วันเวลาปัจจุบัน 26 ส.ค. 2025, 00:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 90 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 13:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ยังติดใจอีก :b32:




๕. อารัมมณสูตร


[๕๘๙] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ได้ฌาน ๔ จำพวกนี้.
๔ จำพวกเป็นไฉน?

คือ ผู้ได้ฌานบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ แต่ไม่ฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ ๑.
บางคนฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ แต่ไม่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ ๑.
บางคนไม่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และไม่ฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ ๑.
บางคนฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ ๑.

ใน ๔ จำพวกนั้น ผู้ได้ฌานที่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และฉลาดในอารมณ์ในสมาธิ.
นับว่าเป็นผู้เลิศ ประเสริฐที่สุด เป็นประธาน สูงสุด และดีกว่าผู้ได้ฌานทั้ง ๔ จำพวกนั้น
เปรียบเหมือนนมสดเกิดจากแม่โค นมส้มเกิดจากนมสด ฯลฯ

http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 778&Z=6788





ข้อแนะนำ ควรศึกษาพระสูตรทั้งหมด ที่ทรงตรัสไว้เกี่ยวกับผัสสะ
จะเป็นปัจจัยให้รู้ถึงสภาพธรรมข้างบน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสไว้


เป็นอันว่า จบแล้วนะ ข่าววอแล้วนะ


walaiporn เขียน:
ฌานสมาบัติ กับ นิโรธสมาบัติ แตกต่างกันตรงที่ ความดับ ก่อนกับ กำลังดับ ขณะที่ดับ
ขณะสมาธิกำลังคลาย ความรู้สึกตัวที่มีเกิดขึ้น รู้ทีเดียว รู้ทีละขณะ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เรื่องที่นำมากล่าวกันว่า นิโรธสมาบัติ มีเกิดขึ้นได้เฉพาะ อนาคามี เรื่องนี้ ไม่จริง

....

ผู้ที่ไม่กลัวตาย คือ ไม่มีห่วง ไม่มีอาลัย จึงจะมุดรูได้(ตามที่ท่านเล่า)
จริงๆแล้ว สภาพธรรมที่ท่านเรียกว่า มุดรู
เกิดจาก สมาธิที่มีกำลังมากมายมหาศาล ดูดเข้ารูไป
เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ทันที อาการเหมือนเด็กที่คลอดจากแม่
คือ ไม่ต้องผ่านการเกิดแบบนั้น



เจ้านาย(คู่ครอง) ก็เคยเจอสภาพธรรมนี้ แค่ระหว่างทาง
ความกลัวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ภาพที่ปรากฏให้กลัว จึงไม่เหมือนกัน
เขาผ่านไม่ได้ เพราะภาพที่ปรากฏ เป็นปากเหว มองลงไปแล้ว น่ากลัวมาก
เมื่อความกลัวเข้าแทรก จึงกลับมารู้ที่กาย


:b1:

เป็นอันว่า จบแล้วนะ ข่าววอแล้วนะ ... :b32: :b32:

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 13:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อฮ..

พูดกันถึงไหนแล้ว...?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 22:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:


หลวงพ่อเยื้อน ท่านเรียนมาน้อย อ่านหนังสือไม่ค่อยออก
แค่ฟังสภาวะที่ท่านเล่า คำเรียกต่างๆเกี่ยวกับปริยัติ อย่าถือท่าน





:b8: :b8: :b8:

บางช่วง...ก็รู..เดียวกัน

บางช่วง..ก็เป็นรูที่อุปมาเป็นรูธรรม..ซึ่งคนละรู

แต่ตอนเป็นรูเดียวกัน.....ชัดเจนว่า..ท่านก็พูดว่า..ไม่ได้ใช้สมาธิสูงอะไรนัก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แม่ยายผม....มุดรูไป...แบบ...ขาดจากความรู้สึกของระบบประสาท

แม่ผม..มุดรูไป...แบบ...ยังไม่ขาดจากระบบประสาท...

ส่วนผม..ยังเข้ารูไม่ถูก...555... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 07:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่อ.....มาจากที่ไหนไม่รู้...มาโลกเราก็ยังต้องมุดรูมา...เหมือนกัน

บังเอิญมีคนเห็น.... :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 08:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


แว๊...

:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 21:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


พอดีหากูเกิ้ล "มุดรู" 555 ก็ไปเจอ :b3: ... :b32:

เอกอนได้เคยไปเล่าปล่อยไก่ไว้ที่อื่นแล้ว ... ตั้งแต่ปี 53 :b9:

http://group.wunjun.com/leavesofeden/topic/135332-3241

ตอนนั้นที่เริ่มฝึก คือเมื่อประมาณปี 41 ...

อ้างคำพูด:
อิ อิ ... เอกอนนี่ยอดมั่วจริง ๆ เลย

ก็ไม่รู้นี่ จริง ๆ ก็ทำไปเรื่อย ๆ ไม่ได้คิดไม่ได้กะเกณฑ์อะไร
ก็นึกเพลิน ๆ ก็แค่อยากรู้ว่า ผู้ที่นั่งหลับตา ที่เรียกว่าทำสมาธินั้น
เขาพบอะไรในนั้น ... น่ะ
ก็เลย... ลองนั่ง..

ตอนที่ฝึกนั่งวันแรก ๆ ก็กระสับกระส่ายดี เพราะจิตมันไม่นิ่งเลย
ก็นั่งทีละสิบนาที หลายเซ็ตติดต่อกัน..

พอวันที่สองก็เพิ่มเวลา ก็เริ่มตามลมหายใจได้ต่อเนื่องขึ้น
ก็เริ่มพบ ปิติ และ การตามลมหายใจเริ่มหดสั้นลง
คือจากตามตลอดสาย ก็เริ่มถึงแค่ช่วงอก
และก็แค่โพรงจมูก และก็ปลายจมูก
พอรู้สึกว่ามันหด ก็พยายามทำให้มันตามตลอดสาย มันก็หดต่อ...
จนกระทั่งมันหาย ก็พยายามเรียกลมกลับคืน
แต่มันก็หายต่อ ก็เลยขี้เกียจลากมันกลับมาแล้ว
หายก็หาย ก็รู้สึกกายมีเปลือกตัวพองยุบ
หัวใจเต้น มันก็จับได้ทุกส่วน เอ้อออ...นั่นจิ่...
ใช่ตอนนั้น จับการเต้นของหัวใจไปได้ทุกส่วนของร่างกาย
แต่ก็ไม่คิดอะไร ก็ร่างกายเราเต็มไปด้วยเส้นเลือดนี่เน๊าะ...

แล้วก็มีด้วย รู้สึกถึงก้อนมวลกลม ๆ แล้วมันหมุน และมันก็ไล่ขึ้น ไล่ลง
ไปตามแนวกระดูกสันหลังของร่างกาย จนถึงกระหม่อม...

และมีบ้างก็เห็นมันเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ

และก็มีบ้างที่มีอาการเหมือนลอดเข้าโพรง มุดรูเข็ม
แล้วอยู่ ๆ มันก็โพรง


คือ...เอกอนไม่ได้กำหนดอะไร มันเป็นอย่างนั้นของมันเอง...
เอกอนก็แค่ดูมันเป็นไป...เฉย ๆ

โง่ดี ก็แบบว่า เอกอนตั้งใจว่าจะเข้ามาดูไง... ว่าข้างในมีอะไร...
ก็ผ่าน ๆ มาแบบไม่ได้คิดอะไรเลย...

เพราะไม่รู้จะคิดอะไร ก็มันเปลี่ยนไปเรื่อย
ก็แค่ดูมันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ... คือดูว่ามันจะเปลี่ยนไปถึงไหน...

และมันก็ไปรู้อยู่เฉย ๆ ....


:b1: :b1: :b1:

คือมันอยู่ในช่วงต้น ๆ ของการเริ่มฝึกสมาธินั่นล่ะ ... ที่เอกอนเจอ

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2015, 01:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนากับทุกความเห็นครับ

เมื่อปฎิบัติ ผู้ปฎิบัติย่อมมีประสบการณ์ต่างๆ คล้ายกันหรือแตกต่างกันไปบ้าง

อย่างเอกอนบอกว่า เจอสภาวะทางจิต เหมือนมุดรู

แต่ขณะเดียวกันก็มีสมาธิที่ละเอียด คือเป็นฐานให้จิตเข้าไปตั้งอยู่ เช่นการเต้นของหัวใจ ลมหายใจผ่านระบบทางเดินหายใจ

การที่จิตเข้าไปตั้งอยู่ตรงนี้สำคัญ คืออะไรเป็นเหตุให้จิตเข้าไปตั้ง

อย่างเอกอนบอกไม่ได้คิดอะไร อยากจะรู้ว่าจะเป็นอย่างไร

คือไม่มีเหตุที่เป็นปัจจัยที่แน่นอนลงไปว่าเข้าไปดูไปรู้ทำไม

พอสภาวะจิตเกิดขึ้น เราพิจารณาธรรมนั้นว่าอย่างไร

อย่างนิโรธสมาบัตินั้น เหตุปัจจัยคือมรรค

เช่น เราสร้างความเห็นตรงแล้วหรือยัง ความเห็นตรงนั้นจะต้องเป็นปัจจัยส่งเสริมจึงจะเป็นนิโรธสมาบัติ

แต่ก็คือสภาวะต่างๆทางจิตนั้น เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ธรรมดา แต่หากจะเข้าถึงนิโรธสมาบัติ ต้องมีปัจจัยส่งเสริมครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2015, 01:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างผมเอง เวลานั่งสมาธิ จะเป็นสมาธิอ่อน หรือสมาธิละเอียด ปัจจัยที่เป็นเหตุให้เอาจิตเข้าไปตั้งก็ไม่เปลี่ยนครับ

คือทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เป็นปัจจัยให้น้อมจิตเข้าไปตั้ง แล้วสมาธิก็เป็นฐานของจิตอีกที

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2015, 08:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:

อย่างนิโรธสมาบัตินั้น เหตุปัจจัยคือมรรค

เช่น เราสร้างความเห็นตรงแล้วหรือยัง ความเห็นตรงนั้นจะต้องเป็นปัจจัยส่งเสริมจึงจะเป็นนิโรธสมาบัติ

แต่ก็คือสภาวะต่างๆทางจิตนั้น เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ธรรมดา แต่หากจะเข้าถึงนิโรธสมาบัติ ต้องมีปัจจัยส่งเสริมครับ


eragon_joe เขียน:
พอดีหากูเกิ้ล "มุดรู" 555 ก็ไปเจอ :b3: ... :b32:

เอกอนได้เคยไปเล่าปล่อยไก่ไว้ที่อื่นแล้ว ... ตั้งแต่ปี 53 :b9:

http://group.wunjun.com/leavesofeden/topic/135332-3241

ตอนนั้นที่เริ่มฝึก คือเมื่อประมาณปี 41 ...

อ้างคำพูด:
....

เพราะไม่รู้จะคิดอะไร ก็มันเปลี่ยนไปเรื่อย
ก็แค่ดูมันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ... คือดูว่ามันจะเปลี่ยนไปถึงไหน...

และมันก็ไปรู้อยู่เฉย ๆ ....


:b1: :b1: :b1:

คือมันอยู่ในช่วงต้น ๆ ของการเริ่มฝึกสมาธินั่นล่ะ ... ที่เอกอนเจอ

:b32: :b32: :b32:


:b1: ...อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ ไอ้ไปรู้ลอยเด่นอยู่เฉย ๆ นั่นไม่ใช่ นิโรธสมาบัตินะ
นี่แค่เป็นช่วงเบื้องต้นของการทำสมาธิเท่านั้น เป็นอารมณ์ขั้นพื้นฐานที่ต้อง
นิ่ง สงบ เป็นเอก ... ยังไม่ได้เป็นอรูปญาณอย่างใดเลย สักกะติ๊ดดดด ...


เมื่อไรที่คนที่ปฏิบัติเข้าไป แล้วเห็นเหมือนว่าจิตถึงที่สุดแค่ตรงเพดานบินนั้น ๆ เป็นประจำ ๆ
ไม่ได้หมายความว่า นั่นคือที่สุด ...
นั่นเป็นเพียงที่สุดของผู้ปฏิบัติ ณ ขณะนั้น ๆ

แต่...ที่สุดยิ่งกว่านั้นยังมี สภาวะจิตที่ละเอียดยิ่งกว่านั้นยังมี ...

:b1:

การไปต่อ อรูปญาณ นั้นคือ ณ ตรงนั้น คุณทำอะไร อะไร บ้าง
และไอ้อะไรต่อมิอะไรที่คุณทำ มันเป็นยังไง ยังไง ยังไง
มันจึงส่งจิตคุณให้ละเอียดขึ้นอีกทีละ step ได้

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 01 ก.ค. 2015, 08:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2015, 08:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
อนุโมทนากับทุกความเห็นครับ

เมื่อปฎิบัติ ผู้ปฎิบัติย่อมมีประสบการณ์ต่างๆ คล้ายกันหรือแตกต่างกันไปบ้าง

อย่างเอกอนบอกว่า เจอสภาวะทางจิต เหมือนมุดรู

แต่ขณะเดียวกันก็มีสมาธิที่ละเอียด คือเป็นฐานให้จิตเข้าไปตั้งอยู่ เช่นการเต้นของหัวใจ ลมหายใจผ่านระบบทางเดินหายใจ

การที่จิตเข้าไปตั้งอยู่ตรงนี้สำคัญ คืออะไรเป็นเหตุให้จิตเข้าไปตั้ง

อย่างเอกอนบอกไม่ได้คิดอะไร อยากจะรู้ว่าจะเป็นอย่างไร

คือไม่มีเหตุที่เป็นปัจจัยที่แน่นอนลงไปว่าเข้าไปดูไปรู้ทำไม

พอสภาวะจิตเกิดขึ้น เราพิจารณาธรรมนั้นว่าอย่างไร

อย่างนิโรธสมาบัตินั้น เหตุปัจจัยคือมรรค

เช่น เราสร้างความเห็นตรงแล้วหรือยัง ความเห็นตรงนั้นจะต้องเป็นปัจจัยส่งเสริมจึงจะเป็นนิโรธสมาบัติ

แต่ก็คือสภาวะต่างๆทางจิตนั้น เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ธรรมดา แต่หากจะเข้าถึงนิโรธสมาบัติ ต้องมีปัจจัยส่งเสริมครับ


student เขียน:
อย่างผมเอง เวลานั่งสมาธิ จะเป็นสมาธิอ่อน หรือสมาธิละเอียด ปัจจัยที่เป็นเหตุให้เอาจิตเข้าไปตั้งก็ไม่เปลี่ยนครับ

คือทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เป็นปัจจัยให้น้อมจิตเข้าไปตั้ง แล้วสมาธิก็เป็นฐานของจิตอีกที


ลองทบทวนนะ ว่าเป็นเพราะการพยายามกำหนดรู้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

หรือ

การตัด ปลิโพธ

:b1:

"ตัดกังวลในธรรมทั้งปวง" เป็น บทเด่นบทหนึ่งเลยก็ว่าได้

ซึ่งการ จัดการกับ ปลิโพธ นี่ล่ะ
ที่บางครั้งผู้ปฏิบัติจะต้อง ใช้วิธิการต่าง ๆ มาใช้
อย่างถ้านั่ง ๆ ไป แล้วห่วงบ้าน ห่วงลูก ห่วงงาน
ก็ต้องมานั่งพิจารณาให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของบ้าน
หมา-แมวที่บ้าน เมียหลวงเมียน้อย ลูกสาวลูกชาย เจ้านายลูกน้อง ฯลฯ :b12:

สารพัด...สิ่ง ที่คนติดเป็นกังวล
ถ้าจิตมีสิ่งที่ติดเป็นกังวล มันก็ระงับสงบลงไม่ได้ ...

การตั้งมั่นได้ ยิ่งต้องไม่มีอะไรเข้ามารบกวน...

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 01 ก.ค. 2015, 22:55, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2015, 12:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
พอดีหากูเกิ้ล "มุดรู" 555 ก็ไปเจอ :b3: ... :b32:

เอกอนได้เคยไปเล่าปล่อยไก่ไว้ที่อื่นแล้ว ... ตั้งแต่ปี 53 :b9:

http://group.wunjun.com/leavesofeden/topic/135332-3241

ตอนนั้นที่เริ่มฝึก คือเมื่อประมาณปี 41 ...



ปี 41 ยังเป็นไอ้ขี้เมา..อยู่เรย..นิ..อิอิ..

:b15: :b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2015, 22:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b1: :b1:

http://dhammahome.com/webboard/topic/8424

อ้างคำพูด:
ปลิโพธ ๑๐

ทส ( สิบ ) + ปลิโพธ ( ความกังวล , ความห่วงใย )

ความกังวล , ความห่วงใย ๑๐ ประการ หมายถึง ...

๑. อาวาส ๒. ตระกูล ๓. ลาภ ๔. คณะ ๕. การงาน

๖. การเดินทาง ๗. ญาติ ๘. อาพาธ ๙. การศึกษาปริยัติ ๑๐. อิทธิฤทธิ์



ความกังวลห่วงใยในธรรมะเหล่านี้ เป็นเครื่องกั้นต่อการอบรมสมถภาวนา

เท่านั้น
ไม่เป็นเครื่องกั้นต่อการอบรมวิปัสสนาภาวนา เพราะสมถภาวนาจะต้องอาศัย

สัปปายะต่างๆ ต้องไม่คลุกคลีหรือมีกังวลใดๆ ส่วนวิปัสสนาภาวนาสามารถระลึกศึกษา

สภาพธรรมได้ในทุกสถานที่ ทุกโอกาสตามเหตุปัจจัย



สำหรับปลิโพธิข้อที่ ๑๐. คืออิทธิฤทธิ์ ไม่เป็นเครื่องกั้นต่อสมถภาวนาเพราะ

ก่อนที่จะมีอิทธิฤทธิ์ ต้องอบรมฌานจิตจนชำนาญแล้ว แต่อิทธิฤทธิ์เป็นเครื่องกั้นต่อ

การอบรมวิปัสสนาภวานา
เพราะการเจริญสติปัฏฐานมีนามรูปซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงเป็น

อารมณ์ ส่วนอิทธิฤทธิ์เกิดจากการอบรมสมถภาวนาซึ่งมีบัญญัติเป็นอารมณ์ถ้าสนใจ

ในการเจริญอิทธิฤทธิ์ สติก็จะไม่น้อมไปในการระลึกศึกษาสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2015, 22:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?t=47303

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2015, 01:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
:b1: :b1: :b1:

http://dhammahome.com/webboard/topic/8424

อ้างคำพูด:
ปลิโพธ ๑๐

ทส ( สิบ ) + ปลิโพธ ( ความกังวล , ความห่วงใย )

ความกังวล , ความห่วงใย ๑๐ ประการ หมายถึง ...

๑. อาวาส ๒. ตระกูล ๓. ลาภ ๔. คณะ ๕. การงาน

๖. การเดินทาง ๗. ญาติ ๘. อาพาธ ๙. การศึกษาปริยัติ ๑๐. อิทธิฤทธิ์



ความกังวลห่วงใยในธรรมะเหล่านี้ เป็นเครื่องกั้นต่อการอบรมสมถภาวนา

เท่านั้น
ไม่เป็นเครื่องกั้นต่อการอบรมวิปัสสนาภาวนา เพราะสมถภาวนาจะต้องอาศัย

สัปปายะต่างๆ ต้องไม่คลุกคลีหรือมีกังวลใดๆ ส่วนวิปัสสนาภาวนาสามารถระลึกศึกษา

สภาพธรรมได้ในทุกสถานที่ ทุกโอกาสตามเหตุปัจจัย



สำหรับปลิโพธิข้อที่ ๑๐. คืออิทธิฤทธิ์ ไม่เป็นเครื่องกั้นต่อสมถภาวนาเพราะ

ก่อนที่จะมีอิทธิฤทธิ์ ต้องอบรมฌานจิตจนชำนาญแล้ว แต่อิทธิฤทธิ์เป็นเครื่องกั้นต่อ

การอบรมวิปัสสนาภวานา
เพราะการเจริญสติปัฏฐานมีนามรูปซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงเป็น

อารมณ์ ส่วนอิทธิฤทธิ์เกิดจากการอบรมสมถภาวนาซึ่งมีบัญญัติเป็นอารมณ์ถ้าสนใจ

ในการเจริญอิทธิฤทธิ์ สติก็จะไม่น้อมไปในการระลึกศึกษาสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ


ตามนั้นครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 90 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร