| วันเวลาปัจจุบัน 06 พ.ย. 2025, 03:28 |
|
เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
|
หน้า 2 จากทั้งหมด 3 |
[ 33 โพสต์ ] | ไปที่หน้า ย้อนกลับ 1, 2, 3 ต่อไป
|
|
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
|
|||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20 โพสต์: 8612
|
|
||||||
|
หน้า 2 จากทั้งหมด 3 |
[ 33 โพสต์ ] | ไปที่หน้า ย้อนกลับ 1, 2, 3 ต่อไป |
|
เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
ผู้ใช้งานขณะนี้ |
กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน |
| ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้ |
|



ขณะนั้นวสวัตตีมารมายืนขวางทางเสด็จ กล่าวว่า สิทธัตถะ นับแต่นี้ ๗ วัน
เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จผ่านมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ตรัสถามนายฉันนะว่า
เจ้าชายสิทธัตถะดำริว่า ผมของเราอย่างนี้ไม่ควรแก่เพศบรรพชิตเลย
พระโพธิสัตว์ดำริอีกว่า อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่นี้มีค่ามาก ไม่ควรแก่สมณเพศ
เจ้าชายสิทธัตถะทรงยับยั้งอยู่ที่ อนุปิยอัมพวัน ซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอโนมา
พระราชาประทับอยู่บนประสาท ทอดพระเนตรเห็นเจ้าชายสิทธัตถะ
ฝ่ายเจ้าชายสิทธัตถะดำริว่า อาหารบิณฑบาตมีเท่านี้ เพียงพอที่จะฉัน
พวกราชบุรุษติดตามไปจนถึงเชิงเขาปัณฑวะ เห็นพระโพธิสัตวกำลังประทับ
พระโพธิสัตว์ตรัสว่า มหาบพิตร อาตมาภาพปรารถนาที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
เจ้าชายสิทธัตถะรับคำของพระราชาพิมพิสารแล้ว เสด็จดำเนินต่อไปยังสำนัก
เวลานั้นบุตรพราหมที่ทำนายพระลักษณะ ๔ คน และโกญฑัญญะพราหมณ์
เจ้าชายสิทธัตถะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ด้วยวิธีการต่างๆ ถึง ๖ ปี ก็ยังไม่เห็นทาง
เหล่าปัญจวัคคีย์เห็นดังนั้น คิดว่าพระโพธิสัตว์นี้แม้จะทำทุกรกิริยาอยู่ถึง ๖ ปี
คืนก่อนตรัสรู้ พระโพธิสัตว์มีความฝัน ๕ ประการ เมื่อพิจารณาแล้ว
นางสุชาดาฟังแล้วคิดว่า วันนี้เทวดาคงลงมารับพลีกรรมด้วยตนเองเป็นแน่
นางเห็นพระโพธิสัตว์ประทับอยู่ ก็ยิ่งเกิดความปิติ น้อมกายเข้าไปถวายถาดข้าวปายาส
พระโพธิสัตว์ลุกจากที่ประทับนั่ง กระทำประทักษิณต้นไทรแล้วทรงถือถาดนั้น
พระโพธิสัตว์เสวยเสร็จแล้ว เสด็จไปณริมฝั่งน้ำทรงอธิษฐานว่า ถ้าเราจัก
พระโพธิสัตว์เสด็จกลับมาประทับอยู่ในป่าไม้สาละ ที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา
พญามารเมื่อไม่สามารถเอาชนะได้ ขึ้งโกรธมาก บังคับหมู่พลมารว่าพวกเจ้า
ช้างคิริเมขล์มิอาจยืนอยู่ได้ ทรุดตัวคู้เข่าลง พญามารที่นั่งบนคอช้าง
พญามารเห็นดังนั้นก็อัศจรรย์ใจ ด้วยความครั่นคร้ามในพระเดชานุภาพ
เมื่อพญามารและเสนามารหลบไปแล้ว เหล่าเทวดาชื่นชมแซ่ซ้องสาธุการ
ขณะพระอาทิตย์ยังไม่อัสดง พระโพธิสัตว์ประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์ด้วย
ยามที่สอง เกิดปัญญาหยั่งรู้การตายการเกิดของสัตว์ทั้งหลาย (ตาทิพย์)
ยามสุดท้าย เกิดปัญญาหยั่งรู้ในธรรมที่สิ้นไปแห่งกิเลสทั้งหลาย (ตรัสรู้)
สัปดาห์ที่ ๓ ทรงเนรมิตที่เดินจงกรมระหว่างโพธิบัลลังก์กับอนิมิสเจดีย์ จากทิศตะวันออก
สองพาณิชจึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ น้อมถวายสัตตุก้อน สัตตุผง (ข้าวตู)
พระบรมศาสดารับคำอาราธนาของท้าวมหาพรหมแล้ว ทรงพิจารณาว่าจะแสดง
พระพุทธองค์เสด็จดำเนินไปยังกรุงพาราณสี เป็นระยะทาง ๑๘ โยชน์ทรงพบกับ
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึงอิสิปตนมฤคทายวัน ปัญจวัคคีย์แลเห็นแต่ไกล
พระพุทธองค์ประทับนั่งบนอาสนะแล้ว ตรัสกับปัญจวัคคีย์ว่า
พระพุทธองค์ตรัสย้ำเช่นนี้ถึง ๓ ครั้ง ปัญจวัคคีย์จึงยอมที่จะรับฟัง
หลังจากพระปัญจวัคคีย์ได้บรรลุธรรมขั้นแรกแล้ว พระพุทธองค์ทรงแสดง
ภายหลังมารดาและอดีตภรรยาของพระยสะ ก็ได้บรรลุธรรมแสดงตน