วันเวลาปัจจุบัน 08 ต.ค. 2025, 21:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 04 ธ.ค. 2014, 22:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงที่สมาธิตั้งมั่นจะไม่มีนิมิตเข้าแทรกจริงหรือเปล่าครับ
ถ้ามีนิมิตแทรกเกิดจากความเค้นของตัวเราเอง
สอบถามความคิดเห็นของทุกท่านด้วยครับ


โพสต์ เมื่อ: 06 ธ.ค. 2014, 09:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2014, 11:55
โพสต์: 123

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิสูตร
[๑๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเจริญสมาธิเถิด ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุผู้มีจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อมรู้ตามความเป็นจริง รู้อะไรตามความเป็นจริง
รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า รูปทั้งหลายไม่เที่ยง
รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุวิญญาณไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุสัมผัสไม่
เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่
เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ไม่เที่ยง ฯลฯ รู้ตามความเป็นจริงว่า ใจไม่
เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า ธรรมารมณ์ทั้งหลายไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า
มโนวิญญาณไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า มโนสัมผัสไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า
สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย
ไม่เที่ยง ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงเจริญสมาธิเถิด ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้มีจิตตั้งมั่นแล้วย่อมรู้ตามความเป็นจริง ฯ

ขอนำสมาธิสูตรมาให้พิจารณาในเรื่องของสมาธิ เพื่อพิจารณาในการปฏิบัติให้เข้าถึงสมาธิ หากจิตตั้งมั่นแล้วยอมรู้ความเป็นจริง

จิตกับอารมณ์กับกรรม
หากขณะปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิได้จริงๆ ก็ไม่มีอะไรเข้ามารบกวนจิต เหมือนจิตเป็นอิสระ นิ่งอยู่เฉยๆ แต่เป็นเพราะเรายังเป็นผู้มีกรรมอยู่ ยังมีกรรมอยู่มากเหมือนเราเคยเกิดมานับชาตไม่ถ้วน สะสมกรรมมากมาย เช่น เคยสร้างกรรมด้วยอารมณ์แค้นเป็นต้นเหตุ อารมณ์แค้นเนื่องด้วนกรรมเหล่านั้น(ลึกลงไปเหมือนเจ้ากรรมนายเวร)ก็เข้ามา ปรากฏหรือสำแดง เป็นเหมือนมารรบกวนจิต เป็นกระแส เป็นน้ำหนัก ขัดขวางกดทับจิต ก่อกวนเบียดเบียนจิตเราไม่ให้ถึงสมาธิ ทำให้เจ็บให้ปวดเป็นทุกข์ ต้องอาสัยความขันติอดทนในเวทนาเหมือนเป็นการชดใช้กรรม แม้จะเจ็บปวดก็ให้มีสติปล่อยวางเวทนา ปล่อยวางเวทนาก็เหมือนปล่อยวางกรรม ปล่อยวางกรรมขณะที่เข้ามาทวงก็เหมือนอโหสิกรรมเพราะเราเป็นผู้เข้าหาธรรม เรียบเรียงเหตุผลเพื่อจิตเป็นผู้มีธรรม มีสติสัมปชัญญะ รักษาจิต ไม่หลงไปยึดเวทนาเนื่องด้วยกายเนื่องด้วยอารมณ์กรรม หากระลึกขึ้นมาได้ถีงกรรมที่เคยจองเวรกันมาด้วยทำร้ายเบียดเบียนกันด้วยกายวาจาใจ ก็มิสติขอขมาผู้ที่จองเวรคล้องกรรม ทำบุญอุทิศกุศลให้ อารมณ์กรรมแค้นพยายาทเกิดขึ้นก็มีสติรักษาจิตขออโสิกรรมแผ่เมตตาให้พ้นทุกข์ให้ไปสู่ที่มีความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร