วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 20:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2015, 06:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คำถามครับ

ฟังธรรมเทศนาของหลวงพ่อพุธ ...
ท่านว่า...".คนทำสมาธิ...เข้าสมาธิละเอียด...เอาธูปจี้..ยังไม่รู้สึกเลย "

ก็เลยเกิดคำถาม...ขอให้ลุงหมาน...อธิบายในแนวอภิธรรมจะได้มั้ย?...ว่าเกิดอะไรขึ้น

สมมุติง่ายๆ ว่า...
ธูป...เป็นอายตนภายนอก
การจี้สัมผัสที่ผิวหนัง...เป็นผัสสะ
ผิวหนัง...เป็นอายตนภายใน

ในกรณีนี้..(เข้าสมาธิละเอียด)...ทำไมถึงไม่รู้สึกอย่างปกติ...
- อายตนภายในที่เคยมีตรงนั้น..มันไม่ทำงานรีว่าหายไปไหน (ระบบประสาท)
- รึว่า...มันไม่เคยมีอายตนะภายในตั้งประจำตรงนั้นอยู่แล้ว..
- รึว่า...ที่จริง..มันยังไม่เกิดผัสสะ...แม้ว่าธูปจะจี้แตะผิวหนังแล้วก็ตาม
- รึว่า...วิญญาณเกิดเป็นปกติอยู่ (รับรู้ว่าร้อนอยู่)...แต่..จิตไม่ไปรู้ตรงนั้น..(ไม่รับมาเป็นอารมณ์)...เพราะจิตมามัวรู้อยู่กับอุเบกขามาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว

..รึ...ฯลฯ

เพื่อนๆ ก็แสดงความคิดเห็นได้นะครับ...แต่อยากรู้ในแนวอภิธรรมด้วย..ว่า...เป็นอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ม.ค. 2015, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สมมุติง่ายๆ ว่า...
ธูป...เป็นอายตนภายนอก
การจี้สัมผัสที่ผิวหนัง...เป็นผัสสะ
ผิวหนัง...เป็นอายตนภายใน


ตรงนี้ไม่ใช่ผัสสะ มีเพียงอายตนะภายนอกกับอายตนะภายในเท่านั้น
มีเพียงรูปกับรูปที่กระทบกัน ซึ่งจิตจะไม่มาเกิดรับรู้ตรงนั้นจึงไม่เรียกว่าผัสสะ
อายตนะภายนอกเป็นรูป อายตนะภายในเป็นรูป เมื่อรูปกับรูปกระทบกันก็จะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
อุปมาเหมือนคนนอนขี้เซา จะมีใครมาปลุกหรือไปเขย่าตัวก็ยังไม่มีความรู้สึกไม่ตื่น
ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่มีจิตที่จะมารับรู้ตรงที่อายตนะกระทบกัน

คำว่าผัสสะจะต้องมีของ ๓ สิ่งคือ สิ่งภายใน ๑ สิ่งภายนอก ๑ จิต ๑
ทั้ง ๓ เกิดขึ้นจึงจะเรียกว่า ผัสสะ
คำว่าฌานละเอียดน่าจะหมายถึงฌานที่เป็น อากาสานัญจายตนะฌาน
จนถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะฌาน เพราะฌานเหล่านี้เป็นฌานที่เขาละรูป
เขามีแต่จิต หมายถึงว่าเขาจะไม่มารับรู้ที่ทวารใดๆที่เกี่ยวกับรูป
หรือไม่ก็อาจจะเป็นการเข้านิโรธสมาบัติ เป็นการดับจิตเจตสิก และลมหายใจ

อ้างคำพูด:
ในกรณีนี้..(เข้าสมาธิละเอียด)...ทำไมถึงไม่รู้สึกอย่างปกติ...
- อายตนภายในที่เคยมีตรงนั้น..มันไม่ทำงานรีว่าหายไปไหน (ระบบประสาท)
วิ. อายตนะมีอยู่ แต่ไม่มีจิต
- รึว่า...มันไม่เคยมีอายตนะภายในตั้งประจำตรงนั้นอยู่แล้ว..
วิ. อายตนะมันมีทั่วไปแต่จิตไม่ไปเกิดรับรู้
- รึว่า...ที่จริง..มันยังไม่เกิดผัสสะ...แม้ว่าธูปจะจี้แตะผิวหนังแล้วก็ตาม
วิ. ใช่...มันไม่ครบ ๓ สิ่งจึงไม่ใช่ผัสสะจึงไม่มีความรู้สึก
- รึว่า...วิญญาณเกิดเป็นปกติอยู่ (รับรู้ว่าร้อนอยู่)...แต่..จิตไม่ไปรู้ตรงนั้น..(ไม่รับมาเป็นอารมณ์)...เพราะ
จิตมามัวรู้อยู่กับอุเบกขามาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว
..รึ...ฯลฯ
วิ. จิตเกิดอยู่ แต่จิตเกิดรับรู้ที่มโนทวาร กายจะร้อนจะหนาวอย่างไรก็ไม่รู้สึกเพราะจิตไม่ไปรับรู้ที่กาย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 06:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อายตนะ
อายตนะ อุปมาเหมือนแพะสองตัวกำลังชนกัน
ผัสสะ
ผัสสะ อุปมาเหมือนเหมือนเราไปยืนอยู่ตรงในระหว่างแพะชนกัน
ต่อจากนั้น เวทนา ก็เกิด ขันธ์ ๕ ก็เกิด ตัณหาเกิด อุปาทานเกิด เพื่อสร้างกรรมสร้างภพชาติต่อไป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 07:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




FB_IMG_1421189933774.jpg
FB_IMG_1421189933774.jpg [ 15.13 KiB | เปิดดู 5052 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
คำถามครับ

ฟังธรรมเทศนาของหลวงพ่อพุธ ...
ท่านว่า...".คนทำสมาธิ...เข้าสมาธิละเอียด...เอาธูปจี้..ยังไม่รู้สึกเลย "

ก็เลยเกิดคำถาม...ขอให้ลุงหมาน...อธิบายในแนวอภิธรรมจะได้มั้ย?...ว่าเกิดอะไรขึ้น

สมมุติง่ายๆ ว่า...
ธูป...เป็นอายตนภายนอก
การจี้สัมผัสที่ผิวหนัง...เป็นผัสสะ
ผิวหนัง...เป็นอายตนภายใน

ในกรณีนี้..(เข้าสมาธิละเอียด)...ทำไมถึงไม่รู้สึกอย่างปกติ...
- อายตนภายในที่เคยมีตรงนั้น..มันไม่ทำงานรีว่าหายไปไหน (ระบบประสาท)
- รึว่า...มันไม่เคยมีอายตนะภายในตั้งประจำตรงนั้นอยู่แล้ว..
- รึว่า...ที่จริง..มันยังไม่เกิดผัสสะ...แม้ว่าธูปจะจี้แตะผิวหนังแล้วก็ตาม
- รึว่า...วิญญาณเกิดเป็นปกติอยู่ (รับรู้ว่าร้อนอยู่)...แต่..จิตไม่ไปรู้ตรงนั้น..(ไม่รับมาเป็นอารมณ์)...เพราะจิตมามัวรู้อยู่กับอุเบกขามาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว

..รึ...ฯลฯ

เพื่อนๆ ก็แสดงความคิดเห็นได้นะครับ...แต่อยากรู้ในแนวอภิธรรมด้วย..ว่า...เป็นอย่างไร

:b12:
จิตไปยึดอารมณ์อื่นอยู่อย่างแน่นแฟ้น จนอารมณ์ความรู้สึกร้อนจากไฟธูปแทรกเข้าครองจิตไม่ได้ จิตจึงไม่รับรู้ความร้อน

อุปมาเหมือนคนเล่นไพ่ ลืมหิว ลืมลูกลืมเมีย ลืมธุรกิจการงานบ้านช่อง

แต่อีกทางหนึ่งที่สูงกว่านั้นจิตไม่เห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นกูเป็นเรา จะไม่เดือดร้อนเป็นทุกข์เหมือนไม่รับรู้ความร้อนของไฟเช่นกัน
:b16:
ขออภัยที่แทรกมาร่วมคุยด้วยทั้งๆที่กระทู้บอกว่าถามลุงหมาน
:b13:
คุยกับกบมันมีปฏิกิริยาตอบสนองดี กระตุ้นธรรมออกมาได้เยอะ เป็นประโยชน์กับผู้คนแยะ เลยแลบไปคิดถึง กรัชกาย และใครๆอีกหลายคนที่พากันหายหน้าหลบไปภาวนากันหมดเพราะเกิดนิพพิทาญาณอย่างแรงกล้า น่าอนุโมทนาสาธุ
cry
"หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"
onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 07:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พอถอนออกจากสมาธิ ยังไงก็ร้องจ๊ากแน่นอนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 08:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




FB_IMG_1420639510368.jpg
FB_IMG_1420639510368.jpg [ 39.83 KiB | เปิดดู 5046 ครั้ง ]
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
พอถอนออกจากสมาธิ ยังไงก็ร้องจ๊ากแน่นอนครับ

:b12:
เพราะได้แค่ระดับ "กดข่มทุกข์" ด้วยสติสมาธิ

ยังไม่ถึงระดับ "ขุดถอนเหตุทุกข์ออกได้สิ้นด้วยปัญญา"
onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 09:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
พอถอนออกจากสมาธิ ยังไงก็ร้องจ๊ากแน่นอนครับ

:b12:
เพราะได้แค่ระดับ "กดข่มทุกข์" ด้วยสติสมาธิ

ยังไม่ถึงระดับ "ขุดถอนเหตุทุกข์ออกได้สิ้นด้วยปัญญา"
onion


อโสกะ..คับ...อย่าตลกไปมากกว่านี้เลย.....อรหันต์ท่านก็เจ็บเป็น..ครับ...ไม่ใช่ไม่มีความรู้สึกตัว...เลย

ดูตัวอย่างพระอัสชิ..ป่วย...ทรมานมาก..จนวานให้พระรูปอื่นนิมนตพระพุทธเจ้ามา..แล้วก็ถามพระองค์ว่า..ธรรมที่ได้ฉิบหายไปแล้วรึ?...พระองค์ก็ทรงตรัสถามกลับว่า...คิดอย่างไรกับร่างกาย..ยังเห็นร่างกายเป็นเราอยู่รึไม่?...ท่านก็ตอบว่า..ไม่..ฯลฯ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 16:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_2769405917479.jpeg
IMG_2769405917479.jpeg [ 29.13 KiB | เปิดดู 5006 ครั้ง ]
s006
กบมีฤทธิ์ไปล่วงรู้จิตใจของท่านพระอัสชิอย่างนั้นหรือว่าจิตใจของท่านทุกข์ทรมาณเพราะอาพาธ

เป็นธรรมดาของจิตของพระอรหันตขีณาสพทั้งหลาย ที่อยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์ เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอน แต่ท่านจะมีเหตุผลในการรักษาธาตุขันธ์ไปตามกำลังของเหตุและปัจจัย

กบมิพึงควรเอาจิตและความรู้สึกอย่างปุถุชนของกบไปเทียบวัดจิตของพระอริยเจ้า จักเป็นการดึงเอาฟ้าสูงลงต่ำนะ จะบอกให้
:b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 19:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หากผมผิด....ก็ขอเขมาท่านอัสชิ...
แต่คิดแล้ว....ไม่ผิดครับ...

คนเราเจ้บ...มันก็เจ็บ...ครับ...ก็มีร่างกาย...จะให้ไม่เจ้บอย่างไรไหว
ไม่งั้น...ท่านคงไม่ถามพระพุทธเจ้า..หรอกว่า...ธรรมที่ท่านได้..ฉิบหายแล้วหรือ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 21:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พระอรหันต์...หมดทุกข์..ที่เกิดจากกิเลส..ครับผม...ส่วนทุกข์ทางร่างกาย..ยังมีอยู่..มิฉะนั้น..นิพพานไม่มี 2 ลักษณะ...หรอกครับ...สอุปาทิเสสนิพพาน...อนุปาทิเสสนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2015, 22:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:

อ้างคำพูด:
ในกรณีนี้..(เข้าสมาธิละเอียด)...ทำไมถึงไม่รู้สึกอย่างปกติ...
- อายตนภายในที่เคยมีตรงนั้น..มันไม่ทำงานรีว่าหายไปไหน (ระบบประสาท)

วิ. อายตนะมีอยู่ แต่ไม่มีจิต
คงเหมือน...สวิสไฟ...ที่ไม่มีไฟมา....กดเปิดอย่างไรก็ไม่ติด...

อ้างคำพูด:
- รึว่า...มันไม่เคยมีอายตนะภายในตั้งประจำตรงนั้นอยู่แล้ว

วิ. อายตนะมันมีทั่วไปแต่จิตไม่ไปเกิดรับรู้
..

แสดงว่า..จิตเป็นแขกจร....ไม่ได้อยู่ประจำ

อ้างคำพูด:
- รึว่า...ที่จริง..มันยังไม่เกิดผัสสะ...แม้ว่าธูปจะจี้แตะผิวหนังแล้วก็ตาม
วิ. ใช่...มันไม่ครบ ๓ สิ่งจึงไม่ใช่ผัสสะจึงไม่มีความรู้สึก

- รึว่า...วิญญาณเกิดเป็นปกติอยู่ (รับรู้ว่าร้อนอยู่)...แต่..จิตไม่ไปรู้ตรงนั้น..(ไม่รับมาเป็นอารมณ์)...เพราะ
จิตมามัวรู้อยู่กับอุเบกขามาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียว
..รึ...ฯลฯ
วิ. จิตเกิดอยู่ แต่จิตเกิดรับรู้ที่มโนทวาร กายจะร้อนจะหนาวอย่างไรก็ไม่รู้สึกเพราะจิตไม่ไปรับรู้ที่กาย

ตรงนี้...หมายถึง..จิตเกิดได้ที่เดียวเท่านั้น....ซึ่งหมายถึงจิตรู้...แต่ไม่มีวิญญาณ..ณ...จุดที่ธูปสัมผัสผิวหนัง

ตรงนี้...ยังมีข้อให้..ตรึกตรอง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2015, 06:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คงเหมือน...สวิสไฟ...ที่ไม่มีไฟมา....กดเปิดอย่างไรก็ไม่ติด...


จิตไม่เหมือนสวิตไฟฟ้า แต่ท่านอุปมาเหมือนใยแมลงมุมที่มีใย ๕ ทาง
ก็แมลงมุมริมทางตัวหนึ่งขึงใยไป ๕ ทิศ ทำข่ายแล้วนอนอยู่ตรงกลาง
เมื่อใยที่ขึงไปในทิศแรกถูกกระทบด้วยสัตว์เล็ก ๆ หรือตั๊กกระแตนหรือแมลงวัน
มันก็จะเคลื่อนออกจากที่เป็นที่นอนไปตามสายใยเจาะศีรษะดูดเลือดของสัตว์นั้น
เมื่อกินจนเป็นที่อิ่มหนำแล้วจะกลับมานอน ณ ท่ามกลางใยนั้นนั่นแหละอีก

แม้ในเวลาที่สัตว์มากระทบทางทิศที่ ๒ เป็นต้น แล้วก็กระทำเหมือนอย่างนั้นอีกนั่นแหละ
ในข้อนั้นประสาททั้ง ๕ พึงทราบว่า เหมือนใยแมลงมุมที่ขึงไป ๕ ทิศ. จิตเหมือนแมลงมุม
นอนในท่ามกลาง. เวลาที่อารมณ์มากระทบประสาท เหมือนเวลาที่สัตว์เล็ก ๆ เป็นต้น
มาที่มีสัตว์กระทบใยแมลงมุม.

เวลาที่กิริยามโนธาตุ รับอารมณ์ที่กระทบประสาทแล้ว
ยังภวังค์ให้เปลี่ยนไป เหมือนการไหวของแมลงมุมซึ่งนอนอยู่ในท่ามกลาง
ความเป็นไปของวิถีจิต เหมือนเวลาการไปตามสายใยของแมลงมุม
เวลาที่ชวนจิตเสพอารมณ์ เหมือนการเจาะศีรษะดูดเลือด การที่จิตอาศัยหทัยวัตถุเป็นไป
เหมือนแมลงมุมกลับมานอนในท่ามกลางใยอีก.

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2015, 06:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แสดงว่า..จิตเป็นแขกจร....ไม่ได้อยู่ประจำ



จิตมิใช่แขกจร แต่เป็นเพราะจิตทำหน้าที่รับรู้ทางทวารต่างๆ
แต่ขณะเดียวกับจิตจะทำหน้าที่รู้ได้ทีละทวารเท่านั้น จะรู้มากกว่านั้นไม่ได้
เช่นว่า จิตไปรู้ทางตา ก็ไม่สามารถไปรู้ทางหูได้ แต่หากจิตไปรับรู้ทางหู จิตที่รู้ทางตาก็ต้องดับ
จิตนั้นมีประจำอยู่แล้ว เพียงแต่สถานที่เกิดของจิตไม่เกิดเป็นประจำอยู่ที่เดียว

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2015, 06:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ตรงนี้...หมายถึง..จิตเกิดได้ที่เดียวเท่านั้น....ซึ่งหมายถึงจิตรู้...แต่ไม่มีวิญญาณ..ณ...จุดที่ธูปสัมผัสผิวหนัง

ตรงนี้...ยังมีข้อให้..ตรึกตรอง...



อย่าสับสน จิต กับ วิญญาณ คือเป็นอันเดียวกัน
เมื่อจิตมั่นคงกับสมาธิจิตก็จะไม่สนใจในทวารอื่นตรงที่ธูปมาจี้ที่กาย
เหมือนแมลงมุมกินแมลงที่อิ่มแล้ว แม้แมลงอื่นจะมากระทบทางสายไหน
แมลงมุมก็จะไม่สนใจอีก ก็จะเป็นเช่นนั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2015, 06:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ตรงนี้...หมายถึง..จิตเกิดได้ที่เดียวเท่านั้น....ซึ่งหมายถึงจิตรู้...แต่ไม่มีวิญญาณ..ณ...จุดที่ธูปสัมผัสผิวหนัง

ตรงนี้...ยังมีข้อให้..ตรึกตรอง...



อย่าสับสน จิต กับ วิญญาณ คือเป็นอันเดียวกัน
เมื่อจิตมั่นคงกับสมาธิจิตก็จะไม่สนใจในทวารอื่นตรงที่ธูปมาจี้ที่กาย
เหมือนแมลงมุมกินแมลงที่อิ่มแล้ว แม้แมลงอื่นจะมากระทบทางสายไหน
แมลงมุมก็จะไม่สนใจอีก ก็จะเป็นเช่นนั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร