วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 21:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 46 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b16:
กรัชกายยกเรื่องมาอธิบายยาวยืดเพื่อสนับสนุนความเห็นผิดของตนเอง อโศกะถามส่วนนั้นก่อนก็ไม่ตอบ ส่วนที่ถามกลับมาทีหลังกลับมาเร่งให้ตอบ

กลิ้งหลบหรือ แล้วที่ถามมานั้นนะไม่น่าถามเพราะพระบรมศาสดาทรงชี้ชัดอยู่แล้วว่าไม่ควรและไม่พึงแต่ไม่ทรงบังคับว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้
onion onion



นำตรงที่ว่าเห็นผิดมาสิขอรับอโศก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 12:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
บุคคล......ไม่ควรๆๆๆๆๆๆๆ......ตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัยและ.....ไม่พึงๆๆๆๆๆๆๆๆ....พะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง

:b34: :b34:
เก่งเรื่องศัพท์อยูแล้วนี่กรัชกาย เข้าใจความหมายของคำว่า "ไม่ควร กับ ไม่พึง" ไหมกรัชกาย ว่าต่างกับคำว่า "ต้อง" อย่างไร?
]


อโศกะครับ.....ช่วยผมหน่อย

คือ....ผมศึกษาอริยะสัจ4......มี..ทุกข์...ท่านให้กำหนดรู้...
ผมก็รำพึงไปในอดีตว่า....เป็นเด็กก็ทุกข์ที่ต้องรำเรียนเพื่อการมีอาชีพเลี้ยงชีวิต..อยากเป็นผู้ใหญ่จะได้ไม่มีใครว่า...ชีวิตที่ผ่านมาบางอย่างอยากได้..ก็ไม่ได้....ไม่อยากได้กลับได้....เป็นต้น....

หากผมทำอยากนี้..เข้าข่าย...ตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย.เป็นการไปในอดีต..ที่ไม่ควร...น่าที่อโศกะ..ว่ามาหรือไม่?

ในทำนองเดียวกัน.....เห็นคนเจ็บไข้ได้ป่วยในโรงพยาบาล...เห็นคนแก่หงกๆเงิ้นๆ....เห็นแล้วรู้สึกว่าเราก็คงจะประสพกับความทุกข์เช่นนี้...เช่นกัน...เป็นต้น

อย่างนี้...จะเข้าข่ายการคิดพะวงล่วงหน้า....อย่างที่อโศกะว่า....ไม่ควร...หรือไม่?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระเถระทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น จนถึงบรรพบุรุษรุ่นต่อๆมา ถ้าท่านไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีต (นำมาเป็นตัวอย่างในปัจจุบัน)
ไม่คิดคำนึงเตรียมกาลเพื่ออนาคต ไม่คิดถึงอนุชนรุ่นต่อๆมา พระพุทธศาสนาคงไม่ยืนยาวมาจนถึงป่านนี้หรอกคงสูญสลายไปแล้ว

อโศกว่าจริงไม่จริง มีช้อยให้เลือก จริง, ไม่จริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 19:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
onion
บุคคล......ไม่ควรๆๆๆๆๆๆๆ......ตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัยและ.....ไม่พึงๆๆๆๆๆๆๆๆ....พะวงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง

:b34: :b34:
เก่งเรื่องศัพท์อยูแล้วนี่กรัชกาย เข้าใจความหมายของคำว่า "ไม่ควร กับ ไม่พึง" ไหมกรัชกาย ว่าต่างกับคำว่า "ต้อง" อย่างไร?
]


อโศกะครับ.....ช่วยผมหน่อย

คือ....ผมศึกษาอริยะสัจ4......มี..ทุกข์...ท่านให้กำหนดรู้...
ผมก็รำพึงไปในอดีตว่า....เป็นเด็กก็ทุกข์ที่ต้องรำเรียนเพื่อการมีอาชีพเลี้ยงชีวิต..อยากเป็นผู้ใหญ่จะได้ไม่มีใครว่า...ชีวิตที่ผ่านมาบางอย่างอยากได้..ก็ไม่ได้....ไม่อยากได้กลับได้....เป็นต้น....

หากผมทำอยากนี้..เข้าข่าย...ตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย.เป็นการไปในอดีต..ที่ไม่ควร...น่าที่อโศกะ..ว่ามาหรือไม่?

ในทำนองเดียวกัน.....เห็นคนเจ็บไข้ได้ป่วยในโรงพยาบาล...เห็นคนแก่หงกๆเงิ้นๆ....เห็นแล้วรู้สึกว่าเราก็คงจะประสพกับความทุกข์เช่นนี้...เช่นกัน...เป็นต้น

อย่างนี้...จะเข้าข่ายการคิดพะวงล่วงหน้า....อย่างที่อโศกะว่า....ไม่ควร...หรือไม่?

:b8:
ที่ยกมาถามเป็นทุกข์นอก เป็นทุกข์ในอดีตและคาดว่าจะเกิดอนาคต ไม่ควรตามคิด ไม่พึงพะวงเพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่เอื้อต่อการค้นพบสมุทัย ถ้าจะได้ก็แค่ความคิดคำนึงรู้ถึงทุกข์ระดับผิวๆ ระดับคาดเดา

ที่ท่านให้พอกพูนการเห็นธรรมเฉพาะหน้าหรือเห็นทุกข์เฉพาะหน้าเพราะมันเป็นปัจจุบันอารมณ์อันสามารถแก้ไขได้ เพราะถ้าเรามีความสังเกตดีพอเราจะได้เห็นหรือค้นพบตัวสมุทัยเหตุทุกข์ที่กำลังแสดงปฏิกิริยาให้เกิดปัจจุบันทุกข์นั้นอยู่

ที่ท่านสอนว่า "ทุกข์ควรกำหนดรู้นั้นก็เพราะมันเป็นเหตุที่จะได้เห็นสมุทัยเหตุทุกข์

ในสติปัฏฐานสูตรนั้น ท่านย้ำให้ "วิเนยะโลเก อภิชฌา โทมนัสสัง" คือเอาความยินดียินร้ายออกเสียให้ได้
ในภาคปฏิบัติจริงๆทุกผัสสะอารมณ์ ถ้ามีเวทนาทางกายเป็นสุข ทุกข์ เกิดขึ้น จะเกิดเวทนาทางจิตเป็นยินดีหรือยินร้าย ถ้าเวทนาทางกายเป็นไม่สุขไม่ทุกข์ เวทนาทางจิตก็จะเป็นอุเบกขา วางเฉย

เราจะเอายินดียินร้ายออกได้อย่างไรให้ทันในปัจจุบันอารมณ์นั้น

วิธีปฏิบัติก็คือต้องนิ่งรู้นิ่งสังเกตความยินดียินร้ายที่กำลังเกิดขึ้นนั้นให้ดีๆ ที่สุดเราจะได้พบว่า จิตยินดีหรือยินร้ายนั้น มันจะมีผู้ยินดียินร้าย ซ่อนอยู่เบื้องหลังคอยสั่งและบงการ ถ้าสติ ปัญญารู้ไม่ทัน

ยินดี จะส่งให้ไปเกิดเป็นกามตัณหาหรือภวตัณหา

ยินร้ายจะส่งให้ไปเกิดเป็น วิภวตัณหา

เมื่อตัณหาเกิดขึ้นแล้ว อุปาทาน และมโนกรรมก็จะเกิด และปรุงต่อเป็นวจีกรรมและกาายกรรมตามลำดับ

แต่ถ้าสติปัญญารู้ทัน ยินดี ยินร้าย ก็ให้รู้อยู่แค่ยินดี ยินร้าย อดทน ฝืนใจ ไม่ปรุงต่อ ตัณหาเกิดไม่ได้ ไม่ช้ายินดี ยินร้ายก็จะดับไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์

ช่วงที่นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันยินดียินร้ายนี่แหละเราจะได้เห็นการต่อสู้ของความเห็นผิด มิจฉาทิฏฐิ คือเห็นเป็นอัตตา ตัวกู ของกู กับ สัมมาทิฏฐิความเห็นถูกต้องว่า เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวกู ของกู ต่อสู้กัน นกว่าจะแพ้ชนะกันไปข้างหนึ่ง

ถ้า อัตตาชนะ วงปฏิจจสมุปบาทก็หมุน

ถ้าอนัตตาชนะ วงปฏิจจสมุปบาทก็หยุดหมุน

ผลที่ต้องการตามหลักสติปัฏฐาน 4 ก็จะเกิดคือ

"วิเนยะโลเก อภิชฌา โทมนัสสัง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ถามไม่ต้อบ เล่นของสูง คือ ปฏิจจสมุปบาทเลยนะ เอาเข้าไป :b32: คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 19:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระเถระทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น จนถึงบรรพบุรุษรุ่นต่อๆมา ถ้าท่านไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีต (นำมาเป็นตัวอย่างในปัจจุบัน)
ไม่คิดคำนึงเตรียมกาลเพื่ออนาคต ไม่คิดถึงอนุชนรุ่นต่อๆมา พระพุทธศาสนาคงไม่ยืนยาวมาจนถึงป่านนี้หรอกคงสูญสลายไปแล้ว

อโศกว่าจริงไม่จริง มีช้อยให้เลือก จริง, ไม่จริง

:b12: :b12:
ยังมีทางเลือกที่ 3 ที่กรัชกายคาดไม่ถึงคือ กรัชกายไปคาดเดาเอาเองว่าพระเถระทั้งหลายคิดกลัวต่ออนาคตคิดรันทดต่ออดีตแล้วจึ่งพากันขวันขวายช่วยจรรโลงสั่งสอนศาสนา อันนี้กรัชกายอาจจะเดาผิด และกรัชกายไปเอาฤทธิ์ที่ไหนมาล่วงรู้จิตใจของพระอริยะเถระเจ้าในอดีตทั้งหลาย
s006 s006
ที่ถูกอาจเป็นเพราะเมตตาและกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่สงสารสัตว์โลกผู้มืดบอดจมในห้วงทุกข์จึงขวันขวายสั่งสอนจรรโลงพระศาสนาอันน่าจะถูกต้องตามคุณลักษณะของพระอริยะเจ้ามากกว่า การทำงานด้วยความกลัวอันเป็นลักษณะของปุถุชนคนธรรมดาผู้หนาด้วยกิเลสอย่างที่กรัชกายกำลังเป็น ทำไมไม่พยายามมองต่างมุม คิดในมุมมองใหม่ๆที่เป็นบวกอีกบ้าง
:b34: :b34:
อนึ่งคำถามที่มัดมือชก บีบให้ตอบตามโผที่ตั้งไว้จงอย่าได้เอามาถามอโศกะหรือใครต่อใครอีก เพราะมันเป็นการถามด้วยอัตตา มานะทิฏฐิชัดๆ
:b34: :b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 19:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ที่ถามไม่ต้อบ เล่นของสูง คือ ปฏิจจสมุปบาทเลยนะ เอาเข้าไป :b32: คิกๆๆ

s004 s004
คำตอบมีอยู่ในเนื้อ มองไม่เห็นก็น่าสงสาร แถมยังมาพาลชักใบให้เรือเสีย ทำธรรมะที่ดีๆให้หมองค่าไป กลับไปอ่านและตรองใหม่ให้ดีๆนะกรัชกาย
:b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ที่ถามไม่ต้อบ เล่นของสูง คือ ปฏิจจสมุปบาทเลยนะ เอาเข้าไป :b32: คิกๆๆ

s004 s004
คำตอบมีอยู่ในเนื้อ มองไม่เห็นก็น่าสงสาร แถมยังมาพาลชักใบให้เรือเสีย ทำธรรมะที่ดีๆให้หมองค่าไป กลับไปอ่านและตรองใหม่ให้ดีๆนะกรัชกาย


แน่ะๆ ก่อนทวงถามไม่ตอบ ครั้นทวงถามซ้ำจึงตอบ


ครั้นตอบแล้ว ก็อ้างอิง ที่ถามซ้ำก่อนหน้าคำตอบนี่ V

อ้างคำพูด:
ที่ถามไม่ต้อบ เล่นของสูง คือ ปฏิจจสมุปบาทเลยนะ เอาเข้าไป


แล้วก็ว่า ทำไมมองไม่เห็นน่าสงสาร

ปาดโท่ กรัชกายจะเห็นได้ยังไงล่ะ ก็อโศกยังไม่ตอบนี่ เรียงลำดับ คห. ดูสิ ปวดตับจริงๆกะอโศกเนี่ย :b32: ระวังจะแบกจักรยานกลับสำนักจริงๆนะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ที่ถามไม่ต้อบ เล่นของสูง คือ ปฏิจจสมุปบาทเลยนะ เอาเข้าไป :b32: คิกๆๆ


แถมยังมาพาลชักใบให้เรือเสีย ทำธรรมะที่ดีๆให้หมองค่าไป


อ้างคำพูด:
ทำธรรมะที่ดีๆให้หมองค่าไป


ดียังไงขอรับ :b10: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




200px-Mahavir.jpg
200px-Mahavir.jpg [ 22.13 KiB | เปิดดู 1743 ครั้ง ]
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระเถระทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น จนถึงบรรพบุรุษรุ่นต่อๆมา ถ้าท่านไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีต (นำมาเป็นตัวอย่างในปัจจุบัน)
ไม่คิดคำนึงเตรียมกาลเพื่ออนาคต ไม่คิดถึงอนุชนรุ่นต่อๆมา พระพุทธศาสนาคงไม่ยืนยาวมาจนถึงป่านนี้หรอกคงสูญสลายไปแล้ว

อโศกว่าจริงไม่จริง มีช้อยให้เลือก จริง, ไม่จริง

:b12: :b12:
ยังมีทางเลือกที่ 3 ที่กรัชกายคาดไม่ถึงคือ กรัชกายไปคาดเดาเอาเองว่าพระเถระทั้งหลายคิดกลัวต่ออนาคตคิดรันทดต่ออดีตแล้วจึ่งพากันขวันขวายช่วยจรรโลงสั่งสอนศาสนา อันนี้กรัชกายอาจจะเดาผิด และกรัชกายไปเอาฤทธิ์ที่ไหนมาล่วงรู้จิตใจของพระอริยะเถระเจ้าในอดีตทั้งหลาย

ที่ถูกอาจเป็นเพราะเมตตาและกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่สงสารสัตว์โลกผู้มืดบอดจมในห้วงทุกข์จึงขวันขวายสั่งสอนจรรโลงพระศาสนาอันน่าจะถูกต้องตามคุณลักษณะของพระอริยะเจ้ามากกว่า การทำงานด้วยความกลัวอันเป็นลักษณะของปุถุชนคนธรรมดาผู้หนาด้วยกิเลสอย่างที่กรัชกายกำลังเป็น ทำไมไม่พยายามมองต่างมุม คิดในมุมมองใหม่ๆที่เป็นบวกอีกบ้าง


อนึ่งคำถามที่มัดมือชก บีบให้ตอบตามโผที่ตั้งไว้จงอย่าได้เอามาถามอโศกะหรือใครต่อใครอีก เพราะมันเป็นการถามด้วยอัตตา มานะทิฏฐิชัดๆ



อ้างคำพูด:
ยังมีทางเลือกที่ 3 ที่กรัชกายคาดไม่ถึงคือ กรัชกายไปคาดเดาเอาเองว่าพระเถระทั้งหลายคิดกลัวต่ออนาคตคิดรันทดต่ออดีตแล้วจึ่งพากันขวันขวายช่วยจรรโลงสั่งสอนศาสนา อันนี้กรัชกายอาจจะเดาผิด และกรัชกายไปเอาฤทธิ์ที่ไหนมาล่วงรู้จิตใจของพระอริยะเถระเจ้าในอดีตทั้งหลาย



อโศก พอๆรู้เรื่องศาสดา (พระมหาวีระหรือนิครนถนาฏบุตร) ของศาสนาเชน ซึ่งเกิดร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้าไหมครับ ดูรูปเปรียบ ^ เคยศึกษาบ้างไหมครับ นิครนถ์นาฎบุตรสิ้นชีวิตก่อนพระพุทธเจ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2014, 22:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระเถระทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น จนถึงบรรพบุรุษรุ่นต่อๆมา ถ้าท่านไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีต (นำมาเป็นตัวอย่างในปัจจุบัน)
ไม่คิดคำนึงเตรียมกาลเพื่ออนาคต ไม่คิดถึงอนุชนรุ่นต่อๆมา พระพุทธศาสนาคงไม่ยืนยาวมาจนถึงป่านนี้หรอกคงสูญสลายไปแล้ว

อโศกว่าจริงไม่จริง มีช้อยให้เลือก จริง, ไม่จริง

:b12: :b12:
ยังมีทางเลือกที่ 3 ที่กรัชกายคาดไม่ถึงคือ กรัชกายไปคาดเดาเอาเองว่าพระเถระทั้งหลายคิดกลัวต่ออนาคตคิดรันทดต่ออดีตแล้วจึ่งพากันขวันขวายช่วยจรรโลงสั่งสอนศาสนา อันนี้กรัชกายอาจจะเดาผิด และกรัชกายไปเอาฤทธิ์ที่ไหนมาล่วงรู้จิตใจของพระอริยะเถระเจ้าในอดีตทั้งหลาย

ที่ถูกอาจเป็นเพราะเมตตาและกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่สงสารสัตว์โลกผู้มืดบอดจมในห้วงทุกข์จึงขวันขวายสั่งสอนจรรโลงพระศาสนาอันน่าจะถูกต้องตามคุณลักษณะของพระอริยะเจ้ามากกว่า การทำงานด้วยความกลัวอันเป็นลักษณะของปุถุชนคนธรรมดาผู้หนาด้วยกิเลสอย่างที่กรัชกายกำลังเป็น ทำไมไม่พยายามมองต่างมุม คิดในมุมมองใหม่ๆที่เป็นบวกอีกบ้าง


อนึ่งคำถามที่มัดมือชก บีบให้ตอบตามโผที่ตั้งไว้จงอย่าได้เอามาถามอโศกะหรือใครต่อใครอีก เพราะมันเป็นการถามด้วยอัตตา มานะทิฏฐิชัดๆ



อ้างคำพูด:
ยังมีทางเลือกที่ 3 ที่กรัชกายคาดไม่ถึงคือ กรัชกายไปคาดเดาเอาเองว่าพระเถระทั้งหลายคิดกลัวต่ออนาคตคิดรันทดต่ออดีตแล้วจึ่งพากันขวันขวายช่วยจรรโลงสั่งสอนศาสนา อันนี้กรัชกายอาจจะเดาผิด และกรัชกายไปเอาฤทธิ์ที่ไหนมาล่วงรู้จิตใจของพระอริยะเถระเจ้าในอดีตทั้งหลาย



อโศก พอๆรู้เรื่องศาสดา (พระมหาวีระหรือนิครนถนาฏบุตร) ของศาสนาเชน ซึ่งเกิดร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้าไหมครับ ดูรูปเปรียบ ^ เคยศึกษาบ้างไหมครับ นิครนถ์นาฎบุตรสิ้นชีวิตก่อนพระพุทธเจ้า

s004
เอาเรื่องของพระมหาวีระหัวหน้านิคฤนมาถามทำไม คำสอนของท่านก็ดีอยู่แต่เกินธรรมดาไปนิดหนึ่งตรงที่เปลือย

กรัชกายจะแตกประเด็นย่อยออกไปตามนิสัยที่เคยชินอีกแล้วหรือ มีเรื่องที่โยงถึงปฏิจจสมุปบาทตามธรรม ธรรมภาคปฏิบัติด้วยทำไม่ไม่สนใจซักไซ้ไล่เรียงตรงนั้น น่าจะมีประโยชน์และตรงประเด็น ใกล้ประเด็นของกระทู้มากกว่า แตกประเด็นไปหาท่านหัวหน้าชีเปลือยอย่างนี้ แสดงว่ากรัชกายมองไม่เห็นจริงๆสิ่งที่ดีๆที่พึงเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติจริง

:b7: :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2014, 09:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระเถระทั้งหลาย มีพระสารีบุตร เป็นต้น จนถึงบรรพบุรุษรุ่นต่อๆมา ถ้าท่านไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีต (นำมาเป็นตัวอย่างในปัจจุบัน)
ไม่คิดคำนึงเตรียมกาลเพื่ออนาคต ไม่คิดถึงอนุชนรุ่นต่อๆมา พระพุทธศาสนาคงไม่ยืนยาวมาจนถึงป่านนี้หรอกคงสูญสลายไปแล้ว

อโศกว่าจริงไม่จริง มีช้อยให้เลือก จริง, ไม่จริง

:b12: :b12:
ยังมีทางเลือกที่ 3 ที่กรัชกายคาดไม่ถึงคือ กรัชกายไปคาดเดาเอาเองว่าพระเถระทั้งหลายคิดกลัวต่ออนาคตคิดรันทดต่ออดีตแล้วจึ่งพากันขวันขวายช่วยจรรโลงสั่งสอนศาสนา อันนี้กรัชกายอาจจะเดาผิด และกรัชกายไปเอาฤทธิ์ที่ไหนมาล่วงรู้จิตใจของพระอริยะเถระเจ้าในอดีตทั้งหลาย

ที่ถูกอาจเป็นเพราะเมตตาและกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่สงสารสัตว์โลกผู้มืดบอดจมในห้วงทุกข์จึงขวันขวายสั่งสอนจรรโลงพระศาสนาอันน่าจะถูกต้องตามคุณลักษณะของพระอริยะเจ้ามากกว่า การทำงานด้วยความกลัวอันเป็นลักษณะของปุถุชนคนธรรมดาผู้หนาด้วยกิเลสอย่างที่กรัชกายกำลังเป็น ทำไมไม่พยายามมองต่างมุม คิดในมุมมองใหม่ๆที่เป็นบวกอีกบ้าง


อนึ่งคำถามที่มัดมือชก บีบให้ตอบตามโผที่ตั้งไว้จงอย่าได้เอามาถามอโศกะหรือใครต่อใครอีก เพราะมันเป็นการถามด้วยอัตตา มานะทิฏฐิชัดๆ



อ้างคำพูด:
ยังมีทางเลือกที่ 3 ที่กรัชกายคาดไม่ถึงคือ กรัชกายไปคาดเดาเอาเองว่าพระเถระทั้งหลายคิดกลัวต่ออนาคตคิดรันทดต่ออดีตแล้วจึ่งพากันขวันขวายช่วยจรรโลงสั่งสอนศาสนา อันนี้กรัชกายอาจจะเดาผิด และกรัชกายไปเอาฤทธิ์ที่ไหนมาล่วงรู้จิตใจของพระอริยะเถระเจ้าในอดีตทั้งหลาย



อโศก พอๆรู้เรื่องศาสดา (พระมหาวีระหรือนิครนถนาฏบุตร) ของศาสนาเชน ซึ่งเกิดร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้าไหมครับ ดูรูปเปรียบ ^ เคยศึกษาบ้างไหมครับ นิครนถ์นาฎบุตรสิ้นชีวิตก่อนพระพุทธเจ้า

s004
เอาเรื่องของพระมหาวีระหัวหน้านิคฤนมาถามทำไม คำสอนของท่านก็ดีอยู่แต่เกินธรรมดาไปนิดหนึ่งตรงที่เปลือย

กรัชกายจะแตกประเด็นย่อยออกไปตามนิสัยที่เคยชินอีกแล้วหรือ มีเรื่องที่โยงถึงปฏิจจสมุปบาทตามธรรม ธรรมภาคปฏิบัติด้วยทำไม่ไม่สนใจซักไซ้ไล่เรียงตรงนั้น น่าจะมีประโยชน์และตรงประเด็น ใกล้ประเด็นของกระทู้มากกว่า แตกประเด็นไปหาท่านหัวหน้าชีเปลือยอย่างนี้ แสดงว่ากรัชกายมองไม่เห็นจริงๆสิ่งที่ดีๆที่พึงเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติจริง

:b7: :b7:



อ้างคำพูด:
มีเรื่องที่โยงถึงปฏิจจสมุปบาทตามธรรม ธรรมภาคปฏิบัติด้วยทำไม่ไม่สนใจซักไซ้ไล่เรียงตรงนั้น น่าจะมีประโยชน์และตรงประเด็น ใกล้ประเด็นของกระทู้มากกว่า



นี่ไง มองไม่เห็นแท้จริง :b32:

เหนือ คห. มหาวีระขึ้นไปนะ มองเห็นคำถามไหมอโศก :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2014, 09:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:


เอาเรื่องของพระมหาวีระหัวหน้านิคฤนมาถามทำไม คำสอนของท่านก็ดีอยู่แต่เกินธรรมดาไปนิดหนึ่งตรงที่เปลือย

กรัชกายจะแตกประเด็นย่อยออกไปตามนิสัยที่เคยชินอีกแล้วหรือ มีเรื่องที่โยงถึงปฏิจจสมุปบาทตามธรรม ธรรมภาคปฏิบัติด้วยทำไม่ไม่สนใจซักไซ้ไล่เรียงตรงนั้น น่าจะมีประโยชน์และตรงประเด็น ใกล้ประเด็นของกระทู้มากกว่า แตกประเด็นไปหาท่านหัวหน้าชีเปลือยอย่างนี้ แสดงว่ากรัชกายมองไม่เห็นจริงๆสิ่งที่ดีๆที่พึงเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติจริง


อ้างคำพูด:
เอาเรื่องของพระมหาวีระหัวหน้านิคฤนมาถามทำไม คำสอนของท่านก็ดีอยู่แต่เกินธรรมดาไปนิดหนึ่งตรงที่เปลือย



ที่นำเรื่องนี้มาเพื่อจะโยงถึงคำสอนเรื่องอดีต อนาคตไง ฟังนะ :b1:

ศาสดาของศาสนาเชน (นิครนถ์นาฎบุตร) เป็นศาสนาร่วมสมัยกับพุทธศาสนา

เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากมหาวีระสิ้นชีพแล้วเนี่ยะ ลูกศิษย์ของท่านมหาวีระเกิดทะเลาะวิวาทกันเกี่ยวกับคำสอน

พระจุนทะไปเห็นมา ท่านคำนึงถึงพระศาสนา จึงมาเฝ้าพระพุทธเจ้าแลว้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟ้ง และพระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า เพราะเหตุดังนี้นั่นแล จุนทะ ในธรรมทั้งหลายที่เราแสดงแล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง เธอทั้งหลายทีเดียวพึงพร้อมเพรียงกันประชุมรวบรวมกล่าวให้ลงกัน (สังคายนา) ทั้งอรรถะกับอรรถะ ทั้งพยัญชนะ กับ พยัญชนะ ไม่พึงวิวาทกัน โดยประการที่พรหมจริยะนี้จะยั่งยืน ดำรงอยู่ตลอดกาลนาน เพื่อเกื้อกูลแก่พหูชน เพื่อความสุขแก่พหูชน เพื่อเกื้อการุณย์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวะและมนุษย์ทั้งหลาย

ในเวลาใกล้กันนั้น เมื่อพระสารีบุตรได้รับพุทธดำรัสมอบหมายให้แสดงธรรมแก่ภิกษุสงฆ์ในที่เฉพาะพระพักตร์ ท่านก็ปรารภเรื่องที่นิครนถนาฎบุตรสิ้นชีพแล้ว ประดานิครนถ์วิวาทกันในเรื่องหลักคำสอน แล้วท่านได้แนะนำให้สังคายนา พร้อมทั้งทำเป็นตัวอย่าง โดยประมวลธรรมมาลำดับแสดงเป็นหมวดหมู่ ตั้งแต่หมวด ๑ ถึง หมวด ๑๐ เทศนาของพระสารีบุตรครั้งนี้ได้ชื่อว่า "สังคีติสูตร" (ที.ปา.11/221/222) เป็นพระสูตรว่าด้วยการสังคายนาที่ทำตั้งแต่พระบรมศาสดายังทรงพระชนม์อยู่, เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปะ ผู้เป็นสังฆเถระ ก็ได้ชักชวนพระอรหันต์ทั้งหลายประชุมกันทำสังคายนาตามหลักการที่กล่าวมานั้น โดยประมวลพระธรรมวินัยทั้งหมดเท่าที่รวบรวมได้วางลงไว้เป็นแบบแผน ตั้งแต่หลังพุทธปรินิพพานได้ ๓ เดือน


คือทั้งพระจุนทะ ทั้งพระพุทธเจ้า ทั้งพระสารีบุตร และพระเถระอื่นๆ นำอดีต (ปรารภเรื่องมหาวีระสิ้นชีพ แล้ววางแผนเพื่ออนาคตนั่นคือสังคายนารวบรวมพระธรรมวินัย) อโศกมองออกไหมขอรับ


(พระจุนทะ พระเถระผู้ใหญ่ชั้นมหาสาวก เป็นน้องชายของพระสารีบุตร เคยเป็นอุปัฏฐากของพระพุทธองค์ และเป็นผู้นำอัฐิธาตุของพระสารีบุตรจากบ้านเกิดที่ท่านปรินิพพานมาถวายแด่พระพุทธองค์ที่พระเชตวัน)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 24 ก.ค. 2014, 15:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2014, 13:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อโศกะครับ.....ช่วยผมหน่อย

คือ....ผมศึกษาอริยะสัจ4......มี..ทุกข์...ท่านให้กำหนดรู้...
ผมก็รำพึงไปในอดีตว่า....เป็นเด็กก็ทุกข์ที่ต้องรำเรียนเพื่อการมีอาชีพเลี้ยงชีวิต..อยากเป็นผู้ใหญ่จะได้ไม่มีใครว่า...ชีวิตที่ผ่านมาบางอย่างอยากได้..ก็ไม่ได้....ไม่อยากได้กลับได้....เป็นต้น....

หากผมทำอยากนี้..เข้าข่าย...ตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย.เป็นการไปในอดีต..ที่ไม่ควร...น่าที่อโศกะ..ว่ามาหรือไม่?

ในทำนองเดียวกัน.....เห็นคนเจ็บไข้ได้ป่วยในโรงพยาบาล...เห็นคนแก่หงกๆเงิ้นๆ....เห็นแล้วรู้สึกว่าเราก็คงจะประสพกับความทุกข์เช่นนี้...เช่นกัน...เป็นต้น

อย่างนี้...จะเข้าข่ายการคิดพะวงล่วงหน้า....อย่างที่อโศกะว่า....ไม่ควร...หรือไม่?

:b8:
[color=#000080][i]ที่ยกมาถามเป็นทุกข์นอก เป็นทุกข์ในอดีตและคาดว่าจะเกิดอนาคต ไม่ควรตามคิด ไม่พึงพะวงเพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่เอื้อต่อการค้นพบสมุทัย ถ้าจะได้ก็แค่ความคิดคำนึงรู้ถึงทุกข์ระดับผิวๆ ระดับคาดเดา

ที่ท่านให้พอกพูนการเห็นธรรมเฉพาะหน้าหรือเห็นทุกข์เฉพาะหน้าเพราะมันเป็นปัจจุบันอารมณ์อันสามารถแก้ไขได้ เพราะถ้าเรามีความสังเกตดีพอเราจะได้เห็นหรือค้นพบตัวสมุทัยเหตุทุกข์ที่กำลังแสดงปฏิกิริยาให้เกิดปัจจุบันทุกข์นั้นอยู่

ที่ท่านสอนว่า "ทุกข์ควรกำหนดรู้นั้นก็เพราะมันเป็นเหตุที่จะได้เห็นสมุทัยเหตุทุกข์



ทุกขืพึงกำหนดรู้....อันนี้อโศกะก็เห็นด้วยใช่มั้ยครับ?

แล้วอโศกะ...กำหนดรู้ทุกข์อย่างไรครับ?
อะไรคือทุกข์ของอโศกะเห็น?....

อโศกะเห็นทุกข์แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2014, 23:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ที่ถามไม่ต้อบ เล่นของสูง คือ ปฏิจจสมุปบาทเลยนะ เอาเข้าไป :b32: คิกๆๆ

s004 s004
คำตอบมีอยู่ในเนื้อ มองไม่เห็นก็น่าสงสาร แถมยังมาพาลชักใบให้เรือเสีย ทำธรรมะที่ดีๆให้หมองค่าไป กลับไปอ่านและตรองใหม่ให้ดีๆนะกรัชกาย


แน่ะๆ ก่อนทวงถามไม่ตอบ ครั้นทวงถามซ้ำจึงตอบ


ครั้นตอบแล้ว ก็อ้างอิง ที่ถามซ้ำก่อนหน้าคำตอบนี่ V

อ้างคำพูด:
ที่ถามไม่ต้อบ เล่นของสูง คือ ปฏิจจสมุปบาทเลยนะ เอาเข้าไป


แล้วก็ว่า ทำไมมองไม่เห็นน่าสงสาร

ปาดโท่ กรัชกายจะเห็นได้ยังไงล่ะ ก็อโศกยังไม่ตอบนี่ เรียงลำดับ คห. ดูสิ ปวดตับจริงๆกะอโศกเนี่ย :b32: ระวังจะแบกจักรยานกลับสำนักจริงๆนะ :b1:

:b7:
โธ่เอ๋ย เล่ามาจนขนาดนี้ยังคิดค้นหาคำตอบเองไม่ได้ ไม่สมกับความเป็นนักวิชาการใหญ่ที่ค้นก้อป ๆ ตำรามาจนปรุ

แล้วที่ไปเข้าใจว่าปฏิจจสมุปบาทเป็นของสูงนั้นก็อุปาทานมากเกินธรรมไปแล้ว

ปฏิจจสมุปบาทเป็นของพื้นฐานอยู่ติดกับผัสสะและปัจจุบันอารมณ์ทุกอารมณ์เลยเชียว ไปยกไว้ทำไมไกลสูงมากจนผู้ใหม่อาจจะเข้าใจผิดตามกรัชกายไปด้วยอีกหลายๆคน

ไปอ่านทบทวน สังเกต พิจารณาให้ดีเรื่องที่เขียนมานั้นค่อนข้างจะสมบูรณ์ตามลำดับแห่งธรรมเลยทีเดียว

ฝึกใช้สติปัญญาคิดค้นหา พิสูจน์ความจริงเอาเองบ้าง อย่าเป็นคนมักง่ายถามเอาคำตอบง่ายๆแบบชุบมือเปิบ เพราะกว่าเขาจะได้คำตอบมาต้องแลกด้วยเวลาและการพิสูจน์ความจริงอย่างเข้มข้นเป็นเวลานาน ฝึกเผชิญหน้ากับความลำบากมั่งนะ กรัชกาย
:b34:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 46 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร