วันเวลาปัจจุบัน 27 ส.ค. 2025, 02:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2015, 06:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5366


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ต้องนั่งสมาธิให้เสียเวลา

การฝึกสมาธินี่ ฝึกสติลูกเดียว เรื่องชีวิตประจำวันนี่มี ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม
ทำ พูด คิด ฝึกสติให้ตามรู้สิ่งเหล่านี้ทุกขณะจิต ทุกลมหายใจ ไม่ต้องไปนั่งสมาธิ ให้เสียเวลาทำงาน เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นอารมณ์สมาธิทั้งนั้น


หลักก็อยู่ตรงที่ว่า เราทำก็ให้มีสติ พูดให้มีสติ คิดให้มีสติ รับประทาน ดื่ม ทำอะไรต่างๆ ให้มีสติ เป็นสมาธิทั้งสิ้น

นอนลงไป จิตมันคิดอะไร ถ้าจิตมันอยู่ว่างๆ ปล่อยให้มันว่างไป ถ้ามันคิด
ปล่อยให้มันคิดไป ปล่อยให้คิดไปเลย อย่าไปห้ามมัน

ถ้าสมมติว่าเราสงสัยว่าปัญหานี้เราจะแก้อย่างไร พอมันเกิดความคิดขึ้นมาอย่างนี้ มันเกิดมีปัญหาถามตัวเองว่า เราจะแก้อย่างไร ทิ้งมันไว้นั่น อย่าไป
คิดหาทางแก้ แต่เมื่อนอนลงไปแล้ว จิตมันคิดอะไร ปล่อยๆๆๆ ไป พอไปถึงจังหวะที่มันจะแก้ได้ มันหยุดกึ๊กลง ว่าง พอไหวตัวพั๊บ อ้อ! สิ่งนี้
ต้องทำอย่างนี้

เรื่องชีวิตประจำวันทั้งหมดนี่เป็นอารมณ์สมาธิ แล้วเราจะปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านี้อย่างไร สติตัวเดียว ทำ พูด คิด ฯลฯ ให้รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ในตอนแรกๆอาจจะสับสนวุ่นวาย แต่เราพยายามฝึกให้คล่องตัวชำนิชำนาญแล้ว มันจะเป็นอัตโนมัติไปหมดเลย เรื่องได้สมาธิขั้นใด ตอนใด อย่าไปสนใจ เอาสติตัวเดียวเท่านั้น

ทำงานอะไรต่างๆ นี้ เป็นอารมณ์สมาธิทั้งนั้น ขอให้เรามีสติลูกเดียว

เกร็ดธรรมคำสอน ท่านเจ้าคุณพระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
วัดคลองนา (วัดป่าชินรังสี) อ.เมือง จ. ฉะเชิงเทรา




# คนจะมีบารมีต้องมีมาร #

เรื่องความอดทนนั้น หลวงพ่อคูณสอนอยู่เสมอว่า ในการสร้างคุณงามความดี กว่าจะสำเร็จได้ต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคมาก และบางครั้งปัญหาอุปสรรครุนแรง ทำให้ผู้ที่ต้องการบำเพ็ญความดีล้มเลิกความตั้งใจไปเลยก็มี ดังนั้นขอให้ทุกคนมีความอดทน และฝึกความอดทนไว้เสมอ แล้วความดีจะเกิดขึ้นเอง นั่นคือ "คนจะมีบารมีต้องมีมาร"



#‎ในการเข้ามาศึกษา‬ ‪#‎เข้ามาปฏิบัติธรรม‬
‪#‎จึงต้องฝึกเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย‬
ถ้าเราแข็งกระด้าง เย่อหยิ่ง
มันจะปิดหมดเลย
ปิดธรรม ปิดความดีไปหมด


‪#‎เป็นเหมือนภาชนะที่คว่ำไว้‬
‪#‎ถังคว่ำมันจะใส่อะไรได้‬
‪#‎ใครจะเทอะไรใส่ก็ไม่ได้‬
‪#‎ใครจะเอาของดีไปใส่‬
‪#‎มันก็เลื่อนลงไปหมด‬

‪#‎ดุจเดียวกับคนที่เย่อหยิ่งถือตัว‬
‪#‎จะไม่สามารถเจริญในธรรมได้‬
ต้นไม้ที่มันแข็ง ลมมาแรงๆ มันก็หักหมด
แต่ต้นไม้ที่มันรู้จักอ่อนลงไป
ลมแรงขนาดไหนมันก็ไม่หัก
เหมือนต้นอ้อ ต้นข้าว มันจะลู่ลมไป
รวงข้าวที่ตั้งตรงไปเอนเลย
แสดงว่าเป็นข้าวลีบ
รวงข้าวที่อ่อนโค้ง แสดงว่าข้าวดีเมล็ดเต็ม

‪#‎คนที่มีคุณธรรมความดี‬
‪#‎เขาจะอ่อนน้อมถ่อมตน‬ ‪#‎มีสัมมาคารวะ‬
คนที่อวดดี คนที่เย่อหยิ่ง
ก็เหมือนรวงข้าวตั้งตรงอยู่อย่างนั้นไม่มีอะไรดี

‪#‎ธัมโมวาท‬ ‪#‎ท่านเจ้าคุณ‬ ‪#‎พระภาวนาเขมคุณ‬
(หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรํสี)
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา




หลวงปู่ชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

"ถ้าเราเอาชนะตัวเอง
มันก็จะชนะทั้งตัวเองชนะทั้งคนอื่น
ชนะทั้งอารมณ์ ชนะทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น
ทั้งรส ทั้งโผฎัฐพพะ
เป็นอันว่าชนะทั้งหมด"




" หลวงปู่มั่นกำหนดจิตส่งกระแส..ลงมาดูขรัวตา "

๑๔. ทักจิต ทักใจ

ที่ชายเขาทางขึ้นไปถ้ำที่ท่านพระอาจารย์พักอยู่ ก็มีสำนักบำเพ็ญวิปัสสนาอยู่แห่งหนึ่ง เวลาท่านพักอยู่ถ้ำนั้น มีขรัวตาองค์หนึ่งพักอยู่สำนักบำเพ็ญนั้น


คืนวันหนึ่งท่านพระอาจารย์คิดถึงขรัวตาองค์นั้นว่าท่านจะทำอะไรอยู่เวลานี้ ก็กำหนดจิตส่งกระแสลงมาดูขรัวตา พอดีเป็นเวลาที่ขรัวตาองค์นั้นกำลังคิดวุ่นวายไปกับกิจการบ้านเรือนครอบครัวยุ่งไปหมด เรื่องที่ขรัวตาคิดเกี่ยวกับอตีตารมณ์

พอตกดึกท่านส่งกระแสจิตลงมาหาขรัวตาองค์นั้นอีก ก็มาเจอเอาเรื่องทำนองนั้นเข้าอีก ท่านก็ย้อนจิตกลับ จวนสว่างส่งกระแสจิตลงมาอีก ก็มาโดนเอาแต่เรื่องคิดจะสั่งเสียลูกคนนั้นหลานคนนี้อยู่ร่ำไป ทั้งสามวาระที่ท่านส่งกระแสจิตลงมา แต่ก็มาเจอเอาแต่เรื่องขรัวตาคิดจะสร้างบ้านสร้างเรือน สร้างภพสร้างชาติ สร้างวัฏสงสาร ไม่มีสิ้นสุดวิถีแห่งความคิดความปรุงเอาเสียเลย

ตอนเช้าท่านลงมาบิณฑบาต ขากลับมาจึงแวะไปเยี่ยมขรัวตาถึงที่พัก แล้วพูดเป็นเชิงปัญหาว่า เป็นอย่างไรหลวงพ่อ ปลูกบ้านใหม่ แต่งงานกับคู่ครองใหม่แต่เป็นแม่อีหนูคนเก่าเมื่อคืนนี้ตลอดคืนไม่ยอมนอน เสร็จเรียบร้อยไปด้วยดีแล้วมิใช่หรือ คืนต่อไปคงจะสบายไม่ต้องวุ่นวายจัดแจงสั่งลูกคนนั้นให้ทำสิ่งนั้น สั่งหลานคนนี้ให้ทำงานสิ่งนี้อีกกระมัง คืนนี้รู้สึกหลวงพ่อมีงานมากและวุ่นวายพอดู แทบมิได้พักผ่อนนอนหลับมิใช่หรือ

ขรัวตาถามท่านด้วยอาการเอียงอายและยิ้มแห้ง ๆ ว่า..

..ท่านพระอาจารย์เป็นพระอัศจรรย์มาก ท่านรู้ด้วยหรือเมื่อคืนนี้

ท่านพระอาจารย์แสดงอาการยิ้มรับแล้วตอบว่า..

ผมเข้าใจว่าท่านจะรู้เรื่องของตัวดียิ่งกว่าผมผู้ถามเป็นไหน ๆ แต่ทำไมท่านจึงกลับมาถามผมอย่างนี้อีก ผมเข้าใจว่าความคิดปรุงของท่านเป็นไปด้วยเจตนาและพอใจในความคิดนั้น ๆ จนลืมหลับนอนไปทั้งคืน แม้แต่รุ่งเช้าตลอดมาถึงปัจจุบันนี้ ผมก็เข้าใจว่าท่านจงใจคิดเรื่องเช่นนั้นอยู่อย่างเพลินใจจนไม่มีสติจะยับยั้ง และยังพยายามทำตัวให้เป็นไปตามความคิดนั้น ๆ อย่างมั่นใจมิใช่หรือ

พอจบลง ท่านมองดูหน้าขรัวตาเหมือนคนจะเป็นลม ทั้งอายทั้งกลัว พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือแทบไม่เป็นเสียงคน และไม่ชัดถ้อยชัดคำ ขาด ๆ วิ่น ๆ เหมือนจะเป็นอะไรไปในเวลานั้นจนได้ พอเห็นท่าไม่ได้การ ขืนพูดเรื่องนั้นต่อไป เดี๋ยวขรัวตาจะเป็นอะไรไปก็จะแย่ ท่านเลยหาอุบายพูดไปเรื่องอื่นพอให้เรื่องจางไป แล้วก็ลาขึ้นถ้ำ

ต่อมาได้ ๓ วัน โยมผู้ปฏิบัติขรัวตาองค์นั้นก็ขึ้นไปที่ถ้ำ ท่านพระอาจารย์จึงถามถึงขรัวตานั้นว่าสบายดีหรือ

โยมท่านบอกว่า ขรัวตาองค์นั้นจากไปที่อื่นเสียแล้วตั้งแต่เช้าวานนี้ ผมถามท่านว่าหลวงพ่อจะไปทำไม อยู่ที่นี่ไม่สบายหรือ

ท่านบอกว่า จะอยู่ไปได้อย่างไร ก็เช้าวานนี้ท่านพระอาจารย์มั่นมาหาอาตมาที่นี่ แล้วเทศน์อาตมาเสียยกหนึ่งหนัก ๆ อาตมาแทบเป็นลมสลบไปต่อหน้าท่านอยู่แล้ว ถ้าท่านขืนเทศน์ไปอีกสักประโยคสองประโยค อาตมาต้องล้มตายต่อหน้าท่านแน่ ๆ แต่พอดีท่านหยุดและเลยพูดเรื่องอื่นไปเสีย อาตมาจึงพอมีชีวิตและลมหายใจกลับคืนมาได้ ไม่ตายไปเสียในขณะนั้น แล้วจะให้อาตมาอยู่ต่อไปได้อย่างไร อาตมาขอไปวันนี้

ผมถามท่านว่า ท่านพระอาจารย์มั่นเทศน์ดุด่าท่านหรือ ถึงจะอยู่ต่อไปไม่ได้และจะตายต่อหน้าท่าน..

..ท่านมิได้ดุด่าอาตมา แต่ปัญหาธรรมของท่านนั้นมันหนักยิ่งกว่าท่านดุด่าเฆี่ยนตีเป็นไหน ๆ ขรัวตาตอบ

..ท่านถามปัญหาหลวงพ่ออย่างนั้นหรือ ปัญหานั้นมีว่าอย่างไร ผมอยากทราบด้วยพอเป็นคติบ้าง ผมถามท่าน

..ท่านพูดว่า ขออย่าให้อาตมาเล่าให้โยมฟังเลย อาตมาอายจะตายอยู่แล้ว จะมุดดินลงไปเดี๋ยวนี้แลถ้าขืนบอกใครให้ทราบด้วย อาตมาจะพูดให้โยมฟังเพียงเปรย ๆ นะ ก็เราคิดอะไร ๆ ท่านรู้เสียจนหมดสิ้น จะไม่หนักกว่าท่านดุด่าอย่างไรล่ะ ธรรมดาปุถุชนก็ย่อมมีคิดดีบ้างชั่วบ้างเป็นธรรมดา จะห้ามไม่ให้คิดได้อย่างไร ทีนี้พอเราคิดอะไรขึ้นมา ท่านก็รู้เสียหมด อย่างนี้จะอยู่ได้อย่างไร หนีไปตายที่อื่นดีกว่า อย่าอยู่ให้ท่านพลอยหนักใจด้วยเลย คนอย่างเราไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไป อายโลกเขาเปล่า ๆ คืนนี้อาตมานอนไม่ได้เลย คิดแต่เรื่องนี้อย่างเดียว

ผมแย้งท่านว่า ก็ท่านจะมาหนักใจด้วยเราทำไม เพราะท่านมิใช่ผู้ผิด เราผู้ผิดต่างหากจะควรหนักใจ และควรแก้ความผิดของตนให้สิ้นเรื่องไป ท่านอาจารย์ยังจะอนุโมทนาอีกด้วย นิมนต์ท่านอยู่ที่นี่ไปก่อน เผื่อคิดอะไรผิด ๆ ถูก ๆ ขึ้นมา ท่านอาจารย์จะได้ช่วยเตือน เราก็จะได้สติแก้ไข ยังจะดีกว่าหนีไปอยู่ที่อื่นเป็นไหน ๆ ความเห็นของผมว่าอย่างนี้หลวงพ่อจะว่าอย่างไร

..ไม่ได้ ความคิดว่าจะได้สติและจะแก้ไขตัวกับความกลัวท่านนั้น มันมีน้ำหนักกว่าคนละโลก เหมือนช้างกับแมวเอาทีเดียว แล้วเราจะพอมีสติสตังมาแก้อยู่อย่างไรได้ พอคิดว่าท่านจะรู้เรื่องเราเท่านั้นตัวมันสั่นขึ้นมาแล้ว อาตมาขอไปวันนี้ ถ้าขืนอยู่ที่นี่ต่อไปอาตมาต้องตายแน่ ๆ โยมเชื่ออาตมาเถอะ อย่าให้อยู่เลยท่านว่าอย่างนี้

..ไม่ทราบว่าผมจะห้ามท่านได้อย่างไร คิดแล้วก็น่าสงสาร เวลาท่านพูดให้ผมฟัง ก็ทั้งพูดทั้งกลัว หน้าซีดเซียวไปหมด เลยต้องปล่อยให้ท่านไป ก่อนจะไปผมถามท่านว่า ..

..หลวงพ่อจะไปอยู่ที่ไหน..

..ท่านตอบว่าเอาแน่นอนไม่ได้ ถ้าไม่ตายเราคงเห็นหน้ากันอีก แล้วก็ไปเลย ผมให้เด็กตามไปส่งท่าน เวลาเด็กกลับมาแล้วถามเด็ก เด็กบอกว่าไม่ทราบ เพราะท่านไม่บอกที่ที่ท่านจะพักอยู่ สุดท้ายก็เลยไม่ได้เรื่องราวจนป่านนี้ น่าสงสาร ทั้งท่านก็แก่แล้ว ไม่น่าจะเป็นเอาขนาดนั้น

ฝ่ายท่านอาจารย์เกิดความสลดใจ ที่ทำคุณได้โทษ โปรดสัตว์ได้บาป เราคิดแล้วแต่แรกที่เห็นอาการไม่ดีเวลาถามปัญหา จากวันนั้นมาแล้วก็มิได้สนใจคิดและส่งกระแสจิตไปถึงขรัวตาอีก เพราะกลัวจะไปเจอเอาเรื่องที่เคยเจอ แล้วก็มาเป็นดังที่คิดจนได้ ท่านคิดในใจขณะที่ทราบเรื่องจากโยมเล่าให้ฟัง และได้พูดกับโยมบ้างเล็กน้อยเกี่ยวกับปัญหาที่เขาเล่าให้ท่านฟัง ว่าอาตมาก็พูดไปธรรมดาในฐานะคุ้นเคยกัน ทีเล่นทีจริงบ้างอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตถึงกับพาให้ขรัวตาต้องร้างวัดร้างวาหนีไปเช่นนั้น

เรื่องของขรัวตาเป็นเรื่องสำคัญต่อท่านอาจารย์ไม่น้อยตลอดมา ในการที่จะปฏิบัติต่อบรรดาผู้ที่มาเกี่ยวข้องทั้งใกล้และไกล เกรงว่าเรื่องจะซ้ำรอยเข้าอีกหากไม่สนใจคิดไว้ก่อน

จากนั้นมาแล้ว ท่านว่าท่านไม่เคยทักใครเกี่ยวกับความคิดนึกดีชั่ว เพียงพูดเป็นอุบายไปเท่านั้น เพื่อผู้นั้นระลึกรู้ตัวเอาเองโดยมิให้กระเทือนใจ เพราะใจคนเราย่อมเป็นเหมือนเด็กอ่อนที่เพิ่งฝึกหัดเดินกะเปะกะปะไปตามเรื่อง ผู้ใหญ่เป็นเพียงคอยดูแลสอดส่องเพื่อมิให้เด็กเป็นอันตรายเท่านั้น ไม่จำต้องไปกระวนกระวายกับเด็กให้มากไป

..ใจของสามัญชนก็เช่นกันปล่อยให้คิดไปตามเรื่อง ถูกบ้างผิดบ้าง ดีบ้างชั่วบ้างเป็นธรรมดา จะให้ถูกต้องดีงามอยู่ตลอดเวลาย่อมเป็นไปไม่ได้..

หนังสือประวัติ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน




ความอวดดีนั้นแลคือความโง่ตามหลักธรรม ความพิจารณาสอดส่องดูตัวเองอยู่ตลอดเวลา นั่นคือความฉลาด เริ่มเป็นรากเป็นฐาน ก่อตั้งความฉลาดขึ้นมาด้วยการสอดส่องมองดูใจของตัวนั่นแล การพิจารณาสอดส่องตัวเองอย่างนี้ เป็นแนวทางของปราชญ์ท่านดำเนินกัน ไม่ใช่ความฉลาดจะเกิดขึ้นเพราะความสำคัญตนว่าฉลาด ความคิดตำหนิสิ่งนั้นชมสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา ดังที่เคยเป็นมาแล้วประจำหัวใจไม่เว้นแต่ละดวง นั่นหาความเป็นผู้ฉลาดไม่ได้ เที่ยวกว้านเอาฟืนเอาไฟ เพราะความโง่ของตัวที่สำคัญว่าฉลาดเข้ามาเผาตน จึงหาอรรถหาธรรมคือความสงบร่มเย็นไม่ได้ เพราะตัวนี้คือตัวคึกตัวคะนองไม่ได้ถูกบั่นทอนลงบ้างเลย มีแต่การเสริม การคล้อยตามมันโดยเจ้าตัวไม่รู้ ยังเพลินหรือภูมิใจในความคิดความรู้ของตน เข้าใจว่าฉลาดไปเสียอีก นั่นยิ่งโง่หนักเข้าไป
.
ผู้ปฏิบัติให้คิดให้ขุดค้นลงตรงนี้ ถ้าอยากเป็นผู้ฉลาดตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้าจริงๆ และฉลาดอันเป็นสมบัติของตนโดยแท้จริงแล้ว ให้ค้นลงที่นี่ อย่าไปคิดอะไรกับผู้อื่นผู้ใดมากยิ่งกว่าคิดเรื่องของตัว เพราะการสร้างเรื่องสร้างขึ้นที่ใจตัวเอง ไม่ได้สร้างจากผู้อื่นผู้ใด


...........................................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๕
"หลักแห่งความเป็นธรรม"



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร