วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 15:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 99 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..
อ้อ!เกิดที่จิต. แล้วพระพทธองค์ปรากฎเป็นอย่างไร. พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ. ท่านงดงามมั้ยครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..
อ้อ!เกิดที่จิต. แล้วพระพทธองค์ปรากฎเป็นอย่างไร. พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ. ท่านงดงามมั้ยครับ

พระองค์ไม่มีรูปร่างปรากฏในจิตคุนน้องค่ะ..แต่คุนน้องรับรู้ถึงคลื่นที่แทรกเข้ามาในจิต..สอนให้คุนน้องรู้และเข้าใจธรรมของพระองค์..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..
อ้อ!เกิดที่จิต. แล้วพระพทธองค์ปรากฎเป็นอย่างไร. พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ. ท่านงดงามมั้ยครับ

พระองค์ไม่มีรูปร่างปรากฏในจิตคุนน้องค่ะ..แต่คุนน้องรับรู้ถึงคลื่นที่แทรกเข้ามาในจิต..สอนให้คุนน้องรู้และเข้าใจธรรมของพระองค์..
อ้อ! ตกลงว่าไม่มีตัวตนเป็นคลื่นแทรกเข้ามานะครับ. แล้วรู้ได้อย่างไรว่านั้นคือพระพุทธเจ้า.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..




ขออนุญาติเสริมนะคะคุณน้อง พุทธะ อยู่ในจิตผู้รู้ค่ะ จิตผู้รู้มีอยู่ตรงไหนพุทธะจะมีอยู่ที่นั่น จิตผู้รู้ไม่เกิดในผู้ได พุทธะจะไม่เกิดไม่เห็นในผู้นั้น :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..
อ้อ!เกิดที่จิต. แล้วพระพทธองค์ปรากฎเป็นอย่างไร. พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ. ท่านงดงามมั้ยครับ

พระองค์ไม่มีรูปร่างปรากฏในจิตคุนน้องค่ะ..แต่คุนน้องรับรู้ถึงคลื่นที่แทรกเข้ามาในจิต..สอนให้คุนน้องรู้และเข้าใจธรรมของพระองค์..
อ้อ! ตกลงว่าไม่มีตัวตนเป็นคลื่นแทรกเข้ามานะครับ. แล้วรู้ได้อย่างไรว่านั้นคือพระพุทธเจ้า.

เพราะน้อมไปในสิ่งที่ศรัทราค่ะ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


สุชาวดี เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..




ขออนุญาติเสริมนะคะคุณน้อง พุทธะ อยู่ในจิตผู้รู้ค่ะ จิตผู้รู้มีอยู่ตรงไหนพุทธะจะมีอยู่ที่นั่น จิตผู้รู้ไม่เกิดในผู้ได พุทธะจะไม่เกิดไม่เห็นในผู้นั้น :b41: :b41:
พุทธะกับพระพุทธเจ้านี่คือสิ่งเดียวกันหรือเปล่าครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..
อ้อ!เกิดที่จิต. แล้วพระพทธองค์ปรากฎเป็นอย่างไร. พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ. ท่านงดงามมั้ยครับ

พระองค์ไม่มีรูปร่างปรากฏในจิตคุนน้องค่ะ..แต่คุนน้องรับรู้ถึงคลื่นที่แทรกเข้ามาในจิต..สอนให้คุนน้องรู้และเข้าใจธรรมของพระองค์..
อ้อ! ตกลงว่าไม่มีตัวตนเป็นคลื่นแทรกเข้ามานะครับ. แล้วรู้ได้อย่างไรว่านั้นคือพระพุทธเจ้า.

เพราะน้อมไปในสิ่งที่ศรัทราค่ะ..
น้อมไปศรัทธา. กับคลื่นแทรกเข้ามาสอนนี่เหมือนกันเหรอครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


สุชาวดี เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..




ขออนุญาติเสริมนะคะคุณน้อง พุทธะ อยู่ในจิตผู้รู้ค่ะ จิตผู้รู้มีอยู่ตรงไหนพุทธะจะมีอยู่ที่นั่น จิตผู้รู้ไม่เกิดในผู้ได พุทธะจะไม่เกิดไม่เห็นในผู้นั้น :b41: :b41:

อนุโมทนา คุนสุชาดาค่ะ..ขอให้เจริญในธรรม..
คุนน้องสัมผัสที่ตัวผู้รู้ของ คุนสุชาดา..จากสภาวะธรรมที่เคยกล่าว..คุนน้องเห็นความเป็นพุทธในจิตคุนสุชาดานะ..คือบอกไม่ถูกคุนน้องไม่เคยเห็นคลื่นพลังกลุ่มดำในจิตคุนสุชาดาเลย..ยังแปลกใจนิดหน่อย..ว่าคุนสุชาดาก็คงไม่ใช่ธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ถามสั้นๆ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรว่า
พระพุทธเจ้าองค์ปฐมมีจริงไหม? เพราะเห็นมีหลายๆที่พูดเรื่ององค์พระปฐม
สร้างขึ้นมาแล้วก็มีมากมาย และที่กำลังจะก่อสร้างก็มีมากมาย และก็กำลังจะมีต่อไปอีกก็มากมาย
และที่สร้างขึ้นมานั้นจะวิเศษกว่าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันยังไง?
เว็ปไหนๆก็พูดกันทั้งนั้นมีแต่พูดคลุมเครือ ไม่พูดให้กระจ่างให้เข้าใจได้เลย

มีจริงหรือไม่ ไม่ทราบ
เพราะไม่มีปรากฏในพระสูตรว่า พระพุทธองค์ตรัสถึงหรือรับรองว่า "ไม่มี" หรือ "มี"

สิ่งที่สร้างขึ้นมา สร้างตามความเชื่อความเห็นของอาจารย์รุ่นหลัง ซึ่งบัญญัติออกมาเกินคำสอนพระศาสดา

หวังว่าคงเข้าใจ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..
อ้อ!เกิดที่จิต. แล้วพระพทธองค์ปรากฎเป็นอย่างไร. พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ. ท่านงดงามมั้ยครับ

พระองค์ไม่มีรูปร่างปรากฏในจิตคุนน้องค่ะ..แต่คุนน้องรับรู้ถึงคลื่นที่แทรกเข้ามาในจิต..สอนให้คุนน้องรู้และเข้าใจธรรมของพระองค์..
อ้อ! ตกลงว่าไม่มีตัวตนเป็นคลื่นแทรกเข้ามานะครับ. แล้วรู้ได้อย่างไรว่านั้นคือพระพุทธเจ้า.

เพราะน้อมไปในสิ่งที่ศรัทราค่ะ..
น้อมไปศรัทธา. กับคลื่นแทรกเข้ามาสอนนี่เหมือนกันเหรอครับ

บิ๊กทู่ไม่เคย..มืดบอดนึกไรไม่ออก..แล้วน้อมจิตไปในสิ่งที่ศรัทรา..ระลึกถึงพระพุทธเจ้า..อยู่ๆก็เกิดตัวผู้รู้ในจิตหรอ..ปัญญาเกิดตอนนั้น..เกิดเพื่อให้รู้และวางในสิ่งที่ตนสงสัยในธรรม..เกิดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เราแก้ไม่ได้..คุนน้องเรียกว่าปัญญาญาน..เวลาน้อมไปในสิ่งที่ศรัทรา..แล้วปัญญาจะเกิดตอนนั้นเอง..ตอนที่ไม่มีคลื่นแทรกหมายถึงตอนปกติธรรมดา..ใช้ชีวิตปกติธรรมดาแบบคนทั่วไป..เวลาคลื่นแทรกเข้ามา คือตัวรู้หรือปัญญาสังขารขันธ์ คุนน้องเอง..เกิดดับไปตามเหตุปัจจัย..ไม่ได้เกิดตลอดเวลานะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
student เขียน:
nongkong เขียน:
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่


เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0
พระพุทธองค์กล่าวไว้ชัดเจน..เด่วจะถอดออกมาเป็นคำพูดธรรมดาๆให้เข้าใจ..พระพุทธองค์ กล่าวถึงขันธ์5 กายที่มีตัณหานำไปสู่ภพ..ขาดแล้ว..คือพระองค์ตรัสว่า..ภพชาติพระองค์สิ้นแล้ว..เมื่อกายแตก มนุษย์เทวดาจะไม่เห็นกาย ตถาคต

ปล.แล้วใครบอกว่า หลวงปู่หลวงตาเห็นกาย ตถาคต..มีชาวพุทธส่วนใหญ่เข้าใจผิดมากว่า..พระพุทธองค์กายแตกแล้วจะไม่มีผู้ใดเห็นพระองค์..ทั้งทีพระองค์ก็บอกอยู่ว่า กายอันมีตัณหานำไปสู่ภพ..นั่นคือกายหยาบที่เป็นขันธ์5..แล้วใครจะไปสามารถเห็นตถาคตที่มีกายหยาบได้..

พอมีพระอริยะสงฆ์เห็นพระพุทธเจ้าในนิมิตก็พากันวิพากวิจารณ์กัน..


พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องปฎิจจสมุปบาท คือ เหตุของภพคือตัญหา ท่านไม่ได้หมายถึง กายหยาบแตกสิ้นชีพแล้ว ยังมีกายละเอียดครับ ท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกดับ และภพที่ขาดแล้วเพราะตัญหาสิ้น ท่านไม่ได้พูดเป็นนัยให้เข้าใจว่า กายละเอียดท่านยังปรากฎอยู่

อีกนัยหนึ่งก็คือ ตัณหาไม่สิ้น ก็ยังมีภพอีกต่อๆไป เป็นเรื่องของปฎิจจสมุปบาทครับ ไม่ใช่เรื่องของการเห็นท่าน

คุนน้องรู้ค่ะ..ว่าพระพุทธองค์พูดถึงปฏิจสมุปบาท..และคุนน้องไม่ได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้ามีกายละเอียด..ใครอยากจะตีความหมายไปในทางใดก็ช่างเขาค่ะ..คุนน้องมีหน้าที่ทำให้ชาวพุทธเข้าใจความจริงว่า..พระพุทธเจ้ากายแตกแต่มิได้ขาดสูญ..คุนน้องเชื่อหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์ดีกว่า..ทำไมคุนน้องต้องเชื่อคนที่ยังไม่บรรลุธรรม..หรือฆราวาสที่มีความเห็นผิด..ขนาดเรื่ององค์พระปฐมยังมาถกเถียงกัน..
สงสัยพระพุทธเจ้าไม่ขาดสูญแล้วอยู่ที่ไหนครับ

อยู่ที่จิต รู้ได้ด้วยจิต ยามมืดบอด คุนน้องจะเห็นพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้นที่จิต..ตรัสสอนธรรมคุนน้องในจิต.ความมืดบอดในจิตก็ปรากฏความสว่างสไสว.เพราะเหตุนีคุนน้องถึงนอบน้อมในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ..ใครจะจาบจ้วง พระรัตนตรัยต่อหน้าคุนน้อง มิได้..
อ้อ!เกิดที่จิต. แล้วพระพทธองค์ปรากฎเป็นอย่างไร. พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยครับ. ท่านงดงามมั้ยครับ

พระองค์ไม่มีรูปร่างปรากฏในจิตคุนน้องค่ะ..แต่คุนน้องรับรู้ถึงคลื่นที่แทรกเข้ามาในจิต..สอนให้คุนน้องรู้และเข้าใจธรรมของพระองค์..
อ้อ! ตกลงว่าไม่มีตัวตนเป็นคลื่นแทรกเข้ามานะครับ. แล้วรู้ได้อย่างไรว่านั้นคือพระพุทธเจ้า.

เพราะน้อมไปในสิ่งที่ศรัทราค่ะ..
น้อมไปศรัทธา. กับคลื่นแทรกเข้ามาสอนนี่เหมือนกันเหรอครับ

บิ๊กทู่ไม่เคย..มืดบอดนึกไรไม่ออก..แล้วน้อมจิตไปในสิ่งที่ศรัทรา..ระลึกถึงพระพุทธเจ้า..อยู่ๆก็เกิดตัวผู้รู้ในจิตหรอ..ปัญญาเกิดตอนนั้น..เกิดเพื่อให้รู้และวางในสิ่งที่ตนสงสัยในธรรม..เกิดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เราแก้ไม่ได้..คุนน้องเรียกว่าปัญญาญาน..เวลาน้อมไปในสิ่งที่ศรัทรา..แล้วปัญญาจะเกิดตอนนั้นเอง..ตอนที่ไม่มีคลื่นแทรกหมายถึงตอนปกติธรรมดา..ใช้ชีวิตปกติธรรมดาแบบคนทั่วไป..เวลาคลื่นแทรกเข้ามา คือตัวรู้หรือปัญญาสังขารขันธ์ คุนน้องเอง..เกิดดับไปตามเหตุปัจจัย..ไม่ได้เกิดตลอดเวลานะ
ผมเคยแต่รู้ว่าความรู้ในเรื่องอริยสัจนี้. เราต้องได้ยินได้ฟังจากการอ่านหรือการบอกกล่าวตามๆกันมา. ไม่เคยรู้ว่ามีการนึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วจะเกิดความรู้ได้

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


การตามรู้ซึ่งความจริง
(สจฺจานุโพโธ)
“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! การตามรู้ซึ่งความจริง (สจฺจานุโพโธ)
มีได้ ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? บุคคลชื่อว่าตามรู้ซึ่งความจริง
ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? ข้าพเจ้าขอถามพระโคดมผู้เจริญถึงการ
ตามรู้ซึ่งความจริง”
ภารท๎วาชะ ! ได้ยินว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้
เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านหรือในนิคมแห่งใดแห่งหนึ่ง. คหบดี
หรือคหบดีบุตร ได้เข้าไปใกล้ภิกษุนั้นแล้วใคร่ครวญดูอยู่
ในใจเกี่ยวกับธรรม ๓ ประการ คือ :-
ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโลภะ
ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ
ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ....
เมื่อเขาใคร่ครวญดูอยู่ซึ่งภิกษุนั้น ย่อมเล็งเห็นว่า
เป็นผู้บริสุทธิ์จากธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโลภะ ต่อแต่นั้น
เขาจะพิจารณาใคร่ครวญภิกษุนั้นให้ยิ่งขึ้นไปในธรรม
ทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ….ในธรรมทั้งหลายอันเป็น

ที่ตั้งแห่งโมหะ…. เมื่อเขาใคร่ครวญดูอยู่ซึ่งภิกษุนั้น
ย่อมเล็งเห็นว่า เป็นผู้บริสุทธิ์จากธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่ง
โทสะ....ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ
ลำดับนั้น เขา :-
(๑) ปลูกฝัง ศรัทธา ลงไปในภิกษุนั้น ครั้นมี
ศรัทธาเกิดแล้ว
(๒) ย่อม เข้าไปหา ครั้นเข้าไปหาแล้ว
(๓) ย่อม เข้าไปนั่งใกล้ ครั้นเข้าไปนั่งใกล้แล้ว
(๔) ย่อม เงี่ยโสตลง ครั้นเงี่ยโสตลง
(๕) ย่อม ฟังซึ่งธรรม ครั้นฟังซึ่งธรรมแล้ว
(๖) ย่อม ทรงไว้ซึ่งธรรม
(๗) ย่อม ใคร่ครวญซึ่งเนื้อความแห่งธรรมทั้งหลาย
อันตนทรงไว้แล้ว เมื่อใคร่ครวญซึ่งเนื้อความแห่งธรรมอยู่
(๘) ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อความเพ่งพินิจ,
เมื่อการทนต่อการเพ่งพินิจของธรรมมีอยู่
(๙) ฉันทะย่อมเกิดขึ้น ผู้มีฉันทะเกิดขึ้นแล้ว
(๑๐) ย่อม มีอุสสาหะ ครั้นมีอุสสาหะแล้ว

(๑๑) ย่อม พิจารณาหาความสมดุลย์แห่งธรรม,
ครั้นมีความสมดุลย์แห่งธรรมแล้ว
(๑๒) ย่อม ตั้งตนไว้ในธรรมนั้น; เขาผู้มีตน
ส่งไปแล้วอย่างนี้อยู่ ย่อม กระทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถสัจจะ
(ความจริงโดยจริงความหมายสูงสุด) ด้วยนามกาย ด้วย,
ย่อม แทงตลอดซึ่งธรรมนั้น แล้วเห็นอยู่ด้วยปัญญา ด้วย.
ภารท๎วาชะ !
การตามรู้ซึ่งความจริง ย่อมมี
ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้,
บุคคลชื่อว่าย่อมตามรู้ซึ่งความจริง
ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้,
และเราบัญญัติการตามรู้ซึ่งความจริง
ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้;
แต่ว่านั่นยังไม่เป็นการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง.

การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง
(สจฺจานุปตฺติ)
“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง
(สจฺจานุปตฺติ) มีได้ ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? บุคคลชื่อว่าย่อมตามบรรลุถึง
ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? ข้าพเจ้าขอถามพระโคดมผู้เจริญ
ถึงการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง”
ภารท๎วาชะ ! การเสพคบ การทำให้เจริญ
การกระทำให้มาก ซึ่งธรรมทั้งหลายเหล่านั้นแหละ (ทั้ง ๑๒ ข้อ
ข้างต้น) เป็นการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง.
ภารท๎วาชะ !
การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ย่อมมี
ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้,
บุคคลชื่อว่าย่อมตามบรรลุถึงซึ่งความจริง
ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้,
และเราบัญญัติการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง
ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้.
ม. ม. ๑๓/๖๐๑-๖๐๕/๖๕๕-๖๕๗.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 15:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องอ่านมามาก..ฟังมามาก..ตลอดเวลา3ปี ยังไม่รวมกับวาสนาเก่า..ที่เคยบำเพ็ญมา..ทำให้คุนน้องดึงสัญญาเก่าออกมาใช้(มีปัญญาเป็นบารมีทุนเดิม)....พูดง่ายๆจิตเห็นทุกข์..และไม่ยึดว่าสิ่งนั้นเป็นทุกข์..
เห็นว่าเป็นธรรมดา..มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย..เห็นเหตุแห่งการเกิดสายปฏิจของตน..ที่มีตันหา..อุปทาน..ยังหมุนวนอยู่..
คนที่ไม่เคยอ่านเคยฟังแต่บรรลุธรรม ตรัสรู้อริยสสัจสี่ได้ด้วยตนเองก็มี..ไม่ใช่ไม่มี พระพุทธเจ้ายังเคยตรัสถึง พระปัจเจทพุทธเจ้าเลย..ถึงบอกคุนน้องอ่านมามากฟังมามาก..เหลือแต่จะทำให้แจ้งประจักษ์ลงในจิตได้แค่ไหน..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 15:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
เป็นนิมิตของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
เหมือนเรื่อง นิพพาน เป็นเมืองแก้ว ก็มาจากนิมิตเรื่องนี้แหละ
เรื่องนี้มีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี

ที่มาของนิพพานเป็นเมืองแก้ว
http://buddhasattha.com/2010/04/%E0%B8% ... %E0%B8%A2/

ลุงหมานน่าจะเข้าใจในคำว่า "นิมิต" นะ
เหมือนกรณีเดียวกับหลวงปู่มั่น นิมิตเห็นพระพุทธเจ้า

ที่ลุงหมานถามว่า พระพุทธเจ้าองค์ปฐมมีจริงไหม?
ต้องตรวจดูกับพระสูตร

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0


และที่สร้างขึ้นมานั้นจะวิเศษกว่าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันยังไง?
วิเศษหรือไม่วิเศษหรอก เป็นความปกติของความศรัทธาของแต่ละคน ตามเหตุและปัจจัย



สำหรับข้อคิดเห็นของวลัยพรเกี่ยวกับเรื่อง นิมิตของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่
เป็นเพียงความปกติของสภาพธรรม ที่เรียกว่า ผัสสะ ที่มีเกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิ
จึงมองแค่ว่า รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ไม่ต่างกับอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติของพระ ที่มีเกี่ยวกับการปฏิบัติ

ลองอ่านดูนะ เกี่ยวกับการปฏิบัติของเจ้าอาวาส พระครูปลัดวีระนนท์ วีรนนฺโท วัดป่าเจริญราช
ชื่อเรื่องเล่าจากพระป่า พระวัดป่าเจริญราช
http://www.watpacharoenrat.org/phapa1.html


เวลาอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับปฏิบัติของพระที่ออกธุดงค์นี่
ทำให้รู้สึกว่า มันช่างยากลำบากเหลือเกินนะ

พอเริ่มมาศึกษาพระธรรมคำสอน อย่างจริงจัง
จึงได้รู้ว่า แหล่งที่เรียนรู้จริงๆแล้ว ต้องรู้ชัดอยู่ภายในกายและจิตนี่เอง

การที่ไปโน่น ไปนี่ ท่องเที่ยวนอกตัว
ล้วนเกิดจาก เหตุและปัจจัยของแต่ละคน


แม้กระทั่งนิมิตต่างๆ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ไม่ว่าจะมีสภาพธรรมใดเกิดขึ้น ให้โยนิโสมนสิการ


หัวใจของการปฏิบัติคือ โยนิโสมนสิการ
ดูตามความเป็นจริง รู้ตามความเป็นจริง ของสิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งเป็นที่มาของ สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าดู สักแต่ว่าเห็น

ส่วนใครจะทำตามได้มากหรือน้อยแค่ไหน
นั่นก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของแต่ละคนด้วย


หัวใจคำสอน คือ อริยสัจ 4
หัวใจของการปฏิบัติ เพื่อดับเหตุแห่งทุกข์
คือ โยนิโสมนสิการ ที่มาจากพระธรรมคำสอนเท่านั้น


นิมิตก็คือนิมิตไม่ใช่ของจริง มันไม่ผิดอะไรกับเอาความฝันมาเล่าให้กันฟัง
นิมิตมันก็เป็นเรื่องของจิตที่ไปรู้การปรุงแต่งของสังขาร จะเกิดอย่างไรก็ได้มันไม่ใช่ของจริง
ถ้าตรวจสอบพระสูตรใดก็ไม่เห็นมีว่าพระพุทธเจ้ามีองค์แรก หรือองค์ปฐมเลย

พระพุทธองค์ทรงแสดงให้เราทราบว่า ทุกคนที่เกิดมานี้ล้วนแต่มีบรรพบุรุษสืบสายกันมานับไม่ถ้วน
ทั้งทางฝ่ายมารดาและบิดา โดยทรงเปรียบเทียบกับผืนแผ่นดินใหญ่นี้ว่าถ้าเราจะเอาดินมาปั้น
เป็นก้อนเล็กๆเท่าเมล็ดกระเบา แล้วสมมุติให้ก้อนนี้เป็นมารดาของเรา ก้อนนี้เป็นมารดาของมารดาเราเป็นลำดับไป
มารดาของมารดาเราจะไม่ถึงความสิ้นสุด แต่ดินบนผืนแผ่นดินใหญ่นี้จะพึงหมดไปเสียก่อน
แม้ในฝ่ายบรรพบุรุษของบิดาก็เช่นเดียวกัน

เหมือนบิดาถามบุตรว่า เด็กคนที่ลูกเห็นอยู่นี้เขามีพ่อไหม ?
บุตร ตอบว่า มี

พ่อถาม เขามีปู่ไหม?
บุตร ตอบว่า มี

พ่อถาม แล้วพ่อของปู่มีไหม?
บุตร ตอบว่า มี

พ่อถาม แล้วพ่อของปู่ของปู่มีไหม?
บุตร ตอบว่า มี

พ่อถาม แล้วพ่อของปู่ของปูของปู่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆๆๆ ถามไปร้อยปีจนสิ้นชีวิต
บุตร ก็ตอบว่า มี แม้จะเกิดขึ้นมาใหม่มาถามอีกจนสิ้นชีวิตไปอีกไม่รู้อีกกี่ชีวิตที่สิ้นไปก็ยังมีอีก
เพราะมันไม่มีที่สิ้นสุด สังสารวัฏฏ์ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน

ถ้าจะถามว่าพระพุทธเจ้าองค์ปฐมมีไหม ก็คงตอบในทำนองเดียวกัน
และถ้าตอบว่าองค์ปฐมมีจริง สังสารวัฏฏ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็เป็นอันว่าต้องเป็นหมันไป
และยังทำให้พระพุทธองค์ตรัสไว้ไม่เป็นความจริง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2015, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
walaiporn เขียน:
เป็นนิมิตของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
เหมือนเรื่อง นิพพาน เป็นเมืองแก้ว ก็มาจากนิมิตเรื่องนี้แหละ
เรื่องนี้มีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี

ที่มาของนิพพานเป็นเมืองแก้ว
http://buddhasattha.com/2010/04/%E0%B8% ... %E0%B8%A2/

ลุงหมานน่าจะเข้าใจในคำว่า "นิมิต" นะ
เหมือนกรณีเดียวกับหลวงปู่มั่น นิมิตเห็นพระพุทธเจ้า

ที่ลุงหมานถามว่า พระพุทธเจ้าองค์ปฐมมีจริงไหม?
ต้องตรวจดูกับพระสูตร

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้วยังดำรงอยู่ เทวดา
และมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต

เปรียบเหมือนพวงมะม่วง เมื่อขาดจากขั้วแล้ว
ผลใดผลหนึ่งติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป

ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตได้ก็ชั่วเวลา ที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่

เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต."
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v ... agebreak=0


และที่สร้างขึ้นมานั้นจะวิเศษกว่าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันยังไง?
วิเศษหรือไม่วิเศษหรอก เป็นความปกติของความศรัทธาของแต่ละคน ตามเหตุและปัจจัย



สำหรับข้อคิดเห็นของวลัยพรเกี่ยวกับเรื่อง นิมิตของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่
เป็นเพียงความปกติของสภาพธรรม ที่เรียกว่า ผัสสะ ที่มีเกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิ
จึงมองแค่ว่า รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ไม่ต่างกับอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติของพระ ที่มีเกี่ยวกับการปฏิบัติ

ลองอ่านดูนะ เกี่ยวกับการปฏิบัติของเจ้าอาวาส พระครูปลัดวีระนนท์ วีรนนฺโท วัดป่าเจริญราช
ชื่อเรื่องเล่าจากพระป่า พระวัดป่าเจริญราช
http://www.watpacharoenrat.org/phapa1.html


เวลาอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับปฏิบัติของพระที่ออกธุดงค์นี่
ทำให้รู้สึกว่า มันช่างยากลำบากเหลือเกินนะ

พอเริ่มมาศึกษาพระธรรมคำสอน อย่างจริงจัง
จึงได้รู้ว่า แหล่งที่เรียนรู้จริงๆแล้ว ต้องรู้ชัดอยู่ภายในกายและจิตนี่เอง

การที่ไปโน่น ไปนี่ ท่องเที่ยวนอกตัว
ล้วนเกิดจาก เหตุและปัจจัยของแต่ละคน


แม้กระทั่งนิมิตต่างๆ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ไม่ว่าจะมีสภาพธรรมใดเกิดขึ้น ให้โยนิโสมนสิการ


หัวใจของการปฏิบัติคือ โยนิโสมนสิการ
ดูตามความเป็นจริง รู้ตามความเป็นจริง ของสิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งเป็นที่มาของ สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าดู สักแต่ว่าเห็น

ส่วนใครจะทำตามได้มากหรือน้อยแค่ไหน
นั่นก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยของแต่ละคนด้วย


หัวใจคำสอน คือ อริยสัจ 4
หัวใจของการปฏิบัติ เพื่อดับเหตุแห่งทุกข์
คือ โยนิโสมนสิการ ที่มาจากพระธรรมคำสอนเท่านั้น


นิมิตก็คือนิมิตไม่ใช่ของจริง มันไม่ผิดอะไรกับเอาความฝันมาเล่าให้กันฟัง
นิมิตมันก็เป็นเรื่องของจิตที่ไปรู้การปรุงแต่งของสังขาร จะเกิดอย่างไรก็ได้มันไม่ใช่ของจริง
ถ้าตรวจสอบพระสูตรใดก็ไม่เห็นมีว่าพระพุทธเจ้ามีองค์แรก หรือองค์ปฐมเลย

พระพุทธองค์ทรงแสดงให้เราทราบว่า ทุกคนที่เกิดมานี้ล้วนแต่มีบรรพบุรุษสืบสายกันมานับไม่ถ้วน
ทั้งทางฝ่ายมารดาและบิดา โดยทรงเปรียบเทียบกับผืนแผ่นดินใหญ่นี้ว่าถ้าเราจะเอาดินมาปั้น
เป็นก้อนเล็กๆเท่าเมล็ดกระเบา แล้วสมมุติให้ก้อนนี้เป็นมารดาของเรา ก้อนนี้เป็นมารดาของมารดาเราเป็นลำดับไป
มารดาของมารดาเราจะไม่ถึงความสิ้นสุด แต่ดินบนผืนแผ่นดินใหญ่นี้จะพึงหมดไปเสียก่อน
แม้ในฝ่ายบรรพบุรุษของบิดาก็เช่นเดียวกัน

เหมือนบิดาถามบุตรว่า เด็กคนที่ลูกเห็นอยู่นี้เขามีพ่อไหม ?
บุตร ตอบว่า มี

พ่อถาม เขามีปู่ไหม?
บุตร ตอบว่า มี

พ่อถาม แล้วพ่อของปู่มีไหม?
บุตร ตอบว่า มี

พ่อถาม แล้วพ่อของปู่ของปู่มีไหม?
บุตร ตอบว่า มี

พ่อถาม แล้วพ่อของปู่ของปูของปู่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆๆๆ ถามไปร้อยปีจนสิ้นชีวิต
บุตร ก็ตอบว่า มี แม้จะเกิดขึ้นมาใหม่มาถามอีกจนสิ้นชีวิตไปอีกไม่รู้อีกกี่ชีวิตที่สิ้นไปก็ยังมีอีก
เพราะมันไม่มีที่สิ้นสุด สังสารวัฏฏ์ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน

ถ้าจะถามว่าพระพุทธเจ้าองค์ปฐมมีไหม ก็คงตอบในทำนองเดียวกัน
และถ้าตอบว่าองค์ปฐมมีจริง สังสารวัฏฏ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็เป็นอันว่าต้องเป็นหมันไป
และยังทำให้พระพุทธองค์ตรัสไว้ไม่เป็นความจริง

ไม่เข้าใจ ถ้าพระพุทธเจ้าองค์ปฐมคือ พระพุทธเจ้าองค์แรกที่อุบัติขึ้นเพื่อขนสรรพสัตว์ไปนิพพาน..แล้วทำไมสังสารวัฏที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันกล่าวไว้ เป็นหมัน..ไม่เข้าใจค่ะ..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 99 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร