฐานที่ตั้งแห่งกายตน
การกำหนดเพราะเข้าใจว่าแค่รู้ลมเข้าออกนั้น
ไม่เป็นการรู้ตัวทั่วพร้อมแต่ละธาตุกระทบสัมผัส
ยังมีที่ก้นวางกะเบาะที่มือวางที่ตักรู้ความอุ่นตึงๆ
ไหวๆและอ่อนหรือแข็งต้องรู้ตรงจุดที่จิตกระทบ
สังเกตุและพิจารณาให้จริงและเป็นผู้ตรงต่อการรู้
สติรู้ตัวทั่วพร้อมว่าแต่ละขณะที่ผ่านไปมิได้รู้แค่ลม
:b16:
:b31: :b31:
รู้ทั่วตัวเลยใช่มั้ยครับ. แล้วเคยอ่านเจอว่ากายดับๆแบบนี้ทำอย่างไรครับ

คำว่าสมาธิเป็นผลสุดท้ายของการทำสมถภาวนา
ถ้ายังคงเป็นเราตัวตนเต็มๆไปนั่งเพื่อกำหนดรู้ลม
จิตจะไม่สงบจากอกุศลเพราะก็ยังคิดว่าเป็นเรานั่ง
เพื่ออยากให้สงบแต่จิตไม่นิ่งพอที่จะกำหนดแต่ลม
จึงต้องหางานให้จิตทำเพิ่มเติมเพื่อให้ส่งออกไม่ได้
จำเป็นต้องกำหนดคำบริกรรมด้วยและมีการทำสติ
ในการรับรู้ทางหูให้เป็นกุศลเช่นฟังเทศนาธรรมด้วย
ทางสายกลางคือรู้ว่าอารมณ์ละวางกายทั้งยืนเดินนั่งนอน
โดยอารมณ์กำหนดวิปัสสนาภาวนาโดยรู้ลักษณะธาตุแต่ละ1
:b44:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ศิริพงศ์ เขียน:
Rosarin เขียน:
กรรมฐานเป็นการรู้ ณ ฐานที่ตั้งแห่งกายตน
การกำหนดเพราะเข้าใจว่าแค่รู้ลมเข้าออกนั้น
ไม่เป็นการรู้ตัวทั่วพร้อมแต่ละธาตุกระทบสัมผัส
ยังมีที่ก้นวางกะเบาะที่มือวางที่ตักรู้ความอุ่นตึงๆ
ไหวๆและอ่อนหรือแข็งต้องรู้ตรงจุดที่จิตกระทบ
สังเกตุและพิจารณาให้จริงและเป็นผู้ตรงต่อการรู้
สติรู้ตัวทั่วพร้อมว่าแต่ละขณะที่ผ่านไปมิได้รู้แค่ลม
:b16:
:b31: :b31:
รู้ทั่วตัวเลยใช่มั้ยครับ. แล้วเคยอ่านเจอว่ากายดับๆแบบนี้ทำอย่างไรครับ

คำว่าสมาธิเป็นผลสุดท้ายของการทำสมถภาวนา
ถ้ายังคงเป็นเราตัวตนเต็มๆไปนั่งเพื่อกำหนดรู้ลม
จิตจะไม่สงบจากอกุศลเพราะก็ยังคิดว่าเป็นเรานั่ง
เพื่ออยากให้สงบแต่จิตไม่นิ่งพอที่จะกำหนดแต่ลม
จึงต้องหางานให้จิตทำเพิ่มเติมเพื่อให้ส่งออกไม่ได้
จำเป็นต้องกำหนดคำบริกรรมด้วยและมีการทำสติ
ในการรับรู้ทางหูให้เป็นกุศลเช่นฟังเทศนาธรรมด้วย
ทางสายกลางคือรู้ว่าอารมณ์ละวางกายทั้งยืนเดินนั่งนอน
โดยอารมณ์กำหนดวิปัสสนาภาวนาโดยรู้ลักษณะธาตุแต่ละ1
:b44:
onion onion onion
เปิดธรรมะไปด้วยใช่มั้ยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
การทำบุญให้ทานการเจตนาศีล5ให้บริสุทธิ์สำรวมกายใจด้วยจิตตภาวนา
การฟังธรรมสำคัญเพราะเป็นการสร้างเหตุให้ตรงผลสิ่งแรกคือสุตมยปัญญา
อานิสงส์ที่สำคัญที่สุดคือความเลื่อมใสเพื่อสร้างกำลังของศรัทธาให้มีจิตผ่องใส
แนะนำคำบริกรรมพุทโธเพราะข้าพเจ้าเคยได้เห็นผลประจักษ์แจ้งในเวลาอันรวดเร็ว
กรรมฐานสายวัดป่าศิษย์หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่นโดยเฉพาะเทศนาหลวงตาพระมหาบัว
แม้แต่เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ก็ทรงเห็นผลจากการฟังพระธรรมเทศนาขององค์หลวงตาเช่นกัน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=19823


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 22:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยฟังธรรมะเอาจิตจับอยู่ที่เสียงอย่างเดียว. เกิดเหตุการณ์แบบนี้คือเหลือแต่การรับรู้ทางหูอย่างเดียว ทางอายตนะอื่นหายหมด. แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2015, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศิริพงศ์ เขียน:
เคยฟังธรรมะเอาจิตจับอยู่ที่เสียงอย่างเดียว. เกิดเหตุการณ์แบบนี้คือเหลือแต่การรับรู้ทางหูอย่างเดียว ทางอายตนะอื่นหายหมด. แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ

:b1:
จะทำนายจิตท่านได้อย่างไร
ท่านต้องกลับไปพิจารณาว่า
ได้ทำสมบูรณ์ดีหรือไม่ในทาน
ศีลและภาวนามีครูอาจารย์แนะนำ
หรือมีประจักษ์พยานที่แจ้งเหตุที่ถึงพร้อม
ตามที่อ้างถึงข้างบนนั้นผลที่ได้เช่นการรู้ลม
เทียบผลกับทฤษฎีตามคำสอนถึงเอกัคตาไหม
ขณะกายดับไม่มีสัมผัสทางกายลักษณะจิตโล่ง
รู้สภาวะธรรมอะไรบ้างเพราะการฟังที่ถูกต้องคือ
กำหนดจิตที่กายไม่ส่งไปที่เสียงหรือส่งไปที่ผู้เทศน์
ต้องรู้อยู่ตรงที่ตั้งให้จิตติดแนบกับคำบริกรรมเท่านั้น
อันดับแรกปล่อยให้เสียงเข้ามากระทบหูไม่ต้องใส่ใจเสียง
ไม่ต้องไปใส่ใจว่าจะเข้าใจคำเทศน์หรือไม่เพียงให้รู้ว่าเสียงมี
การเข้าถึงสภาพธรรมที่ปรากฎกับจิตเป็นเรื่องเฉพาะตนเท่านั้น
จะต้องพิจารณาว่าสิ่งที่รู้เมื่อเทียบผลถูกตรงกับพระพุทธองค์บัญญัติ
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2015, 06:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
ศิริพงศ์ เขียน:
เคยฟังธรรมะเอาจิตจับอยู่ที่เสียงอย่างเดียว. เกิดเหตุการณ์แบบนี้คือเหลือแต่การรับรู้ทางหูอย่างเดียว ทางอายตนะอื่นหายหมด. แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ

:b1:
จะทำนายจิตท่านได้อย่างไร
ท่านต้องกลับไปพิจารณาว่า
ได้ทำสมบูรณ์ดีหรือไม่ในทาน
ศีลและภาวนามีครูอาจารย์แนะนำ
หรือมีประจักษ์พยานที่แจ้งเหตุที่ถึงพร้อม
ตามที่อ้างถึงข้างบนนั้นผลที่ได้เช่นการรู้ลม
เทียบผลกับทฤษฎีตามคำสอนถึงเอกัคตาไหม
ขณะกายดับไม่มีสัมผัสทางกายลักษณะจิตโล่ง
รู้สภาวะธรรมอะไรบ้างเพราะการฟังที่ถูกต้องคือ
กำหนดจิตที่กายไม่ส่งไปที่เสียงหรือส่งไปที่ผู้เทศน์
ต้องรู้อยู่ตรงที่ตั้งให้จิตติดแนบกับคำบริกรรมเท่านั้น
อันดับแรกปล่อยให้เสียงเข้ามากระทบหูไม่ต้องใส่ใจเสียง
ไม่ต้องไปใส่ใจว่าจะเข้าใจคำเทศน์หรือไม่เพียงให้รู้ว่าเสียงมี
การเข้าถึงสภาพธรรมที่ปรากฎกับจิตเป็นเรื่องเฉพาะตนเท่านั้น
จะต้องพิจารณาว่าสิ่งที่รู้เมื่อเทียบผลถูกตรงกับพระพุทธองค์บัญญัติ
:b16:
:b4: :b4:
ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลยรู้ว่ามีเสียงและตัวรู้เสียงเท่านั้นครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2015, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ศึกษาสิ่งที่รู้จากจิตตนนำไปเทียบตำรา
ให้รู้ว่าจิตระดับใดตนเองเทียบให้มั่นใจ
แล้วหาครูบาอาจารย์รับรองผลอีกครั้ง
เพราะครูอาจารย์สำคัญท่านลงใจไหม
เรามีอุปนิสัยอย่างไรครูอาจารย์ทราบ
:b17:
:b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2015, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ศึกษาสิ่งที่รู้จากจิตตนนำไปเทียบตำรา
ให้รู้ว่าจิตระดับใดตนเองเทียบให้มั่นใจ
แล้วหาครูบาอาจารย์รับรองผลอีกครั้ง
เพราะครูอาจารย์สำคัญท่านลงใจไหม
เรามีอุปนิสัยอย่างไรครูอาจารย์ทราบ
:b17:
:b39: :b39:

ไปหาที่ไหนครับ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2015, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ปกติเคยเข้าวัดปฏิบัติที่ไหนบ้างคะ
ทำอะไรอยู่ที่ไหนจังหวัดอะไรคะ
สะดวกที่สุดคือเข้าไปวัดที่สอน
ครูสมาธิของหลวงพ่อวิริยังค์ก็ได้
มีทุกจังหวัดนะคะสอนหลังเลิกงาน
ก็มีสอนเสาร์อาทิตย์ก็มีตามสะดวก
:b12:
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 46 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร