วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 49 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


แสงแห่งพระธรรม เขียน:
เราเข้ามาไม่ได้จะมาศึกษาธรรมะนะถ้าจะศึกษาธรรมะจริงๆเราไม่เข้ามานะแต่ที่เราเข้ามาเพื่อจะดูว่าชาวโลกเขาอยู่กันอย่างไง เขาคุยอะไรกัน ลักษณะนิสัยอย่างไง จะได้รู้ว่าโลกออนไลน์เป็นอย่างไง เรามีเวลาไม่มากที่จะมีโอกาสแบบนี้ ถ้าปล่อยวางแล้วเราไม่มายุ่งอีกแล้วนะเพราะรู้แล้วนี้ ส่วนธรรมะนกแก้ว นกขุนทองที่โพสแข่งกันนั่นเราไม่สนใจหรอก :b8: :b8:


อนุโมทนาครับ แต่ไปแซวเขาว่านกแก้ว ระวังนกแก้วจิกจีวรขาดนะครับ :b9:

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20:


แก้ไขล่าสุดโดย แสงแห่งพระธรรม เมื่อ 01 ส.ค. 2014, 14:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20:


แก้ไขล่าสุดโดย แสงแห่งพระธรรม เมื่อ 01 ส.ค. 2014, 14:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านครับ :b8: จะได้บุญมากเลยนะ หากได้ช่วยทางมหาเถรฯ ตั้งหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ตอนนี้กำลังฮิตเลย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2014, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20:


แก้ไขล่าสุดโดย แสงแห่งพระธรรม เมื่อ 01 ส.ค. 2014, 14:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2014, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20:


แก้ไขล่าสุดโดย แสงแห่งพระธรรม เมื่อ 01 ส.ค. 2014, 14:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2014, 18:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องเปลี่ยนสีนี่เป็นสีนั่น มีข่าวอยู่ระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้ซาไปแล้ว

เห็นข่าวว่า ครูบาศรีฯ เชิงดอยสุเทพ ก็ถุูกเปลี่ยนสีจีวรไปแล้ว เท็จจริงประการใดไม่แจ้ง :b1:

แต่รวมๆแล้ว ไม่ว่าวงการไหน ทั้งของบรรพชิตและคฤหัสถ์ อะไรๆ (สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ศาสนา) จะเปลี่ยนไปตามนโยบายของผู้นำสูงสุดในแต่ละยุคสมัยนั่น บ้านเมืองเราถึงได้สร้างแล้วรื้อ รื้อแล้วสร้างวนอยู่นั่นไม่ไปไหน สังเกตดูเถอะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2014, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:



ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้นะ เป็นพระต้องภาวนา ถ้าไม่ภาวนาก็เป็นพระหมู พระหมา พระวัว พระควาย กินแล้วนอนแบบนี้ใช้ไม่ได้ เสียเวลาที่บวชเข้ามา พระในเมืองทุกวันนี้เป็นอย่างไง หลงไปกับโลกหลงไปกับค่านิยม แข่งกันอวดกิเลสว่าใครมีมากกว่ากัน จะใช้โทรศัพท์ต้องเป็นไอโพนไอแพดเครื่องราคาแพงๆซื้อมาแข่งกันอวดกันนี้ก็เป็นเงินของญาติโยมที่มาถวายทั้งนั้น อย่าทำตัวโฮโซให้นักเลย สำนึกรู้ตัวเสียบ้างเราเป็นพระ พระพุทธเจ้าสอนให้พิจารณาปัจจเวกขณะ 4 เสนาสนะที่อยู่อาศัย เครื่องใช้สร้อย ยากรักษาโรค ต้องรู้จักพอดี พอเพียงให้เหมาะสมกับสมณะสารูป ไม่ใช่เฟื้อจนเกินตัวโทรศัพย์ต้องเป็นเครื่องแพงๆที่อยู่อาศัยหลังใหญ่โตจะสร้างทั้งทีต้องไปไถ่เงินชาวบ้าน ชาวบ้านลำบากพระอยุ่สุขสบาย พอลำบากหน่อยก็ทนไม่ได้พระในเมืองทุกวันนี้เข้าป่าเข้าดงภาวนาไม่เป็น ติดสุขติดสบาย จะฉันข้าวในบาตรทั้งทีบอกฉันไม่เป็นไม่เคยฉันให้ฉันข้าวในบาตรไม่เอา :b8: :b8:



พระพุทธศาสนายืนยาวมาถึงสองพันกว่าปีแล้วได้ เพราะพระศาสดาผู้เป็นเจ้าของศาสนา ได้พัฒนาตนเองจบแล้ว คือท่านเสร็จกิจของตนเองแล้ว จึงทำงานเผยแผ่ศาสนา (รวมทั้งอัครสาวกด้วย) อย่างไม่หวังลาภ ยศ สรรเสริญ ใดๆ รวมทั้งพระองค์ได้วางรากฐาน (วินัย) ไว้อย่างรัดกุม

ตัวอย่างการพัฒนาตน


“กถํ ภควา ภาวิตตฺโต ฯ ภควา ภาวิตกาโย ภาวิตสีโล ภาวิตจิตฺโต ภาวิตปญฺโญ

(ภาวิตสติปฏฺฐาโน ภาวิตสมฺมปฺปธาโน ภาวิตอิทฺธิปาโท ภาวิตินฺทฺริโย ภาวิตพโล ภาวิตโพชฺฌงฺโค ภาวิตมคฺโค ปหีนกิเลโส ปฏิวิทฺธากุปฺโป สจฺฉิกตนิโรโธฯ)

คำแปลที่รักษาศัพท์ ดังนี้

“พระผู้มีพระภาค ทรงเป็น "ภาวิตัตต์" (พัฒนาพระองค์แล้ว) อย่างไร ? คือพระผู้มีพระภาคทรงเป็น "ภาวิตกาย" (ทรงเจริญกายแล้ว/มีกายที่ได้พัฒนาแล้ว) "ภาวิตศีล" (ทรงเจริญศีลแล้ว/มีศีลที่ได้พัฒนาแล้ว) "ภาวิตจิตต์" (ทรงเจริญจิตแล้ว/มีจิตที่ได้พัฒนาแล้ว) "ภาวิตปัญญา" (ทรงเจริญปัญญาแล้ว/มีปัญญาที่ได้พัฒนาแล้ว)

(มีสติปัฏฐาน มีสัมมัปปธาน มีอิทธิบาท มีอินทรีย์ มีพละ มีโพชฌงค์ มีมรรค ที่ได้เจริญ/พัฒนาแล้ว ทรงละกิเลสแล้ว ทรงแทงตลอดอกุปปธรรมแล้ว มีนิโรธ อันทรงทำให้แจ้งแล้ว”)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2014, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:

พระในเมืองทุกวันนี้เป็นอย่างไง หลงไปกับโลกหลงไปกับค่านิยม แข่งกันอวดกิเลสว่าใครมีมากกว่ากัน จะใช้โทรศัพท์ต้องเป็นไอโพนไอแพดเครื่องราคาแพงๆซื้อมาแข่งกันอวดกันนี้ก็เป็นเงินของญาติโยมที่มาถวายทั้งนั้น อย่าทำตัวโฮโซให้นักเลย สำนึกรู้ตัวเสียบ้างเราเป็นพระ พระพุทธเจ้าสอนให้พิจารณาปัจจเวกขณะ4 เสนาสนะที่อยู่อาศัย เครื่องใช้สร้อย ยากรักษาโรค ต้องรู้จักพอดี พอเพียงให้เหมาะสมกับสมณะสารูป ไม่ใช่เฟื้อจนเกินตัวโทรศัพย์ต้องเป็นเครื่องแพงๆที่อยู่อาศัยหลังใหญ่โตจะสร้างทั้งทีต้องไปไถ่เงินชาวบ้าน ชาวบ้านลำบากพระอยุ่สุขสบาย พอลำบากหน่อยก็ทนไม่ได้พระในเมืองทุกวันนี้เข้าป่าเข้าดงภาวนาไม่เป็น ติดสุขติดสบาย จะฉันข้าวในบาตรทั้งทีบอกฉันไม่เป็นไม่เคยฉันให้ฉันข้าวในบาตรไม่เอา :b8: :b8:


ผู้ที่เข้ามาบวช ก็คือกุลบุตรในสังคมแต่ละยุคสมัย ใครไม่สึกหาลาเพศอยู่ต่อ ก็มีตำแหนงเป็นผู้ปกครอง เป็นเจ้าอาวาส เป็นอุปัชฌาย์ เป็นต้น ผู้ที่เป็นอุปัชฌาย เป็นคู่สวดกุลบุตร ซึ่งมิได้อบรมกาย ศีล สมาธิ ปัญญา ฯลฯ นี่ก็ปลายๆพุทธกาลแล้ว

สังเกตพุทธพจน์นั่นแล้ว จะเห็นภาพดังว่านั่นในปัจจุบันนี้ชัด แล้วปัจจุบันเป็นฉะนี้ อนาคตจะเป็นอย่างไร
(พระพุทธก็สอนให้วางแผนปัจจุบันเพื่อวันหน้า "อนาคต" นะ)


พุทธพจน์ ที่ตรัสถึง ภาวิต ๔ ที่ถือว่าขยายกระจายออกไปจาก ภาวิตัตต์ นั้น ยกมาพอเป็นตัวอย่าง

"ภิกษุทั้งหลาย อนาคตภัย (ภัยในอนาคต) ๕ ประการนี้ ยังมิได้เกิดขึ้น ในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยเหล่านั้น เธอทั้งหลายพึงตระหนักทันการไว้ ครั้นตระหนักทันการแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยเหล่านั้น อนาคตภัย ๕ ประการเป็นไฉน ?


“กล่าวคือ ในกาลอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย ผู้มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย) มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล) มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต) มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา) ภิกษุเหล่านั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญา ก็จักเป็น (อุปัชฌาย์) ให้อุปสมบทคนอื่นๆ แลจักไม่สามารถแนะนำผู้ที่ได้รับอุปสมบทเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา) แม้เหล่าผู้ได้รับอุปสมบทนั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย) มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล) มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต) มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา)


“เหล่าผู้ได้รับอุปสมบทนั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญา ก็จักเป็น (อุปัชฌาย์) ให้อุปสมบทคนอื่นๆ แลจักไม่สามารถแนะนำ ผู้ที่ได้รับอุปสมบทเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา) แม้เหล่าคนที่ได้รับอุปสมบทนั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา


“ภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้แล เพราะธรรมเลอะเลือน วินัยก็เลอะเลือน เพราะวินัยเลอะเลือน ธรรมก็เลอะเลือน

“ภิกษุ ทั้งหลาย อนาคตภัย ข้อที่ ๑ นี้ ยังมิได้เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนั้น อันเธอทั้งหลาย พึงตระหนักรู้ไว้ ครั้นรู้ตระหนักแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยนั้นเสีย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2014, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“อีกประการหนึ่ง ในกาลอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย ผู้มิใช่ภาวิตกาย (มิได้พัฒนากาย) มิใช่ภาวิตศีล (มิได้พัฒนาศีล) มิใช่ภาวิตจิต (มิได้พัฒนาจิต) มิใช่ภาวิตปัญญา (มิได้พัฒนาปัญญา) ภิกษุเหล่านั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญา ก็จักให้นิสสัย (รับเป็นอาจารย์) แก่เหล่าภิกษุอื่น แลจักไม่สามารถแนะนำเหล่าภิกษุ ที่ถือนิสสัย (เป็นศิษย์) นั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา) แม้เหล่าภิกษุที่ถือนิสสัย (เป็นศิษย์) นั้น ก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา


“เหล่าภิกษุ ที่ได้ถือนิสสัยนั้น ทั้งที่ตนมิได้พัฒนากาย มิได้พัฒนาศีล มิได้พัฒนาจิต มิได้พัฒนาปัญญา ก็จักให้นิสสัย (รับเป็นอาจารย์) แก่ภิกษุเหล่านั้น แลจักไม่สามารถแนะนำภิกษุเหล่านั้น ในอธิศีล (ศีล) ในอธิจิต (สมาธิ) ในอธิปัญญา (ปัญญา) แม้เหล่าคนที่ได้นิสสัยนั้นก็จักเป็นผู้มิใช่ภาวิตกาย มิใช่ภาวิตศีล มิใช่ภาวิตจิต มิใช่ภาวิตปัญญา


“ภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้แล เพราะธรรมเลอะเลือน วินัยก็เลอะเลือน เพราะวินัยเลอะเลือน ธรรมก็เลอะเลือน


“ภิกษุทั้งหลาย อนาคตภัย ข้อที่ ๒ นี้ ยังมิได้เกิดขึ้นในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนั้น อันเธอทั้งหลายพึงตระหนักรู้ไว้ ครั้นรู้ตระหนักแล้ว พึงพยายามเพื่อป้องกันภัยนั้นเสีย"

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2014, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20:


แก้ไขล่าสุดโดย แสงแห่งพระธรรม เมื่อ 01 ส.ค. 2014, 14:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2014, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในพุทธพจน์ที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ โยงไปสู่ความรู้เข้าใจหลักธรรมใหญ่ที่สำคัญมาก เช่น

ก. คุณบท คือคำแสดงคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายว่า เป็นภาวิตัตต์ คือ ผู้ได้พัฒนาตนแล้ว จบการฝึกอบรมตนแล้ว เมื่อกระจายความหมายออกไปเป็น ภาวิตกาย (มีกายที่พัฒนาแล้ว) ภาวิตศีล (มีศีลที่พัฒนาแล้ว) ภาวิตจิตต์ (มีจิตที่พัฒนาแล้ว) และ ภาวิตปัญญา (มีปัญญาที่พัฒนาแล้ว) ก็โยงหรือบ่งถึงหลักธรรมชุด ภาวนา ๔ อัน ได้แก่ กายภาวนา (การพัฒนากาย) ศีลภาวนา (การพัฒนาศีล) จิตตภาวนา (การพัฒนาจิต) และปัญญาภาวนา (การพัฒนาปัญญา)

ที่พูดนี้เป็นเรื่องของหลักภาษาบาลี คือ ภาวิต เป็นคุณศัพท์ แสดงคุณสมบัติของบุคคล ส่วนภาวนา เป็นคำนาม บอกถึงการกระทำ หลัก หรือข้อปฏิบัติ จึงได้ความสอดคล้องกันว่า ภาวิต - ก็คือผู้ที่ได้ทำภาวนาแล้ว และดังนั้น ภาวิตกาย ก็คือผู้ที่ได้ทำกายภาวนาแล้ว ภาวิตศีล คือผู้ที่ได้ทำศีลภาวนาแล้ว ภาวิตจิต ก็คือ ผู้ที่ได้ทำจิตตภาวนาแล้ว และ ภาวิตปัญญา คือผู้ที่ได้ทำปัญญาภาวนาแล้ว

นี่เท่ากับบอกว่า พระอรหันต์ คือท่านผู้ที่ได้ทำภาวนา ๔ เสร็จแล้ว คือ จบทั้งกายภาวนา ศีลภาวนา จิตตภาวนา และปัญญาภาวนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2014, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:


ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้นะ เป็นพระต้องภาวนา ฯลฯ

พระในเมืองทุกวันนี้เป็นอย่างไง หลงไปกับโลกหลงไปกับค่านิยม แข่งกันอวดกิเลสว่าใครมีมากกว่ากัน จะใช้โทรศัพท์ต้องเป็นไอโพน ไอแพด เครื่องราคาแพงๆซื้อมาแข่งกันอวดกัน



ถึงตอนนี้จึงต้องรู้ว่าภาวนา 4 นั้น คืออะไร ขอแสดงความหมายสั้นๆ ดังนี้


1. กายภาวนา การเจริญกาย หรือพัฒนากาย คือ พัฒนาความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ หรือ ทางกายภาพ (รวมทั้งเทคโนโลยี) โดยเฉพาะรับรู้สิ่งทั้งหลาย ทางอินทรีย์ 5 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย) ด้วยดี โดยปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นในทางที่เป็นคุณ มิให้มีโทษ ให้กุศลธรรมงอกงาม ให้อกุศลธรรมเสื่อมสูญ


2. ศีลภาวนา การเจริญศีล หรือพัฒนาศีล คือ พัฒนาความประพฤติ พัฒนาความสัมพันธ์ทางสังคม โดยตั้งอยู่ในระเบียบวินัย ไม่เบียดเบียนหรือก่อความเดือดร้อนเสียหาย อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยดี เกื้อกูลกัน


3. จิตตภาวนา การเจริญจิต หรือพัฒนาจิต คือ ฝึกอบรมพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็งมั่นคง เจริญงอกงามด้วยคุณธรรม เช่น มีเมตตา กรุณา ขยันหมั่นเพียร อดทน มีสมาธิ และสดชื่น เป็นสุข ผ่องใส เป็นต้น


4. ปัญญาภาวนา การเจริญปัญญา หรือพัฒนาปัญญา คือ ฝึกอบรมพัฒนาปัญญา ให้เจริญงอกงาม จนเกิดความรู้แจ้งชัดตามเป็นจริง โดยรู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น รู้เท่าทัน เห็นแจ้งโลกและชีวิตตามสภาวะ สามารถทำจิตใจให้เป็นอิสระ ทำตนให้บริสุทธิ์ จากกิเลสและปลอดพ้นจากความทุกข์ มีชีวิตเป็นอยู่ แก้ไขปัญหาและทำการทั้งหลายด้วยปัญญาที่รู้ถึงเหตุปัจจัย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2014, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อรู้ความหมายของหลักธรรมคือภาวนา ที่เป็นเนื้อตัวของการปฏิบัติทั้ง 4 แล้ว ก็เข้าใจภาวิตที่เป็นคุณสมบัติของท่านผู้จบการปฏิบัติ ผู้มีธรรมทั้ง 4 ข้อนั้นแล้ว ดังนี้



1.ภาวิตกาย ผู้ได้เจริญกาย หรือมีกายที่พัฒนาแล้ว คือได้ฝึกอบรมพัฒนาความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ หรือ ทางกายภาพ โดยรู้จักอยู่ดีมีสุขอย่างเกื้อกูลกันกับสิ่งสรรค์และธรรมชาติโดย เฉพาะให้การรับรู้ทางอินทรีย์ 5 เช่น ดู ฟัง เป็นไปด้วยสติและเพื่อปัญญา และให้การใช้สอยเสพบริโภคต่างๆ เป็นไปอย่างพอดี ที่จะได้คุณค่าแท้ที่เป็นประโยชน์จริง ไม่หลงใหลเตลิดเพริดไปตามอิทธิพลของความชอบใจ หรือไม่ชอบใจ ไม่ลุ่มหลงมัวเมา มิให้เกิดโทษ แต่ให้เป็นคุณ มิให้ถูกบาปอกุศลครอบงำ แต่หนุนให้กุศลธรรมงอกงาม



2.ภาวิตศีล ผู้ได้เจริญศีล หรือมีศีลที่พัฒนาแล้ว คือได้พัฒนาความประพฤติมีพฤติกรรมดีงามในความสัมพันธ์ทางสังคม โดยตั้งอยู่ในระเบียบวินัยอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยดี ไม่ใช้กายวาจา และอาชีพในทางที่เบียดเบียน หรือก่อความเดือดร้อนเสียหายแก่ใครๆ แต่ใช้เป็นเครื่องพัฒนาชีวิตของตน และช่วยเหลือเกื้อกูลกันสร้างสรรค์สังคม



3. ภาวิตจิต ผู้ได้เจริญจิต หรือมีจิตใจพัฒนาแล้ว คือได้ฝึกฝนอบรมพัฒนาจิตใจให้สดใส เบิกบานร่าเริง ผ่องใสโปร่งโล่งเป็นสุขเจริญงอกงามด้วยคุณธรรมทั้งหลาย เช่น มีน้ำใจเมตตา กรุณา ศรัทธากตัญญูกตเวทิตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ขยันหมั่นเพียร เข้มแข็งอดทน สงบมั่นคง มีสติ มีสมาธิ เป็นต้น



4. ภาวิตปัญญา ผู้ได้เจริญปัญญา หรือมีปัญญาที่พัฒนาแล้ว คือได้ฝึกฝนอบรมพัฒนาปัญญา ให้รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามเป็นจริง รู้เท่าทันเห็นแจ้งโลกและชีวิตตามสภาวะ ใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาและดับทุกข์ได้ปลดเปลื้องตนให้บริสุทธิ์ปลอดพ้นจากกิเลส มีชีวิตเป็นอยู่ด้วยปัญญาโดยมีจิตใจเป็นอิสระสุขเกษมไร้ทุกข์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2014, 15:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: :b20:


แก้ไขล่าสุดโดย แสงแห่งพระธรรม เมื่อ 01 ส.ค. 2014, 14:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 49 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร