วันเวลาปัจจุบัน 13 ต.ค. 2025, 17:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8601


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
สัตว์เดรัจฉานต้องการคำข้าว มนุษย์ต้องการธรรมะ. น่าจะให้ธรรมะแก่เขาสักบทจะดีกว่านะ เพื่อเขาจะได้ความสุขชั่วกาลนาน


เมากระท่อมป่าว ดูเหมือนจะเปรอๆ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32:
ลุงหมาน เขียน:
bigtoo เขียน:
สัตว์เดรัจฉานต้องการคำข้าว มนุษย์ต้องการธรรมะ. น่าจะให้ธรรมะแก่เขาสักบทจะดีกว่านะ เพื่อเขาจะได้ความสุขชั่วกาลนาน


เมากระท่อมป่าว ดูเหมือนจะเปรอๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 11:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
สัตว์เดรัจฉานต้องการคำข้าว มนุษย์ต้องการธรรมะ. น่าจะให้ธรรมะแก่เขาสักบทจะดีกว่านะ เพื่อเขาจะได้ความสุขชั่วกาลนาน

ลุงหมาน เขียน:

เมากระท่อมป่าว ดูเหมือนจะเปรอๆ


ให้ธรรมะแล้วรับไม่ได้...ก็น่าจะลองให้คำข้าว..ดู..นะ

คนก็ต้องกินข้าว..อยู่หน่า...รึBigtoo กินลม...


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
สัตว์เดรัจฉานต้องการคำข้าว มนุษย์ต้องการธรรมะ. น่าจะให้ธรรมะแก่เขาสักบทจะดีกว่านะ เพื่อเขาจะได้ความสุขชั่วกาลนาน

ลุงหมาน เขียน:

เมากระท่อมป่าว ดูเหมือนจะเปรอๆ


ให้ธรรมะแล้วรับไม่ได้...ก็น่าจะลองให้คำข้าว..ดู..นะ

คนก็ต้องกินข้าว..อยู่หน่า...รึBigtoo กินลม...
ให้แล้วอิ้ม เดี๋ยวก็หิวอีก. จะทำไปทำไมเสียเวลาเราเปล่าๆ. ถ้ามองออกโลกเขาก็ทำกันอยู่แล้ว.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 12:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ให้แล้ว...แต่คนรับ..รับไม่ได้เอง...มันก็ต้องให้ในสิ่งที่เขาพอรับได้ซิ...คนฉลาดย่อมรู้กาละเทศะ...รู้สิ่งไหนควรทำเวลาไหน...


โพสต์ เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก็ให้แล้ว...แต่คนรับ..รับไม่ได้เอง...มันก็ต้องให้ในสิ่งที่เขาพอรับได้ซิ...คนฉลาดย่อมรู้กาละเทศะ...รู้สิ่งไหนควรทำเวลาไหน...

เอาเถอะกบ. คนlที่ลาดเขาก็เลือกที่จะให้อะไรๆแก่ใครๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 04 ก.ค. 2015, 05:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสต์ เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 21:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก็ให้แล้ว...แต่คนรับ..รับไม่ได้เอง...มันก็ต้องให้ในสิ่งที่เขาพอรับได้ซิ...คนฉลาดย่อมรู้กาละเทศะ...รู้สิ่งไหนควรทำเวลาไหน...


bigtoo เขียน:
เอาเถอะกบ. คนี่ฉลาดเขาก็เลือกที่จะให้อะไรๆแก่ใครๆ


:b17: :b17: :b17:
น่าจะคิดอย่างนี้ตั่งกะทีแรก....จะได้ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรอะไรเห่ย..เห่ย..เช่น...

bigtoo เขียน:
ลุงหมานลำเอียงหรือเปล่า มีคนเดือดร้อนอีกมากมาย ลุกหมานไปช่วยอีกซิ


bigtoo เขียน:
มันก็จบตรงสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมนั้นแหล่ะครับ เด็กคนนี้ต่อไปอาจจะเกิดทุกข์ก็ได้นะ จากเคยขายดี ต่อมาไม่นานก็จะขายไม่ดีเหมือนเก่า เขาจะรับความจริงได้หรือเปล่า คิดๆๆๆๆๆๆๆ


bigtoo เขียน:
พรหมจรรย์ใดเป็นไปเพื่อสวรรค์พรหมจรรย์นั้นเศร้าหมองก็แค่นั้นเอง ก็แค่บอกๆไว้.


bigtoo เขียน:
มีอะไรเหรอกบ. อานาปานสติไง. ไม่ต้องไปช่วยขายขนมหรอก


bigtoo เขียน:
เขาเจริญกันแบบนั้นเหรอ ไปช่วยขายขนม


bigtoo เขียน:
สัตว์เดรัจฉานต้องการคำข้าว มนุษย์ต้องการธรรมะ. น่าจะให้ธรรมะแก่เขาสักบทจะดีกว่านะ เพื่อเขาจะได้ความสุขชั่วกาลนาน


bigtoo เขียน:
ให้แล้วอิ้ม เดี๋ยวก็หิวอีก. จะทำไปทำไมเสียเวลาเราเปล่าๆ. ถ้ามองออกโลกเขาก็ทำกันอยู่แล้ว.


:b32: :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 04 ก.ค. 2015, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ก็ให้แล้ว...แต่คนรับ..รับไม่ได้เอง...มันก็ต้องให้ในสิ่งที่เขาพอรับได้ซิ...คนฉลาดย่อมรู้กาละเทศะ...รู้สิ่งไหนควรทำเวลาไหน...


bigtoo เขียน:
เอาเถอะกบ. คนี่ฉลาดเขาก็เลือกที่จะให้อะไรๆแก่ใครๆ


:b17: :b17: :b17:
น่าจะคิดอย่างนี้ตั่งกะทีแรก....จะได้ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรอะไรเห่ย..เห่ย..เช่น...

bigtoo เขียน:
ลุงหมานลำเอียงหรือเปล่า มีคนเดือดร้อนอีกมากมาย ลุกหมานไปช่วยอีกซิ


bigtoo เขียน:
มันก็จบตรงสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมนั้นแหล่ะครับ เด็กคนนี้ต่อไปอาจจะเกิดทุกข์ก็ได้นะ จากเคยขายดี ต่อมาไม่นานก็จะขายไม่ดีเหมือนเก่า เขาจะรับความจริงได้หรือเปล่า คิดๆๆๆๆๆๆๆ


bigtoo เขียน:
พรหมจรรย์ใดเป็นไปเพื่อสวรรค์พรหมจรรย์นั้นเศร้าหมองก็แค่นั้นเอง ก็แค่บอกๆไว้.


bigtoo เขียน:
มีอะไรเหรอกบ. อานาปานสติไง. ไม่ต้องไปช่วยขายขนมหรอก


bigtoo เขียน:
เขาเจริญกันแบบนั้นเหรอ ไปช่วยขายขนม


bigtoo เขียน:
สัตว์เดรัจฉานต้องการคำข้าว มนุษย์ต้องการธรรมะ. น่าจะให้ธรรมะแก่เขาสักบทจะดีกว่านะ เพื่อเขาจะได้ความสุขชั่วกาลนาน


bigtoo เขียน:
ให้แล้วอิ้ม เดี๋ยวก็หิวอีก. จะทำไปทำไมเสียเวลาเราเปล่าๆ. ถ้ามองออกโลกเขาก็ทำกันอยู่แล้ว.


:b32: :b32: :b32:

กิจของชาวบ้านเป็นของปุถุชน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 04 ก.ค. 2015, 21:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=1&t=50431&start=15
...........................................
ปฏิบัติธรรม...สมควรแก่ธรรม

เขาอยู่ในอารมณ์ทำอย่างนั้น...แต่เราอยู่ในอารมณ์ทำอย่างนี้...ก็สามารถอนุโมทนาสาธุในบุญของกันและกันได้...

สำคัญ..ว่า...จิตใจอ่อนโยนพอที่จะเห็นความดีของผู้อื่น..มั้ย..ต่างหาก

ไม่ใช่มานั่งนับ..ว่า..อันนี้ของปุถุชน...เราอริยะไม่ทำ..เดียวตกจากอริยะ... อันนี้ของชาวบ้านทำ..เราอริยะไม่ทำ...ฯ..อันนี้ก็อริยะคิด. Ariya Kid...แล้วละ
.........................................

:b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ค. 2015, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50431&start=15
...........................................
ปฏิบัติธรรม...สมควรแก่ธรรม

เขาอยู่ในอารมณ์ทำอย่างนั้น...แต่เราอยู่ในอารมณ์ทำอย่างนี้...ก็สามารถอนุโมทนาสาธุในบุญของกันและกันได้...

สำคัญ..ว่า...จิตใจอ่อนโยนพอที่จะเห็นความดีของผู้อื่น..มั้ย..ต่างหาก

ไม่ใช่มานั่งนับ..ว่า..อันนี้ของปุถุชน...เราอริยะไม่ทำ..เดียวตกจากอริยะ... อันนี้ของชาวบ้านทำ..เราอริยะไม่ทำ...ฯ..อันนี้ก็อริยะคิด. Ariya Kid...แล้วละ
.........................................

:b32: :b32:
ใครจะอยู่ในอารมณ์อย่างไรจะทำอะไร ผมห้าหรือเปล่า ที่ผมกล่าวก็เอาคำศาสดามาให้ฟัง ก็แล้วแต่อินทรีย์ที่จะเข้าใจนะครับ. ทำไมพระศาสดาถึงกล่าวอย่างนั้น. ลองคิดดูกบ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ค. 2015, 10:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลองยกมาให้ดูซิ....อะไรเป็นกิจชาวบ้าน..ที่อริยะสาวกไม่ควรทำ

ไม่ใช่มากล่าวลอย ๆ...กล่าวไม่รู้กาละเทศะ...


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ค. 2015, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลองยกมาให้ดูซิ....อะไรเป็นกิจชาวบ้าน..ที่อริยะสาวกไม่ควรทำ

ไม่ใช่มากล่าวลอย ๆ...กล่าวไม่รู้กาละเทศะ...



ก็ปาริจริยานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลก
นี้ ย่อมบำรุงกษัตริย์บ้าง พราหมณ์บ้าง คฤหบดีบ้าง บำรุงคนชั้นสูงชั้นต่ำ
บำรุงสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย การบำรุง
นี้นั้นมีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการบำรุงนี้นั้นเป็นการบำรุงที่เลว ... ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว
มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมบำรุงพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคต การบำรุงนี้
ยอดเยี่ยมกว่าการบำรุงทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย ...
เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรัก
ตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมบำรุงพระตถาคตหรือสาวก
ของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า ปาริจริยานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนา
นุตตริยะ ลาภานุตตริยะ สิกขานุตตริยะ ปาริจริยานุตตริยะ เป็นดังนี้ ฯ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 05 ก.ค. 2015, 20:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต

๑๐. อนุตตริยสูตร

.............................................
[๓๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุตตริยะ ๖ ประการนี้ ๖ ประการเป็นไฉน
คือ ทัสสนานุตตริยะ ๑ สวนานุตตริยะ ๑ ลาภานุตตริยะ ๑ สิกขานุตตริยะ ๑
ปาริจริยานุตตริยะ ๑ อนุสสตานุตตริยะ ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทัสสนานุตตริยะเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล
บางคนในโลกนี้ ย่อมไปเพื่อดูช้างแก้วบ้าง ม้าแก้วบ้าง แก้วมณีบ้าง ของใหญ่
ของเล็ก หรือสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ทัสสนะนั้นมีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าทัสสนะนี้นั้นแลเป็นกิจเลว เป็น
ของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรัก
ตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปเห็นพระตถาคต หรือ
สาวกพระตถาคต การเห็นนี้ยอดเยี่ยมกว่าการเห็นทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความ
บริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มี
ความเลื่อมใสยิ่ง ไปเห็นพระตถาคต หรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า
ทัสสนานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะเป็นดังนี้ ฯ

ก็สวนานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
ย่อมไปเพื่อฟังเสียงกลองบ้าง เสียงพิณบ้าง เสียงเพลงขับบ้าง หรือเสียงสูงๆ
ต่ำๆ ย่อมไปเพื่อฟังธรรมของสมณะ หรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การฟังนี้มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการฟังนี้นั้นเป็นกิจ
เลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่
หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปฟังธรรมของพระตถาคตหรือสาวกของพระ
ตถาคต การฟังนี้ยอดเยี่ยมกว่าการฟังทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่ง
สัตว์ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม ... เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธา
ตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ไปเพื่อฟังธรรม
ของพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า สวนานุตตริยะ ทัสสนา
นุตตริยะ สวนานุตตริยะ เป็นดังนี้ ฯ

ก็ลาภานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมได้ลาภคือบุตรบ้าง ภรรยาบ้าง ทรัพย์บ้าง หรือลาภมากบ้าง น้อยบ้าง หรือ
ได้ศรัทธาในสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภนี้
มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าลาภนี้นั้นเป็นของเลว เป็น
ของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน... ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง
ย่อมได้ศรัทธาในพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคต การได้นี้ยอดเยี่ยมกว่าการได้
ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความ
บริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่ง
นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธา
ไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมได้ศรัทธาในพระตถาคตหรือสาวกของ
พระตถาคตนี้ เราเรียกว่า ลาภานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตริยะ
ลาภานุตตริยะ เป็นดังนี้ ฯ
ก็สิกขานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
ย่อมศึกษาศิลปะเกี่ยวกับช้างบ้าง ม้าบ้าง รถบ้าง ธนูบ้าง ดาบบ้าง หรือศึกษา
ศิลปชั้นสูงชั้นต่ำ ย่อมศึกษาต่อสมณะ หรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การศึกษานี้มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการศึกษานั้น
เป็นการศึกษาที่เลว เป็น
ของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้ง
มั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมศึกษาอธิศีลบ้าง อธิจิต
บ้าง อธิปัญญาบ้าง ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว การศึกษานี้ยอด
เยี่ยมกว่าการศึกษาทั้งหลาย ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้ง
หลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความ
บริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธา
ตั้งหมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมศึกษา
อธิศีลบ้าง อธิจิตบ้าง อธิปัญญาบ้าง ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วนี้
เราเรียกว่า สิกขานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตตริยะ ลาภานุตตริยะ
สิกขานุตตริอะ เป็นดังนี้ ฯ
......................................
ตรงไหน....ที่ห้ามอริยะ..ทำ..หา..Bigtoo..


http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B ... 660&Z=7748


โพสต์ เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 05:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8601


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ดูเหมือนว่ามันห่างไกลจากหัวข้อที่ตั้งไว้มาก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสต์ เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 06:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต

๑๐. อนุตตริยสูตร

.............................................
[๓๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุตตริยะ ๖ ประการนี้ ๖ ประการเป็นไฉน
คือ ทัสสนานุตตริยะ ๑ สวนานุตตริยะ ๑ ลาภานุตตริยะ ๑ สิกขานุตตริยะ ๑
ปาริจริยานุตตริยะ ๑ อนุสสตานุตตริยะ ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทัสสนานุตตริยะเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล
บางคนในโลกนี้ ย่อมไปเพื่อดูช้างแก้วบ้าง ม้าแก้วบ้าง แก้วมณีบ้าง ของใหญ่
ของเล็ก หรือสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ทัสสนะนั้นมีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าทัสสนะนี้นั้นแลเป็นกิจเลว เป็น
ของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรัก
ตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปเห็นพระตถาคต หรือ
สาวกพระตถาคต การเห็นนี้ยอดเยี่ยมกว่าการเห็นทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความ
บริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มี
ความเลื่อมใสยิ่ง ไปเห็นพระตถาคต หรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า
ทัสสนานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะเป็นดังนี้ ฯ

ก็สวนานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
ย่อมไปเพื่อฟังเสียงกลองบ้าง เสียงพิณบ้าง เสียงเพลงขับบ้าง หรือเสียงสูงๆ
ต่ำๆ ย่อมไปเพื่อฟังธรรมของสมณะ หรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การฟังนี้มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการฟังนี้นั้นเป็นกิจ
เลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่
หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมไปฟังธรรมของพระตถาคตหรือสาวกของพระ
ตถาคต การฟังนี้ยอดเยี่ยมกว่าการฟังทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่ง
สัตว์ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม ... เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธา
ตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ไปเพื่อฟังธรรม
ของพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคตนี้ เราเรียกว่า สวนานุตตริยะ ทัสสนา
นุตตริยะ สวนานุตตริยะ เป็นดังนี้ ฯ

ก็ลาภานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ย่อมได้ลาภคือบุตรบ้าง ภรรยาบ้าง ทรัพย์บ้าง หรือลาภมากบ้าง น้อยบ้าง หรือ
ได้ศรัทธาในสมณะหรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลาภนี้
มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าลาภนี้นั้นเป็นของเลว เป็น
ของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน... ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง
ย่อมได้ศรัทธาในพระตถาคตหรือสาวกของพระตถาคต การได้นี้ยอดเยี่ยมกว่าการได้
ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความ
บริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่ง
นิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธา
ไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมได้ศรัทธาในพระตถาคตหรือสาวกของ
พระตถาคตนี้ เราเรียกว่า ลาภานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตริยะ
ลาภานุตตริยะ เป็นดังนี้ ฯ
ก็สิกขานุตตริยะเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
ย่อมศึกษาศิลปะเกี่ยวกับช้างบ้าง ม้าบ้าง รถบ้าง ธนูบ้าง ดาบบ้าง หรือศึกษา
ศิลปชั้นสูงชั้นต่ำ ย่อมศึกษาต่อสมณะ หรือพราหมณ์ผู้เห็นผิด ผู้ปฏิบัติผิด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย การศึกษานี้มีอยู่ เราไม่กล่าวว่า ไม่มี ก็แต่ว่าการศึกษานั้น
เป็นการศึกษาที่เลว เป็น
ของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็น
ไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง
เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่น มีความรักตั้ง
มั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมศึกษาอธิศีลบ้าง อธิจิต
บ้าง อธิปัญญาบ้าง ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว การศึกษานี้ยอด
เยี่ยมกว่าการศึกษาทั้งหลาย ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้ง
หลาย ย่อมเป็นไปเพื่อความ
บริสุทธิ์แห่งสัตว์ทั้งหลาย เพื่อก้าวล่วงความโศกและความร่ำไร เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลผู้มีศรัทธา
ตั้งหมั่น มีความรักตั้งมั่น มีศรัทธาไม่หวั่นไหว มีความเลื่อมใสยิ่ง ย่อมศึกษา
อธิศีลบ้าง อธิจิตบ้าง อธิปัญญาบ้าง ในธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วนี้
เราเรียกว่า สิกขานุตตริยะ ทัสสนานุตตริยะ สวนานุตตริยะ ลาภานุตตริยะ
สิกขานุตตริอะ เป็นดังนี้ ฯ
......................................
ตรงไหน....ที่ห้ามอริยะ..ทำ..หา..Bigtoo..


http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B ... 660&Z=7748
สงสัยกบ จะต้องเรียนเรื่องธรรมะใหม่หมดนะ. ไม่มีใครเขาห้ามใครทำอะไรหรอก. เพียงเขาบอกว่าเป็นกิจเลว เป็นกิจของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่เป็นไปเพื่อฯลฯ..... กบอ่านแค่นี้ยังไม่เข้าใจ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร