วันเวลาปัจจุบัน 28 ส.ค. 2025, 04:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 20:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เรื่องราวของน้องฟิวส์ ได้สะท้อนอะไรๆ ได้อีกหลายอย่างที่เราไม่เคยคิดและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ดังนั้นก็ไม่ควรจะท้อแท้กับชีวิต คนที่เขาลำบากกว่าเราก็มีอีกเยอะแยะ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน
ที่กำลังเผชิญความลำบากอยู่ในขณะนี้ ก็ดูน้องฟิวส์เป็นตัวอย่างอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด


เดี๋ยวลุงหมานก็เที่ยวจะวิ่งไปหาเด็กช่วยแม่ขายขนมอีก หาแต่สวรรค์จนลืมทางไปนิพพานหรอก


จะไปนิพพาน...แต่ไม่ผ่านสวรรค์..นะ...เป็นไปไม่ได้หรอก...

เด็กน้อยเอ๋ย.... :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เรื่องราวของน้องฟิวส์ ได้สะท้อนอะไรๆ ได้อีกหลายอย่างที่เราไม่เคยคิดและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ดังนั้นก็ไม่ควรจะท้อแท้กับชีวิต คนที่เขาลำบากกว่าเราก็มีอีกเยอะแยะ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน
ที่กำลังเผชิญความลำบากอยู่ในขณะนี้ ก็ดูน้องฟิวส์เป็นตัวอย่างอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด


เดี๋ยวลุงหมานก็เที่ยวจะวิ่งไปหาเด็กช่วยแม่ขายขนมอีก หาแต่สวรรค์จนลืมทางไปนิพพานหรอก


จะไปนิพพาน...แต่ไม่ผ่านสวรรค์..นะ...เป็นไปไม่ได้หรอก...

เด็กน้อยเอ๋ย.... :b32: :b32:
หุหุ สวรรค์กบเคยเห็นป่าวล่ะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
หุหุ สวรรค์กบเคยเห็นป่าวล่ะ


อีโถ้ว....อย่าว่าแต่เห็นเลย...อยู่ก็ออกบ่อยๆ..555

ช่วงเข้าธรรมะแรกๆ...ฟังธรรมตลอด...ปฏิบัติตลอด...ตื่นมาทุกเช้า..จิตใจแจ่มใส..สบายๆ

ยังกะอยู่สวรรค์...แน่ะ..Bigtoo :b32: :b32:

bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เรื่องราวของน้องฟิวส์ ได้สะท้อนอะไรๆ ได้อีกหลายอย่างที่เราไม่เคยคิดและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ดังนั้นก็ไม่ควรจะท้อแท้กับชีวิต คนที่เขาลำบากกว่าเราก็มีอีกเยอะแยะ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน
ที่กำลังเผชิญความลำบากอยู่ในขณะนี้ ก็ดูน้องฟิวส์เป็นตัวอย่างอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด


เดี๋ยวลุงหมานก็เที่ยวจะวิ่งไปหาเด็กช่วยแม่ขายขนมอีก หาแต่สวรรค์จนลืมทางไปนิพพานหรอก


ไปนิพพาน...ไม่ผ่านสวรรค์..ทำงัย Bigtoo..อิอิ

หิริ...ไม่มี
โอตัปปะ..ไม่ต้อง
ทาน...ไม่ทำ
พรหมวิหาร...ข้ามไป

ไปอริยะสัจ4...มรรค8 เลยนิ...Bigtoo...

ไหน..บอกมาจิ....ไปนิพพานไม่ผ่านสวรรค์..ทำงัย?


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 02 ก.ค. 2015, 21:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เรื่องราวของน้องฟิวส์ ได้สะท้อนอะไรๆ ได้อีกหลายอย่างที่เราไม่เคยคิดและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ดังนั้นก็ไม่ควรจะท้อแท้กับชีวิต คนที่เขาลำบากกว่าเราก็มีอีกเยอะแยะ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน
ที่กำลังเผชิญความลำบากอยู่ในขณะนี้ ก็ดูน้องฟิวส์เป็นตัวอย่างอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด


เดี๋ยวลุงหมานก็เที่ยวจะวิ่งไปหาเด็กช่วยแม่ขายขนมอีก หาแต่สวรรค์จนลืมทางไปนิพพานหรอก


ไปนิพพาน...ไม่ผ่านสวรรค์..ทำงัย Bigtoo..อิอิ

หิริ...ไม่มี
โอตัปปะ..ไม่ต้อง
ทาน...ไม่ทำ
พรหมวิหาร...ข้ามไป

ไปอริยะสัจ4...มรรค8 เลยนิ...Bigtoo...

ไหน..บอกมาจิ....ไปนิพพานไม่ผ่านสวรรค์..ทำงัย?

กบคงยังคิดว่าจะต้องผ่านสวรรค์ผ่านพรหมก่อนเหรอ. แบบว่าเป็นสถานีๆแบบนั้นป่าว. ดูอานาปานสติซิมีมั้ย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 21:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:

กบคงยังคิดว่าจะต้องผ่านสวรรค์ผ่านพรหมก่อนเหรอ. แบบว่าเป็นสถานีๆแบบนั้นป่าว. ดูอานาปานสติซิมีมั้ย

หร่า..Bigtoo... :b32: :b32:
ดูนะ....และก็..จำด้วย

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์




๘. อานาปานสติสูตร (๑๑๘)

-------------------------------

[๒๘๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ปราสาทของอุบาสิกาวิสาขา
มิคารมารดา ในพระวิหารบุพพาราม เขตพระนครสาวัตถี พร้อมด้วยพระสาวก
ผู้เถระมีชื่อเสียงเด่นมากรูปด้วยกัน เช่น ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหา-
*โมคคัลลานะ ท่านพระมหากัสสป ท่านพระมหากัจจายนะ ท่านพระมหาโกฏฐิตะ
ท่านพระมหากปิณะ ท่านพระมหาจุนทะ ท่านพระเรวตะ ท่านพระอานนท์ และ
พระสาวกผู้เถระมีชื่อเสียงเด่นอื่นๆ ก็สมัยนั้นแล พระเถระทั้งหลายพากันโอวาท
พร่ำสอนพวกภิกษุอยู่ คือ พระเถระบางพวกโอวาทพร่ำสอนภิกษุ ๑๐ รูปบ้าง
บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๒๐ รูปบ้าง บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๓๐ รูปบ้าง บางพวก
โอวาทพร่ำสอน ๔๐ รูปบ้าง ฝ่ายภิกษุนวกะเหล่านั้น อันภิกษุผู้เถระโอวาทพร่ำ
สอนอยู่ ย่อมรู้ชัดธรรมวิเศษอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าที่ตนรู้มาก่อน ฯ
[๒๘๓] ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคมีภิกษุสงฆ์ห้อมล้อมประทับนั่ง
กลางแจ้ง ในราตรีมีจันทร์เพ็ญ วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ทั้งเป็นวัน
ปวารณาด้วย ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเหลียวดูภิกษุสงฆ์ ซึ่งนิ่งเงียบอยู่โดย
ลำดับ จึงตรัสบอกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราปรารภในปฏิปทานี้
เรามีจิตยินดีในปฏิปทานี้ เพราะฉะนั้นแล พวกเธอจงปรารภความเพียร เพื่อถึง
คุณที่ตนยังไม่ถึง เพื่อบรรลุคุณที่ตนยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งคุณที่ตนยังไม่ทำ
ให้แจ้ง โดยยิ่งกว่าประมาณเถิด เราจักรออยู่ในเมืองสาวัตถีนี้แล จนถึงวันครบ
๔ เดือนแห่งฤดูฝน เป็นที่บานแห่งดอกโกมุท ๑- พวกภิกษุชาวชนบททราบข่าว
ว่า พระผู้มีพระภาคจักรออยู่ในเมืองสาวัตถีนั้น จนถึงวันครบ ๔ เดือนแห่ง
ฤดูฝน เป็นที่บานแห่งดอกโกมุท จึงพากันหลั่งไหลมายังพระนครสาวัตถี เพื่อ
เฝ้าพระผู้มีพระภาค ฝ่ายภิกษุผู้เถระเหล่านั้นก็พากันโอวาทพร่ำสอนภิกษุนวกะ
@๑. คือวันเพ็ญเดือนสิบสอง
เพิ่มประมาณขึ้น คือ ภิกษุผู้เถระบางพวกโอวาทพร่ำสอนภิกษุ ๑๐ รูปบ้าง บาง-
*พวกโอวาทพร่ำสอน ๒๐ รูปบ้าง บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๓๐ รูปบ้าง บางพวก
โอวาทพร่ำสอน ๔๐ รูปบ้าง และภิกษุนวกะเหล่านั้น อันภิกษุผู้เถระโอวาท
พร่ำสอนอยู่ ย่อมรู้ชัดธรรมวิเศษอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าที่ตนรู้มาก่อน ฯ
[๒๘๔] ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคมีภิกษุสงฆ์ห้อมล้อมประทับนั่ง
กลางแจ้ง ในราตรีมีจันทร์เพ็ญ เป็นวันครบ ๔ เดือนแห่งฤดูฝน เป็นที่บาน
แห่งดอกโกมุท วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรง
เหลียวดูภิกษุสงฆ์ ซึ่งนิ่งเงียบอยู่โดยลำดับ จึงตรัสบอกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกร-
*ภิกษุทั้งหลาย บริษัทนี้ไม่คุยกัน บริษัทนี้เงียบเสียงคุย ดำรงอยู่ในสารธรรม
อันบริสุทธิ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับ
บริษัทที่ควรแก่การคำนับ ควรแก่การต้อนรับ ควรแก่ทักษิณาทาน ควรแก่การ
กระทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลกอย่างหาที่อื่นยิ่งกว่ามิได้ ภิกษุสงฆ์นี้
บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัทที่เขาถวายของน้อย มีผลมาก และถวายของมาก
มีผลมากยิ่งขึ้น ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัท อันชาวโลก
ยากที่จะได้พบเห็น ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัทอันสมควร
ที่แม้คนผู้เอาเสบียงคล้องบ่าเดินทางไปชมนับเป็นโยชน์ๆ ฯ
[๒๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็น
พระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระ
ได้แล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้วโดยลำดับ สิ้นสัญโญชน์ในภพแล้ว พ้นวิเศษ
แล้วเพราะรู้ชอบ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็นอุปปาติกะ เพราะ
สิ้นสัญโญชน์ส่วนเบื้องต่ำทั้ง ๕ จะได้ปรินิพพานในโลกนั้นๆ มีอันไม่กลับ
มาจากโลกนั้นอีกเป็นธรรมดา แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็นพระสกทาคามี
เพราะสิ้นสัญโญชน์ ๓ อย่าง และเพราะทำราคะ โทสะ โมหะให้เบาบาง
มายังโลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น ก็จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่
ภิกษุสงฆ์นี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็นพระโสดาบัน เพราะ
สิ้นสัญโญชน์ ๓ อย่าง มีอันไม่ตกอบายเป็นธรรมดา แน่นอนที่จะได้ตรัสรู้ใน
เบื้องหน้า แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความเพียร
ในอันเจริญสติปัฏฐาน ๔ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
[๒๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบ
ความเพียรในอันเจริญสัมมัปปธาน ๔ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญอิทธิบาท ๔ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญอินทรีย์ ๕ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญพละ ๕ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญโพชฌงค์ ๗ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้
ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญเมตตาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญกรุณาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญมุทิตาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความเพียร
ในอันเจริญอุเบกขาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความเพียร
ในอันเจริญอสุภสัญญาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความเพียร
ในอันเจริญอนิจจสัญญาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
[๒๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบ
ความเพียรในอันเจริญอานาปานสติอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อม
มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อม
บำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้ ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ทำให้มากแล้ว
ย่อมบำเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้ ภิกษุที่เจริญโพชฌงค์ ๗ แล้ว ทำให้มาก
แล้ว ย่อมบำเพ็ญวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้ ฯ
......................................................


อนาคามี..ตายไป..อยู่ไหนจ๊ะ

สกิทาคามี..โสดาบัน..ตายไป..อยู่ไหนจ๊ะ

พระปุถุชน...ยังเพียรในพรหมวิหาร 4 ด้วยนะจ๊ะ..


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 02 ก.ค. 2015, 21:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:

กบคงยังคิดว่าจะต้องผ่านสวรรค์ผ่านพรหมก่อนเหรอ. แบบว่าเป็นสถานีๆแบบนั้นป่าว. ดูอานาปานสติซิมีมั้ย

หร่า..Bigtoo... :b32: :b32:
ดูนะ....และก็..จำด้วย

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์




๘. อานาปานสติสูตร (๑๑๘)

-------------------------------
[๒๘๒] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ปราสาทของอุบาสิกาวิสาขา
มิคารมารดา ในพระวิหารบุพพาราม เขตพระนครสาวัตถี พร้อมด้วยพระสาวก
ผู้เถระมีชื่อเสียงเด่นมากรูปด้วยกัน เช่น ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหา-
*โมคคัลลานะ ท่านพระมหากัสสป ท่านพระมหากัจจายนะ ท่านพระมหาโกฏฐิตะ
ท่านพระมหากปิณะ ท่านพระมหาจุนทะ ท่านพระเรวตะ ท่านพระอานนท์ และ
พระสาวกผู้เถระมีชื่อเสียงเด่นอื่นๆ ก็สมัยนั้นแล พระเถระทั้งหลายพากันโอวาท
พร่ำสอนพวกภิกษุอยู่ คือ พระเถระบางพวกโอวาทพร่ำสอนภิกษุ ๑๐ รูปบ้าง
บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๒๐ รูปบ้าง บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๓๐ รูปบ้าง บางพวก
โอวาทพร่ำสอน ๔๐ รูปบ้าง ฝ่ายภิกษุนวกะเหล่านั้น อันภิกษุผู้เถระโอวาทพร่ำ
สอนอยู่ ย่อมรู้ชัดธรรมวิเศษอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าที่ตนรู้มาก่อน ฯ
[๒๘๓] ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคมีภิกษุสงฆ์ห้อมล้อมประทับนั่ง
กลางแจ้ง ในราตรีมีจันทร์เพ็ญ วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ทั้งเป็นวัน
ปวารณาด้วย ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเหลียวดูภิกษุสงฆ์ ซึ่งนิ่งเงียบอยู่โดย
ลำดับ จึงตรัสบอกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราปรารภในปฏิปทานี้
เรามีจิตยินดีในปฏิปทานี้ เพราะฉะนั้นแล พวกเธอจงปรารภความเพียร เพื่อถึง
คุณที่ตนยังไม่ถึง เพื่อบรรลุคุณที่ตนยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งคุณที่ตนยังไม่ทำ
ให้แจ้ง โดยยิ่งกว่าประมาณเถิด เราจักรออยู่ในเมืองสาวัตถีนี้แล จนถึงวันครบ
๔ เดือนแห่งฤดูฝน เป็นที่บานแห่งดอกโกมุท ๑- พวกภิกษุชาวชนบททราบข่าว
ว่า พระผู้มีพระภาคจักรออยู่ในเมืองสาวัตถีนั้น จนถึงวันครบ ๔ เดือนแห่ง
ฤดูฝน เป็นที่บานแห่งดอกโกมุท จึงพากันหลั่งไหลมายังพระนครสาวัตถี เพื่อ
เฝ้าพระผู้มีพระภาค ฝ่ายภิกษุผู้เถระเหล่านั้นก็พากันโอวาทพร่ำสอนภิกษุนวกะ
@๑. คือวันเพ็ญเดือนสิบสอง
เพิ่มประมาณขึ้น คือ ภิกษุผู้เถระบางพวกโอวาทพร่ำสอนภิกษุ ๑๐ รูปบ้าง บาง-
*พวกโอวาทพร่ำสอน ๒๐ รูปบ้าง บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๓๐ รูปบ้าง บางพวก
โอวาทพร่ำสอน ๔๐ รูปบ้าง และภิกษุนวกะเหล่านั้น อันภิกษุผู้เถระโอวาท
พร่ำสอนอยู่ ย่อมรู้ชัดธรรมวิเศษอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าที่ตนรู้มาก่อน ฯ
[๒๘๔] ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคมีภิกษุสงฆ์ห้อมล้อมประทับนั่ง
กลางแจ้ง ในราตรีมีจันทร์เพ็ญ เป็นวันครบ ๔ เดือนแห่งฤดูฝน เป็นที่บาน
แห่งดอกโกมุท วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรง
เหลียวดูภิกษุสงฆ์ ซึ่งนิ่งเงียบอยู่โดยลำดับ จึงตรัสบอกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกร-
*ภิกษุทั้งหลาย บริษัทนี้ไม่คุยกัน บริษัทนี้เงียบเสียงคุย ดำรงอยู่ในสารธรรม
อันบริสุทธิ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับ
บริษัทที่ควรแก่การคำนับ ควรแก่การต้อนรับ ควรแก่ทักษิณาทาน ควรแก่การ
กระทำอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลกอย่างหาที่อื่นยิ่งกว่ามิได้ ภิกษุสงฆ์นี้
บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัทที่เขาถวายของน้อย มีผลมาก และถวายของมาก
มีผลมากยิ่งขึ้น ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัท อันชาวโลก
ยากที่จะได้พบเห็น ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัทอันสมควร
ที่แม้คนผู้เอาเสบียงคล้องบ่าเดินทางไปชมนับเป็นโยชน์ๆ ฯ
[๒๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็น
พระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระ
ได้แล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้วโดยลำดับ สิ้นสัญโญชน์ในภพแล้ว พ้นวิเศษ
แล้วเพราะรู้ชอบ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็นอุปปาติกะ เพราะ
สิ้นสัญโญชน์ส่วนเบื้องต่ำทั้ง ๕ จะได้ปรินิพพานในโลกนั้นๆ มีอันไม่กลับ
มาจากโลกนั้นอีกเป็นธรรมดา แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็นพระสกทาคามี
เพราะสิ้นสัญโญชน์ ๓ อย่าง และเพราะทำราคะ โทสะ โมหะให้เบาบาง
มายังโลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น ก็จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่
ภิกษุสงฆ์นี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู้เป็นพระโสดาบัน เพราะ
สิ้นสัญโญชน์ ๓ อย่าง มีอันไม่ตกอบายเป็นธรรมดา แน่นอนที่จะได้ตรัสรู้ใน
เบื้องหน้า แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความเพียร
ในอันเจริญสติปัฏฐาน ๔ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
[๒๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบ
ความเพียรในอันเจริญสัมมัปปธาน ๔ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญอิทธิบาท ๔ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญอินทรีย์ ๕ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญพละ ๕ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญโพชฌงค์ ๗ อยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้
ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญเมตตาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญกรุณาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความ
เพียรในอันเจริญมุทิตาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความเพียร
ในอันเจริญอุเบกขาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความเพียร
ในอันเจริญอสุภสัญญาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบความเพียร
ในอันเจริญอนิจจสัญญาอยู่ แม้ภิกษุเช่นนี้ในหมู่ภิกษุนี้ ก็มีอยู่ ฯ
[๒๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ที่เป็นผู้ประกอบ
ความเพียรในอันเจริญอานาปานสติอยู่ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อม
มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อม
บำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้ ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ทำให้มากแล้ว
ย่อมบำเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ได้ ภิกษุที่เจริญโพชฌงค์ ๗ แล้ว ทำให้มาก
แล้ว ย่อมบำเพ็ญวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้ ฯ
มีอะไรเหรอกบ. อานาปานสติไง. ไม่ต้องไปช่วยขายขนมหรอก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 21:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนโง่..นี้สอนให้ฉลาด..ยากจัง

s002 s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนโง่..นี้สอนให้ฉลาด..ยากจัง

s002 s002
เขาเจริญกันแบบนั้นเหรอ ไปช่วยขายขนม

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 22:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
คนโง่..นี้สอนให้ฉลาด..ยากจัง

s002 s002
เขาเจริญกันแบบนั้นเหรอ ไปช่วยขายขนม


ย่าง...ยังโง่ไม่หายอีก... :b32:

เอ้..เมตตานี้เขาทำกันยังงัยหน่า.. :b7: .รีว่าต้องท่องว่า..เมตตา..เมตตา..เมตตา... :b6:

เอ๋..กรุณานี้เขาทำกันยังงัยหน่า.. :b7: .รีว่าต้องท่องว่า..กรุณา..กรุณา..กรุณา... :b9:

เอ้..มุติตานี้เขาทำกันยังงัยหน่า :b7: ...รีว่าต้องท่องว่า..มุติตา..มุติตา..มุติตา... :b6:

เอ้..อุเบกขานี้เขาทำกันยังงัยหน่า :b7: ...รีว่าต้องท่องว่า..อุเบกขา..อุเบกขา..อุเบกขา... :b9:

s005 s005


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 22:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
คนโง่..นี้สอนให้ฉลาด..ยากจัง

s002 s002
เขาเจริญกันแบบนั้นเหรอ ไปช่วยขายขนม


ย่าง...ยังโง่ไม่หายอีก... :b32:

เอ้..เมตตานี้เขาทำกันยังงัยหน่า.. :b7: .รีว่าต้องท่องว่า..เมตตา..เมตตา..เมตตา... :b6:

เอ๋..กรุณานี้เขาทำกันยังงัยหน่า.. :b7: .รีว่าต้องท่องว่า..กรุณา..กรุณา..กรุณา... :b9:

เอ้..มุติตานี้เขาทำกันยังงัยหน่า :b7: ...รีว่าต้องท่องว่า..มุติตา..มุติตา..มุติตา... :b6:

เอ้..อุเบกขานี้เขาทำกันยังงัยหน่า :b7: ...รีว่าต้องท่องว่า..อุเบกขา..อุเบกขา..อุเบกขา... :b9:

s005 s005
ตกลงกบก็ยังคิดว่า จะต้องช่วยเด็ดขายขนมเหรอ. งั้นก็ต้องเป็นการบ้านสำหรับกบแล้วล่ะครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2015, 22:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:

ตกลงกบก็ยังคิดว่า จะต้องช่วยเด็ดขายขนมเหรอ. งั้นก็ต้องเป็นการบ้านสำหรับกบแล้วล่ะครับ


การบำเพ็ญบารมีสะสมความดี...แต่ละคนมีโอกาสไหนก็ทำตามโอกาสตนไป...

ในกรณีนี้..ลุงหมานแกช่วยเด็กตามโอกาสที่มี..ที่ลุงแกพบ...ลุงแกทำความดีตามกาล..

ในกาลเดียวกัน..กระผมอาจกำลังช่วยหนู..ช่วยจิ้งเหลน...จากปากแมว...มันก็เป็นกาลของผม

ลุงแกก็ไม่ได้ไปด่าคนที่ไม่มาช่วยเด็กอย่างแก...
ผมก็ไม่ได้ไปด่าคนที่ไม่มาช่วยผมจัยแมวจับหมา...

ในกาลเดียวกัน..คนอื่นๆก็ทำความดีตามกาลของตนไป

ซึ่งมันก็ดีแล้ว...

แต่ไอ้คนที่พูดว่า...จะต้องช่วยเด็ดขายขนมเหรอ.

แน่ใจเหรอว่า..เป็นคนปฏิบัติธรรม...

ไหน..ใคร..ตะโกนบอกว่าทุกคน..ต้องมาช่วยเด็กขายขนม..นะ..ไหน..ใคร.

ลุงแก...บอก Bigtoo ให้ต้องมาช่วยเด็กขายขนม..หรือ?

วาทะกรรมของคนที่พูดว่า..จะต้องช่วยเด็ดขายขนมเหรอ. ..นี้นะ

เป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง...

รึไม่ก็...มีนิสัยเฉ่ไฉ่....ด้วยการเพิ่มคำว่า..ต้อง...เข้ามา

เจตนา..ส่อ...คุณธรรม...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 07:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:

ตกลงกบก็ยังคิดว่า จะต้องช่วยเด็ดขายขนมเหรอ. งั้นก็ต้องเป็นการบ้านสำหรับกบแล้วล่ะครับ


การบำเพ็ญบารมีสะสมความดี...แต่ละคนมีโอกาสไหนก็ทำตามโอกาสตนไป...

ในกรณีนี้..ลุงหมานแกช่วยเด็กตามโอกาสที่มี..ที่ลุงแกพบ...ลุงแกทำความดีตามกาล..

ในกาลเดียวกัน..กระผมอาจกำลังช่วยหนู..ช่วยจิ้งเหลน...จากปากแมว...มันก็เป็นกาลของผม

ลุงแกก็ไม่ได้ไปด่าคนที่ไม่มาช่วยเด็กอย่างแก...
ผมก็ไม่ได้ไปด่าคนที่ไม่มาช่วยผมจัยแมวจับหมา...

ในกาลเดียวกัน..คนอื่นๆก็ทำความดีตามกาลของตนไป

ซึ่งมันก็ดีแล้ว...

แต่ไอ้คนที่พูดว่า...จะต้องช่วยเด็ดขายขนมเหรอ.

แน่ใจเหรอว่า..เป็นคนปฏิบัติธรรม...

ไหน..ใคร..ตะโกนบอกว่าทุกคน..ต้องมาช่วยเด็กขายขนม..นะ..ไหน..ใคร.

ลุงแก...บอก Bigtoo ให้ต้องมาช่วยเด็กขายขนม..หรือ?

วาทะกรรมของคนที่พูดว่า..จะต้องช่วยเด็ดขายขนมเหรอ. ..นี้นะ

เป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง...

รึไม่ก็...มีนิสัยเฉ่ไฉ่....ด้วยการเพิ่มคำว่า..ต้อง...เข้ามา

เจตนา..ส่อ...คุณธรรม...
เอาน่ากบ. ผมก็แค่เตือนเท่านั้นมีอย่างอื่นให้ทำยิ่งไปกว่านี้ ทำแล้วก็อย่าปรุงต่อ. มันจะกลายเป็นปรุงบุญปรุงบาป. รู้จักปล่าวปุญญาภิสังขาร. พอเข้าใจนะว่าผมจะเตือนอะไร ไม่ได้ห้ามทำความดี เมื่อจิตเป็นกุศลใครจะห้ามได้ แต่ก็ต้องมีสติระลึกตรงสภาวะนั้นไม่เที่ยงเกิดดับไม่ปรุงต่อ พอเข้าใจนะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ระวังนะ ยึดดียึดเลวอัปปรีทั้งคู่

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เรื่องราวของน้องฟิวส์ ได้สะท้อนอะไรๆ ได้อีกหลายอย่างที่เราไม่เคยคิดและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ดังนั้นก็ไม่ควรจะท้อแท้กับชีวิต คนที่เขาลำบากกว่าเราก็มีอีกเยอะแยะ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน
ที่กำลังเผชิญความลำบากอยู่ในขณะนี้ ก็ดูน้องฟิวส์เป็นตัวอย่างอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด

เดี๋ยวลุงหมานก็เที่ยวจะวิ่งไปหาเด็กช่วยแม่ขายขนมอีก หาแต่สวรรค์จนลืมทางไปนิพพานหรอก


เรื่องการทำความดี และความชั่วนั้นน่ะ เราไม่ต้องไปช่วยเขาหรอก เขาทำของเขาเองได้
มันเป็นการกระทำช่วยให้กันไม่ได้ เรียกว่าใครทำไครก็ได้ไป เพราะความดีความชั่ว
มันจะเป็นเงาตามตัวของผู้นั้นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว รอเพียงแต่ว่าเมื่อใดจะมีแสงสว่างส่องมา

เงาของผู้นั้นก็จะปรากฏทันที เมื่อผู้ใดผ่านมาก็จะเห็นเงาของเขาทันทีว่าดีหรือชั่ว
เมื่อดีก็ย่อมมีคนสรรเสริญ เมื่อเลวก็เป็นที่ถูกกล่นด่าถูกชิงชัง ธรรมชาติของเขามันต้องเป็นอย่างนั้น
เรียกว่าเงาไครเงามัน เงาของเรามันจะไปเป็นเงาของคนอื่นก็ไม่ได้ หรือเงาของคนอื่นมัน
จะมาเป็นเขาของเราก็ไม่ได้ และเราจะต้องปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างกุศลให้เกิดขึ้นนั้นมีหลายทาง

เหมือนว่าเรารู้ว่าฝั่งโน้นคือพระนิพพาน เราจะกระโดดข้ามไปเลยที่เดียวมันก็ข้ามไปไม่ได้
เพราะห้วงน้ำ หรือโอฆะมันกว้างไกลเกินกำลัง เราจึงจำเป็นต้องรู้วิธีข้ามไปโดยพระพุทธองค์ก็สอน
และบอกวิธีข้ามไปหมดแล้ว เราจะข้ามก็ต้องรู้จักหาไม้ไผ่มาทำแพ หรือไม้ใหญ่มาทำเรือ
จึงจะข้ามได้สำเร็จ ฉะนั้นกุศลทั้งหลายที่สร้างไว้มันจะเป็นแพหรือเรือก้าวพ้นความทุกข์จากฝั่งนี้
ได้อย่างปลอดภัยเข้าถึงฝั่งพระนิพพานโดยสวัดิภาพ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เรื่องราวของน้องฟิวส์ ได้สะท้อนอะไรๆ ได้อีกหลายอย่างที่เราไม่เคยคิดและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ดังนั้นก็ไม่ควรจะท้อแท้กับชีวิต คนที่เขาลำบากกว่าเราก็มีอีกเยอะแยะ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน
ที่กำลังเผชิญความลำบากอยู่ในขณะนี้ ก็ดูน้องฟิวส์เป็นตัวอย่างอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด

เดี๋ยวลุงหมานก็เที่ยวจะวิ่งไปหาเด็กช่วยแม่ขายขนมอีก หาแต่สวรรค์จนลืมทางไปนิพพานหรอก


เรื่องการทำความดี และความชั่วนั้นน่ะ เราไม่ต้องไปช่วยเขาหรอก เขาทำของเขาเองได้
มันเป็นการกระทำช่วยให้กันไม่ได้ เรียกว่าใครทำไครก็ได้ไป เพราะความดีความชั่ว
มันจะเป็นเงาตามตัวของผู้นั้นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว รอเพียงแต่ว่าเมื่อใดจะมีแสงสว่างส่องมา

เงาของผู้นั้นก็จะปรากฏทันที เมื่อผู้ใดผ่านมาก็จะเห็นเงาของเขาทันทีว่าดีหรือชั่ว
เมื่อดีก็ย่อมมีคนสรรเสริญ เมื่อเลวก็เป็นที่ถูกกล่นด่าถูกชิงชัง ธรรมชาติของเขามันต้องเป็นอย่างนั้น
เรียกว่าเงาไครเงามัน เงาของเรามันจะไปเป็นเงาของคนอื่นก็ไม่ได้ หรือเงาของคนอื่นมัน
จะมาเป็นเขาของเราก็ไม่ได้ และเราจะต้องปฏิเสธไม่ได้ว่าการสร้างกุศลให้เกิดขึ้นนั้นมีหลายทาง

เหมือนว่าเรารู้ว่าฝั่งโน้นคือพระนิพพาน เราจะกระโดดข้ามไปเลยที่เดียวมันก็ข้ามไปไม่ได้
เพราะห้วงน้ำ หรือโอฆะมันกว้างไกลเกินกำลัง เราจึงจำเป็นต้องรู้วิธีข้ามไปโดยพระพุทธองค์ก็สอน
และบอกวิธีข้ามไปหมดแล้ว เราจะข้ามก็ต้องรู้จักหาไม้ไผ่มาทำแพ หรือไม้ใหญ่มาทำเรือ
จึงจะข้ามได้สำเร็จ ฉะนั้นกุศลทั้งหลายที่สร้างไว้มันจะเป็นแพหรือเรือก้าวพ้นความทุกข์จากฝั่งนี้
ได้อย่างปลอดภัยเข้าถึงฝั่งพระนิพพานโดยสวัดิภาพ

สัตว์เดรัจฉานต้องการคำข้าว มนุษย์ต้องการธรรมะ. น่าจะให้ธรรมะแก่เขาสักบทจะดีกว่านะ เพื่อเขาจะได้ความสุขชั่วกาลนาน

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 92 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร