วันเวลาปัจจุบัน 15 มิ.ย. 2025, 21:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2015, 12:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[๙๓] พระนครสาวัตถี ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็น
ทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา 

เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า 
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา. เวทนาไม่เที่ยง ... สัญญาไม่เที่ยง ... สังขารไม่เที่ยง...วิญญาณไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา 

เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา.

เมื่อเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริงอย่างนี้ ทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องต้น (อดีต) ย่อมไม่มี 
เมื่อทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องต้นไม่มี ทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องปลาย (อนาคต) ย่อมไม่มี
เมื่อทิฏฐิเป็นไปตามส่วนเบื้องปลายไม่มี ความยึดมั่นอย่างแรงกล้า ย่อมไม่มี. 

เมื่อความยึดมั่นอย่างแรงกล้าไม่มี จิตย่อมคลายกำหนัดในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ 
ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น. 

เพราะหลุดพ้น จิตจึงดำรงอยู่ เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อม
เพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น 

ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว 
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี.

:b8:
คำว่า...
"ปัญญาอันชอบ"
มีความหมายยังไงคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2015, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


น้อมธรรมลงสู่พระไตรลักษณ์ครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2015, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาอันชอบ.....
ในพระสูตรนี้
คือ
ด้วยความรู้เชิงประจักษ์ ตามสัจจะสภาวะ
ไม่ใช่ความรู้ความจำ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2015, 15:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณค่ะ คุณ student

อ้างคำพูด:
ปัญญาอันชอบ.....
ในพระสูตรนี้
คือ 
ด้วยความรู้เชิงประจักษ์ ตามสัจจะสภาวะ 
ไม่ใช่ความรู้ความจำ


s007 งั้นก็พอเข้าใจถูกอยู่ค่ะ^^
สงสัยตรงนี้แหละค่ะ
:b16: :b16:
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


และต้องทำไปตามลำดับขั้น
คือเห็นการเกิดดับของธรรมทั้งหลายก่อน
คือต้องหายสงสัยไปเลยเรื่องมีเกิดและมีดบ

เมื่อมีเกิดขึ้นก็ต้องรู้ว่าเพราะเหตุปัจจัย
ดับลงเพราะเหตุปัจจัย

ไม่มีผู้ใดทำให้ดับ
ดับไปแล้วไม่สงสัยไปอยู่ที่ไหน เป็นต้น

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 07:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
และต้องทำไปตามลำดับขั้น
คือเห็นการเกิดดับของธรรมทั้งหลายก่อน
คือต้องหายสงสัยไปเลยเรื่องมีเกิดและมีดบ

เมื่อมีเกิดขึ้นก็ต้องรู้ว่าเพราะเหตุปัจจัย
ดับลงเพราะเหตุปัจจัย

ไม่มีผู้ใดทำให้ดับ
ดับไปแล้วไม่สงสัยไปอยู่ที่ไหน เป็นต้น


:b8: :b8: :b8:
ถ้าทำตามลำดับขั้น...มันก็เห็นการเกิดดับ..อยู่แล้วค่ะ
เห็นความไม่เที่ยงเบื่อหน่ายเป็นทุกข์อยากหลุดพ้น :b46:
แต่ด้วยการที่เวลาปฏิบัติ เน้นเห็นไปตามจริง
มันไม่ได้พิจารณา...... :b9: :b9: แบบเอาความนึกคิดใส่เข้าไปด้วย
ก็เลย...ไม่ค่อยมีปัญญาแบบจำ....อันนั้นเป็นอันนั้น...ฯลฯ
:b55: จึง....ลองถามทางดู :b9: :b9:
:b1: ตอนนี้ก็..ค่อยศึกษาไปก่อน.. :b39:
เพราะเริ่มมีเรื่องที่ไม่รู้...เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ :b3: :b3:
:b46: ปล.คุณstudent เป็นตัวอย่างหนึ่ง..ของการตั้งใจรักษาความเพียร
ที่ไอเดียติดตามอยู่หน่ะค่ะ...พระสูตรนี้...ก็ได้มาจากกระทู้คุณ
พอดีเห็นแล้วสงสัยอ่ะค่ะ :b43: เพราะไอเดียก็มีแบบเคยพิจารณามาก่อน
มันแยกกันแบบไหนเป็นแบบไหน..ยังไง :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 10:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_2015040351210.jpg
IMG_2015040351210.jpg [ 24 KiB | เปิดดู 4184 ครั้ง ]
:b12:
ปัญญาอันชอบ คำตอบก็ตามมาในคำถามของน้องไอเดียนั้นไง ไฉนจึงไปเข้าใจเป็นเรื่องอื่นละจ๊ะ

นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา. เวทนาไม่เที่ยง ... สัญญาไม่เที่ยง ... สังขารไม่เที่ยง...วิญญาณไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา

เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา.


สรุปว่าการเห็นทุกสิ่งว่าเป็น "อนัตตา" นั่นแหละคือ "ปัญญาอันชอบ" หรือ "สัมมาทิฐิ"
:b39:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 10:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ปัญญาอันชอบ คำตอบก็ตามมาในคำถามของน้องไอเดียนั้นไง ไฉนจึงไปเข้าใจเป็นเรื่องอื่นละจ๊ะ

นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา. เวทนาไม่เที่ยง ... สัญญาไม่เที่ยง ... สังขารไม่เที่ยง...วิญญาณไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตา 

เธอทั้งหลาย พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา.

สรุปว่าการเห็นทุกสิ่งว่าเป็น "อนัตตา" นั่นแหละคือ "ปัญญาอันชอบ" หรือ "สัมมาทิฐิ"


Kiss ค่ะ
เวลาอยู่กับครูบาอาจารย์...ก็เหมือนมีคนคุมอยู่
เวลาลับหลังออกมา..ก็เอาอีก..คิดไปอีกละค่ะ
มีคนเตือน...
อย่ามัวสงสัย..เร่งหาทางให้พ้นจากวัฏฏะเถอะ :b5: :b5:
มันก็ยัง :b9: :b9: ไม่ได้อ่ะค่ะ :b14:
:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...ปัญญาอันชอบ...เป็นลักษณะของจิตที่เข้าใจและเข้าถึงความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฎแต่ละทาง...
...อย่างไร้ทุกข์จากการไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตน...จิตระลึกรู้สภาพธรรมที่เป็นปัจจุบันขณะ...
...เป็นสภาวะที่จิตเบาสบายว่างเปล่าจากการยึดถือตัวตน...จิตรู้ตื่นเบิกบาน...
...จิตดำรงชอบอยู่ในพรหมจรรย์ไม่ขาดอริยสัจจ์4และอริยมรรค8...
:b20:
:b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 11:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: ความกลัวตายเวลาเรานึกว่าจะต้องตาย ลูกตาย คู่ชีวิตตาย จิตของเราจะกระเทือนหวั่นไหว ปัญญาอันชอบ เรานึกถึงเราจะตาย ลูกตาย คู่ชีวิตตาย จิตจะเบาสบาย ยอมรับกฏของธรรมดา :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8571


 ข้อมูลส่วนตัว


:b34: ทิฏฐุชุกัมม์ :b10: :b20:

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 11:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
 
...ปัญญาอันชอบ...เป็นลักษณะของจิตที่เข้าใจและเข้าถึงความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฎแต่ละทาง...
...อย่างไร้ทุกข์จากการไม่ยึดมั่นถือมั่นในตัวตน...จิตระลึกรู้สภาพธรรมที่เป็นปัจจุบันขณะ...
...เป็นสภาวะที่จิตเบาสบายว่างเปล่าจากการยึดถือตัวตน...จิตรู้ตื่นเบิกบาน...
...จิตดำรงชอบอยู่ในพรหมจรรย์ไม่ขาดอริยสัจจ์4และอริยมรรค8...
 
 



:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 11:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทิฏฐุชุกัมม์  


s006 คุณลุงหมาน...
วันนี้ไม่มีคำอธิบายเลยเหรอคะ :b9: :b9:
:b1:
:b39: :b39:
:b8:

อ้างคำพูด:
   ความกลัวตายเวลาเรานึกว่าจะต้องตาย ลูกตาย คู่ชีวิตตาย จิตของเราจะกระเทือนหวั่นไหว ปัญญาอันชอบ เรานึกถึงเราจะตาย ลูกตาย คู่ชีวิตตาย จิตจะเบาสบาย ยอมรับกฏของธรรมดา 


จิตเบาสบายเลยเหรอคะ s005
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8571


 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:
อ้างคำพูด:
ทิฏฐุชุกัมม์  


s006 คุณลุงหมาน...
วันนี้ไม่มีคำอธิบายเลยเหรอคะ :b9: :b9:
:b1:
:b39: :b39:
:b8:

อ้างคำพูด:
   ความกลัวตายเวลาเรานึกว่าจะต้องตาย ลูกตาย คู่ชีวิตตาย จิตของเราจะกระเทือนหวั่นไหว ปัญญาอันชอบ เรานึกถึงเราจะตาย ลูกตาย คู่ชีวิตตาย จิตจะเบาสบาย ยอมรับกฏของธรรมดา 


จิตเบาสบายเลยเหรอคะ s005
:b8:

ก็อย่างที่เขาอธิบายกันมาแหละ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2015, 12:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง

การทำความเห็นให้ตรง คือ มีสัมมาทิฏฐิ-เห็นชอบนั่นเอง คือเห็นตรงตามทำนองคลองธรรม จัดเป็นบุญอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา

ส่วนการเห็นผิด จากทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วไม่ได้ชั่ว บาปบุญไม่มี นรกสวรรค์ไม่มี ตายแล้วสูญ เป็นต้น เป็นมิจฉาทิฐิ เป็นอกุศลกรรมบถ จัดเป็นบาป แม้ไม่ได้ทำชั่วด้วยกาย หรือวาจา แต่ถ้ามีความคิดเห็นเช่นนี้ก็จัดเป็นบาป และบาปมากถึงขั้นห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานทีเดียว เพราะจิตตั้งไว้ผิดหลงทางเสียแล้ว จึงไม่ยอมทำความดี มีแต่จะทำความชั่วถ่ายเดียว

ส่วนการทำความเห็นให้ตรง เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น แม้ผู้นั้นยังไม่ทำดีด้วยกาย หรือว่าไม่ทำดีด้วยกาย หรือวาจา เป็นเพียงแต่เห็นถูก เห็นตรงเท่านั้น ก็จัดเป็นบุญ และเป็นบุญที่ครบคลุมบุญอื่นทั้งหมด เพราะเมื่อคนเราเห็นถูกเห็นตรงเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว ก็ย่อมทำบุญประเภทอื่น ๆ ด้วยความสนิทใจและตั้งใจทำ

ที่มา drama-gateway.com

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร