วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 23:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2015, 07:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_4802366971702.jpeg
IMG_4802366971702.jpeg [ 34.69 KiB | เปิดดู 3264 ครั้ง ]
:b12:
อีกอุปมาที่ทันสมัย
จิตเหมือนแสงสีขาวในคลับ บาร์
เจตสิก เหมือนเลนส์แก้วสีที่เขาหมุนมาผ่านแสงสีขาวทำให้ห้องเปลี่ยนสีไป
หมุนสีไหนมาใส่ ก็ดุจใจเปลี่ยนไปตามเจตสิกนั้น
:b11:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอลองตอบนิดหนึ่ง

ผมว่าที่ไม่รู้สึกเพราะจิตไม่ได้อยู่ตรงที่ธูปจี้
อาจจะเป็นเพราะว่า ภาวนาจิตอยู่ คือจิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง อาจจะเป็นลมหายใจ แต่เพราะสมาธิดำดิ่งเลยเหมือนว่างคือลมหายใจก็ดับลงแต่จิตจับที่ลมหายใจ ไม่ได้รับรู้สภาวะธรรมที่ปรากฎ

ถ้าภาวนาธรรมที่อยู่ตรงหน้า ต้องรู้ครับว่าธูปจี้

ความเห็นผมคือไม่เหมือนกัน

ภาวนาธรรมต้องรู้ว่าธูปจี้

ภาวนาจิต อาจจะไม่รู้เพราะจิตนิ่งมากๆ

เหมือนจับลิงให้อยู่กับที่
จิตเหมือนลิง
พอกิ่งไม้อื่นไหวก็ไม่รู้

แต่ถ้าปล่อยลิงให้ศึกษาต้นไม้
เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ ลิงต้องรู้

เป็นความเห็นนะครับ หากผิดพลาดก็ขออภัย

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 06:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ขอลองตอบนิดหนึ่ง

ผมว่าที่ไม่รู้สึกเพราะจิตไม่ได้อยู่ตรงที่ธูปจี้
อาจจะเป็นเพราะว่า ภาวนาจิตอยู่ คือจิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง อาจจะเป็นลมหายใจ แต่เพราะสมาธิดำดิ่งเลยเหมือนว่างคือลมหายใจก็ดับลงแต่จิตจับที่ลมหายใจ ไม่ได้รับรู้สภาวะธรรมที่ปรากฎ

ถ้าภาวนาธรรมที่อยู่ตรงหน้า ต้องรู้ครับว่าธูปจี้

ความเห็นผมคือไม่เหมือนกัน

ภาวนาธรรมต้องรู้ว่าธูปจี้

ภาวนาจิต อาจจะไม่รู้เพราะจิตนิ่งมากๆ
....

ภาวนาธรรมที่อยู่ตรงหน้า...อาจจะตรงหน้าจิต..ก็ได้นะครับ...จิตอยู่กับจิต..มีจิตเป็นธรรมเฉพาะหน้า..มีจิตเป็นอารมณ์..อารมณ์เดียว..จึงเป็นอุเบกขา...จิตรับรู้เฉพาะภายใน...ไม่ไปภายนอกจิต...อันนี้ผมคิดนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 06:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
คงเหมือน...สวิสไฟ...ที่ไม่มีไฟมา....กดเปิดอย่างไรก็ไม่ติด...


จิตไม่เหมือนสวิตไฟฟ้า แต่ท่านอุปมาเหมือนใยแมลงมุมที่มีใย ๕ ทาง
ก็แมลงมุมริมทางตัวหนึ่งขึงใยไป ๕ ทิศ ทำข่ายแล้วนอนอยู่ตรงกลาง

เมื่อใยที่ขึงไปในทิศแรกถูกกระทบด้วยสัตว์เล็ก ๆ หรือตั๊กกระแตนหรือแมลงวัน
มันก็จะเคลื่อนออกจากที่เป็นที่นอนไปตามสายใยเจาะศีรษะดูดเลือดของสัตว์นั้น
เมื่อกินจนเป็นที่อิ่มหนำแล้วจะกลับมานอน ณ ท่ามกลางใยนั้นนั่นแหละอีก

แม้ในเวลาที่สัตว์มากระทบทางทิศที่ ๒ เป็นต้น แล้วก็กระทำเหมือนอย่างนั้นอีกนั่นแหละ
ในข้อนั้นประสาททั้ง ๕ พึงทราบว่า เหมือนใยแมลงมุมที่ขึงไป ๕ ทิศ. จิตเหมือนแมลงมุม
นอนในท่ามกลาง. เวลาที่อารมณ์มากระทบประสาท เหมือนเวลาที่สัตว์เล็ก ๆ เป็นต้น
มาที่มีสัตว์กระทบใยแมลงมุม.


เวลาที่กิริยามโนธาตุ รับอารมณ์ที่กระทบประสาทแล้ว
ยังภวังค์ให้เปลี่ยนไป เหมือนการไหวของแมลงมุมซึ่งนอนอยู่ในท่ามกลาง
ความเป็นไปของวิถีจิต เหมือนเวลาการไปตามสายใยของแมลงมุม
เวลาที่ชวนจิตเสพอารมณ์ เหมือนการเจาะศีรษะดูดเลือด การที่จิตอาศัยหทัยวัตถุเป็นไป
เหมือนแมลงมุมกลับมานอนในท่ามกลางใยอีก.


เปรียบเทียบได้ดี..ครับ

อันนี้แหละ...ที่ผมอยากจะทราบ
ตัวรู้...มีที่จุดเดียว...(จะเรียกอะไรก็แล้วแต่..)...รึ...ตัวรู้มีอยู่ 6

จากสมาธิ...สามารถบอกได้ว่า..ตัวรู้มีร่วมกันที่จุดเดียว..(ไม่ได้หมายความว่า...อยู่เป็นที่ในร่างกาย..ที่ใดที่หนึ่งถาวร..นะครับ...รู้แค่ว่า...มีอันเดียว)
ตัวรู้..จึง...รู้ได้ทีละทวาร...ที่แยกเป็น 5 ทวาร...รวมกับรู้ที่ตัวมันเองอีก..ก็เป็น วิญญาณ 6 นั้น...เรียกตามช่องทางที่รับรู้ผ่าน อวัยวะ5 (อายตนะ) และ รู้ด้วยตัวเองภายในอีก 1 รวมเป็นรู้ได้จาก 6 ช่องทาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 06:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
ขอลองตอบนิดหนึ่ง

ผมว่าที่ไม่รู้สึกเพราะจิตไม่ได้อยู่ตรงที่ธูปจี้
อาจจะเป็นเพราะว่า ภาวนาจิตอยู่ คือจิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง อาจจะเป็นลมหายใจ แต่เพราะสมาธิดำดิ่งเลยเหมือนว่างคือลมหายใจก็ดับลงแต่จิตจับที่ลมหายใจ ไม่ได้รับรู้สภาวะธรรมที่ปรากฎ

ถ้าภาวนาธรรมที่อยู่ตรงหน้า ต้องรู้ครับว่าธูปจี้

ความเห็นผมคือไม่เหมือนกัน

ภาวนาธรรมต้องรู้ว่าธูปจี้

ภาวนาจิต อาจจะไม่รู้เพราะจิตนิ่งมากๆ
....

ภาวนาธรรมที่อยู่ตรงหน้า...อาจจะตรงหน้าจิต..ก็ได้นะครับ...จิตอยู่กับจิต..มีจิตเป็นธรรมเฉพาะหน้า..มีจิตเป็นอารมณ์..อารมณ์เดียว..จึงเป็นอุเบกขา...จิตรับรู้เฉพาะภายใน...ไม่ไปภายนอกจิต...อันนี้ผมคิดนะครับ


ที่พูดนั้นควรแยกให้ก่อนว่าเราพูดเรื่องอะไร ? เราพูดเรื่อง "สมถ"" หรือ "วิปัสสนา"
เพราะทั้งสองอย่างนี้มันต่างกันที่อารมณ์ ดูเหมือนว่าจะปนเปกัน มันทำให้หลงทาง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 06:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นอกจากจะรู้ได้..ทีละ 1 ช่องทางแล้ว...เรายังสามารถใส่เจตนา(เพ่ง)..ให้มันรู้เฉพาะช่องทางใดช่องทางหนึ่ง..อย่างเดียว...ในชั่วเวลาหนึ่ง..ได้ด้วย....ที่เห็นๆ(สำหรับคนทำสมาธิถึงฌาน3 ฌาน4)ก็คนที่ละ..วิตก...วิจารณ์...ปีติ..ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
นอกจากจะรู้ได้..ทีละ 1 ช่องทางแล้ว...เรายังสามารถใส่เจตนา(เพ่ง)..ให้มันรู้เฉพาะช่องทางใดช่องทางหนึ่ง..อย่างเดียว...ในชั่วเวลาหนึ่ง..ได้ด้วย....ที่เห็นๆ(สำหรับคนทำสมาธิถึงฌาน3 ฌาน4)ก็คนที่ละ..วิตก...วิจารณ์...ปีติ..ได้


เข้าใจหละว่าพูดเรื่องสมถะ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 15:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
คงเหมือน...สวิสไฟ...ที่ไม่มีไฟมา....กดเปิดอย่างไรก็ไม่ติด...


จิตไม่เหมือนสวิตไฟฟ้า แต่ท่านอุปมาเหมือนใยแมลงมุมที่มีใย ๕ ทาง
ก็แมลงมุมริมทางตัวหนึ่งขึงใยไป ๕ ทิศ ทำข่ายแล้วนอนอยู่ตรงกลาง

เมื่อใยที่ขึงไปในทิศแรกถูกกระทบด้วยสัตว์เล็ก ๆ หรือตั๊กกระแตนหรือแมลงวัน
มันก็จะเคลื่อนออกจากที่เป็นที่นอนไปตามสายใยเจาะศีรษะดูดเลือดของสัตว์นั้น
เมื่อกินจนเป็นที่อิ่มหนำแล้วจะกลับมานอน ณ ท่ามกลางใยนั้นนั่นแหละอีก

แม้ในเวลาที่สัตว์มากระทบทางทิศที่ ๒ เป็นต้น แล้วก็กระทำเหมือนอย่างนั้นอีกนั่นแหละ
ในข้อนั้นประสาททั้ง ๕ พึงทราบว่า เหมือนใยแมลงมุมที่ขึงไป ๕ ทิศ. จิตเหมือนแมลงมุม
นอนในท่ามกลาง. เวลาที่อารมณ์มากระทบประสาท เหมือนเวลาที่สัตว์เล็ก ๆ เป็นต้น
มาที่มีสัตว์กระทบใยแมลงมุม.


เวลาที่กิริยามโนธาตุ รับอารมณ์ที่กระทบประสาทแล้ว
ยังภวังค์ให้เปลี่ยนไป เหมือนการไหวของแมลงมุมซึ่งนอนอยู่ในท่ามกลาง
ความเป็นไปของวิถีจิต เหมือนเวลาการไปตามสายใยของแมลงมุม
เวลาที่ชวนจิตเสพอารมณ์ เหมือนการเจาะศีรษะดูดเลือด การที่จิตอาศัยหทัยวัตถุเป็นไป
เหมือนแมลงมุมกลับมานอนในท่ามกลางใยอีก.


เปรียบเทียบได้ดี..ครับ

อันนี้แหละ...ที่ผมอยากจะทราบ
ตัวรู้...มีที่จุดเดียว...(จะเรียกอะไรก็แล้วแต่..)...รึ...ตัวรู้มีอยู่ 6

จากสมาธิ...สามารถบอกได้ว่า..ตัวรู้มีร่วมกันที่จุดเดียว..(ไม่ได้หมายความว่า...อยู่เป็นที่ในร่างกาย..ที่ใดที่หนึ่งถาวร..นะครับ...รู้แค่ว่า...มีอันเดียว)
ตัวรู้..จึง...รู้ได้ทีละทวาร...ที่แยกเป็น 5 ทวาร...รวมกับรู้ที่ตัวมันเองอีก..ก็เป็น วิญญาณ 6 นั้น...เรียกตามช่องทางที่รับรู้ผ่าน อวัยวะ5 (อายตนะ) และ รู้ด้วยตัวเองภายในอีก 1 รวมเป็นรู้ได้จาก 6 ช่องทาง


ทวารที่6 คือมโนไม่ใช่หรือครับ
ไม่ใช่จิต

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทวารที่6 คือมโนไม่ใช่หรือครับ
ไม่ใช่จิต

ทวาร แปลว่า ประตู คือเป็นที่เข้าที่ออกของจิตและเจตสิก
มโนทวารจึงเป็นที่อยู่ของจิต หรือจะเรียกว่ามโนก็ได้ เพราะจิตมีชื่อเรียกได้หลายชื่อ ถ้าเรียกว่ามโนทวารจะรู้ได้ทันทีว่าจิตเกิดอยู่ที่ใจ เรียกจักขุทวารก็จะรู้ทันทีว่าจิตเกิดที่ตา เป็นต้น ทวารทั้ง ๕ มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นที่จิตเกิดได้
แต่ทางใจเป็นที่จิตเกิดอยู่

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอลองตอบบ้างนะค่ะ จากการภาวนาของตน :b44:
เมื่อครู่ลองทำสมาธิ คุนน้องไม่กำหนดพุท-โธ
เพราะจิตนิ่งอยู่แล้ว กำหนดจิตรู้ลมเข้า-ลมออก
ตอนจิตจะดิ่งสู่สมาธิระดับลึก (ไม่ขอเรียกว่าฌานนะค่ะ เพราะกลัวอธิบายสภาวะผิด)
ตัวจะหมุน โยกไปมา ก็เป็นของมันเองไม่ได้บังคับ
เพราะจิตเรารู้ลมเข้าออก แค่นั้น (ได้ยินเสียงภายนอกปกติ แต่จิตไม่รู้ชัดในเสียงแต่รู้ชัดอยู่ภายใน) เมื่อสมาธิดิ่งลงลึก(ไม่รู้ฌานไหนแต่ไม่ตกภวังค์) หูจะอื้อ เรียกอาการหูดับได้ไหม? รู้สึกไร้แขน ไร้ขา ไร้ตัวตน รู้สึกว่าขาชาหน่อยๆ แต่
สมาธิมันดิ่งลึก จนรู้เฉพาะความสุขสงบภายใน

ตอนนั้นจิตเบา เหมือนมีแต่จิตที่ลอยอยู่ใน อากาศ
สีม่วง วนเป็นเกลียวคลื่นอยู่อย่างนั้น จิตหลุดจากรู้ลม เพ่งไปกับความสว่างสีม่วงที่เพ่งอยู่ แล้วขยับๆเข้ามาเรื่อยๆเหมือนดูภาพ3มิติ เลยได้ข้อสรุปว่า ตอนที่จิตจดจ่ออยู่ภายใน ด้วยกำลังสมาธิ
จิตไม่รับรู้สนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นในกายเลยค่ะ เพราะ

จิตที่ลงสู่ระดับลึกมากๆ จะไร้ความรู้สึกว่ามีร่างกาย
รู้แค่จิต ตอนนั้นมีอะไรมากระทบกาย เลยไม่รับรู้
เวทนาก็ไม่รู้ชัด เพราะสมาธิข่มเวทนาที่เกิดขึ้นที่กาย เพราะยุงกัดตอนคุนน้องสมาธิลงลึกๆ เราแทบไม่รู้ว่ามันดูดเลือดเราอยู่ :b14: (ก็คันนิดๆ แต่ไม่ถึงกลับสะดุ้ง มีตัวนึงกัดขา ตัวนึงกัดหัวคิ้ว จิตรู้ แต่จิตไม่รู้สึกเวทนา รู้สึกชาๆ อธิบายไม่ถูก :b6: ) คุนน้องว่า น่าจะเป็นเช่นนี้แหละค่ะ
คือ จิตสงบอยู่ในอัปนาสมาธิ จนไร้ความรู้สึกว่ามีร่างกาย รู้แค่ว่ามีจิต พอธูปมาจี้เลยไม่รู้สึกอะไร :b44:


ปล.ตอนเราจะถอนออกสมาธิ เหมือนโดนดูดไว้มนสมาธิเลยค่ะ :b24: เหมือนจิตยังไม่อยากออก คือเหมือนติดความสงบ จนรวบรวมจิตและสูดลมหายใจ เข้า-ออก ลึกๆ 2-3 ครั้งก่อนลืมตา :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
ทวารที่6 คือมโนไม่ใช่หรือครับ
ไม่ใช่จิต

ทวาร แปลว่า ประตู คือเป็นที่เข้าที่ออกของจิตและเจตสิก
มโนทวารจึงเป็นที่อยู่ของจิต หรือจะเรียกว่ามโนก็ได้ เพราะจิตมีชื่อเรียกได้หลายชื่อ ถ้าเรียกว่ามโนทวารจะรู้ได้ทันทีว่าจิตเกิดอยู่ที่ใจ เรียกจักขุทวารก็จะรู้ทันทีว่าจิตเกิดที่ตา เป็นต้น ทวารทั้ง ๕ มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นที่จิตเกิดได้
แต่ทางใจเป็นที่จิตเกิดอยู่


จินตนาการ ความคิดฝันเช่น อดีตที่ผ่านมา อนาคตที่ยังมาไม่ถึง
อันนี้เรียกมโนทวารใช่ไหมครับ

ส่วนหทัยหรือใจคือจุดเกิดของอารมณ์ เช่นความตั้งใจทำอะไรสักอย่างต้องมีความเข้มแข็ง หรือใจที่เข้มแข็ง ไม่ใช่มโนที่เข็มแข็ง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2015, 04:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ควรเข้าใจตรงนี้ก่อนว่า จิตคือ ธรรมชาติ ชนิดหนึ่ง ธรรมชาตินี้ บางครั้งก็เรียกว่า "สภาวะ"
เป็นสภาวะเพราะ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่มีตัวตน ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่มีรส ฯลฯ
จิตมีชื่อต่างๆ ที่ใช้เรียกขานกันถึง ๑๐ ชื่อ ดังแสดงว่า

ยํ จิตฺตํ มโน หทยํ มานสํ ปณฺฑรํ มนายตนํ มนินฺทฺริยํ วิญฺญาณํ วิญฺญาณกฺขนฺโธ
ตชฺชา มโนวิญฺญาณธาตุ อิทํ จิตฺตํ


อัฏฐสาลินีอรรถกถา อธิบายไว้ว่า ธรรมชาติใดย่อมคิด ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า "จิต"
ธรรมชาติใดย่อมน้อมไปหาอารมณ์ ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า "มโน"
จิตที่รวบรวมอารมณ์ไว้ภายในนั่นแหละชื่อว่า "หทัย"
ธรรมชาติฉันทะ คือความพอใจที่มีอยู่ในใจนั้นชื่อว่า "มนัส"
จิตเป็นธรรมชาตฺที่ผ่องใส จึงชื่อว่า "ปัณฑระ"
มนะที่เป็นอายตนะ คือเครื่องต่อ จึงชื่อว่า "มนายตนะ"
มนะที่เป็นอินทรีย์ คือครองความเป็นใหญ่ จึงชื่อว่า "มนินทรีย์"
ธรรมชาติใดที่รู้อารมณ์ ธรรมชาตินั้นชื่อว่า "วิญญาณ"
วิญญาณที่เป็นขันธ์ จึงชื่อว่า "วิญญาณขันธ์"
มนะที่เป็นธาตุชนิดหนึ่งที่รู้อารมณ์ จึงชื่อว่า "มโนวิญญาณธาตุ"
ทั้งหมดนี้คือจิตทั้งหมดที่ทำหน้าที่ที่มีสภาวะต่างๆกันไป

เนื้อความที่รับรอง จากพระไตรปิฏก (โปรดสังเกตที่หัวข้อ)

พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑
ธรรมสังคณีปกรณ์

[๙๒] วิญญาณขันธ์ ๑ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า วิญญาณขันธ์ ๑ มีในสมัยนั้น.

[๙๓] มนายตนะ ๑ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า มนายตนะ ๑ มีในสมัยนั้น.

[๙๔] มนินทรีย์ ๑ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า มนินทรีย์ ๑ มีในสมัยนั้น.

[๙๕] มโนวิญญาณธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
จิต มโน มานัส ฯลฯ มโนวิญญาณธาตุที่สมกัน ในสมัยนั้น อันใด นี้ชื่อว่า มโนวิญญาณธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น.

[๙๖] ธัมมายตนะ ๑ มีในสมัยนั้นเป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ นี้ชื่อว่า ธัมมายตนะ ๑ มีในสมัยนั้น.

[๙๗] ธรรมธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ นี้ชื่อว่า ธรรมธาตุ ๑ มีในสมัยนั้น.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2015, 04:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จินตนาการ ความคิดฝันเช่น อดีตที่ผ่านมา อนาคตที่ยังมาไม่ถึง
อันนี้เรียกมโนทวารใช่ไหมครับ

ส่วนหทัยหรือใจคือจุดเกิดของอารมณ์ เช่นความตั้งใจทำอะไรสักอย่างต้องมีความเข้มแข็ง หรือใจที่เข้มแข็ง ไม่ใช่มโนที่เข็มแข็ง


จินตนาการ ความคิดฝันเช่น อดีตที่ผ่านมา อนาคตที่ยังมาไม่ถึง
อันนี้เรียกมโนทวารใช่ไหมครับ?


คิดเรื่องราวต่างๆ อันนี้เป็นเจตสิก หรือเรียกอีกอย่างว่าสังขารเจตสิก
แต่ตัวรู้คิด คือ จิต ส่วน มโนทวาร เป็นช่องทางเข้าออกของจิตและเจตสิก
ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่า ตัวรู้คิด กับตัวคิด เป็นเป็นคนละอย่างกัน
ตัว"รู้คิด" ได้แก่ จิต ส่วนตัว"คิด" ได้แก่ สังขารเจตสิก

ส่วนหทัยหรือใจคือจุดเกิดของอารมณ์ เช่นความตั้งใจทำอะไรสักอย่างต้องมีความเข้มแข็ง หรือใจที่เข้มแข็ง ไม่ใช่มโนที่เข็มแข็ง?

หทัย ใจ มโน ล้วนแล้วก็เป็นชื่อเดียวกัน (ดูคำอธิบายข้างบน)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 08:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b11: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีปีใหม่คุณลุงหมานและเพื่อนๆทุกคน หวังว่าทุกคนคงจะสบายดีนะคะ

จากคำถามของคุณกบ อุปมาอย่างนี้ได้ไหม เปรียบเหมือนคนที่นอนหลับลึก จิตไม่รับรู้อารมณ์อื่น
ตอนสมัยเป็นเด็กๆ คุณแม่บอกว่าปลีกวิเวกเป็นคนที่ปลุกยากมากแม่เรียกเป็นครึ่งๆชั่วโมงก็ไม่ได้ยิน
คือส่วนตัวแล้วเป็นคนนอนหลับลึกและตื่นทีเดียวเช้าเลยฝนตกฟ้าร้องกลางดึกไม่รู้เรื่อง
รู้อีกทีเช้าแล้ว :b12:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร