วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 17:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2015, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณไอเดียเขียน
อ้างคำพูด:
กายมันเหมือนไม่มีกระดูก,,อ่อน,,หด,,เกร็ง-------พิจารณากาย
ถ้าเฝ้าดูต่อไป----มันจะย้ายไปเวทนา จิต ธรรม
 เพิ่มเวลาในการนั่งมากขึ้นกว่านี้...ใช้กำลังสมาธิ...เฝ้าดูแต่ละสภาวะไปเรื่อยๆค่ะ
 ขอย้ำทุกสภาวะนะคะ     
  


อ๋อ พอคุณไอเดีย เขียนตรงนี้ พี่เต้เริ่มจะเข้าใจนิดๆแล้วค่ะ
คือพี่เต้เคยคิดอยากจะตามดู อยากจะพิจารณากายว่า ทำไม ร่างกายเราเหมือนไม่มีกระดูก แต่พี่เต้เข้าใจว่า การที่เราจะไปตามดู
จะทำให้จิตหลุด จากสมาธิ

พี่เต้ก้อเลยเลือกที่จะแผ่เมตตา
เพราะพี่เต้กลัวว่าจิตจะหลุด จากสมาธิ พี่เต้ก้อเลยใช้วิธิ
แผ่เมตตา เพื่อที่จิตจะได้จับอยู่กับคำที่แผ่เมตตา
เริ่มเข้าใจนิดๆแล้วค่ะ ขอขอบคุณทุกๆคำตอบเลยนะคะ :b8:
ที่ช่วยทำให้ความจำเก่าๆของพี่เต้ กลับมา :b41: :b55: :b47:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2015, 21:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณสุชาวดีเขียน
อ้างคำพูด:
 วิปัสสนาที่สุชาวดีเข้าใจและทำคือ เวลานั่งสมาธิ ตามรู้ลมเข้าออก พอจิตมีความคิดตามรู้ทันว่าคิดจิตจะหยุดคิดแล้วจิตจะเข้าตามลมเอง เวียนอยู่แบบนี้  วิปัสสนาตอนไม่นั่งสมาธิก็ใช้หลักการเดียวกันคือจิตตามลม เมื่อคิดตามรู้ทันความคิด จิตเขาจะหยุดคิดแล้วเข้าลมเอง วิปัสสนาคือตามรู้ความคิดที่เกิด ดับ และวาง ไม่เข้าไปยึดถือในความคิด   ปฏิบัติไป สนุกไป เหมือนตำรวจตามจับคนร้าย 




ที่คุณสุชาวดีเขียนมา ใช่หมายถึงว่า ในขณะที่ทำสมาธิ
พอจิตเริ่มนิ่งจนคำว่าพุท-โธ หายไป ก้อ อย่าให้คำว่าพุทโธหายไป
ให้เริ่มกลับมาที่คำพุท-โธ ใหม่ ใช่หรือปล่าวค่ะ คือทุกๆครั้งที่พอจิตนิ่งแล้ว
เราจะปล่อยให้จิตนิ่งไปเลย จนบางครั้งเราคิดว่าเราหลับไป
บางครั้งเป็นชั่วโมงเราก้อนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าต้องการจะทำวิปัสสนาก้ออย่าปล่อยให้จิตนิ่งเฉยๆไปใช่หรือปล่าวค่ะ :b8: :b41: :b55: :b48:



s005 สุชาวดีมีความรู้เรื่องสมถะในสมาธินิดเดียวค่ะ พอมีไว้ให้จิตชุ่มชื่นมีกำลัง เราจะเน้นวิปัสนาทั้งในสมาธิและนอกสมาธิค่ะ วิปัสนาของเราคือฝึกสติให้เกิด ตามกำลังจิต แล้วจะรู้สึกว่ามีความรู้ละลายกิเลศทีละเรื่องๆ ทีละเล็กๆ น้อยๆ ตามปัญญาน้อยๆ s005 สบายใจกว่าสงบในสมาธิเยอะค่ะ พอออกจากสมาธิก็ทุกข์เหมือนเดิม
:b41: :b41: พอจิตเริ่มนิ่ง จนคำว่าพุทโธหายของเราให้หายไปเลยค่ะ และจับลมแทน หมายความว่า ตอนเข้าสมาธิ และตอนฝึกสติในเวลาไม่สมาธิ เราตามดูลมเลย หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ ตอนฝึกใหม่ๆเราจะอาศัยพุทโธ พอสมาธิพัฒนาขึ้นจิตมันจะทิ้งคำพุทโทเองค่ะ เพราะจิตเขารู้เองว่า ตามลมเลยมันสบายกว่าพุทโธ จะไม่กลับไปจับพุทโทอีก (ที่จิตคุณ bbby นิ่งสงบน่าจะเป็นสมถะ อันนี้ต้องให้ผู้รู้แนะนำค่ะเราไม่สามารถ) เคยได้ยินพระท่านว่าถ้าจิตนิ่งสงบมันจะเป็นฌานแต่ละระดับ ต้องรอให้จิตถอนออกมาจึงทำวิปัสนาได้ :b48: เราจะบังคับจิตให้นิ่ง ให้สงบไม่ได้ค่ะ เขาจะเป็นของเขาเอง สุชาวดีอยากถามว่าตอนเข้าสมาธิ คุณ bbby ตอนจิตสงบนิ่งความคิดเกิดมั้ยคะ ถ้าความคิดเกิด จับตามรู้ความคิด ทำวิปัสนาเลยค่ะ rolleyes rolleyes rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2015, 07:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เราจะปล่อยให้จิตนิ่งไปเลย จนบางครั้งเราคิดว่าเราหลับไป
บางครั้งเป็นชั่วโมงเราก้อนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าต้องการจะทำวิปัสสนาก้ออย่าปล่อยให้จิตนิ่งเฉยๆไปใช่หรือปล่าวค่ะ   


อันนี้ไม่รู้เป็นเหมือนกันรึเปล่า :b9:
แต่ไอเดียจะเรียกว่าเคลิ้มค่ะ :b9: :b9:
เหมือนมีสมาธิ,,ไม่ฟุ้ง,,เหมือนนั่งได้นาน
แต่ไม่มีความรู้ตัวเต็มที่ :b5: ต้องมี...สติ :b39: :b39: :b39:
ไอเดียจับจุดบกพร่องตรงนี้ค่ะ :b55: :b55: ก็เลยเพิ่มความรู้ตัว
การทำสมาธิจะไปแบบนิ่งๆ ตั้งมั่นได้ดีขึ้น มีความตื่นมากขึ้น
ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้เรื่องวิปัสนา
มีแอบคิด...ว่าทำไม ไหงเราทำสมาธิ อาการมันวนไปวนมาอย่างนี้ :b9: :b9:
พอรู้จัก อ๋อเลย
ว่าเราแยกตัวผู้รู้..ออกมาชัดเจน
ตอนนั้นตัวกิเลสมันสยบราบคาบไม่มีเหลือเลยค่ะ :b27: :b27:
:b44: แต่ตรงนี้ก็ต้องศึกษาให้ดี

อ้างคำพูด:
อ๋อ พอคุณไอเดีย เขียนตรงนี้ พี่เต้เริ่มจะเข้าใจนิดๆแล้วค่ะ
คือพี่เต้เคยคิดอยากจะตามดู อยากจะพิจารณากายว่า ทำไม ร่างกายเราเหมือนไม่มีกระดูก แต่พี่เต้เข้าใจว่า การที่เราจะไปตามดู
จะทำให้จิตหลุด จากสมาธิ 

พี่เต้ก้อเลยเลือกที่จะแผ่เมตตา
เพราะพี่เต้กลัวว่าจิตจะหลุด จากสมาธิ พี่เต้ก้อเลยใช้วิธิ
แผ่เมตตา เพื่อที่จิตจะได้จับอยู่กับคำที่แผ่เมตตา
เริ่มเข้าใจนิดๆแล้วค่ะ ขอขอบคุณทุกๆคำตอบเลยนะคะ  
ที่ช่วยทำให้ความจำเก่าๆของพี่เต้ กลับมา   



เรื่องพิจารณานี่...ไอเดียไม่ค่อยรู้ว่าควรจะเป็นแบบไหน
แต่โดยส่วนตัว...เวลาทำสมาธิ...ไอเดีย...จะเป็นผู้รู้ให้ได้ชัดเจนก่อน(ก็เริ่มพุทโธ-----จนปล่อยพุทโธไปเหมือนกัน)
ตอนนั้นสมาธิ...จึงมีพอสมควร :b12:
มีสติเฝ้าดูมันไปเรื่อย...จนเห็นมันเหนื่อยก็รู้...เบื่อก็รู้ ถึงเวลามันจะพิจารณาขึ้นมาเอง
ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ^^
**ที่ห่วงว่ามันจะหลุด :b43: ใช่ค่ะ..เราจะรู้เอง
จริงๆพิจารณา..จะทำตอนไหนก็ได้นะ ตอนไม่นั่งก็ได้
แต่ถ้าไม่มีกำลัง...มันก็ยากบ้าง
การเริ่มนั่งสมาธิจนพอมีกำลัง...ก็จะทำให้ได้เห็นชัดกว่า
:b39: จะเปรียบเหมือนพี่เต้กินข้าวน้อย..แล้วออกไปทำงานใช้แรง...ไม่ทันพักเที่ยงเดียวแรงมันก็หมด
เหมือนกัน...สมาธิน้อย กำลังมันก็น้อย ถ้าเราไปพิจารณามันแบบใช้ความคิดแทรกแทรง มันก็หลุด
เป็นผู้รู้ไปเรื่อยๆก่อนค่ะ...เมื่อพี่เต้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นๆ---เกิด-ดับๆๆๆ
มันเหนื่อย มันเบื่อ มันจะพิจารณาเอง
s005 ไม่อิงตำราเหมือนเดิมนะคะ ลองศึกษาดูอีกที
ปล.เว้นแต่ อยากเต็มรูปแบบ
:b55: ถ้าจะเอาสมาธิ ฌาน1-4ก็ต้องมีคนแนะนำ จะไปง่ายกว่า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2015, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณไอเดียเขียน
อ้างคำพูด:
กายมันเหมือนไม่มีกระดูก,,อ่อน,,หด,,เกร็ง-------พิจารณากาย
ถ้าเฝ้าดูต่อไป----มันจะย้ายไปเวทนา จิต ธรรม
 เพิ่มเวลาในการนั่งมากขึ้นกว่านี้...ใช้กำลังสมาธิ...เฝ้าดูแต่ละสภาวะไปเรื่อยๆค่ะ
 ขอย้ำทุกสภาวะนะคะ     
  


อ๋อ พอคุณไอเดีย เขียนตรงนี้ พี่เต้เริ่มจะเข้าใจนิดๆแล้วค่ะ
คือพี่เต้เคยคิดอยากจะตามดู อยากจะพิจารณากายว่า ทำไม ร่างกายเราเหมือนไม่มีกระดูก แต่พี่เต้เข้าใจว่า การที่เราจะไปตามดู
จะทำให้จิตหลุด จากสมาธิ

พี่เต้ก้อเลยเลือกที่จะแผ่เมตตา
เพราะพี่เต้กลัวว่าจิตจะหลุด จากสมาธิ พี่เต้ก้อเลยใช้วิธิ
แผ่เมตตา เพื่อที่จิตจะได้จับอยู่กับคำที่แผ่เมตตา
เริ่มเข้าใจนิดๆแล้วค่ะ ขอขอบคุณทุกๆคำตอบเลยนะคะ :b8:
ที่ช่วยทำให้ความจำเก่าๆของพี่เต้ กลับมา :b41: :b55: :b47:


ตามดูการเกิดดับนามรูปไม่ทำให้จิตหลุดครับ แต่เป็นที่พักจิตที่ดีมากแบบหนึ่ง ลองสังเกตุนะครับ เวลาเราตามดูการเกิดดับนามรูป ตามให้สุดไปเลย คือบางคนถนัดตามรู้สายเกิด บางคนถนัดตามรู้สายดับ เราพิจารณาลงไปว่าเหตุเกิดของธรรมคืออะไร ในลักษณะของคุณ bbby คือการเกิดดับของสัญญา คือ มีสัญญาเป็นเหตุ คือรูปร่างของกระดูกตามสัญญา (ความจำได้หมายรู้) เพราะตามสัจธรรมแล้ว รูปต้องตามดู มหาภูติ4 คือดิน น้ำ ลม ไฟ จึงจะเรียกว่าตามดูรูป หรือ(อนัตตา) ถ้าตามดูกระดูก เรียกตามรู้นาม (สัญญา)

การตามรู้การเกิดดับนามรูป ต้องตามรู้จนสุดสาย (เกิดดับ) นี่คือที่พักจิตครับ และเป็นสัมมาสมาธิด้วย จิตหลุดไปที่อื่นเมือนามรูปดับลงไปแล้ว คือเมื่อไม่มีธรรมให้จับ จิตจะกลับมาจับธรรมอื่นครับ

เป็นประสบการณ์ปฎิบัติของผมเองครับ จริงๆวันนี้ตั้งใจจะเอาหัวข้อนี้เขียนที่"รายงานผลการปฎิบัติ" พอดีมาเจอคำว่าจิตหลุดนี้เข้าก็ถือโอกาสแชร์ประสบการณ์ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร