วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 09:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 16:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
Quote Tipitaka:
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร
คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว
ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
[๑๗๙] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ ความเสื่อมทรัพย์
อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง ๑ ก่อการทะเลาะวิวาท ๑ เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑ เป็นเหตุ
เสียชื่อเสียง ๑ เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ๑ มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลัง
ปัญญา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ


พระพุทธองค์ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อม แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน
ไม่ได้ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อมเนืองๆ แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ....
ตัวสีฟ้านั้นเป็นคำถามคหบดีบุตร. ดูกรคหบดีบุตร. การประกอบเนื่องๆนี้เป็นคำตอบ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Quote Tipitaka:
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร
คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว
ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
[๑๗๙] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ ความเสื่อมทรัพย์
อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง ๑ ก่อการทะเลาะวิวาท ๑ เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑ เป็นเหตุ
เสียชื่อเสียง ๑ เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ๑ มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลัง
ปัญญา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ


พระพุทธองค์ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อม แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน
ไม่ได้ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อมเนืองๆ แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ....
ตัวสีฟ้านั้นเป็นคำถามคหบดีบุตร. ดูกรคหบดีบุตร. การประกอบเนื่องๆนี้เป็นคำตอบ

ยังแถไปอีก
คำขอสิงคาลกคฤหบดีบุตร มีเพียงนี้ ในพระสูตรนี้
Quote Tipitaka:
สิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในวินัยของพระอริยเจ้าท่านนอบน้อมทิศ ๖
กันอย่างไร ขอประทานโอกาส ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์
ตามที่ในวินัยของพระอริยเจ้าท่านนอบน้อมทิศ ๖ กันนั้นเถิด ฯ

การแสดงธรรม โดยตั้งคำถามเพื่อตอบเป็นวิธีการแสดงธรรมของพระพุทธองค์
ดังนั้นที่ BIGTOO บอกว่าเป็นคำถามของคฤหบดีบบุตรจึง ไม่ใช่ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
bigtoo เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Quote Tipitaka:
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร
คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว
ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
[๑๗๙] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ ความเสื่อมทรัพย์
อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง ๑ ก่อการทะเลาะวิวาท ๑ เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑ เป็นเหตุ
เสียชื่อเสียง ๑ เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ๑ มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลัง
ปัญญา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ


พระพุทธองค์ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อม แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน
ไม่ได้ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อมเนืองๆ แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ....
ตัวสีฟ้านั้นเป็นคำถามคหบดีบุตร. ดูกรคหบดีบุตร. การประกอบเนื่องๆนี้เป็นคำตอบ

ยังแถไปอีก
คำขอสิงคาลกคฤหบดีบุตร มีเพียงนี้ ในพระสูตรนี้
Quote Tipitaka:
สิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในวินัยของพระอริยเจ้าท่านนอบน้อมทิศ ๖
กันอย่างไร ขอประทานโอกาส ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์
ตามที่ในวินัยของพระอริยเจ้าท่านนอบน้อมทิศ ๖ กันนั้นเถิด ฯ

การแสดงธรรม โดยตั้งคำถามเพื่อตอบเป็นวิธีการแสดงธรรมของพระพุทธองค์
ดังนั้นที่ BIGTOO บอกว่าเป็นคำถามของคฤหบดีบบุตรจึง ไม่ใช่ครับ

ดูพระสูตรเต็มๆ

[๑๗๔] ดูกรคฤหบดีบุตร ถ้าอย่างนั้น ท่านจงฟัง จงตั้งใจให้ดี เราจักกล่าว ฯ
สิงคาลกคฤหบดีบุตร ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔
และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้
แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว
ทั้งโลกนี้และโลกหน้าเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ
กรรมกิเลส ๔ เป็นไฉน ที่อริยสาวกละได้แล้ว ดูกรคฤหบดีบุตร กรรมกิเลส
คือ ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ กรรมกิเลส ๔ เหล่านี้
ที่อริยสาวกนั้นละได้แล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์
ต่อไปอีกว่า
[๑๗๕] ปาณาติบาต อทินนาทาน มุสาวาท และการคบหาภรรยาผู้อื่น เรากล่าวว่าเป็น
กรรมกิเลส บัณฑิตไม่สรรเสริญ ฯ
[๑๗๖] อริยสาวกไม่กระทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ เป็นไฉน ปุถุชนถึง ฉันทาคติ
ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโทสาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโมหาคติ ย่อมทำกรรมอัน
ลามก
ถึงภยาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร ส่วนอริยสาวกย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติ ย่อมไม่ถึง
โมหาคติ ย่อมไม่ถึงภยาคติ ท่านย่อมไม่ทำกรรมอันลามกโดยฐานะ ๔ เหล่านี้ พระผู้มีพระภาค
ผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๗๗] ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง
ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรม
เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น
ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุตร
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทาง
เสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน
เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประ
กอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
[๑๗๙] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา คือ สุรา
และเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
๑ ก่อการทะเลาะวิวาท ๑ เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑ เป็นเหตุเสียชื่อเสียง ๑ เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
๑ มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลังปัญญา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ
[๑๘๐] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ
ในกลางคืน ๖ ประการเหล่านี้ คือ ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว ๑ ไม่คุ้มครอง ไม่รักษา
บุตรภรรยา ๑ ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาทรัพย์สมบัติ ๑ เป็นที่ระแวงของคนอื่น ๑ คำพูดอันไม่เป็นจริง
ในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น ๑อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร
โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน
เหล่านี้แล ฯ
[๑๘๑] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการเที่ยวดูมหรสพ ๖ ประการเหล่านี้คือ รำที่ไหน
ไปที่นั่น ๑ ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น ๑ ประโคมที่ไหนไปที่นั่น ๑ เสภาที่ไหนไปที่นั่น ๑ เพลงที่ไหน
ไปที่นั่น ๑ เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น ๑ ดูกรคฤหบดีบุตรโทษ ๖ ประการในการเที่ยวดูมหรสพ
เหล่านี้แล ฯ
[๑๘๒] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความ
ประมาท ๖ ประการเหล่านี้ คือ ผู้ชนะย่อมก่อเวร ๑ ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป ๑ ความ
เสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน ๑ ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น ๑ ถูกมิตร
อมาตย์หมิ่นประมาท ๑ ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนัน
ไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
พนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ

ผมขอยกธรรม4ประการที่อริยสาวกละได้แล้วไม่ทำเลยมาให้ดูทำไมไม่มีการดื่มสุราโปรดพิจารณาธรรมให้ตรงธรรมเพื่อจะได้เข้าใจให้ถูกตรงตามความจริง เรื่องสุราก็ไม่จัดอยู่ในอกุศลกรรมบท10 แต่ทำไมมาจัดอยู่ในทางเสื่อม6ประการ เพราะสุรานั้นยังสามรถดื่มได้ตามบริบทของสังคมความเป็นอยู่ของชีวิตจริงและบางครั้งตัวสุราเองก็ยังมีประโยชน์ในการอื่นๆอีกด้วย. พระองค์จัดให้จะต้องประกอบเนื่องๆถึงจะเกิดโทษ แม้กระทั้งการพนันเองก็เช่นเดียวกันต้องประกอบเนือง ถ้าท่านใดยังติดใจผมก็จะไม่ขอกล่าวต่อไปอีกก็คงต้องปล่อยให้คิดกันไปต่างๆนาๆผมไม่ได้ใช้ความเห็นตนเอง ผมยกพระสูตรมาให้ดูด้วย ไม่ใช่ผมจะนิยมให้คนดื่มสุรานะครับแต่เราคุยกันในฐานะที่จะต้องตรงธรรมตรงความเห็นของพระผู้มีพระภาค ไม่ใช่ตรงความเห็นเราที่คิดว่ามันถูกแต่มันก็ไม่ถูกต้องจริง.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
bigtoo เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Quote Tipitaka:
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร
คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว
ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
[๑๗๙] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ ความเสื่อมทรัพย์
อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง ๑ ก่อการทะเลาะวิวาท ๑ เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑ เป็นเหตุ
เสียชื่อเสียง ๑ เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ๑ มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลัง
ปัญญา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ


พระพุทธองค์ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อม แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน
ไม่ได้ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อมเนืองๆ แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ....
ตัวสีฟ้านั้นเป็นคำถามคหบดีบุตร. ดูกรคหบดีบุตร. การประกอบเนื่องๆนี้เป็นคำตอบ

ยังแถไปอีก
คำขอสิงคาลกคฤหบดีบุตร มีเพียงนี้ ในพระสูตรนี้
Quote Tipitaka:
สิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในวินัยของพระอริยเจ้าท่านนอบน้อมทิศ ๖
กันอย่างไร ขอประทานโอกาส ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์
ตามที่ในวินัยของพระอริยเจ้าท่านนอบน้อมทิศ ๖ กันนั้นเถิด ฯ

การแสดงธรรม โดยตั้งคำถามเพื่อตอบเป็นวิธีการแสดงธรรมของพระพุทธองค์
ดังนั้นที่ BIGTOO บอกว่าเป็นคำถามของคฤหบดีบบุตรจึง ไม่ใช่ครับ

เอาล่ะครับ. สรุปถ้าพระองค์ตั้งคำถามเอง. คำตอบออกมาว่าต้องประกอบเนื่องๆใช่หรือไม่ในเรื่องดื่มสุรา

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
bigtoo เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
Quote Tipitaka:
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกร
คฤหบดีบุตร การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
เที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยว
ดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอัน
เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
[๑๗๙] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ ความเสื่อมทรัพย์
อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง ๑ ก่อการทะเลาะวิวาท ๑ เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑ เป็นเหตุ
เสียชื่อเสียง ๑ เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ๑ มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลัง
ปัญญา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ


พระพุทธองค์ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อม แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน
ไม่ได้ตรัสว่า ย่อมไม่เสพทางเสื่อมเนืองๆ แห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ....
ตัวสีฟ้านั้นเป็นคำถามคหบดีบุตร. ดูกรคหบดีบุตร. การประกอบเนื่องๆนี้เป็นคำตอบ

ยังแถไปอีก
คำขอสิงคาลกคฤหบดีบุตร มีเพียงนี้ ในพระสูตรนี้
Quote Tipitaka:
สิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในวินัยของพระอริยเจ้าท่านนอบน้อมทิศ ๖
กันอย่างไร ขอประทานโอกาส ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์
ตามที่ในวินัยของพระอริยเจ้าท่านนอบน้อมทิศ ๖ กันนั้นเถิด ฯ

การแสดงธรรม โดยตั้งคำถามเพื่อตอบเป็นวิธีการแสดงธรรมของพระพุทธองค์
ดังนั้นที่ BIGTOO บอกว่าเป็นคำถามของคฤหบดีบบุตรจึง ไม่ใช่ครับ

เอาล่ะครับ. สรุปถ้าพระองค์ตั้งคำถามเอง. คำตอบออกมาว่าต้องประกอบเนื่องๆใช่หรือไม่ในเรื่องดื่มสุรา

พระองค์ ตั้งเพื่อแสดง พระอริยสาวกไม่เสพย์ทางเสื่อม และโทษของการเสพย์เนืองๆ เข้าใจตามนี้ครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บทพยัญชนะ ตั้งไว้
ย่อมไม่เสพย์ทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖
บทแห่งอรรถ ครอบคลุมให้กว้างออกไปถึงโทษของการเสพย์เนืองๆ

การแสดงธรรมของพระพุทธองค์ จึงสมบูรณ์ด้วยอรรถและพยัญชนะครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
บทพยัญชนะ ตั้งไว้
ย่อมไม่เสพย์ทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖
บทแห่งอรรถ ครอบคลุมให้กว้างออกไปถึงโทษของการเสพย์เนืองๆ

การแสดงธรรมของพระพุทธองค์ จึงสมบูรณ์ด้วยอรรถและพยัญชนะครับ
อย่าลืมคำว่าเป็นไฉน.นั้นคือการขยายความว่าเป็นอย่างไรของการเสพถึงจะเรียกว่าทางเสื่อม. ทางเสื่อมก็คือเกิดการเสียหาย. ถ้าบ่อยๆท่านจึงแสดงโทษ ท่านจึงแยกออกจากกิเลสที่เลิกได้แล้ว. ถ้าท่านไม่กล่าวคำว่าเนื่องๆ. จะไม่มีใครได้เป็นอริยะบุคคลในฐานะฆราวาสได้เลย ฉะนั้นกรุณาตรงต่อธรรมะ. สามารถตรวจกลับไปที่อกุศลกรรมบท. ก็จะเห็นความจริง. พระสูตรของพระองค์ถึงจะไม่ขัดแย้งกันเลย. แต่ถ้าทำไม่ได้เลยก็จะขัดกันหลายพระสูตร และถ้าทำไม่ได้เลยท่านก็จัดลงในกิเลสที่เลิกได้แล้ว. ไม่จำเป็นต้องแสดงทางเสื่อมที่ต้องประกอบเนื่องๆเลย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 18:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
บทพยัญชนะ ตั้งไว้
ย่อมไม่เสพย์ทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖
บทแห่งอรรถ ครอบคลุมให้กว้างออกไปถึงโทษของการเสพย์เนืองๆ

การแสดงธรรมของพระพุทธองค์ จึงสมบูรณ์ด้วยอรรถและพยัญชนะครับ
อย่าลืมคำว่าเป็นไฉน.นั้นคือการขยายความว่าเป็นอย่างไรของการเสพถึงจะเรียกว่าทางเสื่อม. ทางเสื่อมก็คือเกิดการเสียหาย. ถ้าบ่อยๆท่านจึงแสดงโทษ ท่านจึงแยกออกจากกิเลสที่เลิกได้แล้ว. ถ้าท่านไม่กล่าวคำว่าเนื่องๆ. จะไม่มีใครได้เป็นอริยะบุคคลในฐานะฆราวาสได้เลย ฉะนั้นกรุณาตรงต่อธรรมะ. สามารถตรวจกลับไปที่อกุศลกรรมบท. ก็จะเห็นความจริง. พระสูตรของพระองค์ถึงจะไม่ขัดแย้งกันเลย. แต่ถ้าทำไม่ได้เลยก็จะขัดกันหลายพระสูตร และถ้าทำไม่ได้เลยท่านก็จัดลงในกิเลสที่เลิกได้แล้ว. ไม่จำเป็นต้องแสดงทางเสื่อมที่ต้องประกอบเนื่องๆเลย

ในบทที่พระพุทธองค์ แสดงว่า เป็นไฉน ก็เพื่อจะตรัสแสดงต่อครับ Bigtoo
การแสดงบทพยัญชนะ
แล้วแสดงอรรถครอบคลุมเนื้อหาครอบคลุมไปถึงโทษความเสียหายต่างๆ เป็นรายละเอียด
อริยบุคคลจากฆราวาส ย่อมไม่เสพย์ ไม่ทำกรรมอันลามก
ฆราวาสที่ทำได้ดังที่พระพุทธองค์แสดง ก็เป็นอริยบุคคลได้

ดังนั้น Bigtoo กรุณาอ่านให้ตรงอรรถตรงธรรม ตรงพยัญชนะ
การตรวจสอบกับอกุศลกรรมบท เพราะการเสพย์สุราเนืองๆ บั่นทองกำลังสติปัญญา และเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ความเสื่อมของความละอาย จึงสามารถสงเคราะห์เข้าไปในอกุศลกรรมบถข้อสุดท้ายคือเป็นมิจฉาทิฏฐิ ดื่มด้วยมิจฉาทิฏฐิว่า ดื่มนิดหน่อยไม่บาป ดื่มเพื่อสังคมไม่มีเจตนา มันไม่บาปหรอก แต่มันเป็นกรรมลามก และเป็นเจตนาลามก

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
bigtoo เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
บทพยัญชนะ ตั้งไว้
ย่อมไม่เสพย์ทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖
บทแห่งอรรถ ครอบคลุมให้กว้างออกไปถึงโทษของการเสพย์เนืองๆ

การแสดงธรรมของพระพุทธองค์ จึงสมบูรณ์ด้วยอรรถและพยัญชนะครับ
อย่าลืมคำว่าเป็นไฉน.นั้นคือการขยายความว่าเป็นอย่างไรของการเสพถึงจะเรียกว่าทางเสื่อม. ทางเสื่อมก็คือเกิดการเสียหาย. ถ้าบ่อยๆท่านจึงแสดงโทษ ท่านจึงแยกออกจากกิเลสที่เลิกได้แล้ว. ถ้าท่านไม่กล่าวคำว่าเนื่องๆ. จะไม่มีใครได้เป็นอริยะบุคคลในฐานะฆราวาสได้เลย ฉะนั้นกรุณาตรงต่อธรรมะ. สามารถตรวจกลับไปที่อกุศลกรรมบท. ก็จะเห็นความจริง. พระสูตรของพระองค์ถึงจะไม่ขัดแย้งกันเลย. แต่ถ้าทำไม่ได้เลยก็จะขัดกันหลายพระสูตร และถ้าทำไม่ได้เลยท่านก็จัดลงในกิเลสที่เลิกได้แล้ว. ไม่จำเป็นต้องแสดงทางเสื่อมที่ต้องประกอบเนื่องๆเลย

ในบทที่พระพุทธองค์ แสดงว่า เป็นไฉน ก็เพื่อจะตรัสแสดงต่อครับ Bigtoo
การแสดงบทพยัญชนะ
แล้วแสดงอรรถครอบคลุมเนื้อหาครอบคลุมไปถึงโทษความเสียหายต่างๆ เป็นรายละเอียด
อริยบุคคลจากฆราวาส ย่อมไม่เสพย์ ไม่ทำกรรมอันลามก
ฆราวาสที่ทำได้ดังที่พระพุทธองค์แสดง ก็เป็นอริยบุคคลได้

ดังนั้น Bigtoo กรุณาอ่านให้ตรงอรรถตรงธรรม ตรงพยัญชนะ
การตรวจสอบกับอกุศลกรรมบท เพราะการเสพย์สุราเนืองๆ บั่นทองกำลังสติปัญญา และเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่ความเสื่อมของความละอาย จึงสามารถสงเคราะห์เข้าไปในอกุศลกรรมบถข้อสุดท้ายคือเป็นมิจฉาทิฏฐิ ดื่มด้วยมิจฉาทิฏฐิว่า ดื่มนิดหน่อยไม่บาป ดื่มเพื่อสังคมไม่มีเจตนา มันไม่บาปหรอก แต่มันเป็นกรรมลามก และเป็นเจตนาลามก
ท่านจะต้องมาตรัสเรื่องนี้ทำไมก็ลงไปในศิลเลย. ลงกับกิเลสกรรมที่ละเว้นได้แล้วเลย. จะแยกทำไม. ชัดเจนก็ทำให้งงได้เนาะ.
อริยะไม่เสพทางเสื่อม6ประการเป็นไฉน.


คุณอย่าเอาไปลงกับมิจฉาทิฎฐิเลยมันจะไปใหญ่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศีล 5 ครอบคลุม ครับ
ศีล ห้าไม่ใช่ข้อห้าม แต่เป็นการแสดงความเป็นปรกติของพฤติกรรมที่มนุษย์ควรกระทำ
เป็นกุศลกรรมบถ คือ ทางเดินของเจตนาอันเป็นกุศล ไม่เป็นกรรมอันลามก

ลามก คือการเห็นผิดเป็นถูก เห็นไม่ชอบเป็นชอบ เห็นอกุศลเป็นกุศล ไม่เห็นกิเลส

การแสดงทิศทั้ง ๖ ของพระศาสดา บทเริ่มว่าด้วยกรรมอันลามก จึงเป็นพระกรุณาคุณของพระพุทธองค์ที่แสดงแก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตร ซึ่งหากทำได้ครบถ้วน ก็จะสู่สุคติโลกสวรรค์ ซึ่งเป็นวิบากของผู้ทรงศีลในชั้นฆราวาสครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ศีล 5 ครอบคลุม ครับ
ศีล ห้าไม่ใช่ข้อห้าม แต่เป็นการแสดงความเป็นปรกติของพฤติกรรมที่มนุษย์ควรกระทำ
เป็นกุศลกรรมบถ คือ ทางเดินของเจตนาอันเป็นกุศล ไม่เป็นกรรมอันลามก

ลามก คือการเห็นผิดเป็นถูก เห็นไม่ชอบเป็นชอบ เห็นอกุศลเป็นกุศล ไม่เห็นกิเลส

การแสดงทิศทั้ง ๖ ของพระศาสดา บทเริ่มว่าด้วยกรรมอันลามก จึงเป็นพระกรุณาคุณของพระพุทธองค์ที่แสดงแก่ สิงคาลกคฤหบดีบุตร ซึ่งหากทำได้ครบถ้วน ก็จะสู่สุคติโลกสวรรค์ ซึ่งเป็นวิบากของผู้ทรงศีลในชั้นฆราวาสครับ

คุณนี่ติดพยัญชนะเนาะ. มันก็มีแค่กรรมดี. กรรมชั่ว กรรมที่เป็นกลางๆ. อริยะละเว้นกรรมชั่ว4ก็แค่นี้ทำเป็นเรื่องยากจนได้เนาะ. สุรานะมันไม่ใช่สิ่งชั่วหรอกถ้าไม่เสพเนื่องๆ. ก็แค่นี้. มันถึงเอาไปผสมยาได้. พอเข้าใจนะ. ถ้ามันเป็นของเลวขนาดแตะไม่ได้. มันจะผสมยาได้อย่างไร. ทำใจเป็นกลางๆไม่มีโง่หรือฉลาด. มีแต่รู้หรือไม่รู้.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พยัญชนะ ...ไม่ใช่หมายถึงตัวหนังสือ คำที่เป็นตัวหนังสือ
พยํญชนะ ... คือหัวข้อใหญ่ อรรถ คือเนื้อหา

bigtoo ต้องศึกษาให้ดีครับ

สุรา ไม่ใช่สิ่งชั่วครับ
การเสพย์สุรา เป็นกรรมลามกครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
พยัญชนะ ...ไม่ใช่หมายถึงตัวหนังสือ คำที่เป็นตัวหนังสือ
พยํญชนะ ... คือหัวข้อใหญ่ อรรถ คือเนื้อหา

bigtoo ต้องศึกษาให้ดีครับ

สุรา ไม่ใช่สิ่งชั่วครับ
การเสพย์สุรา เป็นกรรมลามกครับ

เอาเถอะครับสงสัยภูมิเราไม่เท่ากันในเรื่องนี้. เรื่องเสพทางเสื่อม6ประการ. ผมยืนยันได้เลยว่าพระองค์กล่าวไว้ดีแล้ว. ต้องประกอบเนื่องๆถึงจะเรียกว่าทางเสื่อม. ส่วนคุณจะคิดอย่างไรก็ไม่ว่ากันของแบบนี้. เพราะพระองค์แสดงไว้แล้วว่ามนุษย์ต่างกันอย่างไร

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 20:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เชื่อผมก็สบายไปแล้ว ไม่ต้องมาถูกจับขึงพืดอย่างนี้...

แต่ก็ดีเหมือนกัน....ได้เห็นทุกซอกทุกมุมดี...เพราะคนถูกขึงพืดดิ้นไปดิ้นมา.. :b32:

:b9: :b9: :b9:

สุดท้ายก็มามุก..

bigtoo เขียน:
เอาเถอะครับสงสัยภูมิเราไม่เท่ากันในเรื่องนี้. เรื่องเสพทางเสื่อม6ประการ. ผมยืนยันได้เลยว่าพระองค์กล่าวไว้ดีแล้ว. ต้องประกอบเนื่องๆถึงจะเรียกว่าทางเสื่อม. ส่วนคุณจะคิดอย่างไรก็ไม่ว่ากันของแบบนี้. เพราะพระองค์แสดงไว้แล้วว่ามนุษย์ต่างกันอย่างไร


กระทู้นี้ดี...นะครับ

ไม่ใช่เพราะ..ได้รู้เช่นเห็นชาติ..อะไรใครหรอกนะ.. :b32:

แต่...บางคน..รู้แค่ว่า..อริยะไม่เสพทางเสื่อมอยู่แล้ว...แต่..ไม่รู้จะแก้ด้วยอรรถอย่างไร..เท่านั้น
ตอนนี้..ก็รู้วิธ๊แก้แล้วเน๊าะ...

ส่วนคนที่เข้าถึงอริยะสมบัติได้แล้ว...เขาย่อมรู้แก่ใจ...อมยิ้มแก้มตุ๋ย

:b27: :b27: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เชื่อผมก็สบายไปแล้ว ไม่ต้องมาถูกจับขึงพืดอย่างนี้...

แต่ก็ดีเหมือนกัน....ได้เห็นทุกซอกทุกมุมดี...เพราะคนถูกขึงพืดดิ้นไปดิ้นมา.. :b32:

:b9: :b9: :b9:

สุดท้ายก็มามุก..

bigtoo เขียน:
เอาเถอะครับสงสัยภูมิเราไม่เท่ากันในเรื่องนี้. เรื่องเสพทางเสื่อม6ประการ. ผมยืนยันได้เลยว่าพระองค์กล่าวไว้ดีแล้ว. ต้องประกอบเนื่องๆถึงจะเรียกว่าทางเสื่อม. ส่วนคุณจะคิดอย่างไรก็ไม่ว่ากันของแบบนี้. เพราะพระองค์แสดงไว้แล้วว่ามนุษย์ต่างกันอย่างไร


กระทู้นี้ดี...นะครับ

ไม่ใช่เพราะ..ได้รู้เช่นเห็นชาติ..อะไรใครหรอกนะ.. :b32:

แต่...บางคน..รู้แค่ว่า..อริยะไม่เสพทางเสื่อมอยู่แล้ว...แต่..ไม่รู้จะแก้ด้วยอรรถอย่างไร..เท่านั้น
ตอนนี้..ก็รู้วิธ๊แก้แล้วเน๊าะ...

ส่วนคนที่เข้าถึงอริยะสมบัติได้แล้ว...เขาย่อมรู้แก่ใจ...อมยิ้มแก้มตุ๋ย

:b27: :b27: :b27:
บอกตรงๆนะกบผมยังไม่เห็นใครแก้สิ่งที่พระองค์แสดงไว้ชัดเจนเลย. ที่ผมไม่สนทนาต่อกับคุณเช่นนั้นเห็นแกก็ไม่ต่างจากคุณและอีกหลายคน. ผมจึงเข้าใจตรรกะที่คนโง่ย่อมมีมากกว่าคนฉลาด. ขอโทษนะครับที่ต้องใช้คำนี้. มันถึงจะเข้าใจตรรกะความจริง. แม้แต่เรื่องท่องคาถาเรียกเงิน. รดน้ำมนต์. วิ่งหาอรหันต์ทั้งๆที่ไม่มีทางรู้คุณยังว่าสัมมาทิฎฐิ. ผมก็หมดปัญญาที่จะปลดปล่อยแล้ว. คงต้องว่ากันไปตามกรรม เพราะผมเองก็เคยทำแบบนั้นมาก่อน. จนผมมาฟังพุทธวจนมาตรวจสอบพระสูตรต่างๆผมก็ทิ้งสิ่งที่เป็นสิ่งร้อยรัดได้แบบปลิดทิ้ง. ตอนนี้ก็เหลือแต่ตนและธรรม. มองเห็นฝั่งอยู่ไม่ไกล. ไม่มีโซ่อะไรมาผูกขา. ความเห็นแบบนี้มันไม่เกิดง่ายนักหรอกกับบุคคลถ้าไม่ฟังคำสอนที่ถูกของพระองค์. คนส่วนใหญ่จะติดอยู่กับความเชื่อเก่าๆงมงายจนหาเหตุผลออกไม่ได้ไม่มีทางเห็นแสงสว่างที่แท้จริง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 07 ก.ย. 2015, 20:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร