วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 15:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
s004 s004 s004

บอกว่า...ให้ไปตั้งกระทู้ใหม่..

รก....

กลับมา...

กบนอกกะลา เขียน:
ตรงนี้..สำคัญ..นะครับ

กบนอกกะลา เขียน:
อธิศีล...ของโสดาบัน...น่าสนใจนะว่า..ท่านมีความคิดอย่างไรจึงยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีล..?

น่าคิด..มั้ย?

อโสกะ...คิดว่า..อริยะโสดาบัน..ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้...??


คนเราจะหลับหูหลับตา...ยอมตายเพราะอยากเป็นอริยะ..ก็คงไม่ใช่

อริยะต้องเห็นอะไร..แหละนะ..

อโสกะว่า...ยังงัยละ?


:b16: :b16:

:b12:
โยงมาให้อโศกะตอบอีกแล้วนะครับ
s004
พระโสดาบัน เห็นโทษและวิบากกรรมที่จะเกิดจากการล่วงศีล 5 แต่ละข้ออย่างชัดเจนแล้วจนละสิ้นซึ่งอุปนิสัยที่จะล่วงศีล 5 กลายเป็นธรรมชาติและอุปนิสัยใหม่ที่ล่วงศีล 5 ไม่เป็น ทำไม่ได้ เป็นปกติวิสัยของพระโสดาบันเองที่จะไม่ล่วงศีล 5

อุปมาเหมือนคนที่เคยได้รับความเจ็บแสบอันแสนจะทุกข์และทารุณจากการไปจับต้องถูกใบตำแยหรือตัวบุ้งร่าน จึงไม่หวนกลับไปแตะต้องมันอีกโดยเด็ดขาดชั่วชีวิต


การไม่ล่วงศิลห้าของท่านยึดเอากิริยาอาการหรือยึดเอาเจตนาล่ะครับ. ในสังคมแห่งความจริงที่ไม่ใช่ความนึกคิดมันมีบริบทเยอะนะ. อย่างหมอเอามีดจิ้มไปในร่าวกายมีคนตายก็ไม่เห็นผิดศิลเลยทั้วๆมีคนตายนะ. พระองค์ถึงกล่าวว่าเรามีเจตนาเป็นกรรม.

s004
การเอาเจตนามาวัดเรื่องการล่วงศีลนั้นถูกต้องแล้วครับ bigtoo แต่นั่นเป็นคำสอนที่ใช่สำหรับผู้ที่เป็นเสขะบุคคลคือผู้กำลังฝึกหัดตนไปสู่ความเป็นอริยชน

สำหรับอเสขะบุคคลชั้นต้นขึ้นไปอย่างพระโสดาบัน นิสัยล่วงศีล ๕ ข้อได้ตายขาดไปจากจิตของท่านแล้ว การจะล่วงศีล๕ของท่านจะเกิดได้เพียงอุบัติเหตุหรือความประมาทพลั้งเผลอความผิดปกติธรรมดาบางอย่าง คล้ายกับกรณีของพระอรหันต์ตาบอดที่เดินจงกรมเหยียบมดปลวกตาย

กรณีจิบเหล้าเล็กน้อยเพื่อเอาใจสังคมขี้เหล้านั้นมันมีเจตนาคือผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ว่าเพื่อให้ฉันอยู่ร่วมกับสังคมขี้เหล้านี้ได้ไม่เสียงาน พระโสดาบันท่านคงไม่ทำอย่างนี้แน่ครับ

หยุดเถอะครับการหาเหตุผลเพื่อจะมาเลี่ยงบาลี จะได้เดินหน้าสนทนาธรรมกันต่อไปด้วยความสุข สงบ ร่มเย็น
สาธุ

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
bigtoo เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
s004 s004 s004

บอกว่า...ให้ไปตั้งกระทู้ใหม่..

รก....

กลับมา...

กบนอกกะลา เขียน:
ตรงนี้..สำคัญ..นะครับ

กบนอกกะลา เขียน:
อธิศีล...ของโสดาบัน...น่าสนใจนะว่า..ท่านมีความคิดอย่างไรจึงยอมเสียชีพดีกว่าผิดศีล..?

น่าคิด..มั้ย?

อโสกะ...คิดว่า..อริยะโสดาบัน..ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้...??


คนเราจะหลับหูหลับตา...ยอมตายเพราะอยากเป็นอริยะ..ก็คงไม่ใช่

อริยะต้องเห็นอะไร..แหละนะ..

อโสกะว่า...ยังงัยละ?


:b16: :b16:

:b12:
โยงมาให้อโศกะตอบอีกแล้วนะครับ
s004
พระโสดาบัน เห็นโทษและวิบากกรรมที่จะเกิดจากการล่วงศีล 5 แต่ละข้ออย่างชัดเจนแล้วจนละสิ้นซึ่งอุปนิสัยที่จะล่วงศีล 5 กลายเป็นธรรมชาติและอุปนิสัยใหม่ที่ล่วงศีล 5 ไม่เป็น ทำไม่ได้ เป็นปกติวิสัยของพระโสดาบันเองที่จะไม่ล่วงศีล 5

อุปมาเหมือนคนที่เคยได้รับความเจ็บแสบอันแสนจะทุกข์และทารุณจากการไปจับต้องถูกใบตำแยหรือตัวบุ้งร่าน จึงไม่หวนกลับไปแตะต้องมันอีกโดยเด็ดขาดชั่วชีวิต


การไม่ล่วงศิลห้าของท่านยึดเอากิริยาอาการหรือยึดเอาเจตนาล่ะครับ. ในสังคมแห่งความจริงที่ไม่ใช่ความนึกคิดมันมีบริบทเยอะนะ. อย่างหมอเอามีดจิ้มไปในร่าวกายมีคนตายก็ไม่เห็นผิดศิลเลยทั้วๆมีคนตายนะ. พระองค์ถึงกล่าวว่าเรามีเจตนาเป็นกรรม.

s004
การเอาเจตนามาวัดเรื่องการล่วงศีลนั้นถูกต้องแล้วครับ bigtoo แต่นั่นเป็นคำสอนที่ใช่สำหรับผู้ที่เป็นเสขะบุคคลคือผู้กำลังฝึกหัดตนไปสู่ความเป็นอริยชน

สำหรับอเสขะบุคคลชั้นต้นขึ้นไปอย่างพระโสดาบัน นิสัยล่วงศีล ๕ ข้อได้ตายขาดไปจากจิตของท่านแล้ว การจะล่วงศีล๕ของท่านจะเกิดได้เพียงอุบัติเหตุหรือความประมาทพลั้งเผลอความผิดปกติธรรมดาบางอย่าง คล้ายกับกรณีของพระอรหันต์ตาบอดที่เดินจงกรมเหยียบมดปลวกตาย

กรณีจิบเหล้าเล็กน้อยเพื่อเอาใจสังคมขี้เหล้านั้นมันมีเจตนาคือผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ว่าเพื่อให้ฉันอยู่ร่วมกับสังคมขี้เหล้านี้ได้ไม่เสียงาน พระโสดาบันท่านคงไม่ทำอย่างนี้แน่ครับ

หยุดเถอะครับการหาเหตุผลเพื่อจะมาเลี่ยงบาลี จะได้เดินหน้าสนทนาธรรมกันต่อไปด้วยความสุข สงบ ร่มเย็น
สาธุ

onion
นี่ไม่ใช่การเลี่ยงบาลีนะครับเป็นเรื่องการวินิจฉัยที่มีหลักเหตุผลตรงต่อธรรมที่แท้จริงดั่งมีพุทธวจนรองรับ. ดั่งเคยยกตัวอย่างเรื่องการที่พระองค์ตอบกลับ. อริยะไม่ประกอบเนื่องๆการดื่มสุรา ชัดเจนมาก แม้มาเปรียยกับอกุศลกรรมบทก็ไม่มี ผมไม่ได้จะนึกคำพูดที่ดูสวยหรูขึ้นมาเพื่อทำให้ตนเองดูดีนะครับ. ผมยกมาเพื่อความถูกต้องตรงธรรม. และผมก็ยังยกตัวอย่างอีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับกิริยากับเจตนา. และนี่แหล่ะครับคือความถูกต้องตรงเป็นไปเพื่อความสงบที่แท้จริง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 21:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

s004
กรณีจิบเหล้าเล็กน้อยเพื่อเอาใจสังคมขี้เหล้านั้นมันมีเจตนาคือผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ว่าเพื่อให้ฉันอยู่ร่วมกับสังคมขี้เหล้านี้ได้ไม่เสียงาน พระโสดาบันท่านคงไม่ทำอย่างนี้แน่ครับ

หยุดเถอะครับการหาเหตุผลเพื่อจะมาเลี่ยงบาลี จะได้เดินหน้าสนทนาธรรมกันต่อไปด้วยความสุข สงบ ร่มเย็น
สาธุ

onion


bigtoo เขียน:
นี่ไม่ใช่การเลี่ยงบาลีนะครับเป็นเรื่องการวินิจฉัยที่มีหลักเหตุผลตรงต่อธรรมที่แท้จริงดั่งมีพุทธวจนรองรับ. ดั่งเคยยกตัวอย่างเรื่องการที่พระองค์ตอบกลับ. อริยะไม่ประกอบเนื่องๆการดื่มสุรา ชัดเจนมาก แม้มาเปรียยกับอกุศลกรรมบทก็ไม่มี ผมไม่ได้จะนึกคำพูดที่ดูสวยหรูขึ้นมาเพื่อทำให้ตนเองดูดีนะครับ. ผมยกมาเพื่อความถูกต้องตรงธรรม. และผมก็ยังยกตัวอย่างอีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับกิริยากับเจตนา. และนี่แหล่ะครับคือความถูกต้องตรงเป็นไปเพื่อความสงบที่แท้จริง


ตัดต่อ...อีกแระ...เตือนหลายครั้งแล้ว..แสดงว่า...เจตนา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

s004
กรณีจิบเหล้าเล็กน้อยเพื่อเอาใจสังคมขี้เหล้านั้นมันมีเจตนาคือผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ว่าเพื่อให้ฉันอยู่ร่วมกับสังคมขี้เหล้านี้ได้ไม่เสียงาน พระโสดาบันท่านคงไม่ทำอย่างนี้แน่ครับ

หยุดเถอะครับการหาเหตุผลเพื่อจะมาเลี่ยงบาลี จะได้เดินหน้าสนทนาธรรมกันต่อไปด้วยความสุข สงบ ร่มเย็น
สาธุ

onion


bigtoo เขียน:
นี่ไม่ใช่การเลี่ยงบาลีนะครับเป็นเรื่องการวินิจฉัยที่มีหลักเหตุผลตรงต่อธรรมที่แท้จริงดั่งมีพุทธวจนรองรับ. ดั่งเคยยกตัวอย่างเรื่องการที่พระองค์ตอบกลับ. อริยะไม่ประกอบเนื่องๆการดื่มสุรา ชัดเจนมาก แม้มาเปรียยกับอกุศลกรรมบทก็ไม่มี ผมไม่ได้จะนึกคำพูดที่ดูสวยหรูขึ้นมาเพื่อทำให้ตนเองดูดีนะครับ. ผมยกมาเพื่อความถูกต้องตรงธรรม. และผมก็ยังยกตัวอย่างอีกหลายๆเรื่องเกี่ยวกับกิริยากับเจตนา. และนี่แหล่ะครับคือความถูกต้องตรงเป็นไปเพื่อความสงบที่แท้จริง


ตัดต่อ...อีกแระ...เตือนหลายครั้งแล้ว..แสดงว่า...เจตนา...
เอาแบบยาวๆก็กลัวกบจะไม่เข้าใจเห็นว่าอ่านอะไรศึกษาอะไรก็ต้องแบบพิศดารถึงจะเจ้าใจ เอาไปเลยแบบยาวๆ อ่านให้จบทำความเข้าใจให้ได้นะ
โพสต์ เมื่อ: วันนี้, 21:19 รายงานในข้อความ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
bigtoo
สมาชิกระดับ 11
สมาชิกระดับ 11
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 1908


ข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่งเมล

[๑๗๔] ดูกรคฤหบดีบุตร ถ้าอย่างนั้น ท่านจงฟัง จงตั้งใจให้ดี เราจักกล่าว ฯ
สิงคาลกคฤหบดีบุตร ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสว่า ดูกรคฤหบดีบุตร อริยสาวกละกรรมกิเลสทั้ง ๔ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔
และไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้นเป็นผู้ปราศจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้
แล้ว ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อชำนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริยสาวกนั้นปรารภแล้ว
ทั้งโลกนี้และโลกหน้าเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ
กรรมกิเลส ๔ เป็นไฉน ที่อริยสาวกละได้แล้ว ดูกรคฤหบดีบุตร กรรมกิเลส
คือ ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ กรรมกิเลส ๔ เหล่านี้
ที่อริยสาวกนั้นละได้แล้ว ฯ
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์
ต่อไปอีกว่า
[๑๗๕] ปาณาติบาต อทินนาทาน มุสาวาท และการคบหาภรรยาผู้อื่น เรากล่าวว่าเป็น
กรรมกิเลส บัณฑิตไม่สรรเสริญ ฯ
[๑๗๖] อริยสาวกไม่กระทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ เป็นไฉน ปุถุชนถึง ฉันทาคติ
ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโทสาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโมหาคติ ย่อมทำกรรมอัน
ลามก
ถึงภยาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร ส่วนอริยสาวกย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติ ย่อมไม่ถึง
โมหาคติ ย่อมไม่ถึงภยาคติ ท่านย่อมไม่ทำกรรมอันลามกโดยฐานะ ๔ เหล่านี้ พระผู้มีพระภาค
ผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๑๗๗] ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง
ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรม
เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น
ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ
[๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุตร
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทาง
เสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในกลางคืน
เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การเที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประ
กอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ การประกอบ
เนืองๆ ซึ่งความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะประการ ๑ ฯ
[๑๗๙] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา คือ สุรา
และเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง
๑ ก่อการทะเลาะวิวาท ๑ เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑ เป็นเหตุเสียชื่อเสียง ๑ เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย
๑ มีบทที่ ๖ คือ เป็นเหตุทอนกำลังปัญญา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบ
เนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ
[๑๘๐] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ
ในกลางคืน ๖ ประการเหล่านี้ คือ ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว ๑ ไม่คุ้มครอง ไม่รักษา
บุตรภรรยา ๑ ไม่คุ้มครอง ไม่รักษาทรัพย์สมบัติ ๑ เป็นที่ระแวงของคนอื่น ๑ คำพูดอันไม่เป็นจริง
ในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น ๑อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร
โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน
เหล่านี้แล ฯ
[๑๘๑] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการเที่ยวดูมหรสพ ๖ ประการเหล่านี้คือ รำที่ไหน
ไปที่นั่น ๑ ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น ๑ ประโคมที่ไหนไปที่นั่น ๑ เสภาที่ไหนไปที่นั่น ๑ เพลงที่ไหน
ไปที่นั่น ๑ เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น ๑ ดูกรคฤหบดีบุตรโทษ ๖ ประการในการเที่ยวดูมหรสพ
เหล่านี้แล ฯ
[๑๘๒] ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความ
ประมาท ๖ ประการเหล่านี้ คือ ผู้ชนะย่อมก่อเวร ๑ ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป ๑ ความ
เสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน ๑ ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น ๑ ถูกมิตร
อมาตย์หมิ่นประมาท ๑ ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนัน
ไม่สามารถจะเลี้ยงภรรยา ๑ ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการ
พนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล ฯ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2015, 22:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32:
แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...อะไรนี้

1 อริยะสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖

2 อริยะสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุตร
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

อริยะสาวก....ตั้งอยู่ในความประมาท..ด้วยรึคับ.. :b16:

และ...ทางเสื่อมแห่งโภคะ 6 ไม่ใช่ศีลของ..ภิกษุในธรรมวินัยนี้..

ศีลของ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มี..จุลศีล..มัชฌิมศีล..มหาศีล....อันเป็นศีลที่พระพุทธองค์ตรัสเองโดยตรง...

คิดดูก้อแล้วกันว่า..แค่ภิกษุในธรรมวินัยนี้..ธรรมดา..ธรรมดา..ยังไม่ใช่อริยะก็มีเยอะ....เขายังไม่แตะสุราเลย...แล้วอริยะ..จะทำได้ยังงัย :b9: ( มันมีอะไรมากกว่านี้นะ..แต่ไม่รู้จะบอกยังงัย)

บอกคร่าว ๆ .สั้น ๆ .นะ..".มันเห็นจิตทุกข์..อะไรที่ทำให้จิตทุกข์....เขาไม่ทำ...เขาไม่เบียดเบียนตนเอง."..นี้อริยะเบื้องต้นประมาณนี้

อบายมุข 6 จึงไม่มีทางที่อริยะจะทำเพื่อเข้าสังคม..ทำตามมารยาท...หรือตั้งใจทำแต่ไม่ทำบ่อย ๆ จะได้ไม่เข้าข้อหา..ประกอบเนือง ๆ ... :b32: :b32: :b32:

ไม่ต้องไปหาเหตุผล..ไปแปลอะไรผิด ๆ..ให้เลอะเทอะ..

ทำตนให้เข้าถึงให้ได้..เข้าถึงได้..ก็เข้าใจเองแหละ...ไม่ต้องรอฟังอาจารย์แปลให้...
แปลไปนั้น..แปลไปนี้..ก็เยอะ...

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 06:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32:
แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...อะไรนี้

1 อริยะสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖

2 อริยะสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุตร
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

อริยะสาวก....ตั้งอยู่ในความประมาท..ด้วยรึคับ.. :b16:

และ...ทางเสื่อมแห่งโภคะ 6 ไม่ใช่ศีลของ..ภิกษุในธรรมวินัยนี้..

ศีลของ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มี..จุลศีล..มัชฌิมศีล..มหาศีล....อันเป็นศีลที่พระพุทธองค์ตรัสเองโดยตรง...

คิดดูก้อแล้วกันว่า..แค่ภิกษุในธรรมวินัยนี้..ธรรมดา..ธรรมดา..ยังไม่ใช่อริยะก็มีเยอะ....เขายังไม่แตะสุราเลย...แล้วอริยะ..จะทำได้ยังงัย :b9: ( มันมีอะไรมากกว่านี้นะ..แต่ไม่รู้จะบอกยังงัย)

บอกคร่าว ๆ .สั้น ๆ .นะ..".มันเห็นจิตทุกข์..อะไรที่ทำให้จิตทุกข์....เขาไม่ทำ...เขาไม่เบียดเบียนตนเอง."..นี้อริยะเบื้องต้นประมาณนี้

อบายมุข 6 จึงไม่มีทางที่อริยะจะทำเพื่อเข้าสังคม..ทำตามมารยาท...หรือตั้งใจทำแต่ไม่ทำบ่อย ๆ จะได้ไม่เข้าข้อหา..ประกอบเนือง ๆ ... :b32: :b32: :b32:

ไม่ต้องไปหาเหตุผล..ไปแปลอะไรผิด ๆ..ให้เลอะเทอะ..

ทำตนให้เข้าถึงให้ได้..เข้าถึงได้..ก็เข้าใจเองแหละ...ไม่ต้องรอฟังอาจารย์แปลให้...
แปลไปนั้น..แปลไปนี้..ก็เยอะ...

:b16: :b16: :b16:
ผมพอเข้าใจแล้วว่ากบทำไมถึงยังต้องท่องคาถาเงินล้านอยู่ เพราะแค่พระสูตรนี้กบยังอ่านไม่เข้าใจเลย. ว่าธรรม4อย่างที่พระองค์กล่าวว่าอริยไม่กระทำอะไรบ้าง และอะไรที่เรื่องต้องประกอบเนืองๆถึงจะเรียกว่าการเสพทางเสื่อม. และพระองค์ก็บอกถึงโทษของคำว่าประกอบเนืองๆ. และไปดูองค์ของอุกศลกรรมบท10ก็ไม่มีเรื่องการดื่มสุรา กบวินิจฉัยตามความรู้สึกตนเองแล้วก็เอาคำพูดที่ดูดีมาใส่ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ทำให้รู้สึกว่าตนเองมีความคิดดี ผมสงสารคุณจริงๆนะ. บางครั้งคุณไม่เข้าใจถึงพระญานของพระองค์

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 07:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: :b16: :b16:

ผมว่าคนอื่นเขาเข้าใจ...นะ...แต่ Bigtoo คนยกมา..ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนยกมาเอง..ต่างหาก

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 15:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b13:
bigtoo กำลังพยายามหาเหตุผลต่างๆมาอ้างให้คนเชื่อว่าพระอริยบุคคลชั้นต้นอย่างพระโสดาบันยังเสพเหล้า ล่วงศีลข้อ ๕ ได้นิดหน่อย เพื่อประโยชน์อันใดหรือ
s006
พระโสดาบันบุคคลท่านมีคุณสมบัติประจำตัวที่แน่ชัดแล้วว่า
ไม่ล่วงศีล ๕ เป็นปกติอยู่อย่างนั้นแล้ว

สีลพัตปรามาส ความรักษาศีลเคร่งหรือหย่อนเกินไปไม่มีแล้วในพระโสดาบัน มีแต่ปกติศีลที่รักษาอยู่ด้วยธรรม ด้วยเหตุและผล ในเรื่องสุราที่เป็น ๑ ในอบายมุข ๖ พระอริยโสดาบันท่านก็เว้นขาดแล้ว ความละอายเกรงกลัวต่อบาปของท่านก็มีสูงยิ่งแล้วมีหรือจะล่วงศีลข้อ ๕ เพื่อประโยชน์อันเล็กน้อยเพียงเพื่อรักษาน้ำใจเพื่อนนักดื่มเหล้า

ผมว่าเพียงพอเถอะ bigtoo อย่าดึงดันให้พระอริยะเจ้ายังดื่มเหล้าได้อยู่เลย ถ้ามีคนเชื่อและคล้อยตามเช่นนี้จะเป็นการลดคุณค่าของพระอริยเจ้าลงมาให้ถูกตำหนิติเตียนดูแคลน สงสัยได้
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b13:
bigtoo กำลังพยายามหาเหตุผลต่างๆมาอ้างให้คนเชื่อว่าพระอริยบุคคลชั้นต้นอย่างพระโสดาบันยังเสพเหล้า ล่วงศีลข้อ ๕ ได้นิดหน่อย เพื่อประโยชน์อันใดหรือ
s006
พระโสดาบันบุคคลท่านมีคุณสมบัติประจำตัวที่แน่ชัดแล้วว่า
ไม่ล่วงศีล ๕ เป็นปกติอยู่อย่างนั้นแล้ว

สีลพัตปรามาส ความรักษาศีลเคร่งหรือหย่อนเกินไปไม่มีแล้วในพระโสดาบัน มีแต่ปกติศีลที่รักษาอยู่ด้วยธรรม ด้วยเหตุและผล ในเรื่องสุราที่เป็น ๑ ในอบายมุข ๖ พระอริยโสดาบันท่านก็เว้นขาดแล้ว ความละอายเกรงกลัวต่อบาปของท่านก็มีสูงยิ่งแล้วมีหรือจะล่วงศีลข้อ ๕ เพื่อประโยชน์อันเล็กน้อยเพียงเพื่อรักษาน้ำใจเพื่อนนักดื่มเหล้า

ผมว่าเพียงพอเถอะ bigtoo อย่าดึงดันให้พระอริยะเจ้ายังดื่มเหล้าได้อยู่เลย ถ้ามีคนเชื่อและคล้อยตามเช่นนี้จะเป็นการลดคุณค่าของพระอริยเจ้าลงมาให้ถูกตำหนิติเตียนดูแคลน สงสัยได้
tongue
อโสกะท่านพูดอะไรก็ดูเหตุผลด้วยนะครับ ผมจะยัดเยียดอะไรให้ใครได้ ความละอายเกรงกลัวต่อบาปก็ให้มันถูกต้องไม่ใช่อะไรก็กลัวกลายเป็นอริยะตาขาวกันไปซะงั้น สิ่งที่นำมากล่านั้นเป็นพระสูตรนะ พูดจะเอาแต่ดีกันแล้วมันตรงกับความจริงหรือเปล่า คุณกล้าบอกมั้ยล่ะว่าพระสูตรผิดว่าธรรม4อย่างมันหายไป1ข้อและบอกว่าไม่ต้องประกอบเนืองๆก็มีโทษเรื่องทางเสื่อม6ประการ กล้าหรือเปล่าจะได้รู้ไปเลยอยากรู้ว่าจะกล้าเป็นข้าศึกกับพระองค์

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 18:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
asoka เขียน:
:b13:
bigtoo กำลังพยายามหาเหตุผลต่างๆมาอ้างให้คนเชื่อว่าพระอริยบุคคลชั้นต้นอย่างพระโสดาบันยังเสพเหล้า ล่วงศีลข้อ ๕ ได้นิดหน่อย เพื่อประโยชน์อันใดหรือ
s006
พระโสดาบันบุคคลท่านมีคุณสมบัติประจำตัวที่แน่ชัดแล้วว่า
ไม่ล่วงศีล ๕ เป็นปกติอยู่อย่างนั้นแล้ว

สีลพัตปรามาส ความรักษาศีลเคร่งหรือหย่อนเกินไปไม่มีแล้วในพระโสดาบัน มีแต่ปกติศีลที่รักษาอยู่ด้วยธรรม ด้วยเหตุและผล ในเรื่องสุราที่เป็น ๑ ในอบายมุข ๖ พระอริยโสดาบันท่านก็เว้นขาดแล้ว ความละอายเกรงกลัวต่อบาปของท่านก็มีสูงยิ่งแล้วมีหรือจะล่วงศีลข้อ ๕ เพื่อประโยชน์อันเล็กน้อยเพียงเพื่อรักษาน้ำใจเพื่อนนักดื่มเหล้า

ผมว่าเพียงพอเถอะ bigtoo อย่าดึงดันให้พระอริยะเจ้ายังดื่มเหล้าได้อยู่เลย ถ้ามีคนเชื่อและคล้อยตามเช่นนี้จะเป็นการลดคุณค่าของพระอริยเจ้าลงมาให้ถูกตำหนิติเตียนดูแคลน สงสัยได้
tongue
อโสกะท่านพูดอะไรก็ดูเหตุผลด้วยนะครับ ผมจะยัดเยียดอะไรให้ใครได้ ความละอายเกรงกลัวต่อบาปก็ให้มันถูกต้องไม่ใช่อะไรก็กลัวกลายเป็นอริยะตาขาวกันไปซะงั้น สิ่งที่นำมากล่านั้นเป็นพระสูตรนะ พูดจะเอาแต่ดีกันแล้วมันตรงกับความจริงหรือเปล่า คุณกล้าบอกมั้ยล่ะว่าพระสูตรผิดว่าธรรม4อย่างมันหายไป1ข้อและบอกว่าไม่ต้องประกอบเนืองๆก็มีโทษเรื่องทางเสื่อม6ประการ กล้าหรือเปล่าจะได้รู้ไปเลยอยากรู้ว่าจะกล้าเป็นข้าศึกกับพระองค์

s005
อ้างคำพูด:
๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุตร
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทาง
เสื่อมแห่งโภคะประการ ๑

:b19: bigtoo จะอาศัยคำว่า "การประกอบเนืองๆ"มาเป็นข้ออ้างว่าพระอริยเจ้ายังเสพสุราอยู่นั้นดูเป็นการตีความเข้าข้างความเห็นของตนเอง ทำไมไม่ลองพิจารณาคำว่า "อริยสาวกย่อมไม่เสพ" ดูบ้างละ เขาชี้บอกชัดเจนว่า ไม่เสพ นี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งสองประเด็นนี้ก็มาจากพระสูตรที่ bigtoo อ้างอิงมานั่นเอง

อีกประการหนึ่งเมื่อพิจารณาตามธรรมที่พึงเกิดจริงๆแล้วเรื่องดื่มสุราไม่พึงอยู่ในวิสัยของพระอริยบุคคลที่จะมาเสพ

ส่วนที่อ้างอกุศลกรรมบท ๑๐ เรื่องกายกรรม ๓ ไม่มีเรื่อของศีลข้อที่๕ อยู่ด้วยแล้วมาอ้างว่าขนาดพระบรมศาสดายังไม่ว่าอะไร นี่ยิ่งเป็นการพยายามบิดเบือนพระสูตรมาสนับสนุนความเห็นผิดของตนเองให้ถูกต้อง น่าละอายมาก ดูกันให้ดีๆและรอบคอบทั่วถึงอย่าพึ่งฟันธงอะไรเอาง่ายๆตามอัตโนมัยของตนเอง

พึงพิจารณาด้วยสามัญสำนึกธรรมดาๆของมนุษย์นี้แหละว่า
พระอริยเจ้ายังพอเสพสุราได้บ้างเมื่อมีความจำเป็น นี่มันเป็นเหตุผลที่สมควรไหมในสายตาของคนธรรมดาๆทั่วไป
ขนาดพระภิกษุปุถุชนธรรมดาเสพสุราเรายังดูและยอมรับกันไม่ค่อยจะได้

ยุติเถอะยุติเถอะ สนทนากันในประเด็นใหม่ที่ได้ประโยชน์สร้างสรรค์คุณธรรมยิ่งกว่านี้เถอะครับ
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
bigtoo เขียน:
asoka เขียน:
:b13:
bigtoo กำลังพยายามหาเหตุผลต่างๆมาอ้างให้คนเชื่อว่าพระอริยบุคคลชั้นต้นอย่างพระโสดาบันยังเสพเหล้า ล่วงศีลข้อ ๕ ได้นิดหน่อย เพื่อประโยชน์อันใดหรือ
s006
พระโสดาบันบุคคลท่านมีคุณสมบัติประจำตัวที่แน่ชัดแล้วว่า
ไม่ล่วงศีล ๕ เป็นปกติอยู่อย่างนั้นแล้ว

สีลพัตปรามาส ความรักษาศีลเคร่งหรือหย่อนเกินไปไม่มีแล้วในพระโสดาบัน มีแต่ปกติศีลที่รักษาอยู่ด้วยธรรม ด้วยเหตุและผล ในเรื่องสุราที่เป็น ๑ ในอบายมุข ๖ พระอริยโสดาบันท่านก็เว้นขาดแล้ว ความละอายเกรงกลัวต่อบาปของท่านก็มีสูงยิ่งแล้วมีหรือจะล่วงศีลข้อ ๕ เพื่อประโยชน์อันเล็กน้อยเพียงเพื่อรักษาน้ำใจเพื่อนนักดื่มเหล้า

ผมว่าเพียงพอเถอะ bigtoo อย่าดึงดันให้พระอริยะเจ้ายังดื่มเหล้าได้อยู่เลย ถ้ามีคนเชื่อและคล้อยตามเช่นนี้จะเป็นการลดคุณค่าของพระอริยเจ้าลงมาให้ถูกตำหนิติเตียนดูแคลน สงสัยได้
tongue
อโสกะท่านพูดอะไรก็ดูเหตุผลด้วยนะครับ ผมจะยัดเยียดอะไรให้ใครได้ ความละอายเกรงกลัวต่อบาปก็ให้มันถูกต้องไม่ใช่อะไรก็กลัวกลายเป็นอริยะตาขาวกันไปซะงั้น สิ่งที่นำมากล่านั้นเป็นพระสูตรนะ พูดจะเอาแต่ดีกันแล้วมันตรงกับความจริงหรือเปล่า คุณกล้าบอกมั้ยล่ะว่าพระสูตรผิดว่าธรรม4อย่างมันหายไป1ข้อและบอกว่าไม่ต้องประกอบเนืองๆก็มีโทษเรื่องทางเสื่อม6ประการ กล้าหรือเปล่าจะได้รู้ไปเลยอยากรู้ว่าจะกล้าเป็นข้าศึกกับพระองค์

s005
อ้างคำพูด:
๑๗๘] อริยสาวกย่อมไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ ๖ เป็นไฉน ดูกรคฤหบดีบุตร
การประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทาง
เสื่อมแห่งโภคะประการ ๑

:b19: bigtoo จะอาศัยคำว่า "การประกอบเนืองๆ"มาเป็นข้ออ้างว่าพระอริยเจ้ายังเสพสุราอยู่นั้นดูเป็นการตีความเข้าข้างความเห็นของตนเอง ทำไมไม่ลองพิจารณาคำว่า "อริยสาวกย่อมไม่เสพ" ดูบ้างละ เขาชี้บอกชัดเจนว่า ไม่เสพ นี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งสองประเด็นนี้ก็มาจากพระสูตรที่ bigtoo อ้างอิงมานั่นเอง

อีกประการหนึ่งเมื่อพิจารณาตามธรรมที่พึงเกิดจริงๆแล้วเรื่องดื่มสุราไม่พึงอยู่ในวิสัยของพระอริยบุคคลที่จะมาเสพ

ส่วนที่อ้างอกุศลกรรมบท ๑๐ เรื่องกายกรรม ๓ ไม่มีเรื่อของศีลข้อที่๕ อยู่ด้วยแล้วมาอ้างว่าขนาดพระบรมศาสดายังไม่ว่าอะไร นี่ยิ่งเป็นการพยายามบิดเบือนพระสูตรมาสนับสนุนความเห็นผิดของตนเองให้ถูกต้อง น่าละอายมาก ดูกันให้ดีๆและรอบคอบทั่วถึงอย่าพึ่งฟันธงอะไรเอาง่ายๆตามอัตโนมัยของตนเอง

พึงพิจารณาด้วยสามัญสำนึกธรรมดาๆของมนุษย์นี้แหละว่า
พระอริยเจ้ายังพอเสพสุราได้บ้างเมื่อมีความจำเป็น นี่มันเป็นเหตุผลที่สมควรไหมในสายตาของคนธรรมดาๆทั่วไป
ขนาดพระภิกษุปุถุชนธรรมดาเสพสุราเรายังดูและยอมรับกันไม่ค่อยจะได้

ยุติเถอะยุติเถอะ สนทนากันในประเด็นใหม่ที่ได้ประโยชน์สร้างสรรค์คุณธรรมยิ่งกว่านี้เถอะครับ
smiley
สงสัยต้องเรียนกันใหม่หมดนะ. พระองค์เป็นคนกล่าวสอนธรรมเรื่องธรรม4อย่างที่อริยะเลิกได้แล้ว. และ ทางเสื่อม6ประการที่อริยไม่เสพ ก็มีคนถามพระองค์ว่า. ธรรม4ประการที่อริยะเลิกได้แล้วมีอะไรบ้าง?. พระองค์ก็ตอบไป4อย่าง. และก็ถามต่อว่า อริยะไม่เสพทางเสื่อม6ประการเป็นไฉน? พระองค์ก็ตอบการประกอบเนืองๆ6อย่าง. และพระองค์ก็บอกต่อโทษของการประกอบเนื่อง(นี่ต่างหากคือทางเสื่อม6ประการ)คุณก็ต้องวินิจฉัยคำว่าประกอบเนืองๆซิคืออะไรมันถึงจะได้คำตอบที่ถูกต้อง. เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่หรือเพราะต้องการจะให้มันตรงกับที่ตนคิดที่ว่าเป็นธรรมดาของท่าน แต่ไม่ตรงกับพระสูตร. คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วนะไม่ใช้เด็กน้อยที่จะนึกพูดอะไรผมยกพระสูตรมาให้เห็นผมนึกคิดเองหรือเปล่า. ถ้าคุณจะไม่วินิจฉัยก็พอทำเนานะถือว่าไม่ได้เห็นพระสูตรก็คิดแบบนั้นได้. สมัยก่อนผมก็คิดแบบนั้นแหล่ะไม่ต่างจากคุณคิดดีในมุมเดียว. แต่เมื่อศึกษาเทียบเคียงหลายๆพระสูตรเราดูแต่อาการภายนอกไม่ได้เลยมีบริบทอื่นมากมาย. จึงทำให้ใจเราเป็นกลางมากขึ้น และสำคัญที่สุดคือต้องมีพระสูตรเทียบเคียงด้วยนี่ก็ชัดเจนมาก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 20:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

:b19: bigtoo จะอาศัยคำว่า "การประกอบเนืองๆ"มาเป็นข้ออ้างว่าพระอริยเจ้ายังเสพสุราอยู่นั้นดูเป็นการตีความเข้าข้างความเห็นของตนเอง ทำไมไม่ลองพิจารณาคำว่า "อริยสาวกย่อมไม่เสพ" ดูบ้างละ เขาชี้บอกชัดเจนว่า ไม่เสพ นี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งสองประเด็นนี้ก็มาจากพระสูตรที่ bigtoo อ้างอิงมานั่นเอง

:b17: :b17:
:b4: :b4: :b4:

asoka เขียน:


ยุติเถอะยุติเถอะ สนทนากันในประเด็นใหม่ที่ได้ประโยชน์สร้างสรรค์คุณธรรมยิ่งกว่านี้เถอะครับ
smiley


:b13:
สมัยที่พระพุทธองค์ปลงอายุสังขาร...ตอนนั้นมารมาทวง...พระองค์ก็พิจารณาแล้วว่า..ตอนนี้สาวกของพระองค์มั่นคงมีความสามารถ (ที่จะกล่าวแก้ปัญหากับคนนอกศาสนา)..จึงได้ตกลงปลงสังขารตามที่มารขอ..

อโสกะ...ครับ...เมื่อเราเราเป็นพุทธบุตร...เป็นสาวกของผู้รู้..ผู้ตื่น..ผู้เบิกบาน...เป็นผู้มั่นคงต่อพระนิพพาน...เป็นผู้สืบพระศาสนาให้มั่นคงต่อ ๆ ไป...ดั่งที่พระองค์เล็งเห็นแล้วว่า...สาวกของท่านสามารถ...ก็ต้องไม่กลัว...ที่จะกล่าวแก้คำมิจฉาทิฎฐิทั้งหลาย..นะครับ...ทั้งนี้ก็เพื่อผู้มาใหม่จะไ้ไม่โอนเอียง...เบียงเบนออกนอกทาง...ทำให้เสียประโยชน์..ทั้งต่อตัวเขาเอง..และ...พระธรรมคำสอนของพระองค์..นะครับ

ซึ่งก็อาจจะ..ไม่สงบเรียบร้อยไปนิด...
ก็คงต้องยอมบาง..ที่จะไม่สงบเรียบร้อย.. :b6: :b6:

ยกเว้น..ว่า..เบื่อเจ้านี้แล้ว...มันจะลงนรกก็เรื่องของมัน...ก็บอกมันไปแล้ว...ก็ว่าไปอย่าง :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

:b19: bigtoo จะอาศัยคำว่า "การประกอบเนืองๆ"มาเป็นข้ออ้างว่าพระอริยเจ้ายังเสพสุราอยู่นั้นดูเป็นการตีความเข้าข้างความเห็นของตนเอง ทำไมไม่ลองพิจารณาคำว่า "อริยสาวกย่อมไม่เสพ" ดูบ้างละ เขาชี้บอกชัดเจนว่า ไม่เสพ นี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งสองประเด็นนี้ก็มาจากพระสูตรที่ bigtoo อ้างอิงมานั่นเอง

:b17: :b17:
:b4: :b4: :b4:

asoka เขียน:


ยุติเถอะยุติเถอะ สนทนากันในประเด็นใหม่ที่ได้ประโยชน์สร้างสรรค์คุณธรรมยิ่งกว่านี้เถอะครับ
smiley


:b13:
สมัยที่พระพุทธองค์ปลงอายุสังขาร...ตอนนั้นมารมาทวง...พระองค์ก็พิจารณาแล้วว่า..ตอนนี้สาวกของพระองค์มั่นคงมีความสามารถ (ที่จะกล่าวแก้ปัญหากับคนนอกศาสนา)..จึงได้ตกลงปลงสังขารตามที่มารขอ..

อโสกะ...ครับ...เมื่อเราเราเป็นพุทธบุตร...เป็นสาวกของผู้รู้..ผู้ตื่น..ผู้เบิกบาน...เป็นผู้มั่นคงต่อพระนิพพาน...เป็นผู้สืบพระศาสนาให้มั่นคงต่อ ๆ ไป...ดั่งที่พระองค์เล็งเห็นแล้วว่า...สาวกของท่านสามารถ...ก็ต้องไม่กลัว...ที่จะกล่าวแก้คำมิจฉาทิฎฐิทั้งหลาย..นะครับ...ทั้งนี้ก็เพื่อผู้มาใหม่จะไ้ไม่โอนเอียง...เบียงเบนออกนอกทาง...ทำให้เสียประโยชน์..ทั้งต่อตัวเขาเอง..และ...พระธรรมคำสอนของพระองค์..นะครับ

ซึ่งก็อาจจะ..ไม่สงบเรียบร้อยไปนิด...
ก็คงต้องยอมบาง..ที่จะไม่สงบเรียบร้อย.. :b6: :b6:

ยกเว้น..ว่า..เบื่อเจ้านี้แล้ว...มันจะลงนรกก็เรื่องของมัน...ก็บอกมันไปแล้ว...ก็ว่าไปอย่าง :b1: :b1:
กบเข้าใจคำว่าไม่เสพทางเสื่อมเป็นไฉยมั้ย. เป็นไฉนหมายความว่าอะไร คุณยกมาแต่ไม่เสพทางเสื่อม. แล้วทางเสื่อมเป็นไฉนเป็นประโยคคำถาม. กลับไปเรียนหนังสือใหม่ดีมั้ย คิดจะเป็นผู้สืบต่อศาสนาก็ควรจะใช้ความเห็นตามพระสูตรนะครับไม่ใช่ความคิดของตนเอง และก็ควรทำความเข้าใจให้ตรง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 21:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

:b19: bigtoo จะอาศัยคำว่า "การประกอบเนืองๆ"มาเป็นข้ออ้างว่าพระอริยเจ้ายังเสพสุราอยู่นั้นดูเป็นการตีความเข้าข้างความเห็นของตนเอง ทำไมไม่ลองพิจารณาคำว่า "อริยสาวกย่อมไม่เสพ" ดูบ้างละ เขาชี้บอกชัดเจนว่า ไม่เสพ นี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งสองประเด็นนี้ก็มาจากพระสูตรที่ bigtoo อ้างอิงมานั่นเอง


bigtoo เขียน:
กบเข้าใจคำว่าไม่เสพทางเสื่อมเป็นไฉยมั้ย. เป็นไฉนหมายความว่าอะไร คุณยกมาแต่ไม่เสพทางเสื่อม. แล้วทางเสื่อมเป็นไฉนเป็นประโยคคำถาม. กลับไปเรียนหนังสือใหม่ดีมั้ย คิดจะเป็นผู้สืบต่อศาสนาก็ควรจะใช้ความเห็นตามพระสูตรนะครับไม่ใช่ความคิดของตนเอง และก็ควรทำความเข้าใจให้ตรง


นั้น..นั้น..เริ่มมีปัญญาแล้ว.. :b17:

อริยะสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ6....(ทางเสื่อมแห่งโภคะ 6)เป็นไฉน...

อาจจะต้องไปสืบดูที่คำบาลีที่ใช้แล้วละ...ว่าต้นทางเป็นอย่างไร...พอแปลมาเป็นภาษาไทย...ก็ต้องไปดูสำนวนอื่น ๆ ดูว่า..มีอะไรแตกต่างกันมั้ย..

นี้ว่ากันเฉพาะด้านภาษาล้วน ๆ ...นะ..

แต่ผม..มีทางสืบจากอย่างอื่นมาประกอบ....กำลังอยู่อีกกระทู้นึ่ง...อยู่..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 16:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
asoka เขียน:
:b13:
bigtoo กำลังพยายามหาเหตุผลต่างๆมาอ้างให้คนเชื่อว่าพระอริยบุคคลชั้นต้นอย่างพระโสดาบันยังเสพเหล้า ล่วงศีลข้อ ๕ ได้นิดหน่อย เพื่อประโยชน์อันใดหรือ
s006
พระโสดาบันบุคคลท่านมีคุณสมบัติประจำตัวที่แน่ชัดแล้วว่า
ไม่ล่วงศีล ๕ เป็นปกติอยู่อย่างนั้นแล้ว

สีลพัตปรามาส ความรักษาศีลเคร่งหรือหย่อนเกินไปไม่มีแล้วในพระโสดาบัน มีแต่ปกติศีลที่รักษาอยู่ด้วยธรรม ด้วยเหตุและผล ในเรื่องสุราที่เป็น ๑ ในอบายมุข ๖ พระอริยโสดาบันท่านก็เว้นขาดแล้ว ความละอายเกรงกลัวต่อบาปของท่านก็มีสูงยิ่งแล้วมีหรือจะล่วงศีลข้อ ๕ เพื่อประโยชน์อันเล็กน้อยเพียงเพื่อรักษาน้ำใจเพื่อนนักดื่มเหล้า

ผมว่าเพียงพอเถอะ bigtoo อย่าดึงดันให้พระอริยะเจ้ายังดื่มเหล้าได้อยู่เลย ถ้ามีคนเชื่อและคล้อยตามเช่นนี้จะเป็นการลดคุณค่าของพระอริยเจ้าลงมาให้ถูกตำหนิติเตียนดูแคลน สงสัยได้
tongue
อโสกะท่านพูดอะไรก็ดูเหตุผลด้วยนะครับ ผมจะยัดเยียดอะไรให้ใครได้ ความละอายเกรงกลัวต่อบาปก็ให้มันถูกต้องไม่ใช่อะไรก็กลัวกลายเป็นอริยะตาขาวกันไปซะงั้น สิ่งที่นำมากล่านั้นเป็นพระสูตรนะ พูดจะเอาแต่ดีกันแล้วมันตรงกับความจริงหรือเปล่า คุณกล้าบอกมั้ยล่ะว่าพระสูตรผิดว่าธรรม4อย่างมันหายไป1ข้อและบอกว่าไม่ต้องประกอบเนืองๆก็มีโทษเรื่องทางเสื่อม6ประการ กล้าหรือเปล่าจะได้รู้ไปเลยอยากรู้ว่าจะกล้าเป็นข้าศึกกับพระองค์

:b14:
อีกเรื่องหนึ่งที่ bigtoo มาพยายามตีความว่าเมื่อพระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงอกุศลกรรมบท ๑๐ ทำไมจึงไม่มีศีลข้อที่ ๕ สุราเมรัยยะมากล่าวด้วยนั้นก็เป็นเพราะการเสพสุราไม่ใช่เป็นกรรมที่ประทุษร้ายต่อใครจึงไม่เข้าในกายกรรม วจีกรรมหรือมโนกรรม แต่มันไปเข้าอยู่ในหมวดธรรมของอบายมุข ๖ แทน ในอบายมุข ๖ พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสบอกชัดเจนแล้วว่า "อริยสาวกย่อมไม่เสพ" ดังพระสูตรที่ bigtoo ยกมาอ้างอิงอยู่แล้ว เมื่อทรงกล่าวดังนี้เสียก่อนแล้วก็ต้องถือว่าจบเด็ดขาดตรงนี้ ป่วยประโยชน์อะไรที่ bigtoo จะมาอ้างอิงเอาคำว่า "การประกอบเนืองๆ" มาอ้างเพื่อให้ผู้คนหลงคล้อยผิดตามและเข้าใจผิดว่าพระอริยะเจ้ายังเสพสุราอยู่ แถมยังกล่าวตู่ว่าพระพุทธเจ้าตรัสให้เป็นอย่างที่ bigtoo เข้าใจ
s005


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 13, 14, 15, 16, 17, 18, 19 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร